ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 456 อสูรดาราเหลือง (2)
ตอนที่456 อสูรดาราเหลือง (2)
ตอนที่456 อสูรดาราเหลือง (2)
หลิวซูเหลือบมองเส้นขนของอสูรตนนั้นที่ร่วงตกบนพื้น พลันนึกไปว่า หากเป็นเส้นผมของมันเองที่โดนตัดจะเป็นเยี่ยงไร ตัวกระบี่ทัณฑ์ฟ้าถึงกลับเสียวสะท้านวาบ
“เส้นขนเหล่านี้สามารถฟื้นตัวกลับมาเป็นดังเดิมได้ตลอดเวลา ต่อให้มีพลังเหลือล้นสะบั้นตัดทิ้งนับครั้งไม่ถ้วน พวกมันก็จะฟื้นกลับมาใหม่ได้ทุกเมื่อ ทำเช่นนี้ต่อไปก็เปล่าประโยชน์ กลับเป็นนายท่านที่ต้องเหนื่อยตายไปเองแทน!”
เสี่ยวฮั่วเร่งกล่าวขึ้นคำหนึ่งอย่างร้อนรน
“หากเช่นนั้น ร่างของอสูรดาราเหลืองอยู่ที่ใด?”
“อยู่เบื้องหน้า! ท่ามกลางเสาเถาวัลย์ชั้นหนาตรงนั้น!”
เซียถงได้ยินดังนั้นก็กระโดดขึ้นควบบนหลังม้าและทะยานออกไปประดุจสายลม อาศัยความแข็งแกร่งของนาง สามารถบุกทะลวงฝ่าชั้นเถาวัลย์ที่เข้าขัดขวางนับไม่ถ้วนได้ในคราเดียว สักครู่ต่อมา คล้ายว่าภาคพื้นไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ นางจึงสละม้าและกระโจนขึ้นเหยียบย่างต้นไม้โดยรอบ ดีดตัวส่งตนเองยังต้นต่อต้น ขณะนี้เอง นางหยุดการเคลื่อนไหวลงบนกิ่งก้านต้นไม้ต้นหนึ่ง ชำเลืองสายตามองลงมา
ในเวลานี้ สองพี่น้องตระกูลเค่อกำลังโรมรันพันตูกับเถาวัลย์เหล่านั้นอย่างดุเดือด ดูเหมือนว่าเถาวัลย์เหล่านั้นจะครั่นคร้ามกลัวเกรงกระบี่ทัณฑ์ฟ้าในมือเซียถง พวกมันจำนวนมากเริ่มล่าถอยออกห่างจากตัวนางไป ทว่าแตกต่างไปจากคนกลุ่มนี้ เถาวัลย์ดูไม่ได้หวาดกลัวพวกเขาเลย และยังคงรุมโจมตีอย่างไม่มีลดละต่อไป
ทันทีที่สองพี่น้องตระกูลเค่อผ่าดงเถาวัลย์ที่รุมเร้าออกมาได้ สิ่งแรกที่พวกเขาต้องทำก็คือ รีบเข้าปกป้องอารักขาชิงเยวี่ยซึ่งเป็นคนเดียวที่ไม่สามารถป้องกันตัวเองจากภัยอันตรายรอบตัวได้เลย
แต่ไม่ว่าทั้งคู่จะสำแดงเดชสัประยุทธ์ออกมาสักกี่พันกระบวน ทว่าเถาวัลย์พวกนี้ก็ไม่มีทีท่าจะหมดจะสิ้นเสียที และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ เหมือนกับว่าเถาวัลย์พวกนี้มีสติสัมปชัญญะ เห็นว่าชิงเยวี่ยอ่อนแอที่สุดในกลุ่มก็ยิ่งรุกหนักมุ่งโจมตีใส่ เห็นว่าสถานการณ์ท่าจะไม่ดีแล้ว ก็เป็นเค่อฮั่วที่ตัดสินใจตบฝ่ามือใส่ชิงเยวี่ย ผลักร่างอีกฝ่ายให้ลอยขึ้นหลังม้าพร้อมปล่อยเชือก เพื่อจะให้มันนำส่งชิงเยวี่ยออกจากหุบเหวเทียมฟ้าไปยังที่ปลอดภัยก่อน ทว่าม้าตนนั้นเพิ่งจะเริ่มออกวิ่งได้ไม่กี่ก้าว มันก็ถูกเถาวัลย์เสียบทะลุร่างแผลแล้วแผลเล่าไม่มีปรานีใดๆ และไม่เพียงเท่านั้น ส่วนปลายสุดของเถาวัลย์จู่ๆมันก็ฉีกปากกว้าง เผยให้เห็นคมเขี้ยวนับร้อยซี่สุดน่าสยดสยองออกมา ไม่ว่าใครหน้าไหนที่ได้เห็นล้วนพึงทราบ นี่คือหายนะของจริงเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น
เถาวัลย์เหล่านั้นฉีกปากกว้างแยกคมเขี้ยวนับร้อย และกัดเข้าไปกลางลำตัวม้าอย่างแรง และเริ่มดูดเลือดภายในร่างกายของม้าออกมาอย่างดิบกระหาย ชั่วพริบตาเท่านั้น เส้นสายเถาวัลย์ทั้งหลายก็กลายเป็นสีแดงชอุ่มสดใส พวกมันสูบเลือดของม้าจนหมดตัว!
