ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 46 จับเป็นตัวประกัน (2)
ตอนที่46 จับเป็นตัวประกัน (2)
เซียถงเร่งโบกมือส่งสัญญาณให้อิ๋งเอ๋อร์หุบปากเงียบ รีบล้มตัวลงนอนหลับตาปิดสนิทลงอีกครา แต่คราวนี้นางบิดข้อมือขวาเล็กน้อย เตรียมหยิบใช้มีดสั้นประจำตัวจากใต้แขนเสื้อยาว แต่เมื่อนางพยายามสัมผัส พลันต้องตะลึงตกใจ เพราะภายใต้แขนเสื้อยาวของนางกลับมีแต่ความว่างเปล่า เดาได้ว่า มีดสั้นดังกล่าวคงถูกราชาหมาป่าสวรรค์เก็บเอาไปแล้ว
ประตูเรือนถูกผลักออก ไป๋หลี่หานมาพร้อมกับหน้ากากสีเงินของตนที่สวมประดับอยู่ตลอด ก้าวแช่มเดินตรงเข้ามา พอเห็นอิ๋งเอ๋อร์ที่นั่งกอดเข่าอยู่ข้างเตียง น้ำหูน้ำตาไหลไม่หยุดเช่นนั้น เขาก็พลางคิดไปว่า อาการบาดเจ็บของเซียถงยังไม่ดีขึ้น จึงขมวดคิ้วถักแน่น ทั้งนี้อีกฝ่ายเองก็ยังนอนนิ่งไม่ได้สติอยู่บนเตียง เห็นดังนั้นก็ตรงเข้าไปยืดเหยียดแขน ยกนิ้วขึ้นสัมผัสบริเวณหน้าผากของนาง
ทันทีที่นิ้วอีกฝ่ายแตะสัมผัสลงบนหน้าผาก ก่อนจะได้กดน้ำหนักถ่ายแรงอันใด เซียถงใช้ขาคู่ดีดตัวขึ้นพลิกตัวขึ้นมาจากเตียงโดยตรง ใช้มือขวาโฉบออกไปคว้าไหล่ของไป๋หลี่หานโดยไว ส่วนมือซ้ายกางนิ้วทั้งห้าคลายกว้าง พุ่งตะปบเข้าลำคอในชั่วอึดใจเดียวกัน
ไป๋หลี่หานตกใจเล็กน้อย ทิ้งน้ำหนักทั้งหมดลงไหล่ขวาจนทรุดฮวบกะทันหัน ส่งผลให้มือขวาของเซียถงประคองจับไว้ไม่มั่นจนเสียการทรงตัวไปชั่วขณะ ขณะเดียวกัน เขาก็ยกมือข้างซ้ายขึ้นปัดป้องกรบเล็กทั้งห้านิ้วที่พุ่งเข้าตะปบ จับแขนพันธนาการไว้แน่น พร้อมบิดอย่างแรง เซียถงมิสามารถต้านทานพละกำลังอีกฝ่ายได้ไหว จึงถูกอีกฝ่ายบีบบังคับให้ล้มตัวลงบนเตียง เสียงแผ่นหลังกระแทกดังปัง
เซียถงพ่นลมหายใจใส่เฮือกใหญ่ เสี้ยวขณะที่ล้มไปได้ครึ่งทาง นางใช้จังหวะสุดท้ายคว้าคอเสื้อของไป๋หลี่หานจนล้มคะมำลงไปพร้อมกัน และใช้แขนขวาที่ว่างยกท่อนแขนขึ้นกดลำคออีกฝ่ายที่ล้มทับ ทั้งยังระดมพลังลมปราณขุมหนึ่ง ออกแรงหวังจะพลิกร่างอีกฝ่ายไปอยู่ข้างใต้แทน แต่ไม่ว่าจะพยายามอย่างไรกลับไม่เป็นผล เพราะยามนี้พลังลมปราณภายในร่างกายของนางยังไม่ฟื้นตัวดี สุดท้ายนี้ก็มิอาจหลุดพ้นบ่วงพัลวันออกไปได้
เซียถงทั้งส่ายตัวดิ้นรนอย่างสุดกำลัง แต่ความแตกต่างในด้านพละกำลังกลับห่างชั้นเกินไปจริงๆ พลังลมปราณยามนี้ นางสำแดงใช้ได้เพียงสามในสิบส่วนโดยประมาณ จนท้ายที่สุดเสมือนว่ามือทั้งท่อนของนางถูกคีมเหล็กบีบแน่น ดันให้ติดกับเตียง ไม่สามารถขยับเขยื้อนไปไหนได้เลย
“หยุดดิ้น! เจ้าหาใช่คู่ต่อสู้ของข้า!”
