ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 466 จงเห่าหอนก่อนตายเสีย (2)
ตอนที่466 จงเห่าหอนก่อนตายเสีย (2)
ตอนที่466 จงเห่าหอนก่อนตายเสีย (2)
เซียถงกระตุกมุมปากอย่างไม่แยแส แต่ทันใดนั้น จู่ๆนางก็แสร้งปั้นหน้าไร้เดียงสา ราวกับสาวน้อยใสซื่อบริสุทธิ์คนหนึ่ง ทั้งยังกล่าวกับชายเครารุงรังด้วยน้ำเสียงหวานฉ่ำว่า
“เมื่อครู่ท่านกล่าวอันใดรึ? เราผู้ต่ำต้อยได้ยินไม่ชัดถนัดหูนัก?”
ลักษณะท่าทางของเซียถงในเวลานี้แทบดูไม่ต่างอะไรกับสาวน้อยไร้พิษสงผู้แสนน่ารักน่าชัง
เห็นนางเป็นเช่นนั้น ชายหนวดเครารุงรังก็อดกลืนน้ำลายมิได้ ยกหมัดชูชันตั้งขึ้นพลางลูบไปมา เอ่ยขึ้นว่า
“สาวน้อย เจ้านี่ช่างงดงามโดยแท้! หากเจ้าเต็มใจติดตามข้ามา ขอสัญญาเลยว่าจะดูแลเป็นอย่างดี ไม่ทำให้เจ้าต้องเสียใจแน่นอน…”
“จริงรึ? แต่น่าเสียดายนัก…สามีของข้าเป็นผู้ทรงอำนาจ แถมยังแกร่งกล้าเกินจินตนาการ หากหนีตามท่านไป เกรงว่าท่านจะต้องถูกไล่ล่าสุดขอบผืนพิภพเป็นแน่… ขะ-ข้า…ข้ากลัวเหลือเกิน!”
พล่ามกล่าวเล่นละครฉากหนึ่งออกไปเช่นนั้น เซียถงก็พลางยกสองมือขึ้นกอดตัวเองเบาๆ ทั้งเนื้อทั้งตัวสั่นเทาเกินต้านทาน ดวงตาประกายแพรวพราวคู่นั้นเห่อร้อนเปรอะเปื้อนน้ำตาที่เริ่มเอ่อล้น ภาพฉากของหญิงสาวท่ามกลางความอ่อนแอและสิ้นหวังเช่นนี้ บุรุษชายใดได้พบเห็นต่างก็ต้องรู้สึกใจอ่อนและต้องการเข้าปกป้องกันทั้งสิ้น
“อย่ากลัวไปเลยสาวน้อย รู้หรือไม่ว่าข้าผู้นี้เป็นใคร? เพราะเห็นแก่เจ้าจึงยอมบอกสักครา แท้ที่จริงแล้ว ข้าคือแม่ทัพใหญ่แห่งจักรวรรดิตะวันตก เฟยเหล่ย! ไม่ว่าสามีของเจ้านั้นจะแกร่งกล้าปานใด มีหรือที่จะสามารถพิชิตข้า เฟยเหล่ยผู้นี้ลงได้!”
ได้ยินเช่นนั้น เซียถงตาเป็นประกายไสววาบ ทุกอย่างเป็นดั่งกลอุบาย ทั้งนี้เองนางก็ยังเล่นละครตามน้ำไปต่อ เอ่ยน้ำเสียงเศร้าสร้อยพร้อมปาดน้ำตาดั่งนางเอกขึ้นทีหนึ่งดูงามสง่า กล่าวว่า
“ไม่ได้หรอกท่าน! ท่านแม่ทัพเฟย ข้า…ข้ากลัวเหลือเกิน เพราะสามีของข้าเองก็กำลังย้ายถิ่นฐานไปจักรวรรดิตะวันตกเช่นกัน หากรู้เข้าว่าท่านกับข้า…”
ทุกท่วงท่าการแสดงออกของเซียถงดูลื่นไหลเป็นธรรมชาติราวกับทุกอย่างเป็นเรื่องจริง ไหนเลยจะหลงเหลือร่องรอยของอิสตรีเลือดเย็นดั่งที่ผ่านมา?
