ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 463 เจอสหายเก่า (1)
ตอนที่463 เจอสหายเก่า (1)
ตอนที่463 เจอสหายเก่า (1)
หลายหลากคลื่นอารมณ์เปี่ยมล้นอยู่ในใจดวงนี้ของเซี่ยหลู่เฟิง ไม่มีทีว่างใดอื่นให้เรื่องภายนอกเข้าแทรกแซง ดังนั้นแล้ว ตอนที่อิ๋งเอ๋อร์กล่าวว่า ยังมีอีกคนที่มาเยี่ยมเยือนพร้อมกับนาง เซี่ยหลู่เฟิงก็มิได้สนใจเท่าไหร่นัก เพียงเอ่ยถามส่งๆออกไปตามมารยาทเสียเท่านั้นคำหนึ่ง
“คุณหนูฉีเจ้าค่ะ”
พอได้รับกล่องหยกบรรจุโอสถทั้งสิบเม็ด เซี่ยหลู่เฟิงก็พาอิ๋งเอ๋อร์เข้ามานั่งหลบฝนก่อนในเรือนของตนและนำกล่องหยกใบดังกล่าวไปเก็บให้เรียบร้อย เขากลับมาอีกครั้งพร้อมกับกาน้ำชาร้อนในมือ ขณะที่กำลังรินน้ำชาใส่ถ้วยบนโต๊ะ มันก็เป็นจังหวะเดียวกับที่อิ๋งเอ๋อร์ตอบประโยคนี้กลับไป และทันใดนั้น กาน้ำชาในมือเชี่ยหลู่เฟิงพลันหยุดชะงักแข็งค้างไป
“คุณหนูฉี? คุณหนูฉีคนไหน?”
ทันทีที่ได้ยินคำตอบของอิ๋งเอ๋อร์เมื่อครู่ เสมือนโดนสายฟ้าผ่าสะบั้นเข้าใส่กลางจิตใจ!
กาน้ำชาในมือเริ่มสั่นกระเพื่อมรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนท้ายที่สุดเซี่ยหลู่เฟิงไม่สามารถคุมได้ไหว มันหกกระเด็นสาดร้อนไปทั่วทั้งโต๊ะ ดวงตาคู่นั้นของเขาเบิกกว้างด้วยความตกใจสุดขีด รีบหันกลับมาและคว้าข้อมือน้อยๆของอิ๋งเอ๋อร์อย่างแรง เอ่ยถามเสียงกระชากฉุนเฉียวขึ้นทันใดว่า
“ตอบมาสิ! คุณหนูฉีที่ว่าคือใคร! แล้วนางอยู่ที่ไหน? นางมาพร้อมกับเจ้า? แล้วนางไปอยู่กับเจ้าได้ยังไงกัน?! ตอบข้ามา! นี่มันหมายความว่ายังไงกันแน่!??”
คลื่นคำถามจำนวนนับไม่ถ้วนถาโถมเข้าใส่อิ๋งเอ๋อร์ในคราเดียว ทำเอานางอ้าปากค้างพูดไม่ออก เปิดประเด็นมาเยอะปานนี้แล้วจะเริ่มตอบจากตรงไหนดีละ!? และที่ยิ่งไปกว่านั้นมือของเซี่ยหลู่เฟิงก็ยังบีบเสียแน่นราวกับคีมเหล็ก ทำเอาอิ๋งเอ๋อร์รู้สึกราวกับข้อมือตัวเองกำลังจะหัก!
“ฉีหมิงเยว่เจ้าค่ะ! ฉีหมิงเยว่นั่นแหละเจ้าค่ะ!”
อิ๋งเอ๋อร์ร้องระงมเอ่ยตอบปนเสียงครวญครางอย่างเจ็บปวด นางเร่งกล่าวต่อทันทีว่า
“คุณชายใหญ่เจ้าค่ะ! ข้อมือของบ่าวเจียนจะหักแล้วเจ้าค่ะ!”
“อ๊ะ! ขะ-ขอโทษด้วย!”
เซี่ยหลู่เฟิงที่เพิ่งได้สติก็รีบปล่อยมือทันควัน และกล่าวขอโทษขอโพยอย่างรวดเร็ว คู่คิ้วหนาถักขมวดเจือแววละอายใจเล็กๆ อาจเป็นเพราะอยู่กับเซียถงเป็นเวลานาน อิ๋งเอ๋อร์ในปัจจุบันจึงดูไม่เหมือนกับสาวรับใช้เท่าไหร่แล้ว หาใช่หญิงสาวที่จะเชื่อฟังใครโดยง่ายดั่งแต่ก่อน ส่งผลให้ในสายตาของเซี่ยหลู่เฟิง นางก็คือหญิงสาวหน้าตางดงามนางหนึ่ง
แล้วไปเผลอใช้แรงใช้กำลังกับนางเฉกเช่นนี้ เขาจะไม่รู้สึกประหม่าได้เยี่ยงไร?
