ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 493 เลือดในบ่อน้ำลึก (1)
ตอนที่493 เลือดในบ่อน้ำลึก (1)
ตอนที่493 เลือดในบ่อน้ำลึก (1)
สายตาเซียถงสะกดยู่ใต้บ่อน้ำแห่งนั้น
“เจ้ากำลังหมายความว่า ดวงไฟสีม่งมันหายลงไปใต้บ่อแห่งนี้? จักต้องมีอะไรอยู่ในนั้นกระมัง?”
หลิวซูพยักกหน้าตอบว่า
“น้ำในบ่อแห่งนี้เย็นจับขั้วกระดูก ทั้งยังลึกล้ำเกินหยั่งรู้ถึง กระทั่งข้าเองยังมิทราบมันจะพาดำดิ่งสู่แห่งหนใด เจ้าดวงไฟสีม่วงนี้เองก็รวดเร็วเสียเหลือเกิน ข้าเองยังตามไม่ทัน”
เหม่อมองหาหลิวซูที่กำลังปั้นหน้าครุ่นคิด เซียถงพลันขมวดคิ้วถักหนา กล่าวขึ้นว่า
“แล้วจะอย่างไรต่อ? ควรดำติดตามมันไป?”
“ลองไปดูเถิด หากข้าสันนิษฐานถูกต้อง บ่อน้ำแห่งนี้คือด่านผนึกสู่ประตูบานต่อไป”
ระหว่างเซียถงและหลิวซูกำลังเสวนากัน ไป๋หลี่หานก็เดินตรงมาทางนี้ ปัจจุบันสวมชุดสีเขียวไม้ไผ่เบาสายตา รัศมีบารมีสาดส่องกอปรความสง่าอยู่สามและความน่าเกรงขามอีกเจ็ดส่วน
ทันทีที่เห็นการมาถึงของชายผู้นี้ หลิวซูปั้นหน้าบึ้งไม่พอใจใส่ทันที และเร่งสืบเท้าก้าวทิ้งระยะออกห่างจากเซียถงโดยไว
ไป๋หลี่หานส่งยิ้มแก่มัน เชิงแสดงสัญญาลักษณ์ว่า ตัดสินใจถูกแล้วที่ทำเช่นนี้
เซียถึงมิได้สังเกตเห็นภาพฉากเหล่านี้เลย เพียงเงยหน้าเอ่ยถามไป๋หลี่หานด้วยความสงสัยว่า
“ท่านพี่ ดั่งที่ว่าบ่อน้ำแห่งนี้คือด่านผนึกสู่ประตูบานต่อไป หมายความว่าเยี่ยงไร?”
ไป๋หลี่หานกล่าวอธิบายอย่างใจเย็นว่า
“ข้าพอมีความเข้าใจในกลไกของหุบเขาคุนหลุนอยู่บ้าง ในครานั้นจุดประสงค์ที่ข้ามายังหุบเขาคุนหลุนก็เพื่อเก็บเกี่ยวสมุนไพรใช้หลอมกลั่นโอสถ และก็เป็นเพราะเหตุการณ์ครั้งนั้นเช่นกันที่ทำให้ข้าเข้าใจลึกซึ้ง ว่าเหตุใดทั้งที่ทุกคนต่างถวิลหหาบัญชาสี่พิภพยิ่งกว่าสรรพสิ่งใด แต่กลับไม่มีใครหาญกล้าท้าทายหุบเขาคุนหลุนแห่งนี้เลย”
“เพราะหุบเขาคุนหลุนแห่งนี้เต็มไปด้วยปราการป้องกันนับไม่ถ้วน ซึ่งเหล่านั้นคือด่านผนึกที่จะนำไปสู่ยอดเขาคุนหลุน แน่นอนว่าด่านผนึกแต่ละชั้นหาใช่เรื่องง่ายดายจะผ่านพ้น มิฉะนั้นแล้ว อดีตองค์จักรพรรดิซีฉินพระองค์ก่อนคงไม่ต้องเสียสละกองทหารชั้นสูงนับแสนนายเพื่อทำลายด่านผนึกแรกบนตีนเขา โปรดทราบ เส้นทางกระดูกบุปผาพิษนั่นถือเป็นด่านผนึกแขนงหนึ่ง เพื่อใช้ป้องกันผู้คนขึ้นสู่บนหุบเขาต่อไป”
“กล่าวคือ ยังมีด่านผนึกอีกมากมายรออยู่อีกมากมายตรงหน้า? แล้วท่านเดินทางไปถึงด่านผนึกใด?”
