ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 489 สะพานแพไม้ (1)
ตอนที่489 สะพานแพไม้ (1)
ตอนที่489 สะพานแพไม้ (1)
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ทุกคนร่วมแรงร่วมใจทำสิ่งเดียวกันหมด นั่นก็คือการตัดไม้
ไม่นานก่อนรอ ก็มีกองไม้ซุงขนาดใหญ่กองพะเนินอยู่บนตีนเขาแถวนั้น กระบวนวิธีต่อไป ทุกคนเร่งสับไม้เหล่านี้เป็นท่อนๆ
หลังช่วยกันทำงานครึ่งวันเต็ม โม่ซวนก็เดินมาหาเซียถง
“นายหญิง พวกเราเตรียมไม้ท่อนขนาดเท่ากันไว้เรียบร้อยแล้ว จากนี้ควรทำเยี่ยงไรต่อไป? โปรดนายหญิงชี้แนะ”
เซียถงโยนน่องไก่ย่างในมือที่แทะกินจนเกือบหมดลงกองไฟ ปรบมือปัดฝุ่นอยู่ทีสองทีแล้วค่อยยืนขึ้น
ไป๋หลี่หานเดินมาหยุดอยู่เคียงข้างไม่ห่างกายของนาง
ขณะนั้นเอง หลัวซีกำลังยืนถือไม้อยู่สองท่อน สีหน้าฉงนงุนงงยิ่งยวด ทั้งยังนำส่วนปลายของไม้เหล่านั้นเข้าชนต่อกัน พยายามศึกษาทำความเข้าใจอยู่สักครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
แลเห็นเซียถงเดินตรงเข้าใกล้ เขาจึงชูไม้ทั้งสองท่อนในมือขึ้นต่อหน้าพลางเอ่ยถามทันที
“ไม้เหล่านี้ถูกเซาะร่องเป็นสลักต่อ สามารถนำมาประกอบด้วยกันได้ก็จริง แต่นี่จะมีประโยชน์อันใดกันรึ?”
หาใช่ว่าเขาหัวช้าคิดไม่ทัน แต่ความคิดความอ่านของเซียถงกลับล้ำหน้าเกินไปมาก
ส่วนลำของไม้พวกนี้ได้รับการเซาะเป็นร่องสลักเพื่อประกอบเอาไว้ ทั้งหมดนี้ล้วนทำตามที่เซียถงสั่งไว้ก่อนหน้า
ไป๋หลี่หานเองก็รู้สึกแปลกใจมิใช่น้อย
เซียถงหยิบไม้ทั้งสองท่อนคว้าจากมือหลัวซีไป และนำไม้เพิ่มอีกชุดหนึ่งมาประกอบไขว้คล้ายสร้างเป็นแพ ไม่นานนัก พวกมันถูกสร้างจนกลายมาเป็นโครงไม้ขนาดย่อม
เจ้านี่กว้างยาวประมาณสองเมตรเห็นจะได้
นางลองกระโดดขึ้นไปยืนดูก่อน ท่อนไม้เหล่าถึงดูทรงจะไม่ค่อยหนามากเท่าไหร่ แต่ย่อมสามารถทนทานต่อน้ำหนักของเซียถงได้เป็นเวลานาน นางยืนอยู่บนนั้นลองขยับตัวไปมา สักพักลองกระโดดลงน้ำหนักอีกทีหนึ่ง ปรากฏว่าโครงไม้ทั้งหมดเหล่านี้ไม่มีสั่นคลอนใดๆ
นางกล่าวขึ้นว่า
“เมื่อประกอบแพไม้ออกมาเป็นลักษณะนี้ จะช่วยให้การถ่ายน้ำหนักกระจายอย่างสมดุลและทั่วถึง พวกเจ้าช่วยกันประกอบแพแบบนี้มาอีก ใช้เสร็จหนึ่งอันก็หยิบอันด้านหลังมาวางทับตรงหน้าต่อ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะผ่านเส้นทางนี้ไปได้!”
