ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 450 เตาหลอมกลั่นระเบิด! (2)
ตอนที่450 เตาหลอมกลั่นระเบิด! (2)
ตอนที่450 เตาหลอมกลั่นระเบิด! (2)
“ท่านอาจารย์ข้าเองก็ไม่อยู่แล้ว จะให้ข้านั้นอยู่แต่ในวังก็น่าเบื่อเสียเหลือเกิน อีกทั้งไม่เคยออกจากซีฉินไปไหนเลยตั้งแต่ยังเด็ก คราวนี้จึงอยากออกไปเสาะหาประสบการณ์ท่องพิภพสักครา”
ชิงเยวี่ยให้เหตุผลกล่าวออกไปสั้นๆง่ายๆ
เซียถงขมวดคิ้วเล็กน้อย เหลียวศีรษะจับจ้องไปที่สองพี่น้องเค่อฮั่วและเค่อมู่ที่อยู่ด้านหลัง ทันทีที่สองคนนั้นเห็นชิงเยวี่ยปรากฏตัวโผล่ออกมา เหมือนว่ายังมีความไว้หน้าเกรงใจอยู่หลายส่วน รัศมีพลังลมปราณสีม่วงประกายเงินที่ฉาบคลุมอยู่บนร่างก็พลันอันตรธานหายไป
เสี่ยวฮั่วที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบกล่าวผ่านห้วงความคิดของเซียถงทันทีว่า
“สองคนนั้นเป็นถึงยอดปรมาจารย์ขอบเขตจักรพรรดิครามฟ้าครึ้มขั้น บางทีมีเจ้าหนุ่มนั่นไปด้วยอาจจะส่งผลดีกว่าในอนาคต!”
ก่อนที่เซียถงจะได้พูดอะไร จู่ๆกระบี่ทัณฑ์ฟ้าเล่มนั้นที่ลอยเคว้งอยู่ข้างดวงตาของเสี่ยวฮั่วในห้วงความคิดก็เคลื่อนกระแทกชนไปทีหนึ่ง และเป็นหลิวซูที่พูดแทรกขึ้นทันทีว่า
“บัดซบ! ขนาดนี้แล้วยังคิดที่จะไปอีกจริงๆงั้นรึ? ถึงบนนั้นไม่มีกิเลนศักดิ์สิทธิ์คอยเฝ้าพิทักษ์อยู่แล้วก็ตามที แต่ก็ยังมีอสูรบรรพกาลตนนั้นอาศัยอยู่แน่นอน! แค่เจ้าสองพี่น้องยอดปรมาจารย์จักรพรรดิครามฟ้าก็น่าปวดหัวพอแล้ว นี่ยังให้ไอ้หนุ่มเมื่อวานซื่อที่ไหนไม่รู้ไปด้วยเป็นภาระอีก? เชื่อเขาเลยจริงๆ!!”
เสี่ยวฮั่วไม่พอใจอย่างยิ่งที่หลิวซูบังคับกระบี่ทัณฑ์ฟ้ามาชน ดวงไฟสีม่วงของมันปะทุลุกโชนเข้าขู่ บังคับให้หลิวซูหุบปาก และกล่าวขึ้นสวนไปว่า
“เจ้านี่มันขี้กลัวโดยแท้! ก็เห็นอยู่มิใช่รึว่านายท่านของเรา นับวันมีแต่จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ! กับเพียงอุปสรรคแค่นี้มีหรือต้องหวั่นเกรง!”
