ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 472 จวิ๋นเส้า (2)
ตอนที่472 จวิ๋นเส้า (2)
ตอนที่472 จวิ๋นเส้า (2)
มุมปากกระตุกยิ้มบางพร้อมเสียงหัวเราะคำหนึ่ง จวิ๋นเส้าแหงนมองิสตรีในชุดทมิฬดำบนต้นไม้ น้ำเสียงอ่อนลงหลายส่วนเอ่ยขึ้นว่า
“แม่นาง อสรพิษเหล่านี้คงเป็นสัตว์วิญญาณของท่านกระมัง?”
เซียถงคีบใบไม้ยิงสะบัดใส่จวิ๋นเส้าโดยตรง นางมิต้องการให้อีกฝ่ายฉกชิงสัตว์วิญญาณในใต้อาณัติไป และสำหรับคำถามนี้ ตัวนางเองก็ไม่จำเป็นต้องตอบเช่นกัน!
ใบไม้ใบดังกล่าวคล้ายถูกโยนทิ้งๆขวางๆออกไป แต่หารู้ไม่ว่า มันเจือผสมกระแสลมปราณแกร่งกร้าวฉาบคลุมเอาไว้อยู่ เสี้ยวพริบตาที่ลุถึงหน้า กลับมีใครบางคนที่อยู่ด้านหลังไสววูบพุ่งออกมาสกัดกั้น ใช้คมกระบี่ฟันฉับในพริบตา
หนึ่งเสียงสะบั้นผ่าแสนแผ่วเบา เมื่อคมกระบี่สัมผัสกับใบไม้ฉาบคลุมกระแสลมปราณ พลันปรากฏประกายไฟแวววับสาดสะเก็ตออกมา ใบไม้ถูกผ่าเป็นสองซีก รอยคมบรรจบสวยงาม ซีกแรกกระเด็นปักพื้นดิน ส่วนอีกซีกปลิวเฉียดลำคอของจวิ๋นเส้าเล็กน้อย เสียบทะลุลำต้นไม้ที่อยู่ด้านหลังไม่ใกล้ไม่ไกล
หากไม่ใช่เพราะผู้ใต้บัญชาคนนี้ที่กระโดดออกมาปกป้อง ดาวกระจายใบไม้ของเซียถงคงปาดคอของจวิ๋นไปแล้วแน่นอน เพราะจุดที่เล็งไว้ นางตั้งใจจะตัดเส้นเลือดใหญ่หวังสังหารทิ้งในหนึ่งกระบวนลงมือ
เซียถงเงยหน้ามองผู้ใต้บัญชาคนนั้นเล็กน้อยที่ออกโรงเข้าปกป้องจวิ๋นเส้า ฟังจากเสี่ยวฮั่วระบุก่อนหน้า ในกลุ่มคนพวกนี้มียอดปรมาจารย์ขอบเขตจักรพรรดิครามฟ้าครึ่งขั้นถึงสามคน
กวาดมองผู้คนถ้วนหน้า เซียถงนึกสงสัยกับตัวเองภายในใจ กองกำลังกลุ่มนี้เป็นหนึ่งในตัวแทนที่คิดขัดขวางนาง มิให้เดินทางไปนำบัญชาสี่พิภพลงมา?
ในอีกด้าน พวกเขาเองก็ไม่คิดไม่ฝันเช่นกัน อิสตรีรูปงามที่ดูอ้อนแอ้นไร้พิษสงนางนี้ เนื้อแท้แล้วจะมีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต เสี้ยวจังหวะนั้นเอง ผู้ใต้บัญชาคนนั้นก็เตรียมชักกระบี่ หวังเข้าเปิดฉากโจมตีเซียถงทันที
แต่ขณะเดียวกัน ทันใดนั้นเอง จู่ๆก็มีฝูงสัตว์อสูรร่างยักษ์กว่าหลายสิบตนปรากฏขึ้นจากรอบสารทิศข้างป่า พวกมันล้วนแต่เป็นสัตว์อสูรวิญญาณจารย์ชั้นปลายทั้งสิ้น กีบเท้าด้านของพวกมันชักอยู่ไม่สุข ไล่ขุดพื้นอยู่ไปมา รอเพียงคำสั่งจากเซียถงเท่านั้น ทันทีที่ได้อนุมัติ พวกมันพร้อมไล่ขยำกัดกินเนื้อของคนพวกนี้เป็นชิ้นๆโดยไม่มีลังเล
เมื่อจวิ๋นเส้าแลเห็นฝูงสัตว์อสูรหลายหลากเข้าปิดล้อมอีกระลอก เขาก็ปั้นสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย เพราะไม่คิดไม่ฝันเลยว่า จะบังเอิญได้พบกับนักอัญเชิญอสูรเหมือนกันเช่นนี้
“ดูเหมือนว่าแม่นางใกล้จะบรรลุเป็นนักอัญเชิญอสูรระดับศักดิ์สิทธิ์แล้วกระมัง? ที่ยิ่งไปกว่านั้น ระดับพลังลมปราณเองก็มิควรประมาทไม่ เป็นถึงยอดฝีมือขอบเขตราชันย์ม่วงชั้นกลาง แต่ถึงเช่นนั้น…ท่านก็ยังหาใช่คู่ต่อสู้ของข้า!”
