ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 488 ไป๋หลี่หานมาแล้ว! (2)
ตอนที่488 ไป๋หลี่หานมาแล้ว! (2)
ตอนที่488 ไป๋หลี่หานมาแล้ว! (2)
ขาของฉีหมิงเยว่หักจนผิดรูป จึงเป็นหน้าที่ของเซียถงต้องรักษา โดยการทำเฝือกมาสวมใส่ให้เพื่อป้องกันมิให้กระดูกเคลื่อนเพิ่มเติม จากนั้นจึงกล่าวว่า
‘อาการมิได้หนักหนาอย่างที่คิด พักรักษาตัวสักเดือนสองเดือนก็จะดีขึ้นตามลำดับเอง”
ขณะเดียวกัน เซียถงก็ชำเลืองสายตามองผ่านฉีหมิงเยว่และอิ๋งเอ๋อร์ไปทางด้านของพวกนาง เสี้ยวอึดใจนั้นเอง สีหน้าของนางถึงกับมืดทมิฬลงทันทีที่ได้เห็นใบหน้าของหญิงสาวอีกคน
อิ๋งเอ๋อร์ทราบดี ในหัวของเซียถงตอนนีคงกำลังสงสัยยิ่งยวดว่าไฉนเซี่ยเสวี่ยเหลียนถึงอยู่ที่นี่ได้ ดังนั้นก่อนที่ทุกอย่างจะเกิดความเข้าใจผิดกัน นางก็รีบเอ่ยปากเล่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดก่อนหน้ากว่าจะมาถึงจุดนี้ และท้ายที่สุดยังกล่าวเสริมอีกว่า
“องค์ราชินี นางในตอนนี้น่าสงสารจริงๆ เจ้าค่ะ ตระกูลเซี่ยปฏิบัติต่อนางราวกับไม่ใช่คนแล้วด้วยซ้ำ หากปล่อยให้อภิเษกกับองค์รัชยาทไป๋หลี่เย่ เกรงว่านางจะต้องกลายเป็นอีตัวระบายความใคร่แก่พวกทหารในวังเป็นแน่! คุณชายใหญ่เองก็ยังเห็นนางเป็นน้องสาวคนหนึ่งเช่นกัน ถึงได้ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเหลือถึงขนาดนี้เจ้าค่ะ!”
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเซี่ยเสวี่ยเหลียนจนทำให้นางกลายมาเป็นเช่นนี้ ล้วนเกิดจากผลกรรมที่เคยก่อไว้ทั้งสิ้น แต่จะปล่อยให้นางตกเป็นของเล่นในมือไป๋หลี่เย่ให้ระทมซ้ำอีก เกรงว่าจะมากเกินไปหน่อยแล้ว เซียถงได้ฟังดังนั้นจึงพยักหน้าตอบ
การที่นางยอมพยักหน้าเช่นนี้ นี่หมายความได้ว่า นางยอมรับในตัวเซี่ยเสวี่ยเหลียนแล้ว
ไป๋หลี่หานที่ตามใจเซียถงมาโดยตลอด พอเห็นนางพยักหน้ายอมไม่ถือสาเอาความใดๆ อีก เขาจึงตบเท้าขึ้นหน้าและกล่าวว่า
“เจ้าในตอนนี้เองก็บาดเจ็บหนักจนแทบเดินทางต่อไม่ไหวแล้ว ทั้งยังเป็นเพียงคนธรรมดาไม่มีทักษะต่อสู้ เอาอย่างนี้เป็นไง ข้าจะส่งเจ้ากลับอี้เฉิงก่อน ส่วนเรื่องเซี่ยเสวี่ยเหลียน อืม…เซียถง เจ้าคิดจะทำเยี่ยงไรกับนางดี?”
เซียถงก้มหน้าครุ่นคิดครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้นว่า
“ตอนนี้นางก็บ้าไปแล้ว และไม่ว่ายังไง เซี่ยหลู่เฟิงคงรับดูแลนางไปชั่วชีวิต จะส่งกลับเมืองเฟิงหลี่ก็เกรงว่าไม่เหมาะสม เช่นนั้นกลับไปอี้เฉิงดีหรือไม่?”
