ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 453 มุ่งหน้าต่อไป (1)
ตอนที่453 มุ่งหน้าต่อไป (1)
ตอนที่453 มุ่งหน้าต่อไป (1)
เนื่องด้วยการหลอมกลั่นโอสถวัฏจักรคืนชีพระดับเก้าในคืนนั้น ส่งผลให้พลังลมปราณของทุกคนเหือดแห้งไม่เหลือ จึงถูกบังคับให้หยุดพักแรมต่อในเมืองนี้ไปอีกหลายวัน เพื่อพักฟื้นและกู้คืนพลังลมปราณให้กลับมา ประมาณสามวันถัดมา พวกเขาก็เริ่มออกเดินทางต่อ
และแน่นอน ห้องปรุงยาที่โดนแรงระเบิดเป่าไม่เหลือซาก พวกเขาย่อมต้องจ่ายค่าชดเชย ถึงเจ้าของหอแพทย์คนนั้นจะมิได้ติดใจเอาความ เพราะหวั่นเกรงในป้ายตราลายมังกรขององค์จักรพรรดิซีฉิน แต่เซียถงก็ยังคัดลอกลายมือ ขอจ่ายเงินเพื่อชดใช้ในส่วนที่ทำลายไปและอื่นๆ
สองพี่น้องตระกูลเค่อฝืนใช้พลังลมปราณมากเกินไปในคืนนั้น ส่งผลให้ร่างกายของพวกเขายังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ แถมยังโดนชิงเยวี่ยบังคับให้คัดลอกลายมือเพื่อลงนามจ่ายค่าชดเชยในแก่หอแพทย์อีก กล่าวได้ว่าเจ็บตัวยังไม่พอ ยังต้องมาเสียทรัพย์อีกมหาศาล! ดังนั้น ภายในใจของพวกเขาเวลานี้จึงมีแต่ความโกรธแค้น!
ชิงเยวี่ยไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นในคืนนั้น แต่สิ่งหนึ่งที่สังเกตเห็นได้ก็คือ สายตาของสองพี่น้องตระกูลเค่อที่จับจ้องมองเซียถงในเวลานี้ดูจะแปลกไป แต่ก็มิได้มีเรื่องอะไรกันหลังจากนั้น เขาส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ และหยิบเงินส่วนหนึ่งช่วยจ่ายค่าชดเชยให้เจ้าของหอแพทย์คนนั้นอีกแรง
ทั้งสามเดินทางสู่หุบเขาคุนหลุนต่อไป
ระหว่างทางที่แสนยาวไกล จู่ๆเซียถงก็เห็นเงาร่างของใครบางคนกำลังวิ่งเข้ามาทางนี้ เมื่ออีกฝ่ายตรงเข้ามาใกล้เรื่อยๆ เซียถงก็ถึงกับเบิกตาโตด้วยความตกใจ โม่ซวนที่กำลังปราดวิ่งมาหา เปล่งเสียงตะโกนลั่นว่า
“นายหญิง! คิดจะไปสถานที่อันตรายอย่างหุบเขาคุนหลุน ท่านไม่คิดจะแจ้งให้นายท่านทราบจริงๆรึ?!”
“เดี๋ยวเจ้าก็คาบข่าวไปบอกเองมิใช่รึ? ไยต้องการให้ข้าซ้ำซ้อน?”
นางเบือนหน้ามองโม่ซวนอยู่ทีหนึ่ง เอ่ยกล่าวตอบกลับไปอย่างใจเย็นอีกว่า
“ท่านพี่ไป๋ของข้าเคยไปหุบเขาคุนหลุนแล้วจริงๆรึ?”
โม่ซวนพยักหน้าตอบทีหนึ่ง และกล่าวขึ้นต่อว่า
“นอกจากบัญชาสี่พิภพ ก็ยังมีสมุนไพรหายากอีกนับไม่ถ้วนอยู่บนนั้น และเหตุที่นายท่านเดินทางมุ่งสู่หุบเขาคุนหลุนในเวลานั้น ก็เป็นเพราะต้องการเสาะหาสมุนไพรที่เหมาะสมไปรักษาจักรพรรดินีเหลิ่ง…”
ตามที่โม่ซวนกล่าวเล่าให้ฟัง เซียถงก็นึกสงสัยอยู่หนึ่งประการ ไฉนช่วงเวลาที่ไป๋หลี่หานเดินทางขึ้นหุบเขาคุนหลุน ถึงไปใกล้เคียงกับช่วงที่นางทะลุมิติมาพอดิบพอดี?