ในทางตรงข้าม โม่ซวนที่ทนฟังอยู่เสียนาน ถึงกับอดกระตุกมุมปากมิได้ นี่นายหญิงของเขาเผลอกินยาไม่เขย่าขวดรึยังไง? จู่ๆถึงอยากสวมบทบาทสาวน้อยคบชู้เช่นนี้! แล้วดันแสดงเหมือนมากอีกด้วย! จากตลอดที่ผ่านมา เขาเห็นนายหญิงของตนลงมือฆ่าคนอย่างโหดเหี้ยมจนเคยชินไปแล้ว แต่จู่ๆต้องมาเห็นนางที่เป็นแบบนี้ ทำเอาเขาทนมองต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ รู้สึกขนลุกขนชันไปทั่วทั้งตัว!
ภายในห้วงความคิดของเซียถง เสี่ยวฮั่วที่ได้ยินเซียถงพูดเสียงหวานเสียงออดอ้อนเช่นนี้ มันถึงกับตัวสั่นเทาด้วยความผวาขวัญเสียหนัก มันแทบอยากจะร้องไห้ ทั้งยังกล่าวขอร้องอีกว่า
“นายท่าน! ได้โปรดเลิกทำเสียงเช่นนั้นได้แล้ว! ข้ากลัว!”
จะมีก็เพียงคนที่สนิทชิดเชื้อกับเซียถงจริงๆเท่านั้น ที่รู้ว่ายิ่งนางกลายมาเป็นเช่นนี้ นางก็ยิ่งกำลังโกรธอาฆาตเกินจินตนาการ และสิ่งต่อจากนี้ที่ตามมาก็คือพายุโลหิตระลอกใหญ่! หลิวซูปรากฏกายขึ้นในห้วงความคิดของเซียถงเช่นกัน มันกล่าวว่า
“แต่เจ้ารู้อะไรไหม หากได้แบบนี้สักเสี้ยวหนึ่งในยามปกติ เจ้าจะดูสมกับเป็นอิสตรีขึ้นมาก!”
หากเป็นสถานการณ์ตามปกติ นางคงกระชากคอชายอันธพาลกลุ่มนั้นมาฆ่าจนเกลี้ยงแล้ว!
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชายเครารุงรังก็ยิ้มแย้มดูมีความสุขขึ้นทันวัน มันยังกล่าวอีกว่า
“ย้ายมาอยู่ที่จักรวรรดิตะวันตกรึ? ฮ่าฮ่า! สาวน้อยเจ้าสบายใจเถอะ! ภายในจักรวรรดิตะวันตก เจ้าสามารถเหาะเหินไปยังแห่งหนใดก็ได้ตามใจต้องการ! และหากมีผู้ใดหน้าไหนกล้ามีปัญหากับเจ้า ขอเพียงเอ่ยชื่อของข้าออกไปเป็นพอ! จะไม่มีใครกล้ายุ่มย่ามอีกต่อไป!”
“จริงรึ? แต่เคยได้ยินมาว่า จักรวรรดิตะวันตกมีราชวงศ์วงเจ้า คนหนึ่งเป็นผู้ทรงอำนาจอิทธิพลนามว่า เฉียนอวิ๋ง ว่ากันว่าเป็นถึงองค์รัชทายาท จะอย่างไรท่านมีตำแหน่งแค่แม่ทัพใหญ่ เป็นไปได้หรือไม่ที่จะใหญ่โตไปกว่าอีกฝ่าย?”
นางจงใจยิงคำถามนี้ออกไป ในขณะเดียวกันก็แอบเฝ้าสังเกตปฏิกิริยาของอีกฝ่ายไปด้วยเช่นกัน
เมื่อได้ยินชื่อ เฉียนอวิ๋ง เขาก็ระเบิดหัวเราะลั่นอย่างมีความสุข ปราศจากทีท่ากลัวเกรงใดๆไม่
“สาวน้อย อย่าได้กังวลไป! จริงอยู่ที่เฉียงอวิ๋งเป็นถึงองค์รัชทายาทและเคยเรืองอำนาจอิทธิพลอย่างมาก แต่นั่นก็แค่ช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้น เพราะตอนนี้เจ้านั่นก็เป็นเพียงนักโทษอยู่ในคุกเท่านั้น! กระทั่งตัวเองยังเอาไม่รอด แล้วนับประสาอะไรจะมาเทียบเคียงข้าผู้นี้ได้? เจ้าเลิกกลัวเรื่องไร้สาระได้แล้ว! มาหาข้าเร็วเถอะ! ศรีภรรยาคนใหม่ของข้า!”