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะคุณชายใหญ่ คุณหนูฉีที่บ่าวเอ่ยถึงก็คือหญิงคนเดียวกับที่ท่านคิดนั่นแหละเจ้าค่ะ”
อิ๋งเอ๋อร์ที่เห็นอีกฝ่ายหน้าเสียดูเจื่อลงหลายส่วน ก็รีบโบกมือปัดตัดเข้าประเด็นหลักต่อทันที
แต่อย่างไร สีหน้าการแสดงออกของเซี่ยหลู่เฟิงก็กลับมามืดหม่นอีกครั้งหลังจากดีใจได้ไม่นาน
หาใช่ว่าฉีหมิงเยว่อยู่กับย่าเฟิงหรอกรึ?
เซี่ยหลู่เฟิงยังจดจำได้แม่นยำถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น ครั้งสุดท้ายที่เขาและนางได้พบกันคือท่ามกลางยอดเขาบนป่าสน สีหน้าของนางในเวลานั้นเจ็บปวดรวดร้าวปานใด ใครจะไปคิดลืมเลือนได้ลง? นางใช้ร่างกายตัวเองเป็นโล่เพื่อปกป้องตัวเขาจากคมกระบี่ โดนแทงในครั้งนั้นคงสาหัสสากรรจ์เกินจะพรรณนาได้ ไม่สิ…ความเจ็บปวดทางร่างกายใดเล่าจะมหาศาลเทียบเท่าความเจ็บปวดทางด้านจิตใจของนาง!
จักรวรรดิบ้านเกิดของนางถูกทำลายไม่เหลือซาก และทั้งหมดเป็นเพราะตัวเขาเองทั้งสิ้น นางในปัจจุบันคงเกลียดชังในตัวเขายิ่งกว่าอะไรดี…
สัมผัสได้ถึงมวลอารมณ์ความสิ้นหวังของอีกฝ่ายที่อยู่ต่อหน้า อิ๋งเอ๋อร์ก็ลุกขึ้นเดินไปหาทันทีและกล่าวว่า
“คุณชายใหญ่ คุณหนูฉียังคงรอท่านอยู่ที่แห่งนั้น ท่านต้องการจะไปพบนางหรือไม่?”
องค์ราชินีของบ่าว ท่านสันนิษฐานได้แม่นยำเสียเหลือเกิน! ราวกับรู้ว่าทันทีที่คุณชายใหญ่ได้ยินเรื่องนี้แล้ว เขาจะปั้นสีหน้าอย่างไร!
อิ๋งเอ๋อร์ยังคงกล่าวต่อ ตามบทพูดที่เซียถงกำชับบอกนางไว้ว่า
“จะอย่างไร บ่าวได้นำโอสถมาส่งมอบแก่ท่านเสร็จสิ้นแล้ว รวมไปถึงนำเรื่องราวเหล่านี้มาบอกกล่าว จะไปหาหรือไม่ล้วนขึ้นอยู่กับท่าน ส่วนบ่าวขอตัวไปหาฮูหยินใหญ่ก่อน ขอลาเจ้าค่ะ!”
พูดจบอิ๋งเอ๋อร์ก็หมุนตัวเดินจากออกไปทันที! เซี่ยหลู่เฟิงเฝ้ามองแผ่นหลังของหญิงสาวที่กำลังเดินไกลห่างออกไป ทว่าภายในใจยังเต็มไปด้วยความสับสนรวนเร
กล่าวได้ว่า ช่วงเวลานี้ถือเป็นขาขึ้นของชีวิตฮูหยินหลี่อย่างแท้จริง แต่ละวันที่ผ่านพ้น ล้วนเปี่ยมล้นไปด้วยความเสวยสุข อิ๋งเอ๋อร์เดินทางไปยังเรือนหลังที่ใหญ่ที่สุดของจวนมหาเสนาบดีเซี่ย และสถานที่แห่งนี้เองก็คือ เรือนพักอาศัยในปัจจุบันของฮูหยินหลี่ หลังจากเข้ามา นางก็นั่งสนทนาถามไถ่ถึงสารทุกข์สุขดิบกับฮูหยินหลี่ตามปกติ แต่แน่นอน ทุกคำพูดที่อิ๋งเอ๋อร์กล่าวออกมา ล้วนมาจากบทพูดสวยหรูที่เซียถงคัดสรรมาเป็นอย่างดีทั้งนั้น
จะให้บอกว่า ท่านแม่ของไป๋หลี่หานกำลังทำตัวเป็นปฏิปักษ์ต่อลูกสาวตัวเอง เนื่องด้วยอีกฝ่ายกำลังสงสัยว่า นางเป็นตัวหมากขององค์จักรพรรตงหลี่ เกรงว่าหากรู้เข้า มีหวังอาการป่วยของฮูหยินหลี่ได้ทรุดหนักกันไปใหญ่!