เพราะไม่นานหลังจากที่ดวงวิญญาณของเซียถงทะลุมิติมาที่นี่ นางก็ค้นพบว่า จุดตันเถียนของตนถูกทำลายและไม่สามารถใช้พลังลมปราณได้ เพราะแบบนั้นเอง นางจึงมุ่งหน้าขึ้นไปยังหุบเขาป่าสน เพื่อขุดหาสมุนไพรที่ใช้สำหรับซ่อมแซมจุดตันเถียนให้กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง
เมื่อนึกมาถึงจุดนี้ ทันใดนั้นเองเซียถงก็จำได้ว่า ในวันนั้นถือเป็นครั้งแรกที่นางได้พบเจอกับไป๋หลี่หาน โดยที่อีกฝ่ายไม่ได้ใส่หน้ากาก! และในเวลาเดียวกัน ก็ได้พานพบกับดวงวิญญาณน้อย เสี่ยวฮั่ว
“เดี๋ยวก่อน! หากตอนนั้นพวกเจ้ามุ่งหน้าไปที่หุบเขาคุนหลุน แล้วไฉนถึงมาโผล่ในป่าสนได้? ระหว่างที่นั่นกับเมืองเฟิงหลี่ห่างกันเป็นโขเลย!”
ในเวลานี้ไม่มีอะไรจำเป็นต้องปกปิดกันอีกแล้ว เมื่อเซียถงสงสัยหรือกังขาในสิ่งใด โม่ซวนย่อมรับหน้าที่แถลงไข เพราะยังไงนี่ก็เป็นอีกหนึ่งในเหตุผลที่ไป๋หลี่หานสั่งการให้โม่ซวนมาคอยเฝ้าติดตามนาง
“เพราะแสงสีม่วงในตอนนั้น…”
โม่ซวนยังจำได้ดีถึงตอนที่ไป๋หลี่หานบอกว่า แสงสีม่วงที่พวกเขาเคยเจอ มันเข้าไปรวมอยู่ในร่างของนางแล้ว
“ตอนนั้นที่ขึ้นไปสำรวจบนหุบเขาคุนหลุน ช่วงประมาณตีนเขาเห็นจะได้ ข้ากับนายท่านบังเอิญไปพบเข้ากับม่านพลังแขนงหนึ่ง สิ่งนี้ทำหน้าที่ดั่งประตูที่ป้องกันคนภายในล่วงล้ำเข้าไป”
ในตอนนั้น ไป๋หลี่หานำเหล่าผู้ใต้บัญชาไปสำรวจม่านพลังแห่งนั้น มันเป็นคลื่นพลังไร้สภาพที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ ทำหน้าที่คล้ายกับกำแพงอากาศที่แบ่งแยกอาณาเขตเชื่อมต่อระหว่างหุบเขาคุนหลุนกับโลกภายนอก และทุกอย่างที่อยู่ในเขตหุบเขาคุนหลุน ล้วนแต่อัดแน่นไปด้วยพลังวิญญาณบริสุทธิ์เข้มข้น กล่าวคือ หากนำสิ่งของเหล่านี้ติดออกมาโลกภายนอกด้วย พวกมันจะกลายเป็นของล้ำค่าหาประเมินไม่ทันที
เพราะเช่นนี้เอง จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่เหตุใดทั้งสี่จักรพรรดิถึงต้องทำสงครามกันเพื่อแย่งชิงอภิสิทธิ์การครอบครองหุบเขาคุนหลุนแห่งนี้ในอดีต แต่เพราะพวกเขาต่างล้มเหลวในการส่งคนขึ้นไปทะลวงม่านพลังไร้สภาพนั่น ก็เลยทำสัญญาตกลงกัน ทำให้หุบเขาคุนหลุนกลายเป็นอาณาเขตพิเศษ ห้ามต่างฝ่ายเข้าแทรกแซงโดยเด็ดขาด ทั้งหมดก็เพื่อรักษาสมดุลอันแสนละเอียดอ่อนเหล่านี้
แต่อย่างไร ไป๋หลี่หานมีขอบเขตพลังสูงถึงจักรพรรดิครามฟ้า และถือได้ว่าเป็น หนึ่งในยอดปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในปัจจุบัน อาศัยขุมพลังระดับชั้นนี้ เขาใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อที่จะทำลายม่านพลังไร้สภาพลง
และในเวลาเดียวกันนั้นเอง ก็ยังมีหน่วยเงาซึ่งเป็นห้าองครักษ์คนสนิทของเขาที่คอยสนับสนุน ระดมพลังลมปราณช่วยกันทำลายม่านพลังไร้สภาพดังกล่าว
อย่างไรเสีย ชั่วพริบตาที่ ขุมพลังของทั้งหกคนผสานเป็นหนึ่งและเข้าปะทะชนกับม่านพลังไร้สภาพดังกล่าว จู่ๆก็บังเกิดเป็นแรงระเบิดครั้งระทึก! พวกไป๋หลี่หานถึงกับกระเด็นไปคนละทิศละทาง!