เรือลำนั้นของเฟยเหล่ยจอดเทียบอยู่ข้างเรือของเซียถง ไม่นานเกินรอ ก็มีชายอันธพาลคนหนึ่งรีบนำแผ่นกระดานมาวางเชื่อมระหว่างเรือทั้งสอง และปล่อยให้เซียถงค่อยๆทรงตัวเดินข้ามมาหา เฟยเหล่ยที่แอบอดใจไม่ไหวก็รับยื่นมือไปรับนาง ฉวยจังหวะนั้นเข้าโอบไหล่อย่างสนิทชิดเชื้อ
เซียถงปั่นสีหน้าขวยเขินเล็กน้อย หาได้มีทีท่าขัดขืนอะไรใดๆ
เห็นดังนั้น เฟยเหล่ยก็ระบายยิ้มคลี่กว้างอย่างสุขอกสุขใจ หลังจากได้หญิงสาวนางนี้มาครองแล้ว เขาก็หันไปฆ่าชายอันธพาลที่อยู่ข้างเคียงเหล่านั้นกว่าสองสามคน และชิงเอาหญิงสาวข้างกายของคนพวกนั้น มาสวมกอดไว้ในอ้อมแขนพร้อมกันกับเซียถง ด้วยทีท่าเปรมเสพสุขสำราญใจ
ชั่วขณะที่เฟยเหล่ยกำลังลิ้มรสชาติแห่งความภาคภูมิอยู่นั่นเอง เรียวมืออ่อนนุ่มดั่งไร้กระดูกของเซียถงก็ค่อยๆเลื่อนเข้ามาผสานจับบนฝ่ามือของเขา ทันใดนั้น ปรากฏประกายแสงเย็นเยือกสาดสะท้อนพุ่งเข้าใส่ต่อหน้าต่อตา มาพร้อมกับกระแสความเจ็บปวดสุดพรรณนาที่แล่นผ่านจากบนฝ่ามือของเขา
เฟยเหล่ยกลั้นใจอดกลั้นกระแสความเจ็บปวดเหล่านั้น เร่งกวาดสายตาหันขวับ แลเห็นว่ากระบี่เล่มยาวกำลังเสียบทะลุฝ่ามือของเขาโดยตรง!
และผู้ที่ถือกระบี่เล่มดังกล่าวอยู่ก็คือ…หญิงสาวเบื้องหน้าของเขาที่ดูอ่อนแอเสียเหลือเกิน
“เจ้า!!”
มุมปากเซียถงกระตุกทีหนึ่ง ก่อนจะแสยะยิ้มฉีกกว้างอย่างเลือดเย็น
เสี้ยวพริบตาก่อนหน้า นางเรียกกระบี่ทัณฑ์ฟ้าออกมาและเสียบทะลุกลางฝ่ามือของเฟยเหล่ยโดยหาได้แยแสรู้สึกใดๆ
มิเพียงแค่นั้น คมกระบี่ทัณฑ์ฟ้ายังเจาะทะลุผ่านฝ่ามือ เสียบเข้ากลางแผ่นอกของอีกฝ่ายอย่างจัง เซียถงระเบิดหัวเราะเยาะเสียงดังลั่น ปลดปล่อยกระแสลมปราณสีม่วงจัดจ้านทั่วท้นกายา และออกแรงผลักไสออกไปข้างหน้า ตอกร่างอีกฝ่ายให้ตรึงติดกับเสาเรือต้นใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังสุดแรง!
จวบจนตอนนี้ ทุกคนที่อยู่รอบข้างเพิ่งจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง พวกเขาแต่ละคนต่างเร่งกระชับอาวุธยกขึ้นมา และจู่โจมเข้าใส่เซียถงโดยตรง!
ภาพฉากต่อมา แลเห็นเพียงแค่ประกายแสงจากคมอาวุธสารพัดห่ำหันเข้าใส่นางเป็นทางเดียว แต่อย่างไร กับพวกเศษสวะแค่นี้ เซียถงไม่จำเป็นต้องใช้กระบี่ทัณฑ์ฟ้าเสียด้วยซ้ำ ปล่อยให้มันปักคาร่างเฟยเหล่ยติดอยู่บนเสาเรืออยู่แบบนั้นไป
นางหยิบใช้มีดสั้นเล่มประจำเลื่อนจากใต้แขนเสื้อออกมา ควบแน่นกระแสลมปราณฉาบเคลือบใบมีดเป็นชั้นบาง ฟันฟาดหนึ่งกระบวน ก่อเกิดคลื่นทำลายล้างกวาดสารทิศแผดกว้าง เหล่าศัตรูทั้งหลายล้วนบรรลัยสิ้นสูญ!