แล้วจากนั้น อิ๋งเอ๋อร์ก็ปิดท้ายโดยการมอบสมุนไพรและโอสถจำนวนหนึ่งแก่ฮูหยินหลี่ โดยระบุย้ำชัดเจนว่า นี่คือโอสถที่เซียถงตั้งใจหลอมกลั่นให้เป็นพิเศษ เพื่อใช้บำรุงร่างกายของนางให้แข็งแรง
ฮูหยินหลี่ที่ได้ยินเรื่องราวดีๆของเซียถงจากปากของอิ๋งเอ๋อร์ ก็ทำเอาน้ำตามซึมอดร้องไห้ออกมามิได้ นางรีบวานให้อาจูนำสมุนไพรและโอสถหอบใหญ่ไปเก็บโดยทันที แต่พริบตานั้นเอง อิ๋งเอ๋อร์ที่ได้รับการอบรมจากเซียถงมาเป็นอย่างดีก่อนมาเมืองเฟิงหลี่ในครั้งนี้ ก็จับสังเกตท่าทีผิดแปลกของฮูหลินหลี่ได้ จึงตะล่อมซักถามจนได้ความว่า แท้จริงแล้ว ฮูหยินหลี่ต้องการจะเก็บสมุนไพรและโอสถทั้งหมดนี้ให้สำหรับเซี่ยอี้เฉิงไว้ใช้บำรุงร่างกายแทน
อื๋งเอ๋อร์ได้ทราบดังนั้นถึงกับส่ายหัวอาน พลางถอนหายใจเฮือกหนึ่ง แอบรู้สึกชื่นชมเซียถงอย่างลับๆ ทั้งที่องค์ราชินีมิได้เดินทางมาด้วยตัวเองแท้ๆ แต่กลับสามารถคาดเดาปฏิกิริยาของทุกคนในจวนแห่งนี้ได้ราวกับตาเห็น!
อิ๋งเอ๋อร์รีบกล่าวขึ้นทันทีว่า
“เรียนฮูหยินใหญ่ โอสถเหล่านี้ ท่านเก็บไว้ใช้รับประทานเองจะดีกว่าเจ้าค่ะ เนื่องด้วยพวกมันแต่ละเม็ด ต่างได้รับการหลอมกลั่นด้วยกลวิธีพิเศษจากองค์ราชินี เพื่อใช้สำหรับท่านโดยเฉพาะ ส่งผลให้คุณสมบัติของโอสถค่อนข้างเฉพาะเจาะจงตามไปด้วย หากให้นายท่านรับประทานเกรงว่าจะได้โทษแทนคุณ”
“หมายความว่าเยี่ยงไร? ในฐานะผู้เป็นแม่ ข้าย่อมตระหนักถึงความสามารถของถงเอ๋อร์เป็นอย่างดี และทราบว่า โอสถที่นางหลอมกลั่นขึ้นมาล้วนแต่เป็นโอสถทรงประสิทธิภาพ บางทีอาจเป็นหนึ่งในโอสถที่ดีที่สุดในทวีปเทียนหลางก็หาได้เกินจริงไม่ เช่นนั้น หากให้ท่านพี่รับประทาน จะได้โทษแทนคุณอย่างไรกัน?”
ฮูหยินหลี่คล้ายว่าจะไม่ค่อยเข้าใจความหมายในคำกล่าวของอิ๋งเอ๋อร์เท่าไหร่นัก
“เรียนฮูหยินใหญ่ สิ่งที่บ่าวกล่าวไปล้วนแต่เป็นความจริง หากนายท่านเผลอกินโอสถเหล่านี้เข้าไป ภายในสิบวัน น้ำเสียงของเขาจะเริ่มเล็กแหลม ทั้งเส้นผมและเคราที่ไว้อยู่จะเริ่มหลุดร่วง จากนั้นก็…”
อิ๋งเอ๋อร์แสร้งปั้นสีหน้าลำบากใจไม่กล้าพูดต่อ จากนั้นก็โค้งศีรษะคำนับให้และเตรียมจะลุกขึ้นจากไปทันที
ฮูหยินหลี่ที่ฟังมาถึงตรงนี้ก็ถึงกับตกตะลึงทันควัน นางเข้าใจทันทีถึงผลเสียดังกล่าว!