“ช่างเป็นม่านพลังไร้สภาพที่ทรงพลังโดยแท้!”
นี่คือคำพูดของเขาในเวลานั้น แม้กระทั่งไป๋หลี่หานที่เป็นถึงยอดปรมาจารย์คนหนึ่ง ก็ยังอดกล่าวชื่นชมความแข็งแกร่งของม่านพลังมิได้ ถึงแม้ว่าปราการป้องกันดังกล่าวจะเคยถูกตีแตกมาได้ครั้งหนึ่ง โดยกองทหารระดับสูงขององค์จักรพรรดิซีฉินเมื่อหลายสิบปีก่อน แต่ผ่านไปสักพัก ม่านพลังก็ถูกซ่อมแซมขึ้นใหม่จากการดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดิน จนกลับมาแข็งแกร่งดังเดิม!
แม้ว่าพวกไป๋หลี่หานจะถูกแรงระเบิดจากม่านพลังไร้สภาพเข้าซัดใส่ แต่พวกเขาทั้งหมดก็มิได้รับบาดเจ็บสาหัสอะไรมากนัก หลังจากไป๋หลี่หานและเหล่าผู้ใต้บัญชาตั้งหลักกันได้อีกครั้ง พวกเขาก็เริ่มวางแผนเตรียมจะบุกทะลวงเข้าไปอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันจะได้ลงมือ จู่ๆก็มีดวงวิญญาณสีม่วงคล้ายลูกไฟลอยทะลุม่านพลังไร้สภาพออกมาหน้าตาเฉย และมันก็บินผ่านหน้าพวกไป๋หลี่หานไปทั้งแบบนั้น!
“ไล่ตามมันไป!”
ไป๋หลี่หานออกคำสั่งแทบจะในทันทีที่เห็นมัน และทุกคนก็เริ่มการไล่ล่าดวงวิญญาณสีม่วงลูกนั้นโดยไว
“หลังจากนั้นก็…”
เมื่อกล่าวมาถึงจุดนี้ โม่ซวนปิดปากเงียบและไม่พูดอะไรอีก เพียงชำเลืองสายตาปราดมองไปทางเซียถง
เซียถงเข้าใจได้ในทันใด หลังจากนั้นก็เป็นเหตุการณ์ที่นางบังเอิญพบเจอเข้ากับเสี่ยวฮั่วในป่าสน แต่…เกิดอะไรขึ้นกันแน่ในตอนนั้น? ไฉนเสี่ยวฮั่วถึงต้องบินฝ่าม่านพลังไร้สภาพออกมาด้วย? ยิ่งไปกว่านั้นเอง ตัวมันก็ยังความจำเสื่อม หรือในเวลานั้นจะเกิดเหตุบางอย่างขึ้น?
จู่ๆเสี่ยวฮั่วก็เปล่งเสียงส่งผ่านห้วงความคิดของนางขึ้นว่า
“นายท่าน ข้า…”
“ข้าทราบ เจ้าไม่ต้องพูดหรอก หากหุบเขาคุนหลุนคือบ้านของเจ้า ข้านี่แหละจะเป็นคนส่งเจ้ากลับไปที่นั่น แต่ที่สำคัญที่สุด เจ้าจะต้องนึกให้ออกก่อนว่า เหตุใดเจ้าถึงบินหนีที่นั่นออกมา?”
“ขอบพระคุณอย่างยิ่งนายท่าน!”
“ระหว่างข้ากับเจ้าไยต้องสุภาพกันอีก? ไม่จำเป็นต้องขอบคุณเลย!”