เซียถงยังจดจำคำพูดของโม่ซวนในตอนนั้นได้แม่นยำ คณะเดินทางของไป๋หลี่หานเดินทางไปสุดถึงม่านพลังไร้สภาพสุดแกร่งกร้าว ก่อนจะเจอกับดวงไฟสีม่วงของเสี่ยวฮั่ว
สายตาคู่นั้นของไป๋หลี่หานจับจ้องไปยังหนที่แสนไกล
เห็นว่าไป๋หลี่หานนิ่งเงียบไม่ตอบเสียที หลิวซูจึงโผล่งขึ้นถามคำหนึ่ง
“แล้วด่านผนึกตรงหน้าเราคืออะไร?”
“ถ้ำหมื่นอสรพิษ!”
ไป๋หลี่หานหางตากระตุกเล็กน้อยดูไม่ผิดสังเกตนัก แต่นั่นมิอาจหลบพ้นสายตาของเซียถงได้ ชั่วขณะนั้น นางตระหนักในทันใด สถานที่นามว่า ถ้ำหมื่นอสรพิษ หาใช่แห่งหนที่ดีที่ปลอดภัยแน่นอน
กดสายตาถลำลึกลงไปใต้ก้นบ่อไร้สิ้นสุดตรงหน้า เซียถงสูดหายใจแช่มลึกเฮือกใหญ่ และพุ่งตัวกระโดดลงไปทันทีโดยไม่คิด
แม้จะทราบดีเยี่ยม เซียถงต้องการลงไปเพื่อตรวจสอบสังเกตการณ์เบื้องต้น แต่ใครจะไปคาดคิดว่า นางใจเด็ดปานนี้ เล่นพุ่งตัวกระโดดลงน้ำไปโดยไม่ให้สุ้มให้เสียงใดๆ ไป๋หลี่หานตะลึงงันไปชั่วขณะ ก่อนเร่งตั้งสติดึงชายเสื้อคลุมยกสูงและกระโดดน้ำลงไปตามทันที
หลิวซูขมวดคิ้วแน่นอยู่บนฝั่งไม่คิดจะลงไปด้วยแน่นอน แต่ทันใดนั้นกลับได้ยินเสียงเรียกหาจากเซียถง เสมือนมีพลังดึงดูดแรงสูง ลากร่างของหลิววูดำดิ่งสู่ห้วงลึกไปอีกคน
เซียถงตีฝีเท้าแหวกว่ายไปยังก้นบ่อ และยิ่งนางดำลงไปลึกเท่าไหร่ ไม่เพียงอุณหภูมิน้ำที่เย็นตัวลง แต่วิสัยทัศน์โดยรอบก็ยิ่งมืดหม่นเรื่อยๆ
หลิวซสื่อจิตส่งหาเซียถงท่ามกลางห้วงความคิดของนาง
“ข้ามีไข่มุกรัตติกาลอยู่ เจ้ากรอกเทเพลิงพิภพเก้าดุษณีลงไปก็สามารถใช้มันได้”
ได้ยินดังนั้นเซียถงแอบอมยิ้มอยู่ในใจ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่หลิวซูจอมขี้เหนียวโลภมากมีน้ำใจ
ขณะกรอกเทเพลิงพิภพเก้าดุษณีสายหนึ่งลงในไข่มุกรัตติกาลทั้งเจ็ดเม็ด เหล่านั้นก็เปล่งแสงส่องสว่างดั่งดวงไฟขนาดเท่าไข่นกพิราบ มันช่วยเปิดวิสัยทัศน์โดยรอบได้บ้างเล็กน้อย
ภายใต้คำแนะนำชี้แนะของหลิววู ไข่มุกรัตติกาลทั้งเจ็ดก็ถูกใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ ทอแสนเจิดจรัสเป็นประกาย ถึงแม้ห้วงลึกในบ่อน้ำเย็นจัดนี้จะมืดมิดปานใด แต่ด้วยดวงแสงทั้งเจ็ดถือว่าเพิ่มพูนวิสัยทัศน์ สร้างความสะดวกขึ้นได้เยอะ
หลิวซูกำแลงกายเป็นกระบี่ทัณฑ์ฟ้าเคลื่อนนำทางเซียถงไปยังีระดับน้ำลึกต่อไป
คราวนี้เอง สุ้มเสียงของหลิวซูก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ในรูนี้แหละที่ข้าเห็นดวงไฟสีม่วงหนีหายไป จะอย่างไรรูตรงหน้าเจ้าทั้งยาวทั้งลึก ระวังตัวให้จงดี”
“เข้าใจแล้ว”
“เข้าใจก็ดี หลังจากเจ้ากลับขึ้นฝั่ง อย่าลืมคืนไข่มุกรัตติกาลทั้งสิบเม็ดแก่ข้าด้วย!”
เซียถงได้ยินดังนั้นพลันชะงักค้างเติ่ง เพราะที่ถูกต้องควรจะมีเพียงเจ็ดเม็ดมิใช่รึ? แล้วไฉนเจ้าหลิวซูบอกต้องคืนมันทั้งสิบเม็ดด้วย?
