ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 485 ผู้ใดมันกล้าแตะต้องเซียถงของข้า (1)
ตอนที่485 ผู้ใดมันกล้าแตะต้องเซียถงของข้า (1)
ตอนที่485 ผู้ใดมันกล้าแตะต้องเซียถงของข้า (1)
เซียถงและหลัวซีนั่งอยู่บนหลังอินทรีโลหิตที่รีบตีปีกทะยานมุ่งไป
อีกด้านหนึ่ง เซี่ยหลู่เฟิงกำลังถูกล้อมวงสัประยุทธ์ดุเดือด
ส่วนหญิงสาวทั้งสามนางที่กระโดดลงมาจากรถม้าเมื่อสักครู่ อิ๋งเอฮ่ร์บังเอิญล้มตัวไปพันเกี่ยวกับฉีหมิงเยว่ ส่งผลให้ฉีหมิงเยว่ขาหัก ทั้งยังต้องแบกลากร่างของเซี่ยเสวี่ยเหลียนที่อยู่ในสภาพวิกฤตออกมาด้วยกัน สองนางช่วยกันทีละเล็กละน้อยอย่างยากลำบาก
ในมือข้างหนึ่ง ฉีหมิงเยว่กระชับกุมกระบี่เอาไว้ เข้าพัลวันปกป้องอิ๋งเอ๋อร์มิให้นางถูกเหล่าทหารพวกนั้นเข้าทำร้าย เดินกะเผลกจากขาหักข้างหนึ่ง ทั้งยังมีบาดแผลที่บริเวณหัวไหล่จากคมศรธนูยิงเสียดเฉี่ยว สภาพร่างกายค่อนข้างเวทนาลำบากอยู่ไม่น้อย
เซี่ยหลู่เฟิงเองก็พยายามต่อสู้สัประยุทธ์อย่างที่สุดแล้ว แต่เนื่องด้วย กลศึกของเหล่าทหารขุมพลังขอบเขตเสาหลักเขียวทั้งหลาย ผนวกกับสมาธิที่มิได้อยู่กับเนื้อกับตัว มัวแต่เป็นกังวลเรื่องความปลอดภัยของฉีหมิงเยว่ แล้วเขาหรือจะมีปัญญาต่อสู้ได้เยี่ยงไร? ยิ่งเห็นนางขาหักเดิมกะเผลกหนัก เขายิ่งวิตกเคร่งเครียด ไม่มีสมาธิแม้แต่จะสนใจศัตรูเบื้องหน้า
ทหารนักสู้ขอบเขตเสาหลักเขียวนับหลายสิบตีล้อมกรอบสารทิศ หากคนพวกนี้เอาจริงไม่มีหยั้งมือ ปานนี้เซี่ยหลู่เฟิงคงสิ้นใจตายไปนานแล้ว แต่ดูเหมือนว่า ทหารเหล่านี้จะจงใอยู่ทรมานเขาเสียมากกว่า
“เซี่ยหลู่เฟิง ขอเพียงเจ้ายอมแพ้เสียแต่ตอนนี้ และส่งน้องสาวของเจ้าคืนพวกเรามา โทษคราวนี้อาจยังสามารถผ่อนผันได้!”
ทหารนายหนึ่งตะคอกเสียงดังใส่
“หุบปาก!”
เซี่ยหลู่เฟิงสบถตอบสวนกลับไปในบัดดล
ทหารอีกคนตรงเข้ามาพร้อมกระบี่เคลือบลมปราณกระแสรุนแรง ราวกับเตรียมพร้อมลงมือได้ทุกเมื่อ เขากล่าวน้ำเสียงเย็นชืดขึ้นว่า
“ปฏิเสธขนมเปี๊ยะกระทั่งริมจิม! ในเมื่อเตือนแล้วไม่ฟังเช่นนั้นต้องใช้กำลัง!”
กล่าวจบ เขาก็ชำเลืองสายตาหยุดแช่อยู่ที่เซี่ยเสวี่ยเหลียน ก่อนจะเคลื่อนมาหาฉีหมิงเยว่ในเวลาต่อมา แววตาของเขาเปี่ยมล้นตัณหามากความใคร่
“ในเมื่อเจ้าอยากตายปานนั้น เช่นนั้นเราพี่น้องย่อมสนองให้! น้องสาวของเจ้า พวกเราจะดูแลนางเป็นอย่างดี! รวมไปถึง…สาวรูปงามที่อยู่ตรงนั้นด้วย!!”
