ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 487 ไป๋หลี่หานมาแล้ว! (1)
ตอนที่487 ไป๋หลี่หานมาแล้ว! (1)
ตอนที่487 ไป๋หลี่หานมาแล้ว! (1)
บัญชีแค้นนี้ของข้า และเพียงข้าเท่านั้นที่ชำระ! นี่แหละคือวิถีทางของเซียถงตัวจริงเสียงจริง!
คมกระบี่สาดประกายเงินสว่างไสว! ชั่วพริบตาขณะ เสมือนสีสันทั่วน่านฟ้าและผืนปฐพีถูกคลุมย้อม
เซียถงจับจ้องคลื่นคมกระบี่สีเงินทั้งเจ็ดแปดสายที่พุ่งโจมตีใส่นางกะทันหัน ใครเห็นย่อมพึงทราบ สถานการณ์ตอนนี้อันตรายปานใด ทว่าจนถึงตอนนี้นางก็หาได้สนใจไม่เลย มิใช่แค่นั้น จู่ๆ นางก็หมุนตัวกลับหันหลังให้ เผยให้เห็นแผ่นหลังทรงสง่าราศี และเสี้ยวพริบตาต่อมา นางก็สะบัดข้อมือย้อนใส่ ยิงคมเข็มนับสิบสายพุ่งเจาะจุดสำคัญต่างๆ ทั่วร่างกายของเหล่าทหารที่โหมโรงประจัญบานใส่นาง
เงาร่างของนางกลายเป็นพร่ามัวต่อหน้าต่อตาพวกเขาทั้งหมด กว่าจะรู้สึกฟื้นตัวอีกที นางก็อันตรธานหายวับไปจากต่อหน้าแล้ว เซียถงปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งบนนภาเวหาสูงเหนือศีรษะของคนพวกนี้ มีดสั้นจับกระชับแน่นอยู่ในมือ พร้อมซัดคลื่นวินาศฟันใส่ทั้งหลาย ก่อเกิดเป็นคมเคี้ยวจันทร์เสี้ยวอันทรงพลังทำลายล้างสุดแสน คลื่นดังกล่าวฟันคอของทหารสองนายที่อยู่ท้ายสุดเสียงดัง ‘ฉับ’ โดยตรง ราวกับเคียวยมทูตพรากชีวา ทั้งคู่โดนฟันลูกกระเดือกเป็นแผลลึกมาก จนศีรษะเกือบขาดออกจากกัน พริบตาต่อมา ก็มีสายเลือดโลหิตสดพุ่งกระฉูดไหลทะลักตามแผลปริลึกราวกับน้ำพุ
เซียถงแสยะรอยยิ้มที่มิใช่รอยยิ้มฉีกกว้างแทบติดหู มีดสั้นในมือเคลื่อนเปลี่ยนตำแหน่ง เชือดผ่านคอของนายทหารอีกนาย กระหน่ำโฉบเฉียวต่อเนื่องจนครบทุกหัว ประกายคมมีดสีเย็นสาดไสวเชือดผ่านทุกคอหอยกระเดือกประดุจสายฟ้าเร็วจี๋
นายทหารเหล่านั้นถึงกับร่างทรุดคุกเข่าลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง ด้วยความตื่นตระหนกกลัวตายสุดขีด พวกเขาทั้งหลาย เร่งทิ้งกระบี่ในมือกันระนาว เพื่อเร่งหยิบใช้มือทั้งสองข้างที่สั่นเทิ่ม ยกขึ้นปิดกุมคอหอยที่โดนคมมีดเฉือนเป็นแผลลึก ธารเลือดเข้มข้นสีแดงสดทะลักทลายไหลล้นง่ามนิ้วของคนพวกนี้ไม่หยุดราวกับสายน้ำ
สีหน้าการแสดงออกของแต่ละคนแสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดสุดพรรณนาทานทนไหว แต่นายทหารเหล่านี้กลับไม่สามารถตายให้ทุกอย่างมันจบๆ ไปได้!