“แต่หากเป็นสมุนไพร ฮูหยินใหญ่สามารถมอบให้นายท่านต้มดื่มได้ไม่มีปัญหาอะไรเจ้าค่ะ”
และนี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม เซียถงถึงนำสมุนไพรจำนวนหนึ่งพ่วงติดมากับโอสถชุดนี้ด้วยนั้นเอง
บอกลากันเป็นครั้งสุดท้ายเสร็จสรรพ อิ๋งเอ๋อร์ก็กำลังจะขอตัวลาจากออกมา แต่ทันใดนั้น นางก็ดันเหลือบหางตาไปเป็นชายสวมเสื้อคลุมสีครามกำลังด้อมๆมองๆอยู่ที่มุมประตูหน้าเรือน
อิ๋งเอ๋อร์ตะลึงงันอยู่สักพัก จะว่าไปแล้ว ตั้งแต่ที่ฮูหยินรองเฉิงตายไป ก็ดูเหมือนว่าชีวิตของสองพี่น้องอย่างเซี่ยหลู่เฟิงและเซี่ยเสวี่ยเหลียนก็ดูเปลี่ยนไปมาก อย่างคนน้องก็กลายเป็นบ้า ถูกจับขังอยู่ในกระท่อมเก็บฝืน ส่วนคนพี่อย่างเซี่ยหลู่เฟิงเองก็น่าหดหู่ไม่น้อยเช่นกัน เพราะเรือนพักอาศัยของเขาที่อิ๋งเอ๋อร์เข้าไปหาก่อนหน้า สภาพก็ค่อนข้างเก่าแก่ทรุดโทรม ขนาดก็ค่อนข้างเล็ก
แล้วมาตอนนี้ แม้แต่จะเข้ามาในเรือนพักของฮูหยินหลี่ เขาเองก็ยังไม่กล้าด้วยซ้ำ!
ฮูหยินหลี่ที่เห็นสีหน้าแววตาของอิ๋งเอ๋อร์ก็เข้าใจได้ทันที จึงเดินติดตามเข้าหาและกล่าวอธิบายพอสังเขปให้ฟังเพิ่มว่า
ในปัจจุบัน ทุกครั้งที่เซี่ยอี้เฉิงเรียกตัวเซี่ยหลู่เฟิงไปสั่งสอนลงโทษ ก็เป็นหน้าที่ของนางนี่แหละที่ต้องเข้าห้ามปรามหยุดไว้
เพราะว่าเซี่ยอี้เฉิงยังเห็นแก่หน้าเซียถง จึงทำให้เขาค่อนข้างเกรงใจฮูหยินหลี่อยู่หลายส่วน
อิ๋งเอ๋อร์พยักหน้าให้ฮูหยินหลี่เล็กน้อย ก่อนลาจากกัน นางหันมาส่งยิ้มให้ฮูหยินหลี่และเอ่ยกระซิบเสียงต่ำขึ้นข้างหูอีกฝ่ายว่า
“ฮูหยินใหญ่อย่าได้เป็นห่วง อีกไม่นาน คุณชายใหญ่ก็จะกลับมายิ้มได้ดังเดิมแล้ว!”
ฮูหยินหลี่ที่ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกงุนงงอยู่บ้าง แต่ในเมื่อเป็นเรื่องที่ดี สิ่งนี้ก็ทำให้นางมีความสุขเช่นกัน นางระบายยิ้มบางถามกลับไปกว่า
“หื้ม? กำลังมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นกับเฟิงเอ๋อร์กระมัง?”
“แน่นอนเจ้าค่ะ!”
จากนั้นต่างฝ่ายก็ต่างโบกมือลาแก่กัน แต่เมื่ออิ๋งเอ๋อร์เดินออกมาหน้าประตูเรือน กลับไม่พบเซี่ยหลู่เฟิงอยู่แถวนี้เสียแล้ว ถึงอย่างไร นางก็สัมผัสได้เล็กน้อยว่า อีกฝ่ายน่าจะกำลังเดินติดตามนางอยู่
อิ๋งเอ๋อร์จากจวนมหาเสนาบดีเซี่ยออกมา เพราะเที่ยวเดินทางมาเยี่ยมเยือนครั้งนี้นางมิได้พักแรมอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว แต่ได้รับสิทธิ์พิเศษ ให้เข้าพักค้างคืนในคฤหาสน์ส่วนตัวของราชาหมาป่าสวรรค์ในเมืองเฟิงหลี่ได้อย่างอิสรเสรี
อิ๋งเอ๋อร์ตรงเข้าคฤหาสน์หลังนั้นไป ทว่าเซี่ยอี้เฉิงที่ลอบติดตามไล่หลังกลับรู้สึกใจสั่นอย่างบอกไม่ถูก เพราะเขาตระหนักดีว่า สถานที่แห่งนี้คือคฤหาสน์ส่วนตัวของท่านราชาหมาป่าสวรรค์ผู้นั้น และการจะเข้าไปภายในนี้ได้กลับไม่สามารถทำได้โดยง่าย แต่อย่างไร เขาจำต้องทราบที่อยู่และข่าวคราวของฉีหมิงเยว่โดยด่วนที่สุดเช่นกัน เพราะเรื่องของนางมันเข้ากวนใจเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่มีหยุดพักเลย
เซี่ยหลู่เฟิงยังคงลังเลไม่กล้าเข้าไปสักที จนท้ายที่สุดเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมองอีกครั้ง ก็เห็นอิ๋งเอ๋อร์ปรากฏกายอยู่ต่อหน้า
“คุณชายใหญ่ ตกลงจะเข้ามาหรือไม่เจ้าค่ะ?”