วิธีการของนางคล้ายกับการสร้างสะพานไม้เพื่อข้ามไป แต่เนื่องด้วยจำนวนไม้โดยรอบที่มีไม่เพียงพอ จึงต้องใช้วิธีใช้ซ้ำ นำแพที่อยู่ด้านหลังจับวางใหม่ตรงหน้า พอข้ามไปยังอีกแพก็นำแพก่อนหน้าจับมาวางใหม่ต่อไปเรื่อยๆ ถึงจะดูเรียบง่าย แต่กลับได้ผลจริง!
หลังจากเฝ้าดูการสาธิตของเซียถงเสร็จสรรพ ทุกคนต่างปรบมือให้นางกันทันที
ไป๋หลี่หานจ้องมองเซียถงราวกับนางเป็นสมบัติล้ำค่าชิ้นหนึ่ง กระทั่งเขาเองก็นึกไม่ถึงว่าจะมีวิธีเรียบง่ายและไม่ซับซ้อนปานนี้อยู่จริงๆ ทว่านางกลับคิดได้!
ได้ยินดังนั้น อันเป็นผลให้เล่าองครักษ์หน่วยเงาของไป๋หลี่หานที่ไม่ค่อยรู้จักมักจี่เกี่ยวกับเรื่องของเซียถงเท่าไหร่นัก ถึงกับตาโตเป็นประกาย พวกเขาไม่เคยนึกเลยสักนิด องค์ราชินีแห่งดินแดนอี้เฉิงจะมีกึ๋นปานนี้! ภายในใจพลันรู้สึกเชื่อมั่นในตัวของเซียถงไปโดยปริยาย!
สวรรค์ทรงโปรดเถิด ยังมีวิธีที่ทั้งง่ายและได้ผลเช่นนี้อยู่จริงๆ! เพราะทีแรกพวกเขาทั้งหลายต่างเป็นกังวลเคร่งเครียดตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ไม่เพียงพิษบุปผาเหล่านี้จะรุนแรงเกินต้านทาน แต่เส้นทางเบื้องหน้าเหล่านี้กว้างใหญ่ไพศาลเกินไป ราวกับมหาสมุทรบุปผาพิษร้ายก็ไม่ปาน การจะเสาะหาวิธีข้ามไปโดยสวัสดิภาพ ไม่มีใครกลับคิดออก!
เพราะกระทั่งจะลองบินบนฟ้า กลับโดนไอพิษรุกพิฆาตอยู่ดี แต่ใครจะไปคิด เพียงใช้ท่อนไม้ที่พิษเหล่านี้ไม่มีปฏิกิริยาด้วยสกัดกั้นทำเป็นทางเพื่อเลี่ยงการถูกสัมผัส ทุกอย่างก็จบด้วยดี!
องครักษ์หน่วยเงาเหล่านั้นล้วนหันขวับจับจ้องไปที่เซียถงจนเป็นตาเดียว ภายในนั้นอัดแน่นไปด้วยแววความชื่นชมกว่าหลายส่วน จะมีก็เพียงหญิงสาวที่ทั้งแข็งแกร่ง โหดเหี้ยม และชาญฉลาดแบบนางเท่านั้น ที่มีคุณสมบัติคู่ควรกับนายท่านของพวกเขา!