เซียถงกวาดสายตามองนายทหารทั้งเจ็ดแปดคนตรงหน้า ใบหน้าฉาบชั้นน้ำแข็งหนาวเหน็บไร้อารมณ์ เมื่อสักครู่ นางเพิ่งจะตัดหลอดลมและเส้นเลือดใหญ่บริเวณแถวคอหอยของพวกนั้นไป ทั้งยังใช้เข็มเงินที่ยิงออกมา พุ่งเข้าสกัดตามจุดสำคัญต่างๆ ทั่วร่างกายเพื่อชะลอความเร็วของการไหลเวียนโลหิตให้ช้าลง
“ข้าสกัดจุดการไหลเวียนโลหิตของพวกเจ้าไว้หมดแล้ว พวกเจ้าจะไม่สามารถตายได้ภายในชั่วระยะเวลาหนึ่ง ถึงแม้จะเป็นจักรพรรดิหยกเสด็จลงมาช่วยเองก็ตาม แต่เขาก็มิอาจช่วยเจ้าให้หลุดพ้นจากความทรมานนี้ได้! มันผู้ใดกล้าแตะต้องคนของเซียถงผู้นี้ มันผู้นั้นไม่ตายดี! หลอดลมของพวกเจ้าเอง ข้าก็ตัดทิ้งไปหมดแล้ว เส้นเลือดใหญ่บนคอเองก็เช่นกัน จงลิ้มรสความทรมานสุดแสนอย่างช้าๆ แล้วไม่ต้องเป็นห่วงไป พวกเจ้าไม่มีทางตายโดยง่ายแน่นอน ขอให้สนุกกันเช่นนี้ตลอดหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็ม!”
สำหรับคนพวกนี้ แค่ความตายนับว่าปราณีเกินไป ดังนั้นเซียถงจึงต้องการทรมานพวกเขา ทำให้พวกเขาได้ลิ้มรสเสียว่า ความสิ้นหวังที่แท้จริงมันเป็นเยี่ยงไร!
ขณะเดียวกัน นางก็เดินเข้ากระทืบยอดอกของนายทหารคนหนึ่งอย่างแรง บังเอิญว่านายทหารคนนี้มือด้วนไปข้างหนึ่ง จากที่พินิจดู ควรจะเป็นคนเดียวกับที่พยายามข่มขืนฉีหมิงเยว่ก่อนหน้า เขาในตอนนี้ สีหน้าเหย่เกดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดทรมานแสนสาหัส เซียถงเห็นดังนั้นก็แสยะยิ้มกว้าง พร้อมเอื้อมมือเข้าไปล้วงแผลเหวอะบนคอหอย และควักเอาลูกกระเดือกของมันกระฉากออกมาบีบเล่นจนแตกเละคามือ สีหน้าของนายทหารดังกล่าวยิ่งทวีความเจ็บปวดทรมานถึงจุดสูงสุด ดวงตาทั้งสองข้างถึงกับเหลือกขึ้นจนกลายเป็นสีขาว ร่างกายชักกระตุกอย่างแรง
ไป๋หลี่หานทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว เขาเป็นเพียงคนเดียวในที่แห่งนี้ ที่กล้าเผยตัวเดินออกมาและจับมือหยุดนางเอาไว้ ทุกฝ่ายที่ซุ่มสังเกตการณ์ยังคงตกตะลึงอยู่กับภาพฉากโศกนาฏกรรมอันโหดเหี้ยมที่เซียถงเป็นคนลงมือกระทำการ บางคนถึงกับผวาขวัญเสียจนหายใจไม่ทั่วท้อง
ทันทีที่เซียถงเห็นว่า ผู้นั้นคือไป๋หลี่หาน รัศมีจิตสังหารอันเลือดเย็นที่ฉาบคลุมทั่วทั้งร่างของนางพลันอันตรธานหายวับไปทันควัน นางส่งยิ้มหวานให้เขาเล็กน้อย เสมือนแรกสัมผัสสายลมยามเดือนสามแสนสุขใจ แต่ใครได้เห็นต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกัน นี่มันคู่รักปีศาจท่ามกลางขุมนรกอเวจี…
“รีบกลับไปดูพวกเขาเถอะ”
กลุ่มคนพวกนี้ล้วนแต่ได้รับบทเรียนอย่างสาสมแล้ว หลังได้ฟังคำเตือนเชิงให้หยุดของไป๋หลี่หาน เซียถงก็กุมมืออีกฝ่ายแน่นพร้อมพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทั้งคู่ก็รีบวิ่งย้อนกลับไปหาพวกเซี่ยหลู่เฟิงทันที
เซี่ยหลู่เฟิงในเวลานี้กำลังนอนหมดสติอยู่ในอ้อมแขนของฉีหมิงเยว่
สภาพของฉีหมิงเยว่มิได้สู้ดีไปกว่ากันเลย ใบหน้าของนางซีดขาวไร้เลือดหล่อเลี้ยง แต่ถึงแบบนั้นก็ยังกอดกุมร่างของเซี่ยหลู่เฟิงไว้แน่น
เซียถงชำเลืองมองบาดแผลทั่วทั้งร่างกายของทั้งฉีหมิงเยว่และอิ๋งเอ๋อร์ โดยเฉพาะกับรอยฟันฉกรรจ์หนักบนข้อขาของอิ๋งเอ๋อร์ นางถึงกับขมวดคิ้วแน่นและรีบป้อนโอสถเม็ดหนึ่งเข้าปากอีกฝ่ายโดยตรง อิ๋งเอฮ่ร์รีบกลืนมันลงไปและเอ่ยขึ้นว่า
“อาการบาดเจ็บของบ่าวมิได้หนักหนาอันใด องค์ราชินี ไปช่วยคุณชายใหญ่ก่อน!”