ใบมีดที่อาบธารแสงลมปราณประกายม่วงครามจางอ่อน เคลื่อนไสวเป็นเส้นสายตามเงาอรชรสีขาวโฉบเฉียวดุจสายฟ้า แห่งหนใดที่ธารแสงสายพิสดารนี้พ้นผ่าน แห่งหนนั้นล้วนเต็มไปด้วยเสียงโหยหวนดังระงม
หญิงสาวรอบข้างจับจ้องภาพฉากพายุโลหิตอันบ้าคลั่งของเซียถง เนื้อตัวสั่นกลัวตื่นตระหนกสุดขีด ร่างไร้ชีวิตร่วงกระแทกพื้นเรือคนแล้วคนเล่า ทั้งหมดล้วนดับดิ้นสิ้นชีวีแล้ว!
นาง…นางต้องแข็งแกร่งปานใดกันถึงสามารถเปิดฉากสังหารหมู่ได้อย่างโหดเหี้ยมขนาดนี้! เฟยเหล่ยผู้ที่โดนเซียถงใช้กระบี่ทัณฑ์ฟ้าตอกร่างตนเองตรึงไว้กับเสากระโดงเรือ ถึงกับหน้าถอดสีซีดเซียวหนัก ทำได้แค่อ้าปากค้างน้ำหูน้ำตาแตก พูดไม่ออกบอกไม่ถูกเลยแม้สักคำเดียว กระแสความเจ็บปวดจากทั้งบริเวณฝ่ามือและกลางอกก็ว่าหนักหนาแล้ว ทว่าตอนนี้กลับขวัญผวาตื่นกลัวจนหลงลืมความเจ็บปวดเหล่านั้นไปเสียหมด!
“จะ-เจ้า…เจ้าเป็นใครกันแน่?!”
เหม่อมองหญิงสาวผู้อำมหิตเลือดเย็นตรงหน้า ที่ยืนตระหง่านท่ามกลางกองศพไร้ชีวิตเกลือนกลาดด้วยสีหน้าไร้คลื่นอารมณ์ใด ชั่วพริบตานั้นเอง เขาก็พลันนึกขึ้นได้ชื่อหนึ่งอยู่ในหัว แต่ทำได้เพียงภาวนาหวังว่า ขอให้อย่าเป็นอย่างที่คิดไว้เลย!
“ข้าชื่อเซียถง”
เซียถงกล่าวตอบสั้นๆเรียบง่ายไปคำหนึ่งพร้อมกับรอยยิ้มที่มิใช่รอยยิ้ม แลเห็นเฟยเหล่ยที่ใบหน้าทวีความซีดเผือดราวกับไก่โดนต้มเช่นนั้น นางจึงเลิกคิ้วเล็กน้อยและเอ่ยถามขึ้นอีกคำว่า
“พอจะเคยได้ยินชื่อของข้าอยู่บ้างไหม?”
นางเพิ่งเอ่ยกล่าวไปได้เช่นนั้น ทว่าเฟยเหล่ยกลับตกใจสุดขีดจนหมดสติไปแล้ว
“นี่! ข้ายังไม่ทันทำอะไรเจ้าเลย! ไยถึงสลบไปแล้วล่ะ!”
โม่ซวนเร่งรุดเข้ามาสนับสนุนยืนอยู่ข้างเคียงนาง เห็นอีกฝ่ายปอดแหกจนสลบไสลกลางคันก็อดหัวเราะมิได้ นามขาน ราชาหมาป่าสวรรค์ของนายท่านก็ว่าน่าเกรงขามแล้ว แต่ใครจะไปคิด ชื่อเสียงของเซียถงในเวลานี้กลับน่ากลัวไม่แพ้กันเลย!
ในปัจจุบัน ชื่อเสียงของเซียถงเกือบจะกลายเป็นที่รู้จักกันทั่วทั้งทวีปเทียนหลางแล้ว ทุกคนล้วนตระหนักทราบดี ชื่อนี้ล้วนกอปรมาจากจำนวนซากศพที่ถูกนางล่าเสียบสังหารมานับครั้งไม่ถ้วน! กล่าวคือ หากไป๋หลี่หานคือ ราชาหมาป่าสวรรค์ เซียถงก็คงเป็น ราชินีหมาป่าสวรรค์!