นางเงยหน้าขึ้นจับจ้องไป๋หลี่หานด้วยสายตาค่อนข้างจริงจัง และนี่เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ ที่เซียถงเอ่ยปากขอคำปรึกษากับเขาแบบนี้
ได้ยินนางเอ่ยถามความเห็นจากตัวเขา ไป๋หลี่หานก็อดยิ้มมีความสุขมิได้ อันที่จริงแต่ก่อน นางเป็นคนหัวรั้นและหยิ่งทะนงกว่านี้มาก อย่าว่าแต่จะเอ่ยปากขอคำปรึกษาเลย กระทั่งจะให้พูดดีๆ ด้วยยังยาก ทว่าตอนนี้ นางดูอ่อนลงกว่าเมื่อก่อนมาก นิสัยน่ารักเกินจินตนาการ แล้วเขาหรือยังกล้าปฏิเสธลง?
“ข้าเองก็เห็นเช่นนั้น อี้เฉิงเปรียบเสมือนบ้านอีกหลังของเจ้า เช่นนั้น ไม่ว่าเจ้าคิดหรือตัดสินใจอย่างไร ล้วนทำได้ตามต้องการ”
ดังนั้น พวกเซียถงจึงส่งเซี่ยเสวี่ยเหลียนและอิ๋งเอ๋อร์ขึ้นรถม้ากลับไปยังทิศทางสู่ดินแดนอี้เฉิง
การมาถึงของไป๋หลี่หานในคราวนี้ ส่งผลให้เซียถงคลายลดความกดดันไปได้มาก อย่างน้อยก็ไม่ต้องหวาดระแวงแล้วว่า จะมีกลุ่มนักฆ่าดักซุ่มโจมตีเมื่อใด
ทุกคนมุ่งหน้ากลับมายังเส้นทางบุปผาพิษ และทันทีที่ได้เห็นราชาหมาป่าสวรรค์ตัวเป็นๆ เค่อฮั่วถึงกับสั่นสะท้านวูบ!
ขณะนี้มีรถม้าอีกหนึ่งเกวียนขับเคลือนอยู่ติดสอยตามหลังมาด้วย ภายในนั้นมีเซี่ยหลู่เฟิงที่นอนรักษาตัวอยู่ในนั้น เคียงคู่ไปกับฉีหมิงเยว่ที่คอยดูแลเข้าไข้ไม่ห่าง เนื่องด้วยเซี่ยหลู่เฟิงจำเป็นต้องให้ไป๋หลี่หานป้อนพลังลมปราณหล่อเลี้ยงร่างกาย เพื่อคงสภาพร่างกายมิให้ทรุดหนักไปกว่านี้ เขาจึงไม่สามารถส่งตัวกลับไปอี้เฉิงพร้อมกับอิ๋งเอ๋อร์และเซี่ยเสวี่ยเหลียนได้
“สงสัยคนแถวนี้จะช่วยเจ้าข้ามไปไม่ได้?”
