ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 451 มวลพลังวิญญาณบริสุทธิ์ (1)
ตอนที่451 มวลพลังวิญญาณบริสุทธิ์ (1)
ตอนที่451 มวลพลังวิญญาณบริสุทธิ์ (1)
ถูกเพลิงพิภพเก้าดุษณีแผดเผาหนักหน่วง เตาหลอมสีทองแดงไหม้เกรียมเป็นสีดำตอตะโก ของเหลวสมุนไพรที่กำลังควบรวมอยู่ภายในนั้นส่งกลิ่นสุคนธรสหอมกรุ่น ทว่าพวกมันเหล่านี้ที่ระเหยออกมาจับตัวหนาจนผนึกรวมกลายมาเป็นรูปทรงมังกรดุร้ายชนิดหนึ่ง ทั่วทุกอณูร่างกายของเจ้ามังกรตัวนี้มีมวลมหาพลังวิญญาณบริสุทธิ์ควบแน่นอยู่เปี่ยมล้น กล่าวได้ว่า ขุมพลังความแกร่งกร้าวของโอสถเม็ดนี้ที่ใกล้จะถือกำเนิดขึ้นมาเต็มที มันล้นเหลือจินตนาการไปไกลมาก และด้วยเหตุนี้เอง ลำพังแค่เตาหลอมโอสถทองแดงทั่วไปย่อมไม่สามารถทานทนได้ไหว เสียงปะทุคล้ายระเบิดดังขึ้นจากภายในนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า
แรงกระแทกที่ระเบิดดังจากด้านในกระหึ่มต่อเนื่อง ส่งผลให้เตาหลอมกลั่นสีทองแดงเกิดรอยปริแตกจนเป็นรูในท้ายที่สุด จากที่เป็นทรงครึ่งวงกลมยามนี้เริ่มเสียรูปปูดนูน อีกไม่นานเตาหลอมใบนี้ก็จะระเบิดแล้ว!
เซียถงไม่คิดไม่ฝันเลยว่า สถานการณ์ทุกอย่างจะกลับกลายมาเป็นเช่นนี้
“นายท่าน ข้าลืมคำนวณไปเสียสนิท ไม่คิดว่า พลานุภาพที่เกิดจากเพลิงพิภพเก้าดุษณีที่หลอมผสานกับโอสถวัฏจักรคืนชีพระดับเก้าจะก่อเกิดความรุนแรงปานนี้! เนื่องด้วยระดับชั้นของอุปกรณ์ที่ไม่สอดคล้องกัน ทำให้เตาหลอมกลั่นทองแดงรับไม่ไหว! ท่านต้องรีบหนีเดี๋ยวนี้! มันกำลังจะระเบิดแล้ว! เร็วเข้า!”
“เสี่ยวฮั่ว! หลังจากนี้ข้ายังไว้ใจเจ้าได้ใช่ไหม?!”
หลิวซูจำแลงกายกลับเป็นกระบี่ทัณฑ์ฟ้าและรีบลอยหนีไปทันที เมื่อกระบี่เล่มยาวทะยานมาถึงหน้าประตูเตรียมจะออก แต่กลับเห็นว่าเซียถงยังคงยืนอยู่ต่อหน้าเตาหลอมกลั่นไม่หนีไปไหน มันก็รีบจำแลงกายกลับร่างมนุษย์และรีบหันไปตะโกนลั่นว่า
“รีบหนีไปได้แล้ว!!”
เซียถงมุ่งสายตาจับจ้องไปที่เตาหลอมกลั่นทองแดงไม่คลายอ่อน วัตถุดิบสมุนไพรแต่ละชนิดที่อยู่ภายในนี้ ล้วนแต่เป็นสิ่งอัศจรรย์ฟ้าดินที่สรรหาได้ยากยิ่ง ไม่เพียงแค่นั้น แต่ทั้งหมดนี้ยังเป็นดั่งเครื่องหมายที่แสดงให้เห็นถึงความพยายามตลอดสิบปีที่ผ่านมาของหยุนซี!
ดังนั้นนางจะไม่มีวันถอดใจเด็ดขาด และไม่ยอมให้ความพยายามของหยุนซีต้องสูญเปล่าไปพร้อมกับความผิดพลาดในครั้งนี้!
สัมผัสได้ถึงการตัดสินใจอันแน่วแน่ของเซียถง เสี่ยวฮั่วรีบร้องตะโกนลั่นขึ้นว่า
“รีบหนีกันเถอะนายท่าน! อาศัยขุมพลังขอบเขตราชันย์ม่วงชั้นต้นของท่าน ย่อมไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ในเวลานี้ได้แน่นอน! หากโดนระเบิดครั้งนี้มา ท่านอาจถึงตายได้เลย!”
