ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 457 หุบเหวเทียมฟ้า (1)
ตอนที่457 หุบเหวเทียมฟ้า (1)
ตอนที่457 หุบเหวเทียมฟ้า (1)
หันหลังก็แลเห็น ทุกคนในเวลานี้ที่เพิ่งพ้นผ่านศึกหนักก็หมดเรี่ยวแรงกันไปมาก
พวกเขาเหล่านั้นแหงนหน้ามองฟ้า พึงรู้สึกตัวว่ายามนี้ตกเย็นใกล้มืดค่ำ หากเดินทางไปต่อทั้งแบบนี้กลับไม่รู้เลยว่า จะพบเจอสิ่งใดต่อไปอีกภายในส่วนลึกหุบเหวเทียมฟ้า
“ดูท่าพวกเราจำต้องค้างคืนกันที่นี่ก่อน แล้วค่อยเดินทางต่อพรุ่งนี้เช้า”
เค่อฮั่วเงยหน้าขึ้นมองแผ่นฟ้า หันไปกล่าวกับเซียถงน้ำเสียงเชิงแนะนำดูเป็นรองอยู่หนึ่งส่วน ในฐานะที่เป็นถึงยอดปรมาจารย์ขอบเขตจักรพรรดิครามฟ้าครึ่งขั้น ถือเป็นเรื่องยากยิ่งที่จะให้เขาพูดคุยด้วยน้ำเสียงเช่นนี้
ในทวีปเทียนหลาง ผู้ใดแกร่งกล้าไร้เทียมทานที่สุดย่อมได้รับการสรรเสริญยกย่องเป็นธรรมดา และในเวลานี้ เซียถงเพิ่งจะช่วยทุกคนให้รอดพ้นจากภัยอันตราย ด้วยเพลิงพิภพเก้าดุษณีอันแสนทรงพลังในมือ
และที่ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนหน้าที่พวกเขาจะออกเดินทางติดตามมา สองพี่น้องตระกูลเค่อก็ยังได้ทราบอีกว่า องค์จักรพรรดิซีฉินเคยส่งแม่ทัพหลินออกไปลอบสังหารเซียถงแล้วครั้งหนึ่ง หวังจะอาศัยความสามารถพิเศษของอีกฝ่ายที่เป็นถึงนักอัญเชิญอสูร เข้าเผด็จศึกนางให้สิ้นซาก ทว่าผลลัพธ์กลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง เซียถงยังมีชีวิตรอดจนมาถึงจักรพรรดิซีฉิน ในขณะที่ข่าวคราวของแม่ทัพหลินกลับหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย และไม่มีใครรู้เลยว่า เกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น
ขุนนางตนสนิทขององค์จักรพรรดิซีฉินในเวลานั้นได้สันนิษฐานไว้ว่า ผู้ที่สามารถกำจัดนักอัญเชิญอสูรระดับชั้นปรมาจารย์ผู้เจนจัดประสบการณ์อย่างแม่ทัพหลินได้ อีกทั้งยังสามารถรอดชีวิตจากฝูงสัตว์อสูรนับหลายร้อยตนโดยปราศจากรอยขีดข่วนใดๆ ทั้งหมดนี้มีความเป็นไปได้เดียวเท่านั้น นั่นคือ…เซียถงจะต้องเป็นนักอัญเชิญอสูรที่แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าอีกฝ่าย!
ดังนั้นแล้ว องค์จักรพรรดิซีฉินจึงได้ส่งพิราบนำสาสน์คำสั่งเพิ่มเติมไปมอบให้แก่สองพี่น้องตระกูลเค่อระหว่างทาง หวังให้พวกเขาลองทดสอบพลังของเซียถงในจุดนี้ดู เพื่อพิสูจน์ว่า แท้จริงแล้วนางเป็นนักอัญเชิญอสูรหรือไม่? ซึ่งสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดในการทดสอบก็คือ หุบเหวเทียมฟ้าแห่งนี้ ทว่าสิ่งที่สองพี่น้องคู่นี้คาดไม่ถึงก็คือ ทันทีที่เหยียบย่างเข้ามาในหุบเหว ก็ดันเจอเข้ากับอสูรดาราเหลืองที่มีพลังความแข็งแกร่งสูงถึงระดับชั้นอสูรวิญญาณจารย์เป็นตัวแรกเลย!