ไป๋หลี่หานกล่าวกับเซียถง ทว่าหางตากลับปรายมองไปทางหลัวซีที่อยู่ด้านหลังอย่างลับๆ แลเห็นประกายไฟที่พวยพุ่งออกมาจากดวงตาของทั้งสองฝ่าย เซียถงอดรู้สึกละเหี่ยใจมิได้ แรงความหึงหวงที่ไป๋หลี่หานมีต่อนางยังคงรุนแรงเกรี้ยวกราดไม่เคยแปรเปลี่ยนเลยจริงๆ
เซียถงเร่งเปลี่ยนหัวข้อ ตัดเข้าเรื่องทันที
“พิษบุปผาพวกนี้มีแหล่งอาหารเป็นสิ่งมีชีวิต ถึงได้เจริญเติบโตได้ดีตามกองกระดูก แต่มันจะไม่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาใดๆ เลยกับสรรพสิ่งที่เป็นธาตุไม้”
เซียถงกล่าวพร้อมโยนกิ่งไม้แห้งก้านหนึ่งออกไปตรงหน้า เสียงตกกระทบกับกระดูกดัง ‘กึก’ อย่างแรง
กิ่งไม้แห้งก้านนั้นนอนแน่นิ่งท่ามกลางกองกระดูกบุปผา ทว่ากลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ อย่างที่เซียถงกล่าวไว้
รอยยิ้มที่ประดับประดาบนใบหน้าไป๋หลี่หานดูจะชัดเจนยิ่งขึ้น เฉพาะช่วงเวลานี้ เขาย่อมทราบ อีกไม่นานเกินรอเซียถงก็จะสามารถหาทางผ่านอุปสรรคแรกบนหุบเขาคุนหลุนได้แล้ว ช่างเป็นผู้หญิงที่น่าทึ่งและมากความสามารถอะไรเช่นนี้! สมแล้วที่เป็นศรีภรรยาของเขา! ได้เห็นเซียถงค้นพบก้าวแรก ก็ทำให้เขาอดมีความสุขไปด้วยมิได้
อย่างไร พวกเขาใช้เวลากับเหตุการณ์ก่อนหน้าไปค่อนข้างมากแล้ว ส่งผลให้ยามนี้ฟ้าเริ่มมืดอีกครั้งแล้ว จึงตัดสินใจจะค้างแรมอยู่ที่นี่ต่ออีกสักคืน แล้วช่วยกันหาทางอีกทีในรุ่งเช้า
ในตอนกลางดึก ขณะที่ทุกคนเข้านอนหลับใหล ก็เป็นเซียถงสวมชุดคลุมยาวสีขาวเดินไปชื่นชมทิวทัศน์บนขอบผา เนื่องจากหุบเขาคุนหลุนมีขนาดที่โอฬารมาก แค่ขอบผาจึงสูงทัดเทียมหุบเขาหลายลูกรอบข้างแล้ว
นางแหงนหน้ามองแสงจันทร์เสี้ยวพราวไสว ภาพฉากตรงหน้าในเวลานี้ช่างงดงามเกินพรรณนาอย่างแท้จริง พลางสบสายตามองต่ำไปยังทุ่งดอกบุปผาหลายหลากสีสันที่ผลิบานบนกองกระดูก พวกมันเองก็ดูงดงามไม่แพ้กัน
เซียถงสะดุดสายตาเชยชมอย่างหลงใหล ทันใดนั้นเองก็ได้ยินสุ้มเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง
“เจ้ากำลังทำอันใดอยู่รึ?”
เซียถงสัมผัสได้ถึงชายร่างสูงที่กำลังยืนข้างเคียงอยู่ท้ายหลัง ดั่งอารมรณ์ผ่อนผรนคลายอ่อนลง นางทิ้งตัวเอนแผ่นหลังสวมสู่อ้อมแขนของชายคนนั้น ทุกอากัปกิริยาของนางปราศจากความประหม่าใดๆ ดูเป็นธรรมชาติดั่งคู่รักสามีภรรยาทั่วไป
“ข้ากำลังดูพวกมันอยู่ เห็นหรือไม่ว่าสีสันของบุปผาเหล่านี้งดงามเพียงใด? ทว่าเบื้องหลังความงดงามนั่นกลับเต็มไปด้วยภัยอันตราย”
