ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 468 แผนร้ายขององค์รัชทายาท (2)
ตอนที่468 แผนร้ายขององค์รัชทายาท (2)
ตอนที่468 แผนร้ายขององค์รัชทายาท (2)
“อนิจจา!”
อิ๋งเอ๋อร์สบถคำหนึ่งอย่างเศร้าสร้อย ถอนหายใจเฮือกยาวกล่าวว่า
“ย่าเฟิงพาคุณหนูฉีไปยังจักรวรรดิตะวันตก หวังลอบปรงพระชนม์อองค์รัชทายาทเฉียนอวิ๋ง แต่นางกลับทำล้มเหลว พลาดท่าถูกนายธนูทั้งกองระดมยิงคมศรใส่จนตาย คุณหนูฉีถูกทิ้งร้างตามลำพัง ฟังว่าพยายามหนีอยู่สักพักแต่ก็ไม่รอด จึงโดนนแม่ทัพใหญ่เฟยเหล่ยจับเป็นทาสสวาท โชคยังดีที่ระหว่างอีกฝ่ายล่องเรือไปทำภารกิจ ได้พาคุณหนูฉีติดตัวมาด้วย มิฉะเช่นนั้นองค์ราชินีคงไม่มีโอกาสได้เข้าช่วยเหลือเช่นกัน…”
ในตอนแรก อิ๋งเอฮ๋อร์ก็ไม่ทราบเช่นกันถึงตัวตนที่แท้จริงของเหยเหล่ยว่าเป็นใครมาจากไหน รู้เพียงว่า คนพวกนี้ก็แค่อันธพาลไร้ค่าที่ต้องการจับฉีหมิงเยว่และองค์ราชินีของนางไปทำมิดีมิร้าย พอนึกถึงภาพฉากที่องค์ราชินีสุดสวยของนางฆ่าล้างบางพวกมันจนหมดเรือ อิ๋งเอ๋อรก็ยังรู้สึกสาแก่ใจไม่หาย พวกมันสมควรตายแล้ว!
“แล้วก็คุณชายใหญ่ ตอนนี้คุณหนูฉียังพักแรมอยู่แห่งนี้อีกสักพัก หากอยากรู้หรืออยากถามไถสิ่งใด เชิญไปหานางเจ้าค่ะ ไม่ใช่มัวแต่มาพูดกับบ่าว!”
ต่อหน้าทีท่าเงอะงะของเซียหลู่เฟิง กระทั่งอิ๋งเอ๋อร์เองก็ยังอดส่ายหัวไม่ได้ แผนการแต่แรกเริ่ม เซียถงอุตส่าห์สั่งให้นางพาฉีหมิงเยว่กลับเมืองเฟิงหลี่ ทั้งหมดก็เพื่อสร้างสถานการณ์ให้ทั้งสองได้เจอกันอีกครั้งหนึ่ง นี่ถือเป็นโอกาสทองแล้วแท้ๆ!
แต่หากเซี่ยหลู่เฟิงยังมัวแต่เซ่อซ่าไม่เริ่มเป็นฝ่ายบุกเสียที ก็หาใช่ว่า เขากำลังเสียโอกาสครั้งใหญ่หลวงไปโดยเปล่าประโยชน์หรอกรึ?!
อึดใจต่อมา เซี่ยหลู่เฟิงโดนอิ๋งเอ๋อร์ถีบส่งถึงหน้าประตูเรือนพักของฉีหมิงเยว่ จนถึงตอนนี้เขาก็ยังรู้สึกทึ่งในความกล้าของสาวรับใช้คนนี้ไม่หาย ดูท่าแล้ว หลังจากที่ได้ติดตามรับใช้เซียถงเป็นเวลานาน นางจะดู‘หยิ่งผยอง’มากขึ้นเรื่อยๆ!