กล่าวคือ ยังไม่ทันได้ทดสอบขุมพลังที่แท้จริงของเซียถง ก็เผชิญหน้าเข้ากับอสูรวิญญาณจารย์อันทรงพลังเสียแล้ว เส้นทางต่อไปหลังจากนี้ในหุบเหวเทียมฟ้าคงจะไม่ง่ายนัก!
ในคืนนี้เอง ไม่มีใครข่มตานอนหลับได้เลยสักคน นอกเสียจากเซียถง!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับชิงเยวี่ยที่เพิ่งพ้นผ่านประสบการณ์เฉียดตายมา ตลอดทั้งคืนเขาผวาจนนอนไม่หลับ ถึงแม้จะพยายามข่มตานอนสักเพียงใด แต่ภาพฉากที่เถาวัลย์เหล่านั้นฉีกปากแยกเขี้ยวใส่ตน ก็ยังตามหลอกหลอนไม่มีเสื่อมคลายใดๆ
ทางด้านสองพี่น้องตระกูลเค่อผลัดเวรกันเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด ส่วนโม่ซวนเองก็ไม่นิ่งนอนใจ ถึงจะล้มตัวนอนหลับก็จริง แต่สติสัมปชัญญะของเขายังคงตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
แตกต่างไปจากเซียถงโดยสิ้นเชิง นี่นับอีกเป็นคืนหนึ่งที่นางหลับสนิทเต็มอิ่ม
เห็นนางหลับลึกจนส่งเสียงกรนออกมา สองพี่น้องตระกูลเค่อก็อดขมวดคิ้วมิได้
ภายใต้ห้วงความคิดของเซียถง จู่ๆเสี่ยวฮั่วก็ปลุกนางให้ตื่นขึ้นและเอ่ยอธิบายเข้าเรื่องทันที
“นายท่าน แม้พลังวิญญาณของอสูรดาราเหลืองจะทั้งบริสุทธิ์และมีความเข้มข้นสูงมาก แต่อย่างไร ปริมาณกลับมากล้นเกินจะหล่อหลอมกลั่นกรองไหว ส่งผลให้พลังวิญญาณที่ไหลเวียนในร่างของข้ายุ่งเหยิงตีกันเล็กน้อย และวิธีที่ดีที่สุดในการกลั่นพลังวิญญาณเหล่านี้คือ การหยิบใช้เพลิงพิภพเก้าดุษณีเป็นตัวช่วยอีกแรง”
“กลั่นพลังวิญญาณ? เพลิงพิภพเก้าดุษณีมีความสามารถเช่นนั้นด้วยรึ?”
“นายท่าน ตัวท่านดูแคลนในความทรงพลังของเพลิงพิภพเก้าดุษณีเกินไปแล้ว! นอกจากมันจะมีประโยชน์ในเชิงหลอมกลั่นโอสถแล้ว มันยังช่วยยกระดับพลังลมปราณในตัวท่านให้แกร่งกร้าวขึ้นอย่างก้าวกระโดดอีกด้วย!”
หากเสี่ยวฮั่วมีกายเนื้อที่เป็นรูปธรรมแบบมนุษย์ สิ่งแรกที่มันจะทำหลังได้รับเพลิงพิภพเก้าดุษณีมาคงเป็น การใช้สิ่งนี้เข้าขัดเกลาพลังลมปราณในร่างกายให้บริสุทธิ์และทรงประสิทธิภาพยิ่งขึ้น! หาใช่แค่หยิบยืมพลังความร้อนของมันมาหลอมกลั่นโอสถอยู่เพียงอย่างเดียว
“ทั้งที่รู้แบบนี้ไฉนถึงไม่เคยบอกข้ามาก่อนล่ะ!”
หากเพลิงพิภพเก้าดุษณีมีประโยชน์รอบด้านขนาดนั้น เสี่ยวฮั่วก็น่าจะบอกนางก่อนตั้งแต่แรก!
