ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 490 สะพานแพไม้ (2)
ตอนที่490 สะพานแพไม้ (2)
ตอนที่490 สะพานแพไม้ (2)
เป็นเพราะกลวิธีที่เซียถงคิดขึ้นได้ เย่หลีเทียนจึงนำใช้วิธีการเดียวกัน เลียนแบบแพสะพานไม้และรีบมุ่งหน้าติดตามนางไป
เมื่อก้าวขึ้นมาบนแพไม้ ชิงเยวี่ยรู้สึกเวียนศีรษะเล็กน้อยเมื่อก้มมองเส้นทางกระดูกบุปผาพิษเบื้องล่าง และทันใดนั้นเอง เขาก็เกิดขออ่อนฉับพลันวูบตกลงไป ทำเอาผู้คนทั้งหมดตื่นตระหนักหนัก รีบหันเข้าช่วนเหลือโดยไว
เสี้ยวพริบตา ก่อนที่ชิงเยวี่ยกำลังจะร่วงหล่นลงไป ทันใดนั้นก็มีมือหนึ่งยืดเหยียดพุ่งเข้ามาคว้าตัวเอาไว้ ขอเพียงอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งเข้าแตะสัมผัส เขาจะสลายกลายเป็นเถ้ากระดูกทันทีด้วยพลังข้อมืออันทรงพลัง ร่างของเขาก็ถูกกระชากขึ้นมาไว้ได้ทัน
เย่หลีเทียนจับจ้องอีกฝ่ายที่อยู่ในมือตาเขม็ง กระชากคออีกฝ่ายขึ้นมากระซิบข้างหูว่า
“อยากด่วนจากลานัก? ต่อให้เจ้ายอมเสียสละชีวิตตัวเองตายไป แล้วคิดหรือว่าจะได้ใจเซียถง? อย่าฝัน!”
คำกล่าวประโยคนี้เปรียบเสมือนคมมีดพุ่งกรีดแทงหัวใจชิงเยวี่ย เมื่อเย่หลีเทียนหันหน้าชิงเยวี่ยมาดู สีหน้าอีกฝ่ายก็ถอดซีดเทาตายด้านไปชั่วขณะ
หลังผ่านเส้นทางบนเนินเขามาได้ ถนนเบื้องหน้าก็เหมือนจะราบรื่นกว่าก่อนหน้ามาก!
พ้นผ่านมาเส้นทางกระดูกบุปผาพิษเสร็จสรรพ จู่ๆ ก็มีหมอกหนาลดตัวต่ำลงเข้าปกคลุมวิสัยทัศน์ ทุกคนต่างเริ่มชะลอความเร็ว ก้าวย่างเดินสำรวจอย่างระมัดระวังมากขึ้น สักครู่ต่อมา ภาพฉากที่พวกเขาเห็นเบื้องหน้าต่อไปนี้ ต้องทำให้ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับร่าเริงในบัดดล!
ทันทีที่ทะลุผ่านชั้นหมอกหนามาได้ ทุกคนก็เหมือนหลุดมาอยู่ในโลกอีกใบหนึ่ง!
บรรพตหลายหลากสลักทับซ้อนนับสิบร้อยดุจมังกรขด ธารน้ำตกใสสะอาดร่วงดิ่งกระทบพื้นสาดกระเซ็น ประดับเคียงคู่รุ้งกินน้ำเจ็ดสีสันโค้งตัวอยู่เหนือดินแดนปกคลุมธารน้ำตกงดงาม
ราวกับสวรรค์บนดินก็มิปาน
ทุกคนต่างประหลาดใจมากที่เมื่อได้เห็นสิ่งนี้
บรรพตสลักทับซ้อนเป็นชั้นป่าสีเขียวขจี มีเงารุ่งเจ็ดสีสันส่องสะท้อนในผืนน้ำตกดั่งหยกมณีล้ำค่า!
ที่แห่งนี้ไม่เพียงสวยงามอย่างตาเห็นเท่านั้น แต่บรรยากาศโดยรอบยังอัดแน่นไปด้วยพลังวิญญาณฟ้าดินบริสุทธิ์ชื่นใจมากเป็นพิเศษ!
หลิวซูถึงกับร้องกรีดแทบคลั่งท่ามกลางห้วงความคิดของเซียถง
“สวรรค์ชัดๆ! พลังวิญญาณฟ้าดินในที่แห่งนี้เข้มข้นเสียเหลือเกิน! ถือซะว่าเจ๋ากันไปกับเส้นทางบุปผาพิษเมื่อครู่!”
ไม่หยุดเพียงเท่านั้น มันยังกระโดดโลดเต้นไม่หยุดในห้วงความคิดของนาง กล่าวต่อเนื่องขึ้นว่า
“ไปเร็ว! ข้าอยากว่ายน้ำในสระตรงหน้านั่น!”