“เจ้ากล้า?!”
ดวงตาของเซี่ยลู่เฟิงแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ใจดวงนี้อาฆาตโกรธจัดจ้าน
“เช่นนั้นก็จงดูว่ากล้าหรือไม่กล้า?!”
สิ้นเสียงเท่านั้น ทหารคนที่ว่าก็กระชับกระบี่วิ่งไปทางฉีหมิงเยว่ ขณะที่เซี่ยหลู่เฟิงกำลังปราดพุ่งเข้าช่วยเหลือ กลับถูกนายทหารคนอื่นล้อมกรอบเอาไว้มิให้ไปไหน ทุกคนต่างออกอาวุธเข้าสกัดกั้นจนเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวใดๆ ได้อีก ในขณะที่ทหารนายดังกล่าวลุถึงตัวฉีหมิงเยว่เป็นที่เรียบร้อย
สายตาคู่นั้นของฉีหมิงเยว่เสียดประกายแสงเย็นยะเยือก ฟันคลื่นกระบี่โจมตีออกเป็นแนวนอน ทว่าเนื่องด้วยความต่างชั้นของขุมพลังความแข็งแกร่งที่มากเกินไป คลื่นกระบี่ผ่าของนางกลับถูกนายทหารคนนั้นสะบั้นทิ้งได้อย่างง่ายดาย พร้อมสวนกระบี่โจมตี ฟันฟาดเป็นคลื่นทำลายล้างสีเขียวระยับรุกฆาต
ฉีหมิงเยว่ยกกระบี่ขึ้นทักทามแต่มิอาจต่อกรกับคลื่นกระบี่แสนคลุ้มคลั่งไว้ได้ กระบี่เล่มยาวในมือของนางหลุดกระเด็นกระดอน ยามนี้สูญเสียอาวุธในมือไป นายทหารคนนั้นได้โอกาสพุ่งเข้าหาฉีหมิงเยว่ สายตาหิวกระหายราวกับต้องการกลืนกินนางทั้งร่าง ทันทีที่คว้าคอเสื้อของนางได้ ก็มีเสียงฉีกกระชากขาดยาวดัง ‘แกร็ก’ แพรพรรณที่ปิดป้องบริเวณหน้าอกของฉีหมิงเยว่ถูกฉีกกระจุย เผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้าและไหล่สีขาวนวลประดุจหิมะขึ้นมา
ฉีหมิงเยว่ใบหน้าถอดสีซีดเซียว เปล่งเสียงร้องตะโกนลือลั่นตามสัญชาตญาณ
“หลู่เฟิง!”
นางเร่งเร้ากระแสลมปราณสุดขั้ว ถีบฝีเท้าทะยานหนีแต่ความเร็วของนายทหารคนนั้นกลับเหนือกว่าขุมหนึ่ง เขาเอื้อมมือไปคว้าปลายผมยาวของนาง พันรอบมือตนเองสักสองสามก่อนจะออกแรงกระชากอย่างไร้ปรานี
“อย่าหนี!”
ฝ่ามือหนาหยาบของชายคนนนั้น พุ่งเข้านวดบดเนินอกสีขาวของฉีหมิงเยว่อย่างเดือดกระหาย
มันหันไปหาเซี่ยหลู่เฟิงที่โดนล้อมกรอบขยับไปไหนไม่ได้ และกล่าวเย้ยหยันขึ้นว่า
“กระทั่งน้องสาวของเจ้า ข้าก็พรากมาแล้ว! คราวนี้คนรักของเจ้าต้องเป็นของข้า!!”
เซี่ยหลู่เฟิงที่พยายามทุ่มกำลังสุดตัวพุ่งออกไป กลับโดนกลุ่มทหารรอบข้างถีบสวนจนล้มกองกับพื้น เลือดสดคำโตพ่นกระอักหลายคำ ยิ่งได้เห็นว่า หญิงสาวที่ตนรักกำลังถูกยัดเหยียดความอัปยศอดสูเช่นนี้ แต่ตนเองกลับไม่มีปัญญาจะปกป้อง ก็พลันนึกรู้สึกผิดและโกรธแค้นอาฆาตสุดขีด เขายกมือขึ้นตบแผ่นอกของตัวเองอย่างแรงทีหนึ่ง ดวงตาอัดแน่นไปด้วยแววขมขื่น และทันทีที่ฝ่ามือสัมผัสกับแผ่นอก เขาก็ตาเบิกกว้างในทันใด สัมผัสได้ถึงโอสถเม็ดกลมอยู่จำนวนหนึ่งที่กลิ้งกลอกไปมาในกระเป๋าอกเสื้อ ก็พลันนึกย้อนไปถึงสิ่งที่อิ๋งเอ๋อร์เอ่ยกล่าวในวันนั้นได้ทันที โอสถทั้งสิบเม็ดพวกนี้เป็นโอสถที่เซียถงหลอมกลั่นให้กับมือ เพื่อใช้ยกระดับความแข็งแกร่งของตัวเขาเอง
ใช้ทานวันละหนึ่งเม็ดเท่านั้น
ตลอดที่ผ่านมา เขายังไม่มีเวลาว่างพอจะมากินโอสถเหล่านี้เลยสักเม็ด แต่ตอนนี้เขาต้องการพลัง! เขาต้องการแข็งแกร่งขึ้นเดี๋ยวนี้ทันที! คิดได้ดังนั้น เขาก็กำโอสถทั้งสิบเม็ดจากในกระเป๋าอกเสื้อออกมา และยัดเข้าปากโดยตรงไม่มีลังเลใดๆ!
ประสิทธิภาพของโอสถเสริมพลังเหล่านี้เหนือชั้นกว่าโอสถทั่วไปเกือบหลายสิบเท่าทวี เพราะพวกมันเกิดจากการผสานรวมสรรพคุณจากบรรดาสมุนไพรหายากกว่าหลายสิบชนิด ทั้งยังถูกกลั่นหลอมด้วยกลวิธีพิเศษโดยเพลิงพิภพเก้าดุษณี รับประทานหนึ่งเม็ดต่อหนึ่งวัน ดีไม่ดีร่างกายอาจดูดซับไม่หมดด้วยซ้ำ แต่นี่เล่นยัดทั้งสิบเม็ดเข้าปากโดยตรง แล้วมีหรือที่ร่างกายของเซี่ยหลู่เฟิงจะทนรับได้ไหว?
ทันทีที่โอสถทั้งสิบเม็ดตกสู่ท้อง เซี่ยหลู่เฟิงก็รู้สึกร้อนรุ่มดุจรอบข้างมีทะเลเพลิงเข้าเผาไหม้ ทั้งดวงตาและร่างกายของเขาแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงร้อน ด้วยฤทธิ์โอสถที่เกินขนาด ส่งผลให้กล้ามเนื้อทั่วทั้งตัวของเขาปูดโปนกำยำยักษ์ ในเวลานี้ ทุกคนโดยรอบสามารถรับรู้ด้วยตาเปล่า ถึงร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไปของเซี่ยหลู่เฟิง ทั้งยังมีธารเลือดสองสายไหลทะลักออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างของเขา
ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีเลือดอีกจำนวนหนึ่งไหลออกมาจากโพรงจมูก ตัวเขาในปัจจุบันดูน่าสยดสยองมากราวกับปีศาจจากขุมนรกก็มิปาน! เขาเงยหน้าขึ้นจับจ้องไปที่นายทหารคนนั้นที่กำลังขื่นใจฉีหมิงเยว่ กระบี่ในมือเคลื่อนขยับวูบหนึ่งด้วยความเร็วที่เกินจะมองได้ทัน ก่อกำเนิดเป็นคลื่นทำลายล้างมหาวินาศขุมใหญ่ซัดคลั่งออกไป
หนึ่งคลื่นกระบี่ลมปราณสุดเกรี้ยวกราด ผ่าได้แม้กระทั่งชั้นเมฆาบนฟากฟ้าสูง!
เห็นมีฉีหมิงเยว่อยู่ตรงนั้นด้วย นี่นับว่าเซี่ยหลู่เฟิงออมแรงอยู่กึ่งหนึ่งแล้ว ทันทีทันใด มือข้างนั้นที่นายทหารยื่นออกไปบีบขย้ำหน้าอกกลมกลึงบนเรือนร่างของฉีหมิงเยว่ก็ถูกตัดขาดในพริบตา! มือทั้งข้างของนายทหารที่โดนสะบั้นร่วงตกลงกับพื้น กระทั่งนิ้วยังกระตุกไม่หยุด
นายทหารคนนั้นกรีดร้องเสียงหลง จับจ้องไปที่มือข้างนั้นที่โดนตัดขาดบนพื้น ค่อยตัดสลับไปหาเซี่ยหลู่เฟิงด้วยความตื่นตะลึงสุดขีด! ไม่ว่ากรณีใดแต่เขาก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ทุกอย่างจะเป็นความจริง!
ทหารอีกนายที่เป็นคนสนิท เห็นว่ามิตรสหายของตนเองโดนตัดมือก็โกรธจัด รีบตะโกนปลุกกระตุ้นทุกคนว่า
“ฆ่ามัน! ฆ่ามันเร็ว!”
“….”
ทว่าเซี่ยหลู่เฟิงมิได้อยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว เขาฝ่าวงล้อมออกมาได้อย่างง่ายดาย ยามนี้ยืนอยู่ข้างฉีหมิงเยว่และกำลังถอดเสื่อคลุมตัวเองคลุมห่มให้ เจ้าตัวยืนผงาดง้ำอยู่ต่อหน้านางราวกับหุบเขาไท่ซานอันยิ่งใหญ่
ธารเลือดแดงฉานไหลออกมาจากทั้งที่ตาและจมูก กระทั่งตอนนี้เริ่มมีไหลออกมาจากทางหูทั้งสองข้างแล้ว! เซี่ยหลู่เฟิงใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดสดสีฉูดฉาด กำลังยืนตระหง่านกอดอกอย่างเด็ดเดี่ยว ใครเห็นต่างต้องรู้สึกสะเทือนขวัญกันถ้วนหน้ากับความน่ากลัวและดุร้ายของเขา เว้นเสียแต่ฉีหมิงเยว่ ในสายตาของนาง เซี่ยหลู่เฟิงก็ยังคงเป็นชายบุรุษชายผู้หล่อเหลาและน่านับถือ
เซี่ยหลู่เฟิงเนื้อตัวเริ่มสั่นเทาเล็กน้อยราวกับใกล้ถึงขีดจำกัด ตรงกันข้ามกับรัศมีความแกร่งกร้าวของคมกระบี่ในมือที่ยิ่งทวีพลานุภาพทำลายล้างสูงขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าตัวเขาในปัจจุบันกำลังใช้พลังชีวิตที่มีแลกเปลี่ยนเป็นกระแสคลื่นพลังบนใบกระบี่นี้อยู่
พริบตาต่อมา เขาปราดพุ่งเข้ากลางดงศัตรูโดยไม่มีกลัวเกรงใดๆ และทุกครั้งที่เขาสำแดงฟันคลื่นกระบี่วินาศออกไป ปริมาณเลือดที่ไหลออกมาจากช่องทาวรทั้งสามบนใบหน้าก็ยิ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากโรมรัมพันตูสาดกระบวนทำลายล้างนับหลายสิบท่วงท่า เซี่ยหลู่เฟิงในยามนี้ก็กลายมาเป็นมารปีศาจร่างโลหิต ถึงแม้จะสามารถประหารฆ่าทหารพวกนั้นไปได้หลายสิบกว่านายดั่งคลื่นพายุคลั่ง แต่ก็ยังมีทหารบางนายที่มีพลังขอบเขตเสาหลักเขียวชั้นสูงรอดออกมา ยามนี้กำลังตีระยะออกห่างเพื่อเฝ้าระวังจับตาดูอยู่
เมื่อพวกทหารที่เหลือรอดจะจับไต๋ของเซี่ยหลู่เฟิงได้แล้ว คนเหล่านี้จึงใช้กลยุทธ์ถ่วงเวลาเอาไว้ รอจนกว่าร่างกายของเซี่ยหลู่เฟิงค่อยๆ แบกรับความเสียหายไว้ไม่ไหว และในไม่ช้า เขาก็ค่อยๆ อ่อนแรงลงและค่อยๆ หมดสติลงที่สุด