“ข้องใจ? ดอกเบี้ยไงล่ะ! ดอกเบี้ย!”
เห็นเซียถงปั้นหน้าชวนมีปัญหา หลิวซูจึงส่งเสียงตะคอกดังลั่นผ่านห้วงความคิดของนางทันที
“หากมิใช่เพราะข้าที่แวะเวียนไปขโมยของในพระราชวังตงหลี่ครานั้น เจ้าหรือจะเอาไข่มุกรัตติกาลมาใช้ตรงนี้ได้?”
เซียถงชักสีหน้าระเหียใจอย่างบอกไม่ถูก สำหรับเจ้าหลิวซู นับวันมันยิ่งดูเหมือนคนมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว! นี่จะเป็นไปได้ยังไงกัน!
นางเอื้อมมือไปคว้าจับด้ามกระบี่ทัณฑ์ฟ้า พลางหันไปหาไป๋หลี่หาน เห็นอีกฝ่ายทำมือแสดงขึ้นมาสองสามครา เชิงหมายความได้ว่า ไม่ต้องห่วงไป ข้ายังคอยเฝ้าระวังอยู่ด้านหลังของเจ้า
เซียถงระบายยิ้มบางตอบกลับ และว่ายผ่านรูดังกล่าวไปทันที
ทีแรกที่ยังแหวกว่ายอยู่ด้านนอก ทุกอย่างยังปกติสุขดีมีเพียงวิสัยทัศน์ที่มืดหม่นลงกว่าบนบก ทว่าทันทีที่พวกเขามุ่งหน้าเข้าไปในถ้ำ บรรยากาศทุกอย่างพลันเปลี่ยนไปฉับพลัน สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายความอันตรายที่พัดตลบถาโถมรุนแรง
ว่ากันว่ารูใต้บาดาลก้นบ่อน้ำทะเลเหล่านี้เกิดจากการกัดเซาะของน้ำสั่งสมกันเป็นเวลาเนิ่นนานจนเกิดช่องกรวง ทรงหินงอกหินย้อยภายในจะค่อนข้างดูประหลาดแปลกตา บ้างยังมีรูปทรงเรียวแหลมน่าเกลียดน่ากลัว
เซียถงกวาดสายตาสำรวจมอง สีหน้าการแสดงออกดูค่อนข้างจริงจังมาก เพราะสถานที่แห่งนี้ดูเหมือนจะแตกต่างไปจากถ้ำใต้น้ำทั่วไป ภายในรูถ้ำแห่งนี้เต็มไปด้วยหินย้อยรูปทรงเหลียวแหลมประดุจหอก!
อันเนื่องมาจากหินย้อยรูปทรงเหลียวแหลมดุจหอกจำนวนมากมายเหล่านี้ที่ยื่นออกมา ทำให้ดูเหมือนคมเขี้ยวของสัตว์อสูร มอบปราดแวบแรกถึงกับใจสั่นหวาดหวั่น หลงคิดไปว่ากำลังดำดิ่งเข้าปากสัตว์อสูรร้ายขนาดมหึมา
และที่ลำบากไปยิ่งกว่านั้นคือ หินย้อยเหล่านี้เรียงตัวค่อนข้างแปลก หากแหวกว่ายคุมร่างไม่ดีอาจโดนพวกมันเสียบเป็นแผลลึกได้ นางพยายามกวาดสายตามองทางไกล แต่ไม่ว่าจะมองยังไงก็ยังไม่มีวี่แววของทางออกเลยแม้แต่น้อย
ในปัจจุบัน พวกเขาไม่เพียงจักต้องเผชิญหน้ากับปัญหาด้านการขาดอากาศหายใจในใต้น้ำลึกแห่งนี้เท่านั้น แต่ยังต้องเพ่งสมาธิควบคุมร่างกายมิให้กระทบทิ่มแทงกับหินย้อยพวกนี้ด้วย
แต่ไม่ว่านางจะพยายามหลบเลี่ยงร่างกายบังคับเพียงใด แต่บางครั้งบางครา เซียถงยังเผลอปัดหลังมือไปขูดกับหินย่อยบ้างเป็นแผลเล็กน้อย
แต่ทันใดนั้นเอง เซียถงก็เผลอปัดหลังมือไปขูดหินย้อยคมแหลมแท่งหนึ่ง แผลเปิดเนื้อฉีกค่อนข้างลึก เลือดสดสีแดงไหลบ่าออกมา พอนางเห็นภาพฉากขณะเลือดไหลรินละลายน้ำเย็นจัด เสมือนความหนาวเหน็บเกินพรรณนาซึมรั่วเข้าร่างกาย นางพลันรู้สึกเสียวซ่านไปทั่วแผ่นหลังยันหนังศีรษะ