ร่างของม้าแห้งเหี่ยวเป็นศพหนึ่งพร้อมร่วงล้มลงพื้น สิ้นใจดับอนาถ
เมื่อทุกคนเห็นดังนั้น ถึงกับหน้าถอดสีในทันใด! เถาวัลย์พวกนี้ดูดเลือดเป็นอาหาร! หากใครก็ตามที่พลาดท่าแก่พวกมันแม้แต่นิดเดียว คนผู้นั้นจะตกกลายเป็นแหล่งอาหารหล่อเลี้ยงชั้นดี! ในชั่วพริบตาถัดมา ทุกคนเร่งระเบิดพลังกันอย่างบ้าคลั่ง ปลดปล่อยกระแสลมปราณสุดเกรี้ยวกราดผลักดันเถาวัลย์ทั้งหลายมิให้เข้าใกล้ถึงตัว
ขณะเดียวกัน เถาวัลย์เหล่านั้นต่างหดตัวถอยทัพออกไปอย่างเงียบงัน และรุมเร้าเข้าหาชิงเยวี่ยโดยพร้อมเพรียง!
ในบรรดาพวกเขาทั้งหมด มีเพียงชิงเยวี่ยแค่คนเดียวที่ปราศจากทักษะการต่อสู้ใดๆ จะมีก็แค่เม็ดโอสถอยู่ในตัวมากมายให้เลือกสรรใช้งาน แต่ภายใต้สถานการณ์เฉกเช่นปัจจุบัน เห็นได้ชัดว่าโอสถพวกนี้ดูจะไม่มีประโยชน์เลย
ชิงเยวี่ยก้าวย่างถอยหลังหนีห่างตามสัญชาตญาณ แต่ท้ายที่สุดเผลอสะดุดเข้ากับรากไม้แถวนั้นจนล้มคะมำกับพื้น เถาวัลย์เห็นแบบนั้นก็ยิ่งได้ใจ ถึงกับฉีกปากกว้างแยกเขี้ยวใส่ เผยให้เห็นซี่ฟันอันแหลมคมนับไม่ถ้วน
เขาพยายามคลานหนีออกห่างจนแผ่นหลังติดแนบกับหน้าผา ยามนี้ไม่มีพื้นที่ว่างให้ถอยอีกต่อไปแล้ว! สถานการณ์ของเขาตกอยู่ในอันตรายยิ่งยวด!
เซียถงกระโดดข้ามต้นไม่ต้นต่อต้น เร่งความเร็วขึ้นเป็นทวีเท่า ภายใต้ความช่วยเหลือของเสี่ยวฮั่วที่ช่วยนำทาง ในที่สุดนางก็เสาะพบเข้ากับเสาเถาวัลย์ต้นหนาที่กระจุกตัวกันอย่างเหนียวแน่น พินิจจากความโดดเด่นสะดุดตาที่สุด ภายในนั้นจะต้องมีร่างจริงของอสูรดาราเหลืองอยู่ไม่ผิดแน่นแท้ เหตุที่มันมีชื่อว่า อสูรดาราเหลือง เป็นเพราะร่างจริงที่ซ่อนอยู่ภายในเสาเถาวัลย์เหล่านี้เป็นอสูรสายพันธุ์พืชสีเหลืองอำพัน และเถาวัลย์ทั่วบริเวณที่กำลังประสบพบเจออยู่นั้น ล้วนแต่เป็นส่วนเส้นขนของมันทั้งสิ้น!