238 1-2
ตอนที่463 เจอสหายเก่า (1)
หลายหลากคลื่นอารมณ์เปี่ยมล้นอยู่ในใจดวงนี้ของเซี่ยหลู่เฟิง ไม่มีทีว่างใดอื่นให้เรื่องภายนอกเข้าแทรกแซง ดังนั้นแล้ว ตอนที่อิ๋งเอ๋อร์กล่าวว่า ยังมีอีกคนที่มาเยี่ยมเยือนพร้อมกับนาง เซี่ยหลู่เฟิงก็มิได้สนใจเท่าไหร่นัก เพียงเอ่ยถามส่งๆออกไปตามมารยาทเสียเท่านั้นคำหนึ่ง
“คุณหนูฉีเจ้าค่ะ”
พอได้รับกล่องหยกบรรจุโอสถทั้งสิบเม็ด เซี่ยหลู่เฟิงก็พาอิ๋งเอ๋อร์เข้ามานั่งหลบฝนก่อนในเรือนของตนและนำกล่องหยกใบดังกล่าวไปเก็บให้เรียบร้อย เขากลับมาอีกครั้งพร้อมกับกาน้ำชาร้อนในมือ ขณะที่กำลังรินน้ำชาใส่ถ้วยบนโต๊ะ มันก็เป็นจังหวะเดียวกับที่อิ๋งเอ๋อร์ตอบประโยคนี้กลับไป และทันใดนั้น กาน้ำชาในมือเชี่ยหลู่เฟิงพลันหยุดชะงักแข็งค้างไป
“คุณหนูฉี? คุณหนูฉีคนไหน?”
ทันทีที่ได้ยินคำตอบของอิ๋งเอ๋อร์เมื่อครู่ เสมือนโดนสายฟ้าผ่าสะบั้นเข้าใส่กลางจิตใจ!
กาน้ำชาในมือเริ่มสั่นกระเพื่อมรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนท้ายที่สุดเซี่ยหลู่เฟิงไม่สามารถคุมได้ไหว มันหกกระเด็นสาดร้อนไปทั่วทั้งโต๊ะ ดวงตาคู่นั้นของเขาเบิกกว้างด้วยความตกใจสุดขีด รีบหันกลับมาและคว้าข้อมือน้อยๆของอิ๋งเอ๋อร์อย่างแรง เอ่ยถามเสียงกระชากฉุนเฉียวขึ้นทันใดว่า
“ตอบมาสิ! คุณหนูฉีที่ว่าคือใคร! แล้วนางอยู่ที่ไหน? นางมาพร้อมกับเจ้า? แล้วนางไปอยู่กับเจ้าได้ยังไงกัน?! ตอบข้ามา! นี่มันหมายความว่ายังไงกันแน่!??”
คลื่นคำถามจำนวนนับไม่ถ้วนถาโถมเข้าใส่อิ๋งเอ๋อร์ในคราเดียว ทำเอานางอ้าปากค้างพูดไม่ออก เปิดประเด็นมาเยอะปานนี้แล้วจะเริ่มตอบจากตรงไหนดีละ!? และที่ยิ่งไปกว่านั้นมือของเซี่ยหลู่เฟิงก็ยังบีบเสียแน่นราวกับคีมเหล็ก ทำเอาอิ๋งเอ๋อร์รู้สึกราวกับข้อมือตัวเองกำลังจะหัก!
“ฉีหมิงเยว่เจ้าค่ะ! ฉีหมิงเยว่นั่นแหละเจ้าค่ะ!”
อิ๋งเอ๋อร์ร้องระงมเอ่ยตอบปนเสียงครวญครางอย่างเจ็บปวด นางเร่งกล่าวต่อทันทีว่า
“คุณชายใหญ่เจ้าค่ะ! ข้อมือของบ่าวเจียนจะหักแล้วเจ้าค่ะ!”
“อ๊ะ! ขะ-ขอโทษด้วย!”
เซี่ยหลู่เฟิงที่เพิ่งได้สติก็รีบปล่อยมือทันควัน และกล่าวขอโทษขอโพยอย่างรวดเร็ว คู่คิ้วหนาถักขมวดเจือแววละอายใจเล็กๆ อาจเป็นเพราะอยู่กับเซียถงเป็นเวลานาน อิ๋งเอ๋อร์ในปัจจุบันจึงดูไม่เหมือนกับสาวรับใช้เท่าไหร่แล้ว หาใช่หญิงสาวที่จะเชื่อฟังใครโดยง่ายดั่งแต่ก่อน ส่งผลให้ในสายตาของเซี่ยหลู่เฟิง นางก็คือหญิงสาวหน้าตางดงามนางหนึ่ง
แล้วไปเผลอใช้แรงใช้กำลังกับนางเฉกเช่นนี้ เขาจะไม่รู้สึกประหม่าได้เยี่ยงไร?