เพิ่งจะกล่าวไปหมาดๆ ทันใดนั้นหลิวซูก็ปรากฏตัวขึ้นในมือของเซียถงทันทีเป็นกระบี่เล่มยาว ทั้งเนื้อทั้งตัวสั่นสะท้านด้วยความตื่นเต้นเกินห้ามใจ
เมื่อไป๋หลี่หานเห็นกระบี่ศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นในมือเซียถง เขาพึงทราบทันทีสิ่งนี้คือกระบี่ทัณฑ์ฟ้าในตำนานเล่มนั้น โดยทั่วไปแล้ว กระบี่ระดับชั้นนี้จะสามารถปรากฏตัวออกมาเองได้ ตราบเท่าที่ผู้เป็นนายมิได้สั่งห้าม วิญญาณกระบี่ภายในที่สิงสู่มีสตินึกคิดเป็นของตัวเอง
ภาพฉากเบื้องหน้ามีแต่ทิวทัศน์สวยงาม บรรยากาศช่างร่มรื่นเงียบสงบเป็นพิเศษ เห็นได้ชัดว่าสระน้ำตกใสสะอาดเบื้องหน้าตรงนี้ปราศจากสิ่งใดเป็นภัยอันตราย นี่จึงเป็นเหตุผลที่หลิวซูทำตัวราวกับเด็กๆ เห็นของเล่น
“จะไม่อันตรายรึ? ไม่เตือนกระบี่เจ้าเลย?”
ไป๋หลี่หานหันมาเอ่ยถาม
เซียถงกล่าวตอบพร้อมเสียงหัวร่ออย่างใจเย็นว่า
“ดูไม่อันตรายนี่แหละอันตรายที่สุด! แต่ในเมื่อมันต้องการลงไปว่ายน้ำนัก เช่นนั้นก็ปล่อยไป ถือซะเป็นการโยนหินลองเชิงศัตรูที่มองไม่เห็น”
สิ่งนี้ช่วยประหยัดแรงนางได้เยอะ!
ตัวกระบี่ในมือเซียถงเริ่มเกิดอารสั่นสะท้านถี่ขึ้นเรื่อยๆ เพียงนางคลายมือเล็กน้อยเท่านั้น หลิวซูในร่างกระบี่ก็พุ่งทะยานบินออกไปทันที กระโดดลงสระน้ำตกใสสะอาดกว้างไพศาลอย่างรวดเร็ว
สีหน้าปรากฏจากคลื่นอารมร์ผวนใดๆ แต่ดวงตาคู่นั้นของไป๋หลี่หานที่ซุกซ่อนภายใต้หน้ากาก กลับเผยให้เห็นรอยยิ้มที่หาได้ยากยิ่ง
ทันใดนั้นเขาก็อดกล่าวขึ้นมิได้ ทีท่าดูเร่งรีบตื่นเต้นอยู่หลายส่วน
“อันที่จริงก่อนหน้านี้ ข้าช่วยเจ้าเสาะหาข้อมูลความเป็นมาของกระบี่เล่มนี้เตรียมให้เจ้าแล้ว”
เซียถงสั่นศีรษะหันขวับจับจ้องด้วยความแปลกใจ
รอยยิ้มที่เผยแสดงในแววตาเข้มข้นสดใสมากขึ้น เขาหันไปกล่าวกับโม่ซวนโดยไว
“โม่ซวน จำที่ข้าสั่งให้เจ้าศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับกระบี่ศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลได้หรือไม่? ช่วยเล่าเรื่องราวความเป็นมาของกระบี่ทัณฑ์ฟ้าเล่มนี้ให้ที”
โม่ซวนได้ยินเช่นนั้นแอบตะลึงเล็กน้อย อดหันหน้ามองไป๋หลี่หานมิได้ ทั้งที่พวกเขาเองก็นั่งศึกษาอ่านตำราโบราณมาด้วยกันแท้ๆ แล้วไยต้องปล่อยให้เขาเป็นคนเล่าเฉยเลย?