เมื่อเห็นว่าร่างหญิงสาวด้านใต้ของเขายังพยศดื้อรั้น ไป๋หลี่หานพลันเลิกคิ้วมอง เอ่ยเตือนขึ้นน้ำเสียงแผ่ว ใจหนึ่งก็รู้สึกสงสัยอยู่บ้าง ไฉนเซียถงถึงคิดลงมือลงไม้ทั้งๆ ที่ยังไม่ทันพูดทันจากันเลย?
“ท่านราชาหมาป่าสวรรค์ได้โปรด! โปรดไว้ชีวิตคุณหนูด้วยเถิด! คราวก่อน คุณหนูมิได้มีเจตนาล้ำเส้นท่าน โปรดอย่าหมายเอาชีวิตนางเลย!!”
อิ๋งเอ๋อร์ตื่นตระหนกสุดขีดจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อเห็นภาพฉากการชิงไหวชิงพริบ พัลวันวุ่นวายระหว่างทั้งสอง พอกลับมาได้สติฟื้นตัวอีกครั้ง นางก็รีบคุกเข่าโขกศีรษะขอโทษขอโพยไป๋หลี่หานเป็นการใหญ่
ทุกครั้งที่หน้าผากสีขาวผ่องของอิ๋งเอ๋รอ์กระแทกพื้น จะมีเสียงดัง ‘ตุบ’ กังวานออกมาชัดเจน โขกไปได้สามสี่ครา พอนางเงยหน้าขึ้นมาก็พบว่า มีเลือดไหลซิบออกมาจากบริเวณหน้าผาก รินหยดเป็นสาย สีหน้าการแสดงยังคงดูวิตกกังวล จับจ้องไปที่ไป๋หลี่หาน อิ๋งเอ๋อร์กล่าวอีกคราว่า
“ท่านราชาหมาป่าสวรรค์ หากท่านต้องการทุบตีคุณหนู โปรดลงโทษข้าแทนเสียดีกว่า ได้โปรดปล่อยคุณหนูไปด้วยเถิด!!”
ประกายไสวริบหรี่แล่นโฉบผ่านสายตาคู่นั้นของไป๋หลี่หานไปวาบหนึ่ง เฉพาะเวลานี้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจ ว่าเหตุใดเซียถงถึงชิงลงไม้ลงมือกับข้าก่อน ปรากฏว่าทั้งคนใช้ทั้งผู้เป็นนายต่างคิดว่า เขาจับตัวนางกลับมาเพื่อแก้แค้นเรื่องราวในคืนนั้น
ส่งผลให้อิ๋งเอ๋อร์ต้องมาคุกเข่าขอความเมตตาเช่นนี้
“อิ๋งเอ๋อร์ลุกขึ้น!”
สายตาคู่นั้นฉายแววเยียบเย็น เซียถงคำรามน้ำเสียงดุดันใส่อิ๋งเอ๋อร์
“คุณหนู…”
อิ๋งเอ๋อร์เหลือบสายตามองอีกฝ่ายปนแววขี้ขลาด จากนั้นก็รีบหันไปขอขมา ยกมือไหว้ไป๋หลี่หาน อ้อนวอนต่อเขาว่า
“ท่านราชาหมาป่าสวรรค์ คุณหนูของข้าเป็นคนดี ได้โปรดปล่อยนางไปเถิด ข้ายินดีรับโทษทัณฑ์แทนนางทุกอย่าง จะปล่อยให้เป็นหรือตาย ชีวิตของบ่าวคนนี้ล้วนขึ้นอยู่กับความปรารถนาของท่านแล้ว!”
“อิ๋งเอ๋อร์! หากเจ้ากล้าขอความเมตตาจากมันอีกครั้ง ข้าจะเชือดคอเจ้าทิ้งซะ!”