เซียถงใช้แพทางเดินไม้เหล่านั้นวางทับเส้นทางกระดูกบุปผาพิษและเดินข้ามไปทั้งแบบนั้น พอทุกคนขึ้นไปยืนรวมกันแล้ว ก็นำแพอีกแผ่นมาวางไว้ต่อตรงหน้า และย้ายไปยังแผ่นนั้น ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ในที่สุดคณะเดินทางกลุ่มนี้ก็เริ่มมีความคืบหน้าอีกครั้งหนึ่ง
ถึงแม้เส้นทางกระดูกบุปผาพิษจะปลดปล่อยไอพิษรุนแรงพยายามเข้ากัดกร่อนชีวิตปานใด ทว่าทั้งหมดกลับถูกตัวกลางที่เป็นธาตุไม้สกัดขวางกั้นเอาไว้โดยสมบูรณ์ ตราบเท่าไหร่ไอพิษเหล่านี้มิได้แตะสัมผัสกับผิวเนื้อมนุษย์โดยตรง พวกมันก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย จะลำบากก็หน่อยตอนยื่นมือออกไปคว้าจับแพ แต่นั่นเซียถงก็คาดการณ์ไว้หมดแล้ว จึงให้ทุกคนกินโอสถขับพิษกันเหนียวไว้ก่อน
อาศัยสะพานไม้เฉพาะกิจชิ้นนี้ เซียถงและคนอื่นๆ สามารถข้ามผ่านอุปสรรคแรกไปได้อย่างง่ายดาย
และเมื่อกลุ่มเดินทางนี้จากออกไป ก็มีอีกกลุ่มหนึ่งที่คอยเฝ้าดูทุกการกระทำของเซียถงและคนอื่นๆ ตั้งแต่แรกปราฏตัวขึ้นมา
ชิงเยวี่ยทอดมองแพไม้แบบจำลองที่สร้างขึ้นโดยเซียถง สายตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความซับซ้อนอยู่หนึ่งส่วน ก่อนเหลือบชำเลืองไปหาคนที่อยู่ด้านข้างไม่ห่างด้วยสีหน้าประชดประชันเสียดสี ก่นเสียงหัวเราะเย็นชืดคำโตออกมา แต่มิทราบเลยว่า เขากำลังหัวเราะเยาะตนเองหรืออีกฝ่ายอยู่
“เห็นหรือไม่? ตอนนี้ข้ายังสามารถเป็นมิตรสหายของนางอยู่ได้ แตกต่างกับเจ้าที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับนาง! และไม่ว่าพยายามแค่ไหน ในสายตาของนางก็จเห็นเจ้าเป็นศัตรูตลอดไป!!”
ชายที่อยู่ด้านข้างชิงเยวี่ยสวมเสื้อคลุมผ้าไหมสีม่วงแสนคุ้นตา คล้อยหลังฟังคำสบประมาทดูแคลนของอีกฝ่ายเสร็จ พลันก็มีเสียงตบหน้าดังสนั่น ชิงเยวี่ยโดนสวนด้วยหลังมือรุนแรง ฝากฝังรอยแดงเป็นเทือกใหญ่บนผิวแก้ม ชายเสื้อคลุมม่วงกล่าวน้ำเสียงหมองหม่นขึ้นอย่างแช่มช้าว่า
“เจ้าบอกว่าใครกันคือศัตรูของนาง?”
แก้มด้านหนึ่งของชิงเยวี่ยกลายเป็นสีแดงฉ่า สักครู่เริ่มเป่งบวมขึ้นพริบตา เขากัดฟันกรอดพร้อมแสยะยิ้มฉีกมุมปากอย่างเฉยเมย กล่าวขึ้นว่า
“นางเป็นหญิงออกเรือนแล้ว! เจ้าไม่มีวันได้ครอบครองนางแล้วชั่วชีวิต! ถึงได้ก็เพียงกาย…แต่หัวใจกลับมีเจ้าของอื่นจับจ้อง!!”
หากดวงตาคนเราสามารถฆ่าใครสักคนได้ ชิงเยวี่ยคงตายไปแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่เขาก็หาได้กลัวเกรงไม่ เขาจับจ้องชายเสื้อคลุมม่วงตาเขม็ง ทั้งยังแสยะยิ้มเยาะกล่าวอีกว่า
“เย่หลีเทียน เจ้าไม่มีทางเทียบชั้นกับเซียถงได้ และเจ้าเองก็ไม่มีวันแทนที่ราชาหมาป่าสวรรค์ในหัวใจของนางได้เช่นกัน! เจ้าเห็นหรือไม่? เห็นสายตาของเซียถงเวลาสบมองกับราชาหมาป่าสวรรค์หรือไม่? นั่นแหละคือสายตาที่เปี่ยมไปด้วยสายสัมพันธ์ความรัก พวกเขาทั้งคู่ต่างรักกัน แล้วเจ้าล่ะ? เจ้ายังคิดว่าตัวเองมีโอกาสอีกงั้นรึ? ถึงมีก็ตามทีเถอะ คิดว่าตัวเองคู่ควรนัก?”