“ขอบเขตราชันย์ม่วง?”
ได้ยินเสี่ยวฮั่วเอ่ยถึงสองคำนี้ขึ้นมา ชั่วพริบตาขณะ ดวงตาเซียงเป็นประกายสว่างไสวขึ้นทันควันราวกับเพิ่งนึกอะไรขึ้นได้
เซียถงรีบหันไปตะโกนใส่หลิวซูที่อยู่หน้าประตูทันที
“หลิวซู! เปิดประตูให้สองคนนั้นเข้ามา!!”
อาศัยเพียงขุมพลังขอบเขตราชันย์ม่วงของนางย่อมไม่เพียงพอก็จริง แต่อย่าลืมไปเสีย ในเวลานี้ยังมีสองยอดปรมาจารย์ขอบเขตจักรพรรดิครามฟ้าครึ่งขั้นอยู่ด้านนอก ในเมื่อพวกมันอยากรู้อยากเห็นกันดีนักว่า นางกำลังทำอะไรอยู่? เช่นนี้ย่อมสนองให้!
หลิวซูที่สังเกตเห็นแววตาแสนเจ้าเล่ห์เจ้ากลที่เฉิดฉายอยู่ในดวงตาเซียถง มันก็เข้าใจได้ในทันที และรีบเปิดประตูออกสู่โลกภายนอก และสับตีนแตกวิ่งเตลิดพร้อมเสียงตะโกนดังสนั่นว่า
“โอ้มารดา! ห้องปรุงยากำลังจะระเบิดแล้ว!”
แม้นี่จะเป็นเวลาเที่ยงคืนเกือบยามหนึ่ง บรรยากาศเงียบสงัด แต่เรือนอาคารใกล้เคียงภายในเขตหอแพทย์กลับไม่ใคร่ได้ยินเสียงร้องของหลิวซูเลยสักคน นี่หาใช่เพราะตัวมันเสียงเบาหรืออ่อนแอ ในฐานะจิตวิญญาณแห่งยุทธ์ภัณฑ์บรรพกาล หากมันต้องการตะโกนจริงๆ คงได้ยินไปทั่วเมือง แต่เพราะมันจงใจให้ได้ยินเฉพาะสองยอดปรมาจารย์พวกนั้น
ไม่ไกลจากห้องปรุงยา สองพี่น้องตระกูลเค่อที่ได้ยินเสียงร้องตะโกนของหลิวซูก็รีบเร่งฝีเท้ามุ่งหน้าออกไปหา ทว่าทันใดนั้น จู่ๆทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขาก็พลันหยุดชะงักกะทันหัน ดวงตาเบิกกว้างทั่วทั้งร่างกายเกิดอาการคันอย่างรุนแรง แต่พวกเขาเองก็พึงทราบ หากยิ่งเกาก็ยิ่งคัน ดังนั้นจึงทำได้เพียงข่มใจเอาไว้สุดชีวิต
แม้ว่าสองพี่น้องคู่นี้จะเป็นถึงยอดปรมาจารย์ขอบเขตจักรพรรดิครามฟ้าครึ่งขั้น แต่ก็ยังพลาดท่ายามต้องเผชิญกับผงพิษของหยุนซี
หยุนซีตระหนักทราบดีว่า อาศัยขุมพลังความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียว นางหาใช่คู่ต่อสู้ของสองพี่น้องตระกูลเค่อได้เลย ทว่าอย่างไร จุดประสงค์ในครานี้ของนางกลับง่ายกว่านั้นมาก ไม่จำเป็นต้องเปิดศึกสัประยุทธ์ให้ตายกันไปข้าง เพียงแค่ทวงเวลามิให้สองคนนี้เข้าขัดขวางเซียถงได้ก็เป็นพอ
สำหรับผงคันเหล่านี้ สองพี่น้องคงทนทุกข์ทรมานกับมันไปอีกสักพักใหญ่
เหลือบหางตาชำเลืองไปเห็นแววแสงเยียบเย็นคู่หนึ่งท่ามกลางเงามืด เค่อฮั่วคำรามลั่นด้วยความโกรธเกรี้ยวขึ้นว่า
“เจ้าสารเลว! ส่งโอสถแก้พิษมา!”