เซียถงจ้องตาอิ๋งเอ๋อร์เขม็ง สีหน้าการแสดงออกคลุมเคลือบไปด้วยความเย็นชา ชีวิตและความตายเป็นสิ่งที่ข้ากำหนดเอง หาใช่เรื่องที่คนนอกอย่างพวกเจ้าจะแส่ตัดสินใจแทน!
อิ๋งเอ๋อร์เหลือบมองคุณหนูของตนอย่างกล้าๆ กลัวๆ สุดท้ายจำใจต้องยืนขึ้น แต่บนใบหน้ายังมิวายฉายปรากฏร่องรอยขอร้องอ้อนวอน
ไป๋หลี่หานได้ฟังบทสนทนาระหว่างบ่าวกับนายที่เริ่มทวีความรุนแรงเยือกเย็นยิ่งขึ้น เขาหันไปถามเซียถงทั้งในท่าขึ้นคร่อม กดแขนกดขาอีกฝ่ายติดบนเตียงเอาไว้แน่น เอ่ยถามขึ้นว่า
“หากห้ามิให้สาวรับใช้ของเจ้าอ้อนวอนขอความเมตตา แสดงว่าตัวเจ้านั้นปรารถนาความตาย?”
พวกนางสองคนนี้คิดว่า ไป๋หลี่หานเป็นใครกัน? ราชาหมาป่าสวรรค์ ปรมาจารย์ยุทธแห่งจักรวรรดิตงหลี่ผู้ยิ่งใหญ่ แต่ตอนนี้กลับโดนสาวน้อยนางหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บ ลอบโจมตีจนต้องพัลวันอยู่บนเตียงเช่นนี้งั้นรึ? แถมยังมีสาวรับใช้ไร้สาระพล่ามพรรณนาไม่หยุดอยู่เคียงข้างอีกต่างหาก!
เช่นนี้จะไม่ให้เขารู้สึกหงุดหงิดได้อย่างไร?
เซียถงสบถวาจาหยามเหยียดขึ้นสวนว่า
“ข้าไม่ปรารถนาที่จะตาย แต่ข้าก็ไม่ต้องการคุกเข่าขอความเมตตาต่อคนน่ารังเกียจเฉกเช่นเจ้า!”
ฉวยโอกาสลักพาตัวนางในขณะที่บาดเจ็บมาเพื่อแก้แค้นเช่นนี้ นับเป็นการกระทำของพวกขี้ขลาดอย่างแท้จริง
“เป็นเช่นนั้น”
ไป๋หลี่หานยพยักหน้ารับรู้ ทันใดนั้นก็ เขายกเข่าขึ้นมากดแขนของเซียถงแทน และใช้มือข้างขวาที่ว่างแล้ว บีบคางสาวน้อยตรงหน้าแน่น ก้มศีรษะโน้มตัวเข้าประกบจูบกับริมฝีปากสีกุหลาบอันอวบอิ่มตรงหน้า หาใช่ความรุนแรงหรือดุดัน แต่เป็นจูบที่นุ่มนวลและอ่อนโยน จากนั้นไป๋หลี่หานก็ถอนศีรษะขึ้นและลุกจากออกไปโดยทันที
จู่ๆ ห้วงสมองของเซียถงพลันลัดวงจร ทุกอย่างในหัวขาวโพลนไปชั่วขณะ นี่…นี่…นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?
ส่วนอิ๋งเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ตรงนั้น ยามนี้ได้ค้างแข็งกลายเป็นรูปปั้นหินเป็นที่เรียบร้อย
“เจ้าบอกข้าเป็นพวกน่ารังเกียจใช่หรือไม่? แล้วไม่คิดบ้างรึที่ข้าพามาพักฟื้นที่นี่ก่อนเพราะความหวังดี? ในเมื่อมองตัวข้าน่ารังเกียจ ข้าก็ขอทำอะไรน่ารังเกียจสักคราแล้วกัน”
ก่อนเดินพ้นประตูจากออกไป ไป๋หลี่หานหันมาส่งยิ้มบางพร้อมทิ้งทวนคำพูดประโยคหนึ่ง สายตาคู่นั้นของเขาเสมือนรู้ดีว่า หญิงสาวนางนี้กำลังคิดอะไรอยู่
บัดซบ! นี่ข้าเสียรู้ให้มันเข้าจริงๆ แล้ว!