“ต้องตัดเสาเถาวัลย์เหล่านี้ให้ขาดในกระบวนเดียว! อย่าปล่อยโอกาสให้มันซ่อมแซมเส้นลมปราณได้เด็ดขาด มิฉะนั้นจะฟื้นตัวขึ้นทันที!” “ชั้นหนาปานนี้ จะฟันยังไงให้ขาดในทีเดียว?”
เซียถงร้องอุทานขึ้นคำโต เสี่ยวฮั่วกำลังล้อกันเล่นแล้วกระมัง?!
ทว่าก่อนที่นางจะได้เอ่ยกล่าวอะไรไปมากกว่านั้น ก็บังเอิญเหลือบหางตาไปเห็นชิงเยวี่ยที่กำลังเข้าตาจน ถูกเถาวัลย์กระหายเลือดเหล่านั้นล้อมกรอบโดยสมบูรณ์
“ชิงเยวี่ย! ก้มหัวลง!”
โดยไม่มีทีท่าลังเลใดๆ เซียถงแผดเสียงคำรามลั่น พร้อมประกายแสงสีเงินที่สาดสะท้อนวาบออกจากมือของนางไป!
นางเขวี้ยงกระบี่ทัณฑ์ฟ้าใส่ทางชิงเยวี่ย!
เสี้ยวพริบตาขณะ ชิงเยวี่ยเร่งก้มศีรษะตามคำสั่งของเซียถง ก็แอบเหลือบมองภาพฉากที่เกิดขึ้นตรงหน้าเล็กน้อย เห็นเพียงบรรดาเถาวัลย์ที่รุมล้อมอยู่เบื้องหน้าถูกตัดสะบั้นบรรลัยสิ้นในหนึ่งฉับ!
แต่แน่นอน เศษซากเถาวัลย์เหล่านั้นที่โดนตัดทิ้งไปก็เริ่มสมานตัวกลับเป็นดังเดิมอีกครั้ง
กระบี่ทัณฑ์ฟ้าฉายแสงสว่างไสว และชั่วครู่หนึ่งก็กลายเป็นหลิวซูที่ยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้าชิงเยวี่ย เหลียวหลังชำเลืองมองชิงเยวี่ยที่กำลังสั่นกลัวอยู่หนึ่งปราด พลางยกมือปัดผมยาวสลวยสีเงินประกายโดดเด่นให้ทีหนึ่ง สื่อจิตผ่านห้วงความคิด กล่าวกับเซียถงที่อยู่อีกฟากฝั่งหนึ่งอย่างไม่ค่อยพอใจว่า
“เดี๋ยวนี้คือนี่เล่นโยนกันแล้ว?! ให้ตายเถอะ! เห็นข้าเป็นหอกเป็นทวนหรืออย่างไร ถึงได้เขวี้ยงปากันสนุกมือปานนี้!”
เซียถงยกมือส่งให้ทีหนึ่งราวกับกำลังจะสื่อว่ามิได้ตั้งใจ และชี้ไปที่ชิงเยวี่ยวานให้หลิวซูปกป้องเขาแทนตัวนางที
นางหันศีรษะกลับมามุ่งความสนใจไปที่เสาเถาวัลย์เบื้องหน้า
“เสี่ยวอั่ว ข้าสามารถใช้เพลิงพิภพเก้าดุษณีแผดเผามันได้หรือไม่?”
“ใช่แล้ว! ข้าลืมเรื่องนี้ไปได้เยี่ยงไร! นายท่านฉลาดหลักแหลมโดยแท้! เพราะเจ้าอสูรดาราเหลืองเป็นสัตว์อสูรธาตุไม้ สิ่งที่มันหวาดกลัวที่สุดคือไฟ! โดยเฉพาะกับไฟวิเศษ นับเป็นของแถลงใจพวกมันเลย! นายท่านใช้เพลิงพิภพเก้าดุษณีเผาไปที่เสาเถาวัลย์ได้เลยโดยตรง ด้วยประสิทธิภาพของไฟวิเศษ จะช่วยยับยั้งมีให้มันฟื้นตัวเองได้!”