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะคุณชายใหญ่ คุณหนูฉีที่บ่าวเอ่ยถึงก็คือหญิงคนเดียวกับที่ท่านคิดนั่นแหละเจ้าค่ะ”
อิ๋งเอ๋อร์ที่เห็นอีกฝ่ายหน้าเสียดูเจื่อลงหลายส่วน ก็รีบโบกมือปัดตัดเข้าประเด็นหลักต่อทันที
แต่อย่างไร สีหน้าการแสดงออกของเซี่ยหลู่เฟิงก็กลับมามืดหม่นอีกครั้งหลังจากดีใจได้ไม่นาน
หาใช่ว่าฉีหมิงเยว่อยู่กับย่าเฟิงหรอกรึ?
เซี่ยหลู่เฟิงยังจดจำได้แม่นยำถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น ครั้งสุดท้ายที่เขาและนางได้พบกันคือท่ามกลางยอดเขาบนป่าสน สีหน้าของนางในเวลานั้นเจ็บปวดรวดร้าวปานใด ใครจะไปคิดลืมเลือนได้ลง? นางใช้ร่างกายตัวเองเป็นโล่เพื่อปกป้องตัวเขาจากคมกระบี่ โดนแทงในครั้งนั้นคงสาหัสสากรรจ์เกินจะพรรณนาได้ ไม่สิ…ความเจ็บปวดทางร่างกายใดเล่าจะมหาศาลเทียบเท่าความเจ็บปวดทางด้านจิตใจของนาง!
จักรวรรดิบ้านเกิดของนางถูกทำลายไม่เหลือซาก และทั้งหมดเป็นเพราะตัวเขาเองทั้งสิ้น นางในปัจจุบันคงเกลียดชังในตัวเขายิ่งกว่าอะไรดี…
สัมผัสได้ถึงมวลอารมณ์ความสิ้นหวังของอีกฝ่ายที่อยู่ต่อหน้า อิ๋งเอ๋อร์ก็ลุกขึ้นเดินไปหาทันทีและกล่าวว่า
“คุณชายใหญ่ คุณหนูฉียังคงรอท่านอยู่ที่แห่งนั้น ท่านต้องการจะไปพบนางหรือไม่?”
องค์ราชินีของบ่าว ท่านสันนิษฐานได้แม่นยำเสียเหลือเกิน! ราวกับรู้ว่าทันทีที่คุณชายใหญ่ได้ยินเรื่องนี้แล้ว เขาจะปั้นสีหน้าอย่างไร!
อิ๋งเอ๋อร์ยังคงกล่าวต่อ ตามบทพูดที่เซียถงกำชับบอกนางไว้ว่า
“จะอย่างไร บ่าวได้นำโอสถมาส่งมอบแก่ท่านเสร็จสิ้นแล้ว รวมไปถึงนำเรื่องราวเหล่านี้มาบอกกล่าว จะไปหาหรือไม่ล้วนขึ้นอยู่กับท่าน ส่วนบ่าวขอตัวไปหาฮูหยินใหญ่ก่อน ขอลาเจ้าค่ะ!”
พูดจบอิ๋งเอ๋อร์ก็หมุนตัวเดินจากออกไปทันที! เซี่ยหลู่เฟิงเฝ้ามองแผ่นหลังของหญิงสาวที่กำลังเดินไกลห่างออกไป ทว่าภายในใจยังเต็มไปด้วยความสับสนรวนเร
กล่าวได้ว่า ช่วงเวลานี้ถือเป็นขาขึ้นของชีวิตฮูหยินหลี่อย่างแท้จริง แต่ละวันที่ผ่านพ้น ล้วนเปี่ยมล้นไปด้วยความเสวยสุข อิ๋งเอ๋อร์เดินทางไปยังเรือนหลังที่ใหญ่ที่สุดของจวนมหาเสนาบดีเซี่ย และสถานที่แห่งนี้เองก็คือ เรือนพักอาศัยในปัจจุบันของฮูหยินหลี่ หลังจากเข้ามา นางก็นั่งสนทนาถามไถ่ถึงสารทุกข์สุขดิบกับฮูหยินหลี่ตามปกติ แต่แน่นอน ทุกคำพูดที่อิ๋งเอ๋อร์กล่าวออกมา ล้วนมาจากบทพูดสวยหรูที่เซียถงคัดสรรมาเป็นอย่างดีทั้งนั้น
จะให้บอกว่า ท่านแม่ของไป๋หลี่หานกำลังทำตัวเป็นปฏิปักษ์ต่อลูกสาวตัวเอง เนื่องด้วยอีกฝ่ายกำลังสงสัยว่า นางเป็นตัวหมากขององค์จักรพรรตงหลี่ เกรงว่าหากรู้เข้า มีหวังอาการป่วยของฮูหยินหลี่ได้ทรุดหนักกันไปใหญ่!