ฉีหมิงเยว่ดวงตาพร่ามัวเจียนจะหมดสติไปอีกคน รีบเงยหน้ามองเงาร่างที่แสนคุ้นเคยกำลังตรงเข้ามาหา นางใช้กำลังเฮือกสุดท้ายเอ่ยขึ้นว่า
“เซียถง! เซียถง! เจ้ารีบช่วยเขาเร็วเข้า! ลมหายใจของเขาโรยราลงเรื่อยๆ แล้ว! เนื้อตัวก็เริ่มเย็นชืด ข้า…ข้าควรทำเยี่ยงไรดี! ขะ-ข้า…ข้าไม่อยากให้เขาตาย! ช่วยเขาด้วยเถิด! ช่วยเขาด้วย! ทั้งชีวิตของข้าเหลือแค่เขาเท่านั้นแล้ว! หากเขาต้องตายไปอีกคน ข้าอยู่ไม่ได้! ข้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ยังไง!! หากเขาตาย…”
ฉีหมิงเยว่สติแตกโดยสมบูรณ์ นางไม่สามารถข่มกลั้นอารมณ์หลายหลากนับร้อยที่ถาโถมเข้ามาได้ไหวอีกต่อไป
ชั่วชีวิตของนางเต็มไปด้วยความเศร้าสลดและขมขื่น จึงสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่า การมาถึงของเซี่ยหลู่เฟิงมันได้เปลี่ยนชีวิตของนางพลิกพันเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เขาเปรียบเสมือนแสงแห่งความหวังที่เล็ดลอดส่งผ่านช่องหน้าต่าง ทั้งที่นางสามารถก้าวข้ามผ่านเรื่องราวอันแสนเจ็บปวดเกี่ยวกับจักรวรรดิบ้านเกิดตัวเองมาได้แล้วแท้ๆ ทั้งที่นางและเขากำลังจะเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างมีความสุข ทว่าตอนนี้ทุกอย่างกลับพังลงไม่เป็นท่าอีกแล้ว!
เสียงร้องห่มร้องไห้ของฉีหมิงเยว่กรีดลึกลงสู่หัวใจของทุกคนในเวลานี้ ทำให้พวกเขาโดยรอบรู้สึกเห็นอกเห็นใจอย่างอดมิได้
กระทั่งผู้พิทักษ์หน่วยเงาที่ยืนอยู่เคียงข้างไป๋หลี่หานยังต้องเบือนหน้าหันหนีด้วยความลำบากใจ พวกเขาทั้งสัมผัสได้ถึง ความสิ้นหวัง ความโศกเศร้าและความอ้างว้างสุดพรรณนาเจือผสมอยู่ในเสียงร้องไห้ที่เปล่งดังออกมาของนาง…
เซียถงดวงตาเห่อร้อนแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย โอสถทั้งสิบเม็ดที่นางหลอมกลั่นไว้ให้ ทั้งหมดก็เพื่อให้เขายกระดับพลังความแกร่งกล้าให้สูงขึ้น เหตุผลที่ให้กินวันละเม็ดอันเนื่องมาด้วยฤทธิ์โอสถที่รุนแรงเกินไป ทว่าเขาตอนนี้กลับกินเข้าไปหมดในรวดเดียว ต่อให้ร่างกายจะทำมาจากเหล็กกล้า แต่เกรงว่าก็ไม่สามารถทนรับได้ไหวเช่นกัน
เซียถงเหลือบมองไปที่ร่องรอยการต่อสู้ของเขาทั่วบริเวณ เซี่ยหลู่เฟิงยอมแลกแม้กระทั่งชีวิตกับร่องรอยการต่อสู้เหล่านี้?