เซียถงหัวเราะเยาะเย้ย ก่นเสียงเย็นชาตอบไปคำหนึ่งว่า
“อย่าได้มั่นใจนัก! ลองเงยหน้ามองดูเสีย!”
สิ้นเสียงไปเท่านั้น ทุกคนต่างแหงนหน้าเงยมองบนฟ้าโดยพร้อมเพรียง สังเกตเห็นไอหมอกสีสันสวยงามระยับระยับดั่งดวงดาราคลุกฟุ้งอยู่ทั่วอากาศ แต่ละคนล้วนตระหนักทราบดีเยี่ยม ยิ่งเจ้าสิ่งนี้ดูงดงามเพียงใด พิษของมันก็ยิ่งอันตรายร้ายแรง!
เซียถงรู้ตัวดี ตนเองในปัจจุบันกลายมาเป็นศัตรูของเหล่าสาธารณชนเข้าให้แล้ว ดังนั้นเพื่อคว้าชัยในศึกนี้ นางจึงเตรียมการวางแผนทุกอย่างมาเป็นอย่างดี
เพิ่งจะเอ่ยกล่าวออกไป เสี้ยวพริบตาต่อมา ไอหมอกพิษเหล่านี้ก็ลดระดับเข้าพัวพันใส่พวกเขาในทันที!
ไอหมอกพิษเหล่านี้ถึงไม่สามารถทำอันตรายกับยอดปรมาจารย์ขอบเขตจักรพรรดิครามฟ้าได้ แต่อย่างไร ก็ยังได้รับผลกระทบอยู่บ้างไม่มากก็น้อย ส่วนบางคนที่มีพลังความแข็งแกร่งลดหลั่นลงมา นับว่าเป็นภัยร้ายต่อชีวิตมิใช่น้อย
“พิษนี้สามารถคร่าชีวิตผู้คนได้ แต่จะมิได้สำแดงฤทธ์ในทันทีทันใด”
นางยกมือขึ้นกอดอก เอนกายพึงพักแผ่นหลังอยู่บนลำต้นไม้ พลางลอบชำเลืองมองจวิ๋นเส้าด้วยสายตาเย้ยเยาะชอบใจ
ถึงแม้พิษนี้จะรุนแรงมากก็จริงอยู่ แต่หาใช่ว่าไม่มีวิธีแก้ทางรักษา ตราบเท่าที่ชายคนนี้พกโอสถขับพิษมาในจำนวนมากเพียงพอต่อคนทั้งกลุ่ม ชีวิตน้อยๆเหล่านี้ย่อมสามารถโอบอุ้มช่วยเหลือไว้ได้ไม่ยาก และนี่ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่นางอยากจะเห็นว่า ชายหนุ่มคนนี้จะตัดสินใจเช่นไรต่อ? เพราะไม่ง่ายเลยที่จะช่วยเหลือคนพวกนี้ในคราวเดียว จะใจกว้างพอแจกจ่ายโอสถที่แสนล้ำค่าให้ทุกคนไหม? หรือเลือกแค่รักษาบางชีวิตที่สำคัญต่อตนเองในอนาคตเอาไว้กัน? และในท้ายที่สุดนี้ ไม่ว่าเขาจะเลือกหนทางใด ทุกการตัดสินใจล้วนเป็นประโยชน์ต่อนางทั้งสิ้น หากเลือกช่วยทุกคน นั่นเท่ากับว่า หากถูกพิษโจมตีระลอกใหม่ คนกลุ่มนี้ก็จะไม่เหลือมาตรการป้องกันใดๆอีกแล้ว และหากเลือกช่วยเหลือแค่บางคน อย่างน้อยที่สุดในแง่ของจำนวนที่เป็นต่อก็หายไปค่อนข้างมาก นั่นเท่ากับสามารถลดแรงกดดันของเซียถงลงไปได้มากโข
จวบจนตอนนี้ จวิ๋นเส้ากลับมิได้ปั้นสีหน้าร้อนรนหรือหงุดหงิดใจใดๆเลย เขาเพียงกล่าวพึมพำกับตัวเองว่า
“นางเป็นอิสตรีที่แปลกคนโดยแท้ จู่ๆก็บุกลอบโจมตีกลุ่มคนของข้า หยิ่งผยองได้เสมอต้นเสมอปลายดีจริงๆ”
“นายน้อย! ข้าจะฆ่านางเอง!”