นางทราบดีอยู่แก่ใจ หากปลีกตัวออกมากลางค่ำกลางคืนคนเดียวเช่นนี้ ไป๋หลี่หานจะต้องติดตามมาด้วยแน่นอน แต่ที่คิดไม่ถึงคือ อีกฝ่ายจะตามมาไวปานนี้ และในเมื่อมีโอกาสได้อยู่กันสองต่อสอง นางจึงจำเป็นจะต้องอธิบายถึงสถานการณ์โดยรวมในขณะนี้ ทั้งยังถนนหนทางเบื้องหน้าอีกที่ไม่รู้ว่าจะพบเจออันตรายแบบใด
สองมือเข้ากุมโอบรอบเอวเซียถงเบาๆ ไป๋หลี่หานออกแรงเล็กน้อยหันร่างของนางมาทางเขา ใช้มือข้างหนึ่งขึ้นเชยคางหญิงสาวเบื้องหน้าขึ้นมา ส่วนอีกข้างยกกุมจับที่หัวของนาง เรียวนิ้วยาวทั้งห้าสอดผสานตามสายผมยาวสลวย ประคองหลังศีรษะของนางไว้อย่างแผ่วเบา จากนั้นก็กดประทับริมฝีปากรุกจูบเซียถงด้วยความนุ่มนวล
“เซียถง อยู่เคียงข้างกับข้า แล้วเจ้าจะได้เชยชมทิวทัศน์งามตามใจต้องการ ไม่ว่าหนทางเบื้องหน้าจะอันตรายปานใด แต่ข้าก็จะทำให้เจ้ามีความสุข…”
“อืม…”
เสียงตอบรับกลับไปของเซียถงเป็นเพียงก้อนคำคลุมเครือ เพราะทั้งหมดทั้งมวลล้วนถูกจูบนี้กลืนกินไปจนเกือบหมด
บนผืนพิภพแห่งนี้ ไม่เพียงท่านแม่เท่านั้นที่เซียถงห่วงใยรักใคร่ที่สุด กระทั่งมิตรสหายเองนางก็ยังนำพามาใส่ใจ และยังรวมไปถึงบุคคลอันเป็นที่รักยิ่งของนางเช่นกัน รู้สึกโชคดีอย่างมากที่ได้มีโอกาสพบพานกับไป๋หลี่หาน สำหรับเขาคนนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็ยังเชื่อใจนาง รักนาง พยายามเข้าใจในตัวนาง และปกป้องนางอยู่เสมอไม่เคยแปรเปลี่ยน
ดังนั้นแล้ว ตัวนางในเวลานี้จึงมีความสุขมากเหลือเกิน
ในช่วงเที่ยงวันที่ผ่านมา ทั้งที่เขาพบเจอกับกลุ่มคนร้ายที่โจมตีเซี่ยหลู่เฟิงกับตนตัวเอง แต่ก็ยังเลือกที่จะไม่ลงมือเคลื่อนไหวใดๆ เพราะตระหนักดีว่า นี่เป็นวิถีการแก้แค้นในแบบเซียถง สิ่งนี้แสดงให้เห็นแล้วว่า ไป๋หลี่หานเข้าใจในตัวนางดีนขนาดไหน
ท่ามกลางบรรยากาศยามรัตติกาลอันเงียบสงัด ฟ้าดินทั้งหลายตกอยู่ในความมืดมิดสีเดียวกัน ไป๋หลี่หานค่อยๆ ยื่นมือไปเปิดไหล่ของเซียถงออกมา เสื้อแพรพรรณท่อนบนคล้ายเกิดอาการหลวมอ่อนจึงคลายตัว คอเสื้อสองฝั่งหลุดร่วงแหวกลึกลงมาจนเผยให้เห็นเนินอกทรงโตสีขาวนวลดุจหิมะของนาง เม็ดเหงื่อสีใสรินหยดลงมาผ่านร่องหน้าอกสวย พร้อมกลิ่นกายนวลหอมของอิสตรีที่แสนเย้ายวน ไป๋หลี่หานรุกเข้าจูบอีกครั้ง และคราวนี้ทั้งหนักหน่วงและรุนแรงกว่าก่อนหน้าหลายทวี นัยน์ตาคู่นั้นของนางตกสู่ความลุ่มหลงชั่วขณะ ใช้ลิ้นซุกไซ้รุกตอบอย่างเร้าร้อน สักครู่ต่อมา บริเวณแถวนั้นเต็มไปด้วยคลื่นอารมณ์แห่งมนต์เสน่ห์นับหมื่นพันพัลวันสอดประสานตลอดค่ำคืน…