ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 494 เลือดในบ่อน้ำลึก (2)
ตอนที่ 494 เลือดในบ่อน้ำลึก (2)
ตอนที่ 494 เลือดในบ่อน้ำลึก (2)
เสี้ยวขณะเดียวกัน พลันสังเกตเห็นหินย้อยคมแหลมเสมือนหนามหอกนับไม่ถ้วนเกิดมีชีวิตขึ้นมา หลังจากพวกมันได้สัมผัสเลือดของเซียถง เหล่านั้นก็ดูน้ำเย็นจัดที่เจือผสมเลือดโดยรอบเข้าไป ‘หิมหนาม’ เหล่านั้นเป่งบวมใหญ่เสมือนฟองน้ำที่พองโต
จากเดิมขนาดของพวกมันเหลียวเล็กคล้ายทรงเม็ดข้าว ยามนี้ขยับขยายเริ่มโตใหญ่เท่ากับแขนท่อนหนึ่ง หลังจากนั้นไม่นาน พวกมันคล้ายกระหายหนัก พุ่งพรวดเข้าหาแหล่งเลือดสดทีนที
เซียถงนำไข่มุกรัตติกาลทั้งเจ็ดยกชูขึ้นต่อหน้า วิสัยทัศน์ยามนี้ของนางเปิดกว้างสว่างขึ้นมาก สรรพสิ่งอย่างรอบตัวมองเห็นได้ชัดเจนขึ้นถนัดตา ปรากฏว่า ‘หินหนาม’ เหล่านั้นแท้จริงแล้วคือกระดูก เพียงว่ามีคราบหินปูนเกาะติดจนหนาเตอะ พินิจจากขนาดและรูปทรงของเจ้าสิ่งเหล่านี้ ควรจะเป็นซากของสัตว์อสูรขนาดมหึมา
เฉพาะช่วงเวลานี้เอง เซียถงรู้สึกดั่งว่าตนเองกำลังแหวกว่ายอยู่ในช่องท้องของโครงกระดูกไดโนเสาร์ดึกดำบรรพ์ก็มิปาน ส่วน ‘หินหนาม’ เหล่านี้นร่าจะเป็นเส้นใหญ่ในกระเพาะของมันที่ใช้ดูดซับสารอาหาร!
‘หินหนาม’ ยามนี้สัมผัสได้ถึงกลุ่มแสงสว่างจากตัวไข่มุกรัตติกาลในมือเซียถง ทั้งหมดพุ่งเป้าเข้าหาไข่มุกรัตติกาลโดยทันที และชั่วพริบตาขณะ ไข่มุกทั้งเจ็ดเม็ดพลันอับแสงริบหรี่อย่างรวดเร็ว แสงสว่างกลุ่มเดียวท่ามกลางความมืดหายไป ทำให้ไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดได้อีกต่อไป…
ก่อนหน้านี้ เซียถงเคยพบเคยเผชิญกับฝูงตะขาบทมิฬจำนวนมหาศาลภายในฐานลับใต้ดินของคณบดีเคราขาวมาทีหนึ่งแล้ว ซึ่งได้เห็นแค่จำนวนขานับแสนล้านที่ไต่ยั้วเยี้ยตามกำแพงและพื้น ก็ทำเอารู้สึกขยะแขยงจนแข้งขาของนางอ่อนแรงแล้ว ทว่าในขณะนี้ เจ้าสิ่งมีชีวิตที่ไม่รู้จักรอบตัวกลับน่าสยดสยองยิ่งกว่า ปลาย ‘หินหนาม’ ของมันเปิดกว้างและเข้ามาดูดตามเนื้อตัวของนาง ร่างกายเต็มไปด้วยตุมคล้ายสิวผุดขึ้นมาในทันใด
ไป๋หลี่หานที่ว่ายติดตามอยู่ด้านหลัง เพิ่งจะเข้าติดตามมาถึงเท่านั้น ด้วยวิสัยทัศน์ที่มืดสนิทก็ดี สภาพแวดล้อมที่มิอาจส่งเสียงได้ก็ดี จึงทำให้เขาไม่แม้แต่จะสามารถเอ่ยเตือนให้เซียถงระวังตัวได้ด้วยซ้ำ
อาศัยแรงกระเพื่อมของสายน้ำเบื้องหน้าที่จู่ๆ ก็หยุดลงกะทันหัน ไป๋หลี่หานชักรู้สึกได้ถึงสิ่งผิดปกติขึ้นมา คล้ายร่างกายของเซียถงหยุดนิ่งไม่ว่ายต่อ แต่ถึงแม้จะพยายามเบิกตากว้างจับจ้องเพียงใด แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้เป็นตัวเขาที่ทรงพลังไร้เทียมทาน ก็เป็นเรื่องยากเกินกว่าจะมองเห็นได้
อย่างไรเสีย ภายในใจไป๋หลี่หานรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีชอบกล และเกือบจะในทันทีทันใด ก็มีกระแสลมปราณสีม่วงจ้าดจ้านทะลักทลายออกจากในกายเซียถงออกมา ทำให้เขาสามารถมองเห็นสิ่งที่นางกำลังเผชิญได้ชั่วขณะหนึ่ง โดยไม่รีรอใดๆ ไป๋หลี่หานโหมกระแสลมปราณสีเงินหอบใหญ่เข้าห่อคลุมร่างกายของเซียถงเป็นเกราะป้องกัน
เผชิญพบกับขุมพลังไร้เทียมทานขอบเขตจักรพรรดิครามฟ้า ว่ากันว่าต่อให้เป็นสิ่งลี้ลับพิสดารยังต้องสั่นสะพรึงครั่นคร้าม แต่ ‘หินหนาม’ กลับไม่ได้รับผลกระทบอันใดสมบูรณ์แบบ เส้นสายน่าขยะแขยงจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเจาะเกราะลมปราณสีเงินเข้าไปได้อย่างง่ายดาย และเริ่มดูดเลือดบนหลังมือของเซียถงทันที!
เซียถงตกตะลึง สิ่งเดียวที่พอจะทำได้คือ เร่งเร้าพลังเปล่งควบแน่นเป็นเกราะปราการปกคลุมร่างกาย
หลิวซูอุทานร้องลั่นด้วยความตื่นตูมหนัก ส่งเสียงผ่านห้วงความคิดดังว่า
“เจ้าพวกนี้มันพยาธิยักษ์โลหิต! เป็นปรสิตตั้งแต่สมัยบรรพกาล! โดยปกติพวกมันจะอยู่ในสภาวะจำพศีลตลอดเวลา แต่เมื่อใดที่ได้กลิ่นเลือด พวกมันจะออกมา! อย่าปล่อยให้มันเจาะเข้าร่างกายเจ้าได้เด็ดขาด มิฉะนั้นโดนสูบเลือดจนหมดตัวแน่นอน!”
“ข้ารู้แล้ว!” เซียถงรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย เห็นพวกมันตัวหนึ่งพุ่งเข้าพยายามจะดูดเลือดจากