ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 486 ผู้ใดมันกล้าแตะต้องเซียถงของข้า (2)
ตอนที่486 ผู้ใดมันกล้าแตะต้องเซียถงของข้า (2)
ตอนที่486 ผู้ใดมันกล้าแตะต้องเซียถงของข้า (2)
เสียอย่างไร เก่งกาจปานใด เมื่อฤทธิ์โอสถหมดลง สภาพร่างกายมิอาจแบกรับได้ไหว ไฟแห่งชีวิตของเซี่ยหลู่เฟิงเองก็จะดับมิดลงไปด้วยเช่นกัน
“หมิงเยว่ วิ่ง…วิ่งหนีไป…”
เขาตระหนักดีสภาพตนเองในเวลาไม่สามารถฝืนต่อได้อีกแล้ว เซี่ยเสวี่ยเหลียนเองก็อยู่ในอาการวิกฤต อิ๋งเออ๋อร์ก็ไม่สามารถสู้รบตบมืออันใดได้ เมื่อครู่ยังโดนลูกหลง ถูกทหารนายหนึ่งฟันขาเป็นแผลฉกรรจ์ ประเมินจากสถานการณ์คนที่พอมีโอกาสรอดชีวิตมากที่สุดคงหนีไม่พ้นฉีหมิงเยว่
เวลานี้ฉีหมิงเยว่ร้องไห้ปล่อยโฮ พละกำลังหมดไปกับการวิ่งหนีไปแทบไม่เหลือ
สุดท้ายนี้นางกัดฟันกรอดยืนกราน ไม่มีเจตนาคิดวิ่งหนีใดๆ อีกแล้ว หากเซี่ยหลู่เฟิงตาย ศพเคียงข้างเขาก็ควรจะเป็นนาง! ตอนนี้ไม่มีกระบี่อยู่ในมือแล้ว ทำได้เพียงปลุกระดมกระแสลมปราณเฮือกสุดท้ายที่หลงเหลือ คลุมเคลือบบนสองฝ่ามือ ยื่นตระหง่านอยู่เคียงข้างเซี่ยหลู่เฟิง
เฝ้ามองทหารทั้งเจ็ดแปดที่อยู่รอบตัว คลื่นอารมณ์นับไม่ถ้วนถาโถมทักหา
เซี่ยหลู่เฟิงกลั้นใจเหวี่ยงฟันคลื่มคมกระบี่สุดท้ายออกไป หากแต่ว่าการโจมตีนี้ปราศจากพลังความแข็งแกร่งกอปร จึงถูกทหารเหล่านั้นสลายทิ้งได้อย่างง่ายดาย เขาในเวลานี้จวนจะหมดสติอยู่ในท่าคุกเข่ากับพื้นทั้งแบบนั้น
ฉีหมิงเยว่รีบหันช่วยพยุงโดยไว แต่เนื่องด้วยทั้งคู่ ต่างฝ่ายต่างหมดเรี่ยวแรงกันหมดแล้ว ส่งผลให้ฉุดกันล้มลงจนอยู่ในท่าคุกเข่ากับพื้น ทหายนางหนึ่งพุ่งกระบี่จู่โจมเข้ามาหวังปลิดชีพทั้งคู่ในบัดดล ฉีหมิงเยว่ไม่สนใจสิ่งใดอีกต่อไปแล้ว นางกอดเซี่ยหลู่เฟิงเอาไว้แน่น คู่ชายหญิงกอดกันตัวกลมเกลียว สองคนนี้หลับตารอคอยความตายอย่างสงบ
เสี้ยวพริบตาที่คมกระบี่ยาวกำลังจะแทงทะลุใส่ร่างฉีหมิงเยว่ กลับเป็นเซี่ยหลู่เฟิงที่ห่วงว่า นางจะต้องรู้สึกเจ็บปวดก่อนตาย ทั้งที่อยู่ในวาระสุดท้ายของชีวิต เขายังใช้กำลังเฮือกสุดท้ายบิดตัวเข้ารับคมกระบี่นี้เสมือนเกราะป้องกัน
ดวงตาคู่นั้นข่มหลับปิดสนิท หูทั้งสองข้างเสมือนตัดขาดจากเสียงโลกภายนอกโดยสมบูรณ์ ทั้งที่สถานการณ์ตรงหน้าเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววพริบตา ทว่าเขากลับรู้สึกยาวนานเกินบรรยาย สักครู่ต่อมาพลันปรากฏภาพใบหน้ามากมายโฉบแล่นเข้ามาในหัว เผยแสดงชัดเจนขึ้นทีละคน
ทั้งท่านพ่อ ท่านแม่ บรรดาบ่าวรับใช้ในจวน องค์รัชทายาท ฝ่าบาท และฉีหมิงเยว่คนที่เขารักที่สุด ก่อนจะจบลงด้วยใบหน้าของหญิงสาวที่แสนคุ้นเคย…เซียถง!