เสี่ยวฮั่วเว้นจังหวะเล็กน้อยและกล่าวต่ออีกว่า
“แต่นายท่าน ทางที่ดีระหว่างทางคืนนี้ ควรจะเสาะหาเวลาว่าง หลอมกลั่นโอสถเตรียมการไว้สักหน่อยเถิด”
เดิมทีเซียถงวางแผนเอาไว้ว่า จะถ่วงเวลารอให้หยุนซีไล่ตามนางให้ทัน และเข้าสมทบก่อนถึงหุบเขาคุนหลุน เพราะต้องการหลอมกลั่นโอสถวัฏจักรคืนชีพระดับเก้าให้เสร็จทีเดียว
พึงทราบ หากปล่อยให้โม่ซวนคอยติดตามอยู่ไม่ห่างเช่นนี้ เกรงว่านางคงไม่มีทางไปถึงหุบเขาคุนหลุนแน่นอน เพราะแบบนี้เอง เซียถงจึงวานให้หยุนซีช่วยจัดการกับโม่ซวนก่อน แล้วค่อยตามเข้ามาสมทบทีหลัง
ในการเดินทางครั้งนี้ เนื่องจากชิงเยวี่ยติดสอยมาด้วย สองพี่น้องตระกูลเค่อจึงต้องคอยดูแลชิงเยวี่ยอยู่ตลอด ส่งผลให้ไม่เพียง ความเร็วในการเดินทางจะถูกชะลอช้าลง แต่ยังจำต้องแวะพักระหว่างทางค่อนข้างถี่ ยามตกค่ำก็รีบเร่งหาเมืองสำหรับเข้าพักแรม
“คืนนี้พักกันที่นี่ก่อน”
เค่อฮั่วเอ่ยขึ้นคำหนึ่ง ทั้งยังเหลือบสายตามองเซียถง
“หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล เชื่อเถอะว่าหลังจากนี้จำเป็นจะต้องใช้โอสถไม่นาน เช่นนั้นไปหาหอแพทย์เพื่อพักผ่อนเถอะ”
เค่อฮั่วพูดจบก็คุมม้าเดินตระเวนหาหอแพทย์ในเมืองนี้ทันที
พักแรมในหอแพทย์? ทันใดนั้นเซียถงก็พึงนึกขึ้นได้ว่า จักรวรรดิซีฉินถือเป็นอาณาจักรที่มีความเจริญรุ่งเรืองที่สุดแล้วในด้านโอสถ ดังนั้นทุกเมืองที่อยู่ภายใต้อาณาเขตชั้นในของจักรวรรดิซีฉินจะมีหอแพทย์ที่ตั้งอยู่ เพื่อให้บริการประชาชนที่เจ็บป่วย และที่สำคัญที่สุดคือ แห่งหนใดมีหอแพทย์ แห่งหนนั้นย่อมมีเตาหลอมกลั่นโอสถอยู่ในห้องปรุงยา และนี่แหละคือ สิ่งที่เซียถงต้องการมากที่สุด
ขอเพียงเงินถึง จะกินจะนอนในหอแพทย์ย่อมไม่ใช่ปัญหา ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนจะออกเดินทางครั้งนี้ หีบสมบัติที่องค์จักรพรรดิซีฉินมอบไว้ให้นาง ภายในนั้นประกอบไปด้วยเหรียญทองจำนวนมากมาย และป้ายตราลายมังกรสำหรับอ้างสิทธิ์แทนพระองค์
ในช่วงกลางดึกคืนนั้น เซียถงได้ยื่นป้ายตราลายมังกรดังกล่าวพร้อมกับเงินจำนวนหนึ่งให้แก่เจ้าของหอแพทย์แห่งนี้ เพื่อขอยืมใช้ห้องปรุงยาของอีกฝ่าย
อย่างไร ก่อนที่เซียถงจะมุ่งหน้าตรงเข้าไปในห้องปรุงยา นางก็สื่อจิตเรียกหลิวซูให้ออกมา
ทันทีที่ออกสู่โลกภายนอก หลิวซูก็บ่นขึ้นทันทีว่า
“เจ้าเรียกข้าออกมาเพื่ออันใดอีก?”
“ไปยืนเฝ้าหน้าประตู ห้ามให้ใครเข้ามาทั้งนั้น”
หลิวซูย่อมทราบอยู่แก่ใจว่า เซียถงกำลังจะหลอมกลั่นโอสถ แต่ก็อดใจบ่นพึมพำไม่ได้ว่า
“ทิ้งงานให้ข้าตลอด!”
ทว่าสิ้นเสียงกล่าวจบ มันก็ยอมยืนเฝ้ายามอยู่หน้าห้องปรุงยาแต่โดยดี
ทันทีที่นางย่างเท้าเข้าห้องปรุงยา จู่ๆเซียถงก็เพิ่งนึกอะไรขึ้นได้ และรีบหันไปกล่าวเตือนหลิวซูทันทีว่า
“หลิวซู! หากเจ้าเห็นหยุนซีเมื่อใด ต้องรีบซ่อนตัวทันที!”
“เพราะอันใด?”
หลิวซูที่ยืนผิวปากเล่นอยู่หน้าประตูพลางชำเลืองศีรษะเหลียวมามอง สีหน้าการแสดงออกฉายแววสงสัยอยู่ไม่น้อย
หากจำไม่ผิด ผู้หญิงที่ชื่อหยุนซีเป็นหญิงสาวรูปงามดั่งเทพธิดานางสวรรค์ แล้วทำไมมันถึงต้องไปซ่อนตัวจากนางด้วย?