ขณะที่เซี่ยหลู่เฟิงกำลังจะหันไปตำหนิอิ๋งเอ๋อร์ แต่น่นช้าเกินไปเสียแล้ว เพราะทางด้านอิ๋งเอ๋อร์ฉวยจังหวะนั้น เคาะประตูเพื่อเรียกฉีหมิงเยว่ให้แทนเขาไปเสียแล้ว และก่อนจากกัน นางยังหันมายกนิ้วเป็นกำลังใจให้เซี่ยหลู่เฟิงอีกแรง พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่า
“องค์ราชินีทรงตรัสอีกว่า นางอยากอุ้มหลานแล้วเจ้าค่ะ! ขอให้โชคดีเจ้าค่ะคุณชายใหญ่!”
นางส่งเสียงให้กำลังใจคำโตและวิ่งแจ้นออกไปพร้อมรอยยิ้ม
พริบตาต่อมา ฉีหมิงเยว่เปิดประตูออกมา จับจ้องไปยังเซี่ยหลู่เฟิงยืนตัวแข็งทื่ออยู่แบบนั้น นัยน์แสงไสววูบวาบในดวงตาของนาง ทำเอาเจ้าตัวยิ่งประหม่าตื่นเกร็ง
“เซี่ย…คุณชายเซี่ย…”
“คุณหนูฉี ข้า..เอ่อ…หมายถึงน้องสาวของข้า นาง…นางขอให้ข้ามาพบท่าน….”
“ข้าได้ยินที่อิ๋งเอ๋อร์พูดไปหมดแล้ว และก็เคยได้ยินสิ่งที่เซียถงเอ่ยกล่าวมาหมดแล้วเช่นกัน นางยังบอกอีกว่า เรื่องในอดีตก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของอดีตไป แทนที่จะมัวจมปลักอยู่กับมัน สู้ไม่เอาเวลาไปสร้างอนาคตสำหรับวันพรุ่งนี้ดีกว่ารึ?”
“นางกล่าวเช่นนี้?”
เซี่ยหลู่เฟิงแอบตะลึงไม่น้อย เหตุไฉนน้องสาวคนนี้ของเขาถึงเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้? นางเคยเป็นคนที่ขี้ระแวงและกลัวการผิดพลาดอย่างที่สุด แต่ในปัจจุบัน กลับเป็นนางเสียเองที่สามารถเอ่ยกล่าวอะไรเช่นนี้ออกมาได้!
“ถูกต้อง! และคำพูดประโยคนี้ของนางก็ยังเป็นเครื่องยืนยันอีกว่า สิ่งที่ข้าเคยคิดทั้งหมดในอดีตล้วนแต่ถูกต้องแล้วทั้งสิ้น! ในหัวของย่าเฟิงมีแต่เรื่องแก้แค้นและถวิลหาต้องการให้จักรวรรดิหรูหรานกลับมาเฟื่องฟูดั่งกาลก่อนอีกครั้ง แต่แล้ว…คนที่มัวแต่ยึดติดกับความจงรักภักดีในอดีต บทสรุปแล้วเป็นเยี่ยงไรล่ะ?”
นางกล่าว
“หมิงเยว่ เจ้าลองคิดดูสิ คนตายก็คือคนตาย พวกเขาไม่เหลืออนาคตให้ก้าวเดินอีกต่อไปแล้ว จะมีก็เพียงกาลอดีตให้หวนนึกย้อน แตกต่างจากคนเป็นอย่างเรา พวกเรายังมีลมหายใจ พวกเรายังมีความเป็นไปได้อีกมากมายรออยู่ในอนาคต แล้วไฉนเจ้าถึงมัวแต่แบกรับเรื่องราวในอดีตดั่งคนตายเช่นนี้? ไม่ว่าที่ผ่านมาจะเลวร้ายปานใด แต่เจ้าก็ผ่านพ้นมาได้แล้วมิใช่รึไง? หาไม่เจ้าคงจะมีโอกาสยืนคุยกับข้าตรงนี้อยู่หรอก? ตราบใดที่ปล่อยวางมันลงได้ ตัวเจ้าก็พร้อมสำหรับการเริ่มต้นใหม่เสมอ ในทางตรงข้าม เจ้าคิดจริงๆรึว่า เส้นทางชีวิตตัวเองในฐานะองค์หญิงจะสวยหรูนัก? ถูกบังคับจากใครก็ไม่รู้ให้อภิเษกสมรสกับคนที่ไม่ชอบเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง? มีความสุขในขอบเขตที่ถูกจำกัด ไม่ต่างอะไรกับนกน้อยในกรงทอง? นี่หรือชีวิตที่เจ้าต้องการ?”