ใบหน้าของเซียหลู่เฟิงอาบชุ่มธารเลือดสดชโลม มีเลือดไหลออกมาจำนวนมากจากรูทวารทั้งเจ็ด อวัยวะภายในบอบช้ำได้รับความเสียหายไปกว่าห้าในสิบส่วน
ถึงแม้เซียถงจะป้อนโอสถห้ามเลือดไปแล้วก็ตามที แต่เลือดก็ยังไม่หยุดไหลออกมา นี่เป็นครั้งแรกที่โอสถของเซียถงไม่ได้ผล
หลิวซูสื่อจิตกล่าวผ่านห้วงความคิดของเซียถงว่า
“อวัยวะภายในของเขามีแต่รอยแผลฉีกขาดปกคลุมทั่ว ระดับความสาหัสไม่ต้องกล่าวถึง แค่ยังมีลมหายใจจวบจนตอนนี้ได้ก็นับว่าปาฏิหาริย์แล้ว ทั้งหมดเป็นเพราะแรงใจอันกล้าแกร่งของเขาล้วนๆ! แต่อย่างไร จิตวิญญาณของเขาได้รับความเสียหายมากเกินไป และเมื่อใดที่จิตวิญญาณแตกสลายไป นั่นเท่ากับว่า เขาจะไม่มีทางตื่นขึ้นมาอีก!”
หลิวซูอดถอนหายใจด้วยความรู้สึกผิดมิได้ หากเสี่ยวฮั่วยังอยู่ บางทีมันอาจสามารถฟื้นฟูรักษาจิตวิญญาณของเซี่ยหลู่เฟิงได้ด้วยพลังมหัศจรรย์สีม่วงของมัน หาไม่แล้วอย่างน้อย มันก็น่าจะมีวิธีชะลอความตายเพื่อยืดเวลาเสาะหาหนทางรักษาต่อไป
อย่างไรเสีย ตอนนี้เสี่ยวฮั่วก็ไม่อยู่แล้ว นี่ถือเป็นตราบาปครั้งใหญ่หลวงสำหรับหลิวซูเลยก็ว่าได้
คู่คิ้วเซียถงถักแน่นดูตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ นางเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าควรทำอย่างไรต่อไป เพราะหนทางที่นึกออกก็ลองไปหมดแล้ว
ไม่จำเป็นต้องให้ฉีหมิงเยว่เอ่ยปากขอร้อง เซียถงย่อมต้องพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยเซี่ยหลู่เฟิงอยู่ดี เพราะอย่างไร เขาก็เป็นพี่ชายคนหนึ่งของนาง ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ก็มีเพียงเขาในจวนที่รักและห่วงใยนางที่สุด ทั้งยังคอยออกหน้าปกป้องแทน ดังนั้น เซียถงไม่มีเหตุผลที่จะไม่ช่วยเขา ทว่าตอนนี้กระทั่งตนเองก็ยังหมดสิ้นหนทาง…
ในขณะที่ความตึงเครียดปะทุถึงขีดสุด ก็มีฝ่ามือหนาจากด้านหลังตบไหล่ของนางอย่างแผ่วเบา เซียถงสัมผัสถึงไอความอบอุ่นที่ส่งตรงสู่หัวใจได้ในขณะหนึ่ง
“ไม่ต้องกังวลไป ข้ายังพอมีวิธี”
กล่าวจบ ไป๋หลี่หานก็นั่งยองต่อหน้าเซี่ยหลู่เฟิน และอัดฉีดกระแสลมปราณบริสุทธิ์ขุมใหญ่ถ่ายทอดสู่ร่างของอีกฝ่ายโดยตรง ทุกขั้นตอนลงมือล้วนเป็นไปด้วยความประณีตบรรจง หวังใช้พลังลมปราณขุมนี้เข้าหล่อเลี้ยงและกระตุ้นหัวใจให้เต้นอีกครั้ง
เซียหลู่เฟิงเบิกตาโตเขม็งเข้าหาเซี่ยหลู่เฟิงอย่างมีความหวังอีกครั้ง พร้อมทั้งกุมมือฉีหมิงเยว่ที่อยู่ข้างๆ ไว้แน่น
“อย่าได้ห่วง เขาต้องทำสำเร็จแน่!”
ฉีหมิงเยว่พยักหน้าทั้งน้ำตาที่คลอเบ้า