แล้วจากนั้น อิ๋งเอ๋อร์ก็ปิดท้ายโดยการมอบสมุนไพรและโอสถจำนวนหนึ่งแก่ฮูหยินหลี่ โดยระบุย้ำชัดเจนว่า นี่คือโอสถที่เซียถงตั้งใจหลอมกลั่นให้เป็นพิเศษ เพื่อใช้บำรุงร่างกายของนางให้แข็งแรง
ฮูหยินหลี่ที่ได้ยินเรื่องราวดีๆของเซียถงจากปากของอิ๋งเอ๋อร์ ก็ทำเอาน้ำตามซึมอดร้องไห้ออกมามิได้ นางรีบวานให้อาจูนำสมุนไพรและโอสถหอบใหญ่ไปเก็บโดยทันที แต่พริบตานั้นเอง อิ๋งเอ๋อร์ที่ได้รับการอบรมจากเซียถงมาเป็นอย่างดีก่อนมาเมืองเฟิงหลี่ในครั้งนี้ ก็จับสังเกตท่าทีผิดแปลกของฮูหลินหลี่ได้ จึงตะล่อมซักถามจนได้ความว่า แท้จริงแล้ว ฮูหยินหลี่ต้องการจะเก็บสมุนไพรและโอสถทั้งหมดนี้ให้สำหรับเซี่ยอี้เฉิงไว้ใช้บำรุงร่างกายแทน
อื๋งเอ๋อร์ได้ทราบดังนั้นถึงกับส่ายหัวอาน พลางถอนหายใจเฮือกหนึ่ง แอบรู้สึกชื่นชมเซียถงอย่างลับๆ ทั้งที่องค์ราชินีมิได้เดินทางมาด้วยตัวเองแท้ๆ แต่กลับสามารถคาดเดาปฏิกิริยาของทุกคนในจวนแห่งนี้ได้ราวกับตาเห็น!
อิ๋งเอ๋อร์รีบกล่าวขึ้นทันทีว่า
“เรียนฮูหยินใหญ่ โอสถเหล่านี้ ท่านเก็บไว้ใช้รับประทานเองจะดีกว่าเจ้าค่ะ เนื่องด้วยพวกมันแต่ละเม็ด ต่างได้รับการหลอมกลั่นด้วยกลวิธีพิเศษจากองค์ราชินี เพื่อใช้สำหรับท่านโดยเฉพาะ ส่งผลให้คุณสมบัติของโอสถค่อนข้างเฉพาะเจาะจงตามไปด้วย หากให้นายท่านรับประทานเกรงว่าจะได้โทษแทนคุณ”
“หมายความว่าเยี่ยงไร? ในฐานะผู้เป็นแม่ ข้าย่อมตระหนักถึงความสามารถของถงเอ๋อร์เป็นอย่างดี และทราบว่า โอสถที่นางหลอมกลั่นขึ้นมาล้วนแต่เป็นโอสถทรงประสิทธิภาพ บางทีอาจเป็นหนึ่งในโอสถที่ดีที่สุดในทวีปเทียนหลางก็หาได้เกินจริงไม่ เช่นนั้น หากให้ท่านพี่รับประทาน จะได้โทษแทนคุณอย่างไรกัน?”
ฮูหยินหลี่คล้ายว่าจะไม่ค่อยเข้าใจความหมายในคำกล่าวของอิ๋งเอ๋อร์เท่าไหร่นัก
“เรียนฮูหยินใหญ่ สิ่งที่บ่าวกล่าวไปล้วนแต่เป็นความจริง หากนายท่านเผลอกินโอสถเหล่านี้เข้าไป ภายในสิบวัน น้ำเสียงของเขาจะเริ่มเล็กแหลม ทั้งเส้นผมและเคราที่ไว้อยู่จะเริ่มหลุดร่วง จากนั้นก็…”
อิ๋งเอ๋อร์แสร้งปั้นสีหน้าลำบากใจไม่กล้าพูดต่อ จากนั้นก็โค้งศีรษะคำนับให้และเตรียมจะลุกขึ้นจากไปทันที
ฮูหยินหลี่ที่ฟังมาถึงตรงนี้ก็ถึงกับตกตะลึงทันควัน นางเข้าใจทันทีถึงผลเสียดังกล่าว!