“นั่นเป็นเพราะ ตอนแรกที่ท่านได้รับมากลับเป็นเพียงเศษเสี้ยวของเพลิงพิภพเก้าดุษณีเท่านั้น อาศัยแค่พลังไฟหนึ่งส่วนกลับไม่สามารถขัดเกลาพลังลมปราณในกายท่านให้บริสุทธิ์แกร่งกร้าวขึ้นได้ นอกจากนี้เอง จุดประสงค์แรกที่ท่านต้องการเพลิงพิภพเก้าดุษณีมาครอบครอง ก็มิใช่เพราะอยากจะหลอมกลั่นโอสถวัฏจักรคืนชีพระดับเก้าหรอกรึ? หากข้าบอกท่านไปในตอนนั้น คงไม่มีสมาธิหลอมกลั่นกันพอดี? แต่ในตอนนี้ถือเป็นช่วงเวลาเหมาะสมแล้ว ที่ท่านจะนำมาใช้ขัดเกลาพลังปราณเพื่อยกระดับความแข็งแกร่งให้สูงขึ้น!”
เสี่ยวฮั่วหยุดพักไปชั่วครู่หนึ่ง และกล่าวต่ออีกว่า
“ท่านลองบังคับเพลิงพิภพเก้าดุษณีอัดฉีดเข้าไปในเส้นลมปราณ รวมพลังความร้อนมุ่งไปที่จุดตันเถียนเพียงตำแหน่งเดียวอย่างช้าๆ…”
ภายใต้คำอธิบายของเสี่ยวฮั่ว โดยไม่รอช้าให้เสียเวลาเปล่า เซียถงเริ่มทำการควบคุมเพลิงพิภพเก้าดุษณีไล่ลำเลียงไปตามเส้นลมปราณทั่วร่างกายทันทีอย่างระมัดระวัง ชั่วครู่ต่อมา สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นต้องทำให้นางประหลาดใจ ราวกับรู้สึกเห็นผลทันตา ทุกบริเวณที่กระแสเปลวเพลิงสีทองอร่ามไหล่ผ่าน พลังลมปราณในบริเวณดังกล่าวล้วนถูกขัดเกลาชำระจนบริสุทธิ์ปราศจากสิ่งเจือปนใดๆอีก
“นี่ทำได้จริงๆรึ!”
เซียถงร้องอุทานดั่งในห้วงความคิด ดูเหมือนจะตกใจอย่างมากในขณะนี้
“ใช่แล้วนายท่าน ทำตามที่ข้าบอกเช่นนี้ ลองควบคุมเพลิงพิภพเก้าดุษณีให้โคจรทั่วร่างสักสิบรอบดู พลังลมปราณที่ได้นั่นจะยิ่งบริสุทธิ์และทรงพลังกว่าเดิมเป็นเท่าตัว! ระหว่างนี้เอง ก็อย่าลืมดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินจากภายนอกเข้ามาเติมเต็ม เพราะเมื่อพลังลมปราณมีความบริสุทธิ์สูงขึ้น ปริมาตรก็จะลดลงตามธรรมชาติ นั่นหมายความได้ว่า จุดตันเถียนของท่านก็จะสามารถบรรจุพลังลมปราณที่ทั้งบริสุทธิ์และเข้มข้นได้มากขึ้นไปในตัว”
เซียถงตื่นจากภวังค์หลับใหลและเริ่มขัดสมาธิเพื่อเริ่มบำเพ็ญตบะในทันใด มวลพลังวิญญาณฟ้าดินนับไม่ถ้วนท่ามกลางป่าเขาที่อยู่ภายนอก เริ่มถูกระดมดูดซับเข้าสู่ร่างกายของนางอย่างแช่มช้า และเมื่อพลังวิญญาณเหล่านี้ถูกแปรเปลี่ยนกลายเป็นกระแสลมปราณสายแล้วสายเล่า ก่อนที่จะถูกลำเลียงเข้าสู่จุดตันเถียนจำต้องผ่านกระบวนการขัดเกลาโดยเพลิงพิภพเก้าดุษณีให้บริสุทธิ์ก่อนอีกชั้นหนึ่ง จากนั้นก็เริ่มควบแน่นกลั่นเป็นหยดพลังลมปราณบริสุทธิ์เข้มข้นไหลเข้าบรรจุในจุดตันเถียนของนางเป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ เซียถงทำเช่นนี้วนไปตลอดทั้งคืนอย่างขยันขันแข็งโดยไม่มีทีท่าเกียจคร้านใดๆเห็นเลย