โม่ซวนได้พูดทุกอย่างที่สมควรจะบอกไปหมดแล้ว แต่ก็พบว่าสิ่งเหล่านี้ กลับยิ่งความมุ่งมั่นของเซียถงที่ต้องการไปสู่หุบเขาคุนหลุนเข้าไปใหญ่ โอ้…นายท่านที่รักของข้า ทางฝั่งนี้เกรงว่าจะมีปัญหาเล็กน้อย โปรดรีบมาหยุดนางด่วนเลย!
ผ่านเหตุการณ์ห้องปรุงยาระเบิดในตอนนั้น ตอนนี้ร่วมเดินทางสิริรวมกว่าสิบวันเห็นจะได้ สองพี่น้องตระกูลเค่อหาได้ก่อปัญหาใดๆกับเซียถงเลยแม้แต่ครั้งเดียว กล่าวได้ว่า เป็นเที่ยวการเดินทางที่สงบสุขดี
ณ จักรวรรดิตงหลี่ พระราชวังตงหลี่
องค์จักรพรรดิตงหลี่นั่งอ่านจดหมายลับที่วางไว้อยู่บนโต๊ะด้วยสีหน้าเคร่งเครียดสุดขีด เพราะเนื้อความในนั้นได้เขียนไว้ว่า เซียถงทำการหลอมกลั่นโอสถอำไพหยก ซึ่งเป็นโอสถระดับสูงที่มีเฉพาะเซียนโอสถเท่านั้นที่สามารถทำได้สำเร็จอย่างงดงาม และคว้าอันดับหนึ่งร่วมในงานชุมนุมโอสถที่จัดขึ้นในจักรวรรดิซีฉิน ข้อความเพียงไม่กี่ประโยคเหล่านี้ ทำเอาสีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนไปอย่างมาก ทั้งรู้สึกดีใจและเสียใจในเวลาเดียวกัน กล่าวได้ว่าสับสนเกินพรรณนาไปหมดแล้ว
เพราะเหตุใดกัน…เพราะเหตุใดถึงรู้สึกว่าตนเองเสียโง่ได้ปานนี้?! หากเขาหนักแน่นในการตัดสินใจของตัวเองมากกว่านี้ และสั่งให้เซียถงอภิเษกสมรสกับไป๋หลี่เย่ตั้งแต่แรก ปานนี้ จักรพรรดิตงหลี่คงมีเซียนโอสถอยู่ในมือแล้ว! ทว่าตอนนี้ทุกอย่างกลับพังไม่เป็นท่า! เพราะในปัจจุบัน นางอภิเษกสมรสกับไป๋หลี่หานและย้ายไปอยู่ดินแดนอี้เฉิง สิ่งเหล่านี้ทำให้องค์จักรพรรรดิตงหลี่รู้สึกไม่พอพระทัยอย่างยิ่งยวด!
องค์จักรพรรดิตงหลี่ถอนสายตาออกจากจดหมายฉบับนั้น ชำเลืองมองเย่หลีเทียนที่กำลังคุกเข่าก้มศีรษะอยู่ตรงหน้า
“เซียถงบรรลุกลายเป็นเซียนโอสถแล้ว!! ในเวลานี้ นางมีความแข็งแกร่งสูงถึงขอบเขตราชันย์ม่วง ทั้งยังเป็นถึงเซียนโอสถในตำนาน! ทว่าตอนนี้นางได้อภิเษกสมรสกับไป๋หลี่หาน ไปเป็นองค์ราชินีแห่งอี้เฉินไปเสียแล้ว! ทั้งหมดเป็นเพราะข้อเสนอแนะของเจ้าทั้งสิ้น! เช่นนี้แล้วจะทำเยี่ยงไร? หากนางกลายมาเป็นกำลังสำคัญหนุนหลังไป๋หลี่หานอีกแรง นี่จะส่งผลเลวร้ายอย่างมากสำหรับพวกเรา!”
สีหน้าท่าทางการแสดงออกของเย่หลีเทียนดูจะมิได้กังวลมากนัก ขนตายาวสั่นกระพือเบาบาง พลางยิ้มแสยะมุมปากเล็กน้อยและทูลกล่าวอย่างใจเย็นว่า
“เรียนฝ่าบาท ท่านลืมไปเสียแล้วรึ? สรรพสิ่งย่อมมีจุดอ่อนจุดแข็ง ต่อให้เป็นยอดอัจฉริยะอย่างเซียถงเองก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน”
“เจ้าหมายถึงแม่ของนางกระมัง?”