“แต่หากเป็นสมุนไพร ฮูหยินใหญ่สามารถมอบให้นายท่านต้มดื่มได้ไม่มีปัญหาอะไรเจ้าค่ะ”
และนี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม เซียถงถึงนำสมุนไพรจำนวนหนึ่งพ่วงติดมากับโอสถชุดนี้ด้วยนั้นเอง
บอกลากันเป็นครั้งสุดท้ายเสร็จสรรพ อิ๋งเอ๋อร์ก็กำลังจะขอตัวลาจากออกมา แต่ทันใดนั้น นางก็ดันเหลือบหางตาไปเป็นชายสวมเสื้อคลุมสีครามกำลังด้อมๆมองๆอยู่ที่มุมประตูหน้าเรือน
อิ๋งเอ๋อร์ตะลึงงันอยู่สักพัก จะว่าไปแล้ว ตั้งแต่ที่ฮูหยินรองเฉิงตายไป ก็ดูเหมือนว่าชีวิตของสองพี่น้องอย่างเซี่ยหลู่เฟิงและเซี่ยเสวี่ยเหลียนก็ดูเปลี่ยนไปมาก อย่างคนน้องก็กลายเป็นบ้า ถูกจับขังอยู่ในกระท่อมเก็บฝืน ส่วนคนพี่อย่างเซี่ยหลู่เฟิงเองก็น่าหดหู่ไม่น้อยเช่นกัน เพราะเรือนพักอาศัยของเขาที่อิ๋งเอ๋อร์เข้าไปหาก่อนหน้า สภาพก็ค่อนข้างเก่าแก่ทรุดโทรม ขนาดก็ค่อนข้างเล็ก
แล้วมาตอนนี้ แม้แต่จะเข้ามาในเรือนพักของฮูหยินหลี่ เขาเองก็ยังไม่กล้าด้วยซ้ำ!
ฮูหยินหลี่ที่เห็นสีหน้าแววตาของอิ๋งเอ๋อร์ก็เข้าใจได้ทันที จึงเดินติดตามเข้าหาและกล่าวอธิบายพอสังเขปให้ฟังเพิ่มว่า
ในปัจจุบัน ทุกครั้งที่เซี่ยอี้เฉิงเรียกตัวเซี่ยหลู่เฟิงไปสั่งสอนลงโทษ ก็เป็นหน้าที่ของนางนี่แหละที่ต้องเข้าห้ามปรามหยุดไว้
เพราะว่าเซี่ยอี้เฉิงยังเห็นแก่หน้าเซียถง จึงทำให้เขาค่อนข้างเกรงใจฮูหยินหลี่อยู่หลายส่วน
อิ๋งเอ๋อร์พยักหน้าให้ฮูหยินหลี่เล็กน้อย ก่อนลาจากกัน นางหันมาส่งยิ้มให้ฮูหยินหลี่และเอ่ยกระซิบเสียงต่ำขึ้นข้างหูอีกฝ่ายว่า
“ฮูหยินใหญ่อย่าได้เป็นห่วง อีกไม่นาน คุณชายใหญ่ก็จะกลับมายิ้มได้ดังเดิมแล้ว!”
ฮูหยินหลี่ที่ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกงุนงงอยู่บ้าง แต่ในเมื่อเป็นเรื่องที่ดี สิ่งนี้ก็ทำให้นางมีความสุขเช่นกัน นางระบายยิ้มบางถามกลับไปกว่า
“หื้ม? กำลังมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นกับเฟิงเอ๋อร์กระมัง?”
“แน่นอนเจ้าค่ะ!”
จากนั้นต่างฝ่ายก็ต่างโบกมือลาแก่กัน แต่เมื่ออิ๋งเอ๋อร์เดินออกมาหน้าประตูเรือน กลับไม่พบเซี่ยหลู่เฟิงอยู่แถวนี้เสียแล้ว ถึงอย่างไร นางก็สัมผัสได้เล็กน้อยว่า อีกฝ่ายน่าจะกำลังเดินติดตามนางอยู่
อิ๋งเอ๋อร์จากจวนมหาเสนาบดีเซี่ยออกมา เพราะเที่ยวเดินทางมาเยี่ยมเยือนครั้งนี้นางมิได้พักแรมอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว แต่ได้รับสิทธิ์พิเศษ ให้เข้าพักค้างคืนในคฤหาสน์ส่วนตัวของราชาหมาป่าสวรรค์ในเมืองเฟิงหลี่ได้อย่างอิสรเสรี
อิ๋งเอ๋อร์ตรงเข้าคฤหาสน์หลังนั้นไป ทว่าเซี่ยอี้เฉิงที่ลอบติดตามไล่หลังกลับรู้สึกใจสั่นอย่างบอกไม่ถูก เพราะเขาตระหนักดีว่า สถานที่แห่งนี้คือคฤหาสน์ส่วนตัวของท่านราชาหมาป่าสวรรค์ผู้นั้น และการจะเข้าไปภายในนี้ได้กลับไม่สามารถทำได้โดยง่าย แต่อย่างไร เขาจำต้องทราบที่อยู่และข่าวคราวของฉีหมิงเยว่โดยด่วนที่สุดเช่นกัน เพราะเรื่องของนางมันเข้ากวนใจเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่มีหยุดพักเลย
เซี่ยหลู่เฟิงยังคงลังเลไม่กล้าเข้าไปสักที จนท้ายที่สุดเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมองอีกครั้ง ก็เห็นอิ๋งเอ๋อร์ปรากฏกายอยู่ต่อหน้า
“คุณชายใหญ่ ตกลงจะเข้ามาหรือไม่เจ้าค่ะ?”