หยุนซียักไหล่ตอบพร้อมชูมือทั้งสองข้างขึ้นเหนือหัว กล่าวน้ำเสียงปั่นประสาทว่า
“ข้าไม่มีโอสถแก้พิษ ก็ทนคันไปสักเดือนสองเดือนหน่อยจะเป็นอันใด? พวกเจ้าต่างก็มีขอบเขตพลังสูงถึงจักรพรรดิครามฟ้าครึ่งขั้น อย่าใจปลาซิวไปหน่อยเลย”
“อวดดีนัก!”
เค่อฮั่วเดือดดาลสุดขีด ระดมกระแสลมปราณโหมทะลักขึ้นบนฝ่ามือ เตรียมจะเปิดศึกสัประยุทธ์ในทันใด
แต่ในเวลานั้นเอง สุ้มเสียงร้องลั่นแสบแก้วหูของหลิวซูก็ดังขึ้นอีกระลอก ซึ่งเสียงเหล่านี้ดังสะเทือนไปถึงจิตวิญญาณของพวกเขาโดยตรง!
หยุนซีเองก็ได้ยินถนัดชัดแจ้งเช่นกัน นางขมวดคิ้วถักแน่น ทั้งสามหยุดการต่อสู้ลงทันที ต่างหันศีรษะกันขวับจับจ้องไปยังต้นเสียงโดยพร้อมเพรียง
“ห้องปรุงยากำลังจะระเบิดแล้ว!”
ได้ยินเช่นนั้น ร่างของทั้งสามผันเปลี่ยนกลายเป็นสายฟ้าฟาด ไสววูบประดุจคันศรทะยาน มุ่งสู่ห้องปรุงยาที่อยู่เบื้องหน้ากันทันควัน
เป็นเค่อฮั่วที่มาถึงก่อนเป็นคนแรก ทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องปรุงยา ก็แลเห็นหมอกควันชั้นหนาทึบตลบอบอวลนับไม่ถ้วนอยู่ทั่วห้อง เสี้ยวพริบตาแรก เขาพลันเข้าใจไปว่าเป็นหมอกพิษจึงรีบยกแขนขึ้นป้องปิดจมูกทันที แต่ชั่วครู่ถักมาคล้ายว่ามีบางสิ่งอย่างไม่ถูกต้องเท่าที่ควร จึงค่อยๆลองคลายมือไม้ออกด้วยความระมัดระแวงอยู่หลายส่วน
คล้อยหลังจากนั้น สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นความประหลาดใจอย่างยิ่ง ปรากฏว่าหมอกควันชั้นหนาเหล่านี้ล้วนอุดมไปด้วยพลังวิญญาณบริสุทธิ์อยู่อัดแน่น! แววตาเปล่งประกายฉายแววลิงโลดในทันใด เค่อฮั่วรีบกางสองมืออ้างออกทันทีด้วยความตื่นเต้น และสูดดมพลังวิญญาณบริสุทธิ์เข้มข้นเหล่านั้นไปสุดขั้วปอด หากได้รับพลังวิญญาณบริสุทธิ์เหล่านี้ไปจนหมด ระดับชั้นพลังลมปราณของเขาจะต้องเพิ่มทวีขึ้นแน่นอน!
แต่เพิ่งจะคิดได้ดังนั้น จู่ๆเขาก็เห็นเด็กหนุ่มผมยาวสลวยสีเงินพร้อมกับชุดแพรพรรณสีแดงปรากฏกายขึ้นท่ามกลางหมอกควันหนาทึบ และเริ่มสูดดมพลังวิญญาณบริสุทธิ์เหล่านั้นไปอย่างตะกละตะกลาม ขณะเดียวกัน มันก็สื่อจิตส่งหาเซียถงว่า
“บัดซบ! รอยแตกบนเตาหลอมใหญ่ปานนั้นแล้ว! คงใกล้จะระเบิดเต็มทน! แต่เจ้ายังมีหน้าเรียกเข้ามาในนี้อีก! หากมันระเบิดขึ้นมา มีหวังผมของเขาคงโดนเผาไปด้วย!”
สุ้มเสียงของเซียถงดังกังวานตอบกลับไปทันทีผ่านห้วงความคิดว่า
“เลิกพล่าม! เจ้ารีบดูดซับพลังวิญญาณบริสุทธิ์เหล่านี้มาให้มากที่สุดก็เป็นพอ! ที่เหลือปล่อยเป็นหน้าที่ข้าเอง! ส่วนผมของเจ้าไม่ไหม้แน่นอน!”