เซียถงกล่าวอธิบายไขความกระจ่างให้ทันที โดยกล่าวว่า
“ครั้งล่าสุดที่เจ้าไปแอบดูนางแช่น้ำ อีกฝ่ายรู้ตัวว่าเจ้าถ้ำมอง และดูจะแค้นเคืองอยู่ไม่น้อย หากบังเอิญเจอกันเข้า มีหวังผมยาวสวยบนหัวเจ้าได้ถูกกล้อนไม่เหลือแน่นอน แต่หากเจ้าอยากหัวโล้น ข้าเองก็ไม่ห้ามเช่นกัน”
กล่าวจบนางก็ปิดประตูทันที เบื้องหน้าพลันเห็นเป็นหม้อหลอมโอสถสีทองแดงขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ณ ใจกลาง ฟังว่าเจ้าของหอแพทย์ในเมืองนี้เป็นนักหลอมโอสถเช่นกัน ถึงจะเป็นแค่ราชาโอสถชั้นต้น แต่ตระกูลของเขาเป็นตระกูลนักหลอมโอสถตั้งแต่สมัยโบราณ และมีชื่อเสียงอย่างมากด้านทักษะหลอมกลั่นเฉพาะทาง
เซียถงมุ่งสมาธิไปที่เตาหลอมโอสถทองแดงใบตรงหน้า มือข้างหนึ่งโบกสะบัดขึ้นมาพร้อมกับเปลวเพลิงสีทองอร่ามที่ลุกโชติช่วง นางบรรจงนำสมุนไพรซึ่งเป็นวัตถุดิบแต่ละชนิดใส่ลงไปในนั้นอย่างระมัดระวัง ภายใต้คำแนะนำของเสี่ยวฮั่ว จำเป็นจะต้องเรียงตามลำดับกางจัดวาง ทุกกระบวนการห้ามผิดพลาดเลยแม้แต่นิดเดียว
หลังจากใส่สมุนไพรวัตถุดิบลงไปทั้งหมดแล้ว เซียถงก็เริ่มใช้เพลิงพิภพเก้าดุษณีจุดใต้เตาหลอมกลั่น และเลี้ยงไฟรักษาอุณหภูมิให้เสถียรด้วยความพิถีพิถัน ผ่านไปสักระยะใหญ่ ภายในเตาหลอมใบนั้นก็ทอแสงส่องประกายออกมา เตาหลอมกลั่นทองแดงในเวลานี้ถูกเปลี่ยนกลายเป็นสีแดงจัดในพริบตา
กลิ่นหอมสุนธรจางอ่อนลอยโชยออกมา สักครู่หนึ่ง คล้ายกับได้ยินเสียงบางสิ่งอย่างเคลื่อนไหวเบาๆจากทางด้านหลัง เซียถงเอ่ยปากกล่าวขึ้นทันทีอย่างรู้ทันว่า
“ใส่สมุนไพรที่วานให้ไปซื้อเข้าไปเลย!”
ปรากฏว่าเสียงจากด้านหลังก็คือหยุนซีที่ลอบเร้นเข้ามาจากทางหลังคา พอได้ยินเช่นนั้นนางก็รับนำสมุนไพรที่ไปซื้อมาใส่เพิ่มเติมลงในเตาหลอมตรงหน้าทันที ในขณะเดียวกัน แลเห็นเซียถงเหงื่อแตกพลั่กทั่วหน้าผาก หยุนซีถึงกับลอบกลืนน้ำลายอึกหนึ่งอย่างเงียบๆ กล่าวตามสัตย์จริง การหลอมกลั่นโอสถครั้งนี้จะสำเร็จหรือล้มเหลว กลัวไม่มีเค้าลางให้คาดเดาได้เลยจริงๆ แม้แต่เสียงลมหายใจของนางยังสั่นเทาไม่คงที่ อุณหภูมิภายในห้องเริ่มสูงขึ้นและสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ผ่านไประยะใหญ่ แผ่นหลังของหยุนซีเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อราวกับว่าเพิ่งขึ้นจากสระน้ำ แต่กระนั้น นางก็ยังปฏิเสธที่จะจากไปไหน
ทันใดนั้นเอง จู่ๆก็มีสุ้มเสียงฝีเท้าดังตรงเข้ามาจากด้านนอกห้องปรุงยา ทว่าเซียถงที่กำลังจดจ่ออยู่กับการหลอมกลั่นโอสถครั้งสำคัญตรงนี้กลับหาได้แยแสสนใจใดๆ แต่เป็นหยุนซีที่ดวงตาฉายแววสว่างวาบ นางขมวดคิ้วแน่นและเอ่ยขึ้นว่า
“เจ้าสองคนนั้นนับเป็นตัวปัญหาโดยแท้! คิดจะมาแอบดูศิษย์ข้าหลอมกลั่นโอสถ? คงไม่ง่ายปานนั้น!”