ได้ยินเช่นนั้น เซียถงตวัดมือเรียกใช้เพลิงพิภพเก้าดุษณีออกมาโดยไว และทันทีทีที่เล็งกลุ่มเพลิงเหล่านี้เข้าใส่ บรรดาเถาวัลย์ทั้งหลายแทบจะหดตัวหนีกันแทบไม่ทันราวกับคลื่นทะเลช่วงน้ำลง
เพลิงพิภพเก้าดุษณีเป็นถึงไฟวิเศษแห่งฟ้าดิน มีศักดิ์สูงถึงราชันย์แห่งเปลวไฟทั้งมวล แล้วมีหรือที่สัตว์อสูรธาตุไม้อย่างอสูรดาราเหลืองจะหาญกล้าต่อกร?
โดยไม่รอแช่มใดๆ เซียถงบังคับเพลิงพิภพเก้าดุษณีให้เข้าล้อมกรอบรอบเสาเถาวัลย์เบื้องหน้า มองดูเถาวัลย์เหล่านั้นเผชิญพบกับของแสลงที่พวกมันหวาดกลัวที่สุด ในเวลากัน เสี่ยวฮั่วก็ลอยออกมาจากหว่างคิ้วของนาง เผยเป็นดวงไฟสีม่วงลูกหนึ่ง
ผ่านไปสักครู่ เพลิงพิภพเก้าดุษณีริเริ่มทำการย่างสดใส่เสาเถาวัลย์ชั้นหนาโดยตรง อสูรดาราเหลืองที่ซ่อนตัวอยู่ภายในค่อยๆตายลงอย่างช้าๆ ไม่นานหลังจากนั้น เริ่มมีกลิ่นหอมชวนประหลาดตลบใหญ่ลอยออกมา ซึ่งพวกมันเหล่านั้นล้วนถูกดวงไฟสีม่วงของเสี่ยวฮั่วดูดซับเอาไว้โดยสมบูรณ์
หลายอึดใจถัดมา อสูรดาราเหลืองสิ้นชีพตายคาที่ สถานการณ์ที่สุดแสนจะกดดันโดยรอบพลันคลายอ่อนลงในพริบตา เถาวัลย์ที่ยังพอเหลือรอดถูกสะบั้นฟันจนขาดดิ้นโดยทั้งสามในเวลาต่อมา จากนั้นทุกคนก็รีบวิ่งขึ้นหน้า ตามขึ้นไปสมทบกับเซียถง เสี่ยวฮั่วที่เพิ่งกลืนกินพลังวิญญาณของอสูรดาราเหลืองจนอิ่มก็รีบลอยกลับเข้าไปในห้วงความคิดของนางโดยไว
“นายท่าน! ข้าอิ่มมาก!”
เสี่ยวฮั่วกล่าวและยังทิ้งท้ายด้วยเสียงเรอทีหนึ่ง ดูท่ามันจะสดใสร่าเริงเสียเหลือเกิน ทั้งยังกล่าวต่ออย่างมีความสุขขึ้นอีกว่า
“นายท่าน ขอเวลาข้าย่อยก่อนสักพัก เนื่องจากอสูรดาราเหลืองเป็นถึงอสูรวิญญาณจารย์ พลังวิญญาณของมันมหาศาลเสียเหลือเกิน! แต่เส้นทางเบื้องหน้าหลังจากนี้ไม่มีอันใดต้องห่วงแล้ว ข้าสัมผัสได้ถึงพวกสัตว์อสูรตนอื่นๆที่กำลังแตกฮือตื่นตระหนกหนีเข้าไปในส่วนลึกของหุบเหวเทียมฟ้า อันที่จริงอยู่ต่ออีกสักคืนก็ไม่มีปัญหา รอข้าย่อยเสร็จเมื่อใด คอยออกล่าจับสัตว์อสูรพวกนั้นมาสูบพลังวิญญาณต่อเถอะ!”