จู่ๆประโยคคำกล่าวของเซียถงในตอนนี้ก็โผล่ปรากฏขึ้นในจิตใจของนาง นี่คือคำพูดที่อีกฝ่ายใช้เตือนสตินางจนกลับมาเป็นผู้เป็นคนดังเดิมอีกครั้งหนึ่ง
ใช่แล้ว ทุกอย่างเป็นอย่างที่เซียถงพูดมาไม่มีผิดเพี้ยนเลยแต่น้อย! หากย้อนกลับไปในตอนนั้น… อีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่จักรวรรดิหรูหรานบ้านเกิดของฉีหมิงเยว่พังพินาศลงโดยฝีมือของจักรวรรดิตะวันตก เป็นเพราะ…นางไม่เต็มใจร่วมอภิเษกกับองค์รัชทายาทแห่งจักรวรรดิตะวันตกตั้งแต่แรก กลับเป็นฉีหมิงเยว่เสียเองที่ปฏิเสธหนทางรอดเดียวของจักรวรรดิหรูหรานไป ส่งผลให้เวลาต่อมา จักรวรรดิหรูหรานถูกทำลายจนย่อยยับ…
ฉีหมิงเยว่ส่งยิ้มให้เซี่ยหลู่เฟิง นางกล่าวขึ้นว่า
“เพราะแบบนั้น ข้าจึงตัดสินใจได้แล้ว ในเวลานี้ตัวข้าหาใช่องค์หญิงอีกต่อไป เป็นเพียงหญิงสาวธรรมดานางหนึ่ง คุณชายเซี่ย วันนี้ถือเป็นครั้งแรกที่พวกเราได้รู้จักกัน ขอแนะนำตัวอีกครั้ง ข้า ฉีหมิงเยว่ ยินดีที่ได้รู้จัก จากนี้ต่อไปท่านจะคอยอยู่เคียงข้างกันหรือไม่? หากได้ออกเดินทางไปแสนไกลและเที่ยวชมทัศนีย์ภาพอันงดงามในสถานที่ต่างๆในทวีปเทียนหลางด้วยกันกับท่านคงจะดีไม่น้อยเลย ท่านคิดเห็นเยี่ยงไร?”
หลายหลากระลอกคลื่นอารมณ์ถาโถมเข้าซัดใส่หัวใจดวงนี้ของเซี่ยหลู่เฟิงไม่รู้จบ!
เขายังกล้าปฏิเสธหญิงสาวนางนี้ได้อีกอย่างไร? เขา…เขาหรือยังจะไม่ตกหลุมรักนางได้อย่างไร?
เสมือนผืนพิภพแห่งนี้มีเพียงเราสอง เซี่ยหลู่เฟิงไม่สนอันใดอีกแล้ว เขาตรงเข้าไปกอดฉีหมิงเยว่โอบเอวไว้แน่น และโน้มศีรษะประกบริมฝีปากกับนางอย่างแผ่วเบา ทั้งสองยืนจุมพิตกันทั้งน้ำตาที่รินไหลอาบแก้มท่ามกลางความสุขไม่รู้จบ…
ณ มุมมืดแห่งหนึ่ง มีเงาดำกำลังเร้นกายซ่อนตัวอยู่ ภาพฉากทั้งหมดล้วนถูกสายตาคู่นี้จดจำบันทึกไว้หมดแล้ว ยามรัตติกาลมาถึง เงาดำที่ว่าก็อันตรธานหายวับไปในทันใด
ณ พระราชวังตงหลี่ ในตำหนักองค์รัชทายาท
ป็หลี่เย่กำลังนั่งฟังคำรายงานของชายในชุดนักฆ่าสีดำทมิฬที่ยืนอยู่ตรงหน้า สีหน้าการแสดงออกของเขาดูมืดหม่นน่าสยดสยองขึ้นเรื่อยๆ จนได้ฟังมาถึงช่วงที่ทั้งสองครองรักกัน ไป๋หลี่เย่ก็โกรธจัด ใช้แขนข้างเดียวที่ยังเหลือปัดกวาดข้าวของถ้วยชาบนโต๊ะลงพื้น สรรพสิ่งเทกระจาดแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆในพริบตา!