แต่เมื่อเห็นมุมปากไป๋หลี่หานกระตุกยิ้มส่งมอบ โม่ซวนก็แอบสะดุ้งเล็กน้อยและเอ่ยปากเล่าทันที
“กระบี่ทัณฑ์ฟ้าเล่มนี้ เป็นหนึ่งในยุทธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลที่มีชื่อเสียงอย่างมากในผืนพิภพตั้งแต่ยุคกาลอดีตไกลโพ้น กระบี่เล่มนี้นับว่าหาได้ยากยิ่ง เกิดใหม่สักพันชาติอาจได้มีบุญวาทสนาได้พบพานเพียงหนึ่ง แต่ที่โด่งดังกว่าชื่อเสียงของกระบี่เล่มนี้ สงสัยจะเป็นวีรกรรมของเจ้าของในอดีตของมัน”
เซียถงถึงกับถอดถอนหายใจเฮือกใหญ่ ดูท่า ‘วีรกรรม’ ที่ว่าจะหาใช่เรื่องดีอันใดไม่ นางเตรียมใจรอฟังไว้อยู่แล้ว
“ว่ากันว่าเจ้าของกระบี่ทัณฑ์ฟ้าในยุคสองรุ่นก่อนก็คือ เกาชาง ยอดปรมาจารย์อันดับสามแห่งทวีปเทียนหลางในยุคกว่าหลายพันปีก่อน บางตำราเก่าแก่ได้บันทึกไว้ว่า เขาเป็นผู้ไร้เทียมทานขอบเขตจักรพรรดิครามฟ้าชั้นสูง แต่บ้างก็ว่าเขาบรรลุขอบเขตพลังที่สูงกว่านั้นไปแล้ว โดยสรุปคือ ไม่มีใครในยุคปัจจุบันที่สามารถล่วงรู้ได้เลยว่า แท้จริงแล้วเขามีพลังความแข็งแกร่งสูงส่งปานใด”
เหนือกว่าขอบเขตจักรพรรดิครามฟ้า? นี่เกินกว่าขอบเขตจะจินตนาการถึงความแข็งแกร่งได้แล้ว! เมื่อคิดได้เช่นนี้ เซียถงจึงไม่แปลกใจเลยว่า ไฉนหลิวซูถึงชอบพูดจาดูถูกดูแคลนนางไม่เว้นวัน ปรากฏว่าขุมพลังความแข็งแกร่งทั้งหมดของนางในยามนี้ยังไม่ได้ครึ่งหนึ่งของอดีตเจ้านายเก่ามันด้วยซ้ำ!
กล่าวมาถึงจุดนี้ โม่ซวนกระแอมไอเล็กน้อยด้วยความประหม่าเจือปน น้ำเสียงและประโยคคำผันเปลี่ยนกะทันหัน
“แต่อย่างไร ในฐานะบรรพชนผู้ไร้เทียมทาน เขาถือเป็นบุคคลที่น่ารังเกียจที่สุดในประวัติศาสตร์ตั้งแต่ทวีปเทียนหลางมีมา! เกาชางผู้นั้นทั้งมีนิสัยตระหนี่และโลภมาก! แทบไม่มีจักรวรรดิหรือดินแดนใดอยากจะต้อนรับเขาเลยสักแห่งหน เพราะทุกที่ที่เขาเดินทางผ่านไป ล้วนจะเอาแต่ได้ วันๆ รีดไถ่หวังกำไรเพียงอย่างเดียวโดยไม่สนใจความเดือดร้อนของคนอื่น บ้างถึงขั้นฆ่าแกงผู้คนเพียงเพื่อสมบัติสักชิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเครื่องประดับและอัญมณีแวววาว เกาชางผู้นั้นชื่นชอบเป็นที่สุด! มีอยู่ครั้นหนึ่ง เขาได้ช่วยดินแดนแห่งหนึ่งเอาไว้จากการล้มสลายระหว่างสงคราม จึงได้รับประทานรางวัลเป็นกองเครื่องประดับและอัญมณีเป็นภูเขาเลากา แต่ระหว่างแบกขนกลับไป เผอิญว่าดันไปพบเจอกับศัตรูเข้า แต่ด้วยความโลภ แทนที่จะทิ้งกองเครื่องประดับเหล่านั้นและหนีเอาตัวรอด เกาชางคนนี้กลับแบกพวกมันหนีตายออกไปด้วย ยอมแม้กระทั่งโดนแทงโดนฟันนับร้อยแผลทั่วร่าง กล่าวคือ ถึงตัวตายแต่สมบัติก็ต้องเอาไป”
หางตาเซียถงถึงกับกระตุกอย่างแรงไม่หยุด พอได้ฟังคำกล่าวเล่าของโม่ซวน นางจินตนาการออกได้ทันทีว่า ภาพฉากในตอนนั้นมันต้องดูแปลกตาขนาดไหน
กล่าวมาถึงจุดนี้ โม่ซวนดูลังเลเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวอีกว่า
“นอกจากจะเป็นพวกตระหนี่โลภมากแล้ว เขาก็ยัง…”
เขาชำเลืองมองเซียถงเล็กน้อย ก่อนเอ่ยต่อ
“เขายังเป็นพวกวิตถาร ชอบดูหญิงสาวแก้ผ้าอาบน้ำเป็นที่สุด…”
ฟังมาถึงจุดนี้ เซียถงถึงกับปวดเศียรหนัก เสมือนมีเส้นสีดำสามเส้นติดอยู่บนหน้าผาก นางไหล่ตกคอละห้อยโดยพลัน…
เดี๋ยวก่อน! ไอ้คนนิสัยเช่นนี้ ไฉนนางถึงรู้สึกคุ้นนัก!