เมื่อนึกถึงเซียถงขึ้นได้ เซี่ยหลู่เฟิงก็แอบยิ้มกับตัวเองเล็กน้อย สำหรับน้องสาวคนนี้ เขารู้สึกผิดกับอีกฝ่ายเหลือเกิน และคิดเสมอว่า นางคงเกลียดขี้หน้าเขาไปแล้ว แต่ใครจะไปคาดคิดก่อนตายกันว่า ภาพใบหน้าคนสุดท้ายที่แวบผ่านขึ้นมาในใจของเขาจะกลายเป็นนาง…
ผ่านไปนานสองนาน คมกระบี่เบื้องหน้าก็ยังไม่เสียบแทงเข้ามาเสียที กระแสความเจ็บปวดที่จินตนาการไว้ก็ยังไม่มีมาถึง ขณะที่เซี่ยหลู่เฟิงคิดว่าตัวเองได้ตายไปแล้ว ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงของฉีหมิงเยว่ตะโกนลั่นดังเข้าหูว่า
“เซียถง! เยี่ยมไปเลย! เรารอดแล้ว!!”
เซี่ยหลู่เฟิงใช้กำลังเฮือกสุดท้ายเพื่อเบิกตาขึ้นมอง ทว่าเปลือกตายามนี้กลับหนักอึ้งราวกับโลหะหลายสิบตันกดทับ จะเห็นก็แค่กลุ่มเงาจางๆ ที่ดูคล้ายกับแผ่นหลังของเซียถงปรากฏขึ้นต่อหน้า
เห็นเพียงศีรษะของนางจากด้านหลังเบลอๆ พร้อมกับเสียงที่คุ้นเคยดังว่า
“เซี่ยหลู่เฟิง! ในฐานะน้องสาวของท่าน ข้าไม่อนุญาตให้ท่านตาย!”
ฮ่าฮ่า…สมแล้วที่เป็นน้องสาวคนนี้ กระทั่งออกคำสั่งกับพี่ชายตัวเองก็ยังกล้า เช่นนี้แล้ว ในอนาคตภายภาคหน้า สามีของนางคงไม่ปาดเหงื่อแย่? นิสัยหัวรั้นกระด้างปานนี้ จะทำให้แม่สามียอมรับได้หรือไม่?
ชีวิตที่ใกล้ดับมอด ทำให้สติสัมปชัญญะของเขาเริ่มหลุดลอย คิดออกทะเลไปเรื่อย ก่อนที่วิสัยทัศน์ทั้งหมดรอบตัวจะค่อยๆ ดับลง เหลือเพียงความมืดและเงียบงัน…
เซียถงชำเลืองหางตาย้อนกลับหา ปรากฏว่าเซี่ยหลู่เฟิงเป็นลมหมดสติไปแล้ว ถัดจากเขาก็เป็นฉีหมิงเยว่ ทั่วทั้งร่างกายของนางมีแต่บาดแผล เสื้อผ้าแพรพรรณขาดรุ่งริ่ง กระดูกขาข้างหนึ่งหักจนผิดรูป หัวไหลมีรอยศรธนูเฉียดลึกเลือดไหลไม่หยุด
พริบตาต่อมา มันหันขวับกลับไปตรงหน้า จับจ้องกลุ่มทหารเหล่านั้นราวกับกำลังมองคนตาย
เมื่อเห็นแววตาอำมหิตเลือดเย็นคู่นั้นของเซียถง เหล่าทหารที่องค์รัชทายาทไป๋หลี่เย่ส่งมาล้วนสัมผัสได้ถึง กลิ่นอายความตายที่ม้วนตลบอบอวลเข้ามาทันใด พวกเขากลุ่มนี้ล้วนทราบตระหนักดีเยี่ยม ถึงความน่ากลัวของเซียถง นางกล้าแม้กระทั่งลงมือตัดแขนขององค์รัชทายาท ทั้งยังลงมือทำร้ายองค์หญิงไป๋หลี่อวี๋อิงนับหลายครั้ง ณ ปัจจุบัน เผชิญหน้ากับ มัจจุราชสตรีนางนี้ชนิดตาต่อตา คิดหรือว่าจะมีชีวิตรอดกลับไป?
แน่นอน ทหารเหล่านั้นไม่กล้าต่อสู้สัประยุทธ์ด้วยเด็ดขาด กลยุทธ์ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ตอนนี้ที่สุดก็คือ หนี!
โดยไม่ต้องพูดพล่ำอันใดให้เสียเวลาอีก พวกเขาทั้งหมดรีบหันหลังและวิ่งหนีตายออกไปทันที!
เซียถงยังคงใจเย็น หยิบโอสถจำนวนหนึ่งออกมาและยัดเข้าปากของเซี่ยหลู่เฟิงโดยตรง พร้อมกันนั้นก็ลงมือฝังเข็มสกัดตามจุดสำคัญทั่วร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว
“หาญกล้าแตะต้องคนของเซียถงผู้นี้ ยังหมายคิดมีชีวิตกลับไป?”