เขาเอื้อมมือไปกุมจับแขนอีกข้างที่ด้วนไปแล้ว บาดแผลในวันวานที่โดนเซียถงสับจนขาดจู่ๆก็พลันปวดแสบขึ้นมาโดยพลัน กัดฟันกรอดด้วยความเคียดแค้น ก่นเสียงกล่าวขึ้นคำหนึ่งว่า
“ดี! ดี! ดีมาก! เซียถง! ตัวเจ้าในฐานะคนตงหลี่คนหนึ่ง แต่บังอาจไปรับภารกิจนำบัญชาสี่พิภพมาให้พวกซีฉิน!”
จากนั้นเขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะเย้ยเยาะดังสนั่น แสยะยิ้มอันตรายสุดแสนฉีกกว้างอย่างไม่รู้จบ
“ขอใช้แขนที่ขาดไปข้างนี้เป็นเดิมพัน สักวันข้าจะทำให้เจ้าต้องชดใช้ทุกสิ่งอย่างที่เคยทำลงไป! อย่าลำพองตนคิดว่า ได้เป็นองค์ราชินีแห่งอี้เฉิงแล้วจะทำอะไรก็ได้ไม่กล้าใครหน้าไหน! อย่าลืมไปเสีย เจ้ายังมีทั้งพ่อ แม่ พี่ชาย รวมไปถึงน้องสาวของเจ้าอยู่ที่นี่…”
คล้อยกล่าวพ่นคำกล่าวพวกนี้ออกมา ก็เกิดแผนการแสนชั่วร้ายมากมายผุดขึ้นมาในจิตใจของเขา
อย่างไร ลูกน้องใต้บัญญชาคนนั้นที่อยู่ต่อหน้าไป๋หลี่เย่กลับไม่ค่อยเข้าใจความคิดของอีกฝ่ายเท่าไหร่นัก เรื่องที่องค์รัชทายาทมีประสงค์อยากจะจัดการเซียถง ในส่วนนี้เขาไม่ได้ติดใจอันใด แต่จะให้ใช้ เซี่ยอี้เฉิงที่ทุกคนต่างรู้กันดีว่า เซียถงแทบไม่นับเป็นพ่อด้วยซ้ำ หรือจะท่านแม่ของนางที่มีฝ่าบาทคอยดูแล กระทั่งน้องสาวที่เป็นคนเสียสติไปแล้ว ยิ่งไปต้องพูดถึง เซี่ยหลู่เฟิงที่ตอนนี้พักอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ของท่านราชาหมาป่าสวรรค์เลย คนเหล่านี้ยังสามารถใช้เป็นตัวประกันได้อีกงั้นรึ?
“องค์ชาย แต่เซี่ยเสวี่ยเหลียน นาง…”
“เรื่องที่นางกลายเป็นบ้างั้นรึ? ฮ่าฮ่า”
ไป๋หลี่หานระเบิดเสียงหัวเราะลั่น
“ต่อให้นางเป็นบ้า แต่อย่างไรก็แซ่เซี่ย หากข้าตบหน้าทำร้ายนาง ย่อมกระทบถึงภาพลักษณ์เซียถงอยู่ดี!”
“แต่องค์รัชทายาท เซียถงตอนนี้เป็นพระชายาเอกของท่านราชาหมาป่าสวรรค์…”
“ยิ่งดีเข้าไปหใย่ ให้เสด็จอาอับอายเสียบ้าง เชื่อเถอะ เสด็จพ่อจะต้องภูมิใจในตัวข้าเมื่อได้เห็น!”