เซียถงเดือดจัด สะบัดศีรษะอย่างแรงไปหลายครา กระโดดขึ้นจากเตียง ถาโถมเข้าใส่ร่างไป๋หลี่หานที่ยืนอยู่เบื้องหน้าสุดแรง ยามนี้ไม่มีอาวุธใดๆ ติดตัว เหลือแค่ปากกับฟัน จึงอ้าปากกระโจนกัดแขน พร้อมหวดขาหวังเตะผ่าหมากอีกฝ่ายโดยตรง
ไป๋หลี่หานสูดไอเย็นแช่มลึก ระดมลมปราณกระแสยักษ์ เข้าควบแน่นก่อตัวกลายเป็นเกราะแขนลมปราณสกัดกั้นพลังกัดของเซียถง พร้อมยกฝ่ามือขึ้นตบนางจนกระเด็นกระดอนกลับเข้าเตียงในทันใด
“นี่เจ้าชอบทำให้บุรุษเพศสูญพันธุ์กระมัง?”
เพราะกระบวนฝ่ามือเมื่อครู่ของไป๋หลี่หานจึงสามารถสกัดกระบวนท่าเตะผ่าหมากของเซียถงไปได้อย่างหวุดหวิด
เซียถงดีดตัวลุกขึ้นมาจากเตียงเป็นคำรบสอง แสยะยิ้มกล่าวว่า
“ไม่ใช่แค่นั้น แต่ข้ายังชอบทำแบบนี้ด้วย!”
ทันทีที่สิ้นเสียง ลูกแก้วหลากสีสันพลันโผล่ปรากฏขึ้นจากข้อมือซ้าย พลิกฝ่ามือขึ้น ดีดลูกแก้วยิงใส่ทางไป๋หลี่หานอย่างรวดเร็ว และเป้าหมายของนางยังคงเดิม ก็คือบริเวณเป้าส่วนล่างของไป๋หลี่หาน
หากกล้าดูถูกนาง เช่นนั้นก็ต้องกล้าที่จะรับผลเช่นกัน
จับจ้องไปที่ลูกแก้วเหล่านั้นที่แหวกอากาศยิงเข้าใส่ตน ไป๋หลี่หานเหลียวตัวหลบเลี่ยงโดยไว จากนั้นคล้อยหันย้อนกลับไปมองเซียถง สีหน้ามืดทมิฬปนเศร้าโศกอยู่หลายส่วน ไฉนหญิงสาวนางนี้ถึงต้องใจร้ายกับเขานัก?
“วีรบุรุษใดบ้างที่ฉวยประโยชน์จากผู้อื่นในยามมีอันตราย? หากเจ้ามีปัญญาจริง เช่นนั้นก็จงรอให้ข้ารักษาบาดแผลหายเสียก่อน จากนั้นพวกเรามาประลองฝีมือกันสักครา! หากข้าแพ้ ต้องการอันใดหลังจากนั้น ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับเจ้า!”
เซียถงชี้นิ้วขึ้นท้าทายไป๋หลี่หาน
เพราะยามนี้สภาพร่างกายของนางอ่อนแออย่างยิ่ง จนแทบไม่สามารถระดมใช้ลมปราณออกมาได้เกินครึ่งจากทั้งหมดด้วยซ้ำ ความแตกต่างระหว่างพลังฝีมือในตอนนี้ค่อนข้างห่างชั้นกันเกินไป ยามนี้ควรถอยหนีออกไปก่อนดีกว่า
เมื่อไป๋หลี่หานได้ยินแบบนั้น ก็อดหัวเราะขำขันออกมามิได้ เขาจงใจปั้นหน้าเหยียดหยามดูแคลนแสดงออกไป กล่าวว่า
“หรือคิดจริงๆ ว่า หากมาต่อสู้กันในสภาพสมบูรณ์แล้วจะสามารถเอาชนะข้าได้? ข้าผู้นี้หรือกลัวสตรีอ่อนแอนางหนึ่ง? เพียงแต่เป็นห่วงก็เท่านั้น หากเรื่องการประลองระหว่างข้ากับเจ้าหลุดออกไป เกรงว่าทุกคนในเมืองคงหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของเจ้า?”