เสี้ยวพริบตา เซียถงกลายร่างเป็นสายฟ้า ทะยานพุ่งออกไปไล่ล่าคนพวกนั้นอยู่ท้ายหลังไม่ห่าง อันที่จริง นางเร็วกว่าคนพวกนี้มากหลายขุม แต่ตอนนี้กลับจงใจระงับยับยั้งเอาไว้ พยายามรักษาให้ความเร็วใกล้เคียงพวกเขา
ขณะอยู่เบื้องหลังของนายทหายทั้งเจ็ดแปดคน จู่ๆ เซียถงก็ยกนิ้วชึ้นขึ้นมา และไล่กรวดยิงพลังดัชนีตัดเส้นเอ็นร้อยหวายที่หลังข้อเท้าของคนพวกนี้ทีละคนสองคน
เวลาคนกลัวตายสุดขีด แม้เส้นเอ็นร้อยหวายจะฉีกขาด แต่คนพวกนี้ก็ยังสามารถวิ่งต่อไปได้ ถึงนั่นจะสร้างความเจ็บปวดเกินพรรณนาปานใดก็ตาม!
และนายทหารกลุ่มนี้ก็หวาดกลัวเซียถงชนิดที่ว่าหยั่งลึกถึงจิตวิญญาณ!
นาง…นางกำลังทรมานพวกเขาอยู่?!
หากนางต้องการจริงๆ เพียงหนึ่งกระบวนโจมตีย่อมสามารถปลิดชีพพวกเขาได้ถ้วนหน้าแล้ว! และการที่นางยังไม่ทำเช่นนั้นก็มีเพียงจุดประสงค์เดียวเท่านั้น! นางต้องการทรมานพวกเขา! เสมือนกับโดนบังคับให้ต้องเล่นไล่จับระหว่างแมวและหนู!
ยามสุนัขเข้าตาจน มันสามารถแหว่งกัดคนได้ สถานการณ์ของกลุ่มทหารเหล่านี้ก็ไม่ต่าง แทนที่จะตกอยู่ในกำมือของนาง ไยไม่ผนวกกำลังของทั้งแปดเพื่อร่วมกันสู้ตายไปข้าง!
คิดได้ดังนั้น ก็มีนายทหารคนหนึ่งคำรามขึ้นทันที
“พี่น้องทั้งหลาย! ฆ่านาง!”
ในเวลานี้ต่อให้หนีรอดกลับไปได้ ก็ใช่ว่าจะไม่โดนโทษทัณฑ์ฐานภารกิจล้มเหลว สิ้นเสียงเท่านั้น ทหารทั้งแปดเร่งโบกคมกระบี่หันเข้าประจันหน้าใส่นางโดยพร้อมเพรียง พวกมันมุ่งเป้าไปที่ช่วงลำตัวของเซียถง หวังสุ่มแทงให้โดนจุดสำคัญสักแผล ไม่แน่บางทีความได้เปรียบอาจย้อนกลับมาหาพวกเขา!
พอเห็นว่าเซียถงโดนหมายหัว ไป๋หลี่หานและหน่วยเงาที่เพิ่งตามเข้ามาสมทบถึงก็คล้ายมีอาการตื่นตัวเล็กน้อย โดยเฉพาะกับองครักษ์หน่วยเงาของเขา แลเห็นว่ายามนี้ พระชายาเอกของนายท่านพวกเขากำลังตกอยู่ในอันตราย เหล่านั้นก็เตรียมจะออกไปชั่วทันที
“นายท่าน ข้าน้อยจะรีบออกไปช่วยเดี๋ยวนี้!”
เพียงชำเลืองมองปราดเดียว ไป๋หลี่หานก็อ่านสถานการณ์โดยรวมได้อย่างทะลุปรุโปร่ง แลเห็นเซียถงกำลังสนุกกับเหยื่อของตน ก็อดยิ้มมีความสุขมิได้ จึงกล่าวตอบอย่างใจเย็นไปว่า
“พวกเจ้าลองออกไปช่วยก็ได้ แต่หลังจากนี้ หากโดนเซียถงทำโทษก็ตัวใครตัวมัน นางกำลังเล่นสนุกกับเหยื่อตัวเองอยู่ คิดขัดขวางไม่เท่ากับรนหาที่ตาย? ข้าขอผ่านแล้วหนึ่ง”
ในเวลาเดียวกัน สถานที่ซ่อนตัวใกล้เคียงกัน ยังมีเงาปริศนาอีกกลุ่มหนึ่งกำลังซุ่มสังเกตการณ์อยู่ และก็มีใครบางคนพูดออกมาแบบเดียวกับที่หน่วยเงาของไป๋หลี่หานพูดไม่มีผิดเพี้ยน แต่กลับถูกเงาดำอีกร่างที่อยู่เคียงข้าง กล่าวหยุดเอาไว้เช่นกัน
“เซียถง เป็นพวกชอบสะสางบัญชีแค้นด้วยตัวเอง แม้เราจะยื่นมือเข้าแทรกแซง นางเองกลับไม่เห็นค่าอันใด ซ้ำร้ายอาจเป็นโทษด้วยซ้ำ”