เค่อฮั่วรู้สึกแปลกๆอยู่บ้างเล็กน้อย และเมื่อหันหน้าไปมองเซียถง นางก็แค่ลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิบำเพ็ญตบะปกติ แลเห็นว่าไม่มีอะไรจึงถอนความสนใจกลับมาเฝ้าเวรความปลอดภัยต่ออย่างเข้มงวด
เวลาผ่านไปทีละเล็กละน้อย จากนาทีกลายเป็นชั่วยาม จากหลายชั่วยามกลายเป็นตลอดทั้งคืน ธารเวลาไหลผ่านดั่งเสี้ยวพริบตาเท่านั้น เมื่อรู้สึกตัวอีกที พลังลมปราณทั้งหมดในร่างกายของเซียถงก็ราวกับได้รับการสรรค์สร้างใหม่โดยสรวงสวรรค์ เพราะมันทั้งบริสุทธิ์และทรงพลังมากขึ้นผิดหูผิดตาไปจากตอนแรกโดยสิ้นเชิง!
เส้นลมปราณทั่วทั้งร่างกายของนางได้รับการหล่อเลี้ยงจากกระแสลมปราณบริสุทธิ์เข้มข้นอย่างไม่มีสิ้นสุด ส่งผลให้ความแข็งแกร่งในด้านกายเนื้อถูกยกระดับไปในตัว
ทั้งที่เซียถงเพิ่งทะลวงขึ้นสู่ขอบเขตราชันย์ม่วงชั้นต้นได้ไม่นาน แต่ด้วยการบำเพ็ญตบะต่อเนื่องตลอดทั้งคืนในคราวนี้ ทำให้ในปัจจุบัน นางทะลวงขึ้นสู่ขอบเขตราชันย์ม่วงชั้นกลางได้แล้วอย่างง่ายดาย!
เสี่ยวฮั่วถึงกับถอดถอนหายใจเฮือกใหญ่ กล่าวอย่างมีความสุขขึ้นว่า
“นายท่าน ขอแสดงความยินดีด้วย! ตัวท่านในเวลานี้ได้ทะลวงขึ้นสู่ขอบเขตราชันย์ม่วงชั้นกลางแล้ว!”
เซียถงพยักหน้ารับคำเบาๆ ในเวลานี้ก็ใกล้ฟ้าสางแล้ว นางลืมตาตื่นด้วยความเบิกบาน สัมผัสได้ถึงขุมพลังอันเปี่ยมล้นในตัว!
นางกล่าวกับเสี่ยวฮั่วว่า
“ขอบใจมากเสี่ยวฮั่ว”
ชะงักชะงันไปครึ่งจังหวะ ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่หนึ่งค่อยกล่าวต่อว่า
“โอ้! ข้าลืมไปเลย เจ้าต้องการยืมเพลิงพิภพเก้าดุษณีไปกลั่นพลังวิญญาณของอสูรดาราเหลืองที่เพิ่งกินมาใช่หรือไม่? นี่ยังพอเหลือเวลาอยู่บ้าง เจ้าจะใช้ตอนนี้เลยไหม?”
“ไม่จำเป็นแล้วนายท่าน ระดับความแข็งแกร่งของข้าขึ้นตรงกับตัวท่าน หากว่าพลังลมปราณของท่านทะลวงขึ้นเป็นขอบเขตราชันย์ม่วงชั้นกลางได้แล้ว พลังในการดูดซับของข้าเองก็เพิ่มทวีประสิทธิภาพขึ้นตามเช่นกัน ลำพังตอนนี้ก็สามารถกลั่นพลังวิญญาณทั้งหมดของอสูรดาราเหลืองได้สบายๆ”
“แต่นี่ก็ฟ้าสางแล้ว ไฉนไม่ไปออกล่าสัตว์อสูรกันสักรอบ?”