หยุนซีคว้าซองบรรจุผงพิษออกมาจากใต้แขนเสื้อและเหินทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว หากความอยากรู้อยากเห็นของเจ้าสองคนนั้น ทำให้เซียถงเสียสมาธิจนหลอมกลั่นโอสถล้มเหลวขึ้นมา นางขอสาบานจะไม่ปล่อยพวกมันมีชีวิตอยู่ต่อไปแน่!
ถึงระดับพลังลมปราณของหยุนซีจะไม่แกร่งกร้าวเทียบเท่าสองพี่น้องตระกูลเค่อ แต่อย่างไร นางก็เป็นถึงปราชญ์พิษคนหนึ่ง มีหรือจะต้องเกรงกลัวผู้ใด?
เซียถงพึงทราบ หยุนซีกำลังออกโรงจัดการปัญหารอบตัวแทนนางให้อยู่ในขณะนี้ ดังนั้นแล้ว หน้าที่เดียวที่ควรจดจ่ออยู่ ณ เวลานี้ก็คือ การหลอมกลั่นโอสถวัฏจักรคืนชีพระดับเก้าให้สำเร็จลุล่วง!
อาศัยพึ่งพาเพลิงพิภพเก้าดุษณี นางสามารถร่นเวลาในการหลอมละลายสมุนไพรทั้งหมดในเตาหลอมให้กลายเป็นเนื้อเดียวไปได้มากโข ไม่นานนัก เตาหลอมกลั่นใบนี้ก็เริ่มปลดปล่อยคลื่นพลังวิญญาณบริสุทธิ์ออกมา แต่เนื่องด้วยระดับชั้นโอสถที่สูงเกินไป และไม่สอดคล้องกับคุณภาพเตาหลอมกลั่นเท่าไหร่นัก ส่งผลให้เตาหลอมกลั่นสีทองแดงนี้เริ่มส่งเสียงดังปุ้งปั้ง และเกิดรอยปริแตกขึ้นทีละนิดทีละน้อย ซึ่งเสียงเหล่านี้ทำเอาเซียถงใจเสียลงไปมาก!
เสี่ยวฮั่วที่ตระหนักได้ถึงความประหม่าของเซียถงในยามนี้ มันก็รีบเอ่ยขึ้นทันทีว่า
“อย่าได้กังวลไป! ทุกอย่างจะต้องประสบความสำเร็จอย่างสวยงามแน่นอน!”
ในอีกด้านหนึ่ง ทันทีที่หยุนซีกระโดดออกมาด้านนอกห้องปรุงยา หลิวซูที่บังเอิญเงยหน้าไปเห็นก็รีบวิ่งหนีเข้าห้องปรุงยาโดยไว กลัวว่าอีกฝ่ายจะจับตนเองมากล้อนผมจนโล้น
รอยร้าวเริ่มแผดขยายปริแตกกว้างขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับเสียงดังคล้ายมีอะไรบางอย่างระเบิดอยู่ในเตาหลอมกลั่นสีทองแดง ยิ่งทำให้เซียถงรู้สึกใจเสียหนักข้อเข้าไปใหญ่ ถึงจะได้ยินเสี่ยวฮั่วกล่าวรับประกันเช่นนี้ก็ตามทีเถอะ! แต่ไม่ว่าจะดูยังไง สถานการณ์ตรงหน้าก็ดูมีแต่จะเลวร้ายลง! นางขมวดคิ้วแน่นและกล่าวว่า
“แน่ใจรึว่าจะสำเร็จ? เตาหลอมใบนี้แตกร้าวไปโดยทั่วแล้ว โดยเฉพาะกับขาตั้งเตาหลอมบิดเบี้ยวแทบเสียทรงแล้ว!”
“เอ่อ…”
เสี่ยวฮั่วชักสังหรณ์ใจไม่ดีแล้วเช่นกันที่เห็นขาตั้งเตาหลอมเริ่มเสียทรงจะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่ และทันใดนั้นมันก็ตะโกนขึ้นว่า
“ไม่ดีแล้ว! ผลลัพธ์จากเพลิงพิภพเก้าดุษณีที่ผนวกกับโอสถวัฏจักรคืนระดับเก้าภายในนั้น ทำให้เตาหลอมกลั่นใบนี้กำลังจะระเบิด! หลิวซู! นายท่าน! รีบไปหาที่ซ่อนก่อน! เดี๋ยวนี้เลย!”