โดยปกติทั่วไป ทุกท่วงท่าอากัปกิริยาของชิงเยวี่ยล้วนอ่อนโยนประดุจหยกขาวบริสุทธิ์ ทว่ายามนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้เป็นศัตรู ทั้งวาจาคำพูดและน้ำเสียงของเขาช่างดูหยาบกระด้างแข็งคาย
ชายเสื้อคลุมม่วงเคลื่อนสายตามสะดุดมองชิงเยวี่ยเล็กน้อย มุมปากบางของเขาพลันกระตุกขึ้นแผ่วอ่อน เผยปรากฏรอยยิ้มที่งดงามและทรงเสน่ห์ออกมา
เขาซัดกำปั้นอัดใส่ท้องน้อยของชิงเยวี่ยทีหนึ่ง ก่อนจะระเบิดหัวเราะเย้ยเยาะกล่าวว่า
“ชิงเยวี่ยหนอชิงเยวี่ย เจ้ากำลังคิดอันใดอยู่? ตั้งใจจะยั่วโมโหให้ข้าพลั้งมือสังหารเจ้า? ไม่ต้องห่วงไป ข้ายังไม่ฆ่าเจ้าทิ้งตอนนี้แน่นอน เพราะตัวเจ้ายังมีประโยชน์อยู่บ้าง ใช้เจ้าเป็นตัวประกันเพื่อข่มขู่เซียถงยังไงล่ะ!”
คำกล่าวประโยคนี้ของเย่หลีเทียนแฉถึงเจตนาคำยั่วยุของชิงเยวี่ยจนหมดเปลือก อีกฝ่ายที่ได้ยินแบบนั้นพลันเบือนหน้าหนีรู้สึกเสียเชิงเล็กน้อย โดยเฉพาะกับสายตาที่แฝงเร้นร่องรอยความขมขื่น อีกฝ่ายสามารถหยั่งลึกถึงความคิดของเขาได้อย่างหมดจด!
ชิงเยวี่ยร่นถอยกลับออกไปสองสามก้าว ใบหน้าขาวซีดอันเนื่องมาจากความเจ็บปวดทั้งกายและใจ
เขาต้องการยั่วโทสะเย่หลีเทียนจริงๆ หวังให้ตนเองโดนอีกฝ่ายพลั่งมือฆ่าทิ้งให้จบๆ ไปเสีย! เพราะมีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะช่วยเซียถงให้พ้นจากการโดนชายคนนี้ข่มขู่ได้! หาใช่ว่าชิงเยวี่ยคิดเข้าข้างตัวเอง แต่เขารู้จักนิสัยใจคอของเซียถงแจ่มแจ้งเกินไป ตราบใดที่มิตรสหายของนางกำลังตกอยู่ในอันตราย นางจะยอมทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเหลือออกมาอย่างปลอดภัย และนั่นแหละคือสิ่งที่เขาเป็นวิตกที่สุด! เย่หลีเทียนเองก็น่าจะทราบถึงจุดอ่อนนี้ของเซียถงดี จึงหวังจะใช้เขาเป็นตัวประกันเข้าข่มขู่!
หากต้องมาเห็นเซียถงเสียเหลี่ยมให้แก่ชายคนนี้เพราะเขา ชิงเยวี่ยขอชิงตายก่อนเสียดีกว่า!
แลเห็นสีหน้าที่ดูผิดหวังไม่เป็นไปตามแผนของชิงเยวี่ย เย่หลีเทียนก็ระเบิดหัวเราะเยาะลั่น อย่างไรคำกล่าวเมื่อครู่ของชิงเยวี่ยก็นับว่าได้ผลอยู่บ้าง เนื่องด้วยโทสะที่ถูกปลุกกระตุ้น เขาจึงกระชับกำหมัดแน่นและจัวใส่ท้องอย่างจัง อัดทำร้ายอีกฝ่ายจนมีสภาพปางตาย!