จากนั้นเซียถงก็รีบเร่งเร้าระดมกระแสลมปราณหอบใหญ่เข้าอุดตามรอยแตกบนเตาหลอมกลั่นสีทองแดงเบื้องหน้า ผลลัพธ์ที่ได้ก็เป็นที่น่าพอใจ มันสามารถชะลอการระเบิดและทำให้ยังสามารถหลอมกลั่นโอสถต่อไปได้ ผ่านไปอีกสักระยะหนึ่ง เนื่องด้วยมวลรัศมีพลังวิญญาณบริสุทธิ์ที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากโอสถภายในนั้น ยิ่งทวีความเข้มข้นและรุนแรงมากขึ้นทุกที เสี่ยวฮั่วที่เห็นดังนั้นจึงรีบส่งเสียงเตือนขึ้นว่า
“คลื่นรัศมีเช่นนี้มัน…เป็นของโอสถวัฏจักรคืนชีพระดับเก้าไม่ผิดแน่! หลิวซู! เจ้ารีบสูดเก็บให้หมดอย่าให้เหลือ! เป็นถึงจิตวิญญาณแห่งยุทธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล ภายในตัวเจ้าย่อมสามารถกักเก็บพลังวิญญาณได้นับไม่ถ้วน! เร็วเข้า! เร่งสูดให้ไวกว่านี้! ของดีทั้งนั้น!!”
หลิวซูที่ได้ยินเช่นนั้นก็เร่งจังหวะสูดหายใจสุดขั้วปอดจนหน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียว ดูดเอาหมอกควันเหล่านี้กักเก็บเข้าร่างกาย แต่ถึงแบบนั้น ยิ่งสูดเข้าไปมากนานเท่าไหร่ คล้ายกับว่าระบบหายใจของมันจะเริ่มติดขัด และชั่วพริบตาต่อมา มันถึงกับสำลักเฮือกใหญ่! ทั้งน้ำหูน้ำตารวมไปถึงน้ำมูกพากันไหลออกมาอย่างพร้อมเพรียง กล่าวได้ว่า สภาพของมันในเวลานี้ไม่ชวนมองอย่างแรง!
ขุมพลังความแข็งแกร่งของเซียถงในที่สุดก็มาถึงขีดจำกัด นางไม่สามารถอุดรอยแตกบนเตาหลอมกลั่นที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องได้มากไปกว่านี้แล้ว! ในขณะเดียวกันฝาเตาหลอมกลั่นก็เริ่มสั่นกระเพื่อม คล้ายว่ากำลังจะโดนดันกระเด็นออกมา เนื่องจากมวลรัศมีพลังวิญญาณที่รุนแรงเกินพิกัด!
เซียถงไม่เหลือมือไว้คอยจับฝาเตาหลอมมิให้กระเด็นหลุดลอยออกไปแล้ว ภายใต้สถานการณ์คับขันปานนี้ นางกัดฟันกรอดแน่น ยื่นศีรษะเข้าใกล้เตาหลอมกลั่นและตัดสินใจใช้คางกดทับอยู่บนฝาเตาหลอมกลั่นโดยตรง
ในขณะเดียวกัน นี่คือสิ่งที่เกิดกับสองพี่น้องตระกูลเค่อเมื่อมาถึง
“นี่มัน…”
เค่อมู่ร้องอุทานคำหนึ่งด้วยความตื่นเต้น
“มวลพลังวิญญาณบริสุทธิ์!”
สิ้นเสียงเพียงเท่านั้น เขาก็เริ่มสูดดมมวลพลังวิญญาณบริสุทธิ์เหล่านั้นสุดขั้วปอดตามพี่ชาย แต่เสี้ยวพริบตาต่อมา เขาพลันต้องรู้สึกเสียใจทันทีที่เผลอสูดดมเข้าไป เนื่องจาก ตัวเขาเพิ่งคิดได้ว่า มวลพลังวิญญาณเหล่านี้มันบริสุทธิ์เกินไป ทั้งยังผนวกเข้ากับฤทธิ์การเผาผลาญของเพลิงพิภพเก้าดุษณีที่ติดมาจากหมอกควันอีก กล่าวคือ หากสูดดมพลังวิญญาณบริสุทธิ์เหล่านี้เข้าไป จะทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน และนี่อาจวิกฤตถึงขั้นเสียชีวิตได้! ยังไม่ทันขาดคำ ทันใดนั้นใบหน้าของเค่อมู่ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับถูกนึ่งร้อนทั้งเป็น!