หงอวี๋ที่โดนอสรพิษวิญญาณฉกก่อนหน้า ยามนี้ดูเหมือนจะฟื้นตัวขึ้นได้หลายส่วนแล้ว นางเตรีมยจะชักกระบี่เข้าสัมประยุทธ์โดยไว
มุมปากเซียงแสยะยิ้มกระหยิ่มชั่วร้าย เสี้ยวพริบตานั้นเอง บังเกิดประกายแสงสีเงินสว่างวาบจากระหว่างง่ามนิ้วของนาง คมเข็มสีเงินเกือบสิบสายถูกยิงออกมาจากสองมือ นางมั่นใจกว่าเก้าส่วน ความเร็วของเข็มบินเหล่านี้ย่อมเร็วกว่าหญิงสาวในชุดแดงกว่าทวีเท่าแน่นอน ถึงแม้นางจะเป็นยอดฝีมือขอบเขตราชันย์ม่วงคนหนึ่งเช่นกัน แต่ตราบใดที่โดนเข็มเงินฉาบพิษเหล่านี้เข้าไปแม้แต่เล่มเดียว มันจะให้ร่างกายของนางกลายเป็นอัมพาตในทันที! แผนการรับมือของเซียถงในปัจจุบันก็ค่อนข้างเรียบง่ายไม่ซับซ้อนใดๆ นั่นคือการแก้ไขตามหน้างานไปทีละปัญหา!
เพียงเสี้ยวจังหวะก่อนที่เซียถงจะสะบัดนิ้วยิงคมเข็มออกมาเล็กน้อย จวิ๋นเส้าเคลื่อนที่พริบตา คว้าแขนเสื้อของหญิงสาวในชุดแดงกระฉากหลบอย่างแรง ก่อนที่ประกายแสงสีเงินหลายหลากสายจะลุจ่อถึงตัว เขาอาศัยใช้แค่สองนิ้วอย่างชี้และกลาง พุ่งเข้าคีบรับคมเข็มเหล่านั้นด้วยความไวปานสายฟ้า พอหงอวี๋รู้สึกฟื้นตัวขึ้นมาอีกที ก็พบว่าคมเข็มทั้งหมดล้วนถูกจวิ๋นเส้าคีบสกัดป้องกันเอาไว้โดยสมบูรณ์
แต่อย่างไร เจ้าตัวก็ถือว่าได้สัมผัสคมเข็มเงินเหล่านี้ไปแล้ว อาการชารุนแรงลุกลามโจมตีเส้นประสาททั่วร่างกายของจวิ๋นเส้าอย่างรวดเร็ว เริ่มกระจายตัวจากง่ามนิ้วไปยังส่วนต่างๆ
เซียถงเชิดหน้าสูงพลางกดสายตาต่ำปรายมองอยู่เล็กน้อย นางเองก็แอบตกใจอยู่หนึ่งส่วน ไม่คิดไม่ฝันเลยว่า ชายหนุ่มคนนี้จะสามารถรับคมเข็มเงินทั้งหมดของนางเอาไว้ได้ด้วยมือเปล่า แต่อย่างไรยาชาที่ฉาบทั่วคมเข็มกลับหาใช่พิษร้ายธรรมดาทั่วไป มันเป็นถึงพิษที่หยุนซีปรุงกลับมือ!
ก่อนหน้าจะแยกย้ายกันในตอนนั้น เซียถงวานให้หยุนซีปรุงยาพิษจำนวนหนึ่งเตรียมเอาไว้ ขึ้นชื่อว่าเป็นพิษที่ปราชญ์พิษปรุงสร้างขึ้นมาด้วยตัวเอง ฤทธิ์ความรุนแรงก็ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึง!
ตอนที่หยุนซีมอบสิ่งนี้แก่เซียถง นางได้กล่าวย้ำไว้ว่า
“พิษเหล่านี้ล้วนถูกข้าปรุงสร้างออกมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อใช้จัดการกับยอดปรมาจารย์ขอบเขตจักรพรรดิครามฟ้าโดยเฉพาะ ตราบใดที่สัมผัสพิษนี้ มันจะสามารถแทรกซึมผ่านผิวหนังและเข้าเจือปนในเลือดได้ภายในเวลาอันสั้น แต่ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือ สิ่งนี้มิอาจคร่าชีวิตของศัตรูได้โดยตรง จะทำได้เพียงเข้าปั่นป่วนพลังลมปราณในร่างกายให้โกลาหลชั่วขณะ กล่าวได้ว่า ศัตรูที่โดนพิษนี้เข้าไปจะสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไประยะเวลาหนึ่ง เจ้าสามารถนำมันไปปรุงสร้างเพิ่มเติมได้ ข้าเขียนสูตรทั้งหมดลงในกระดาษแผ่นนี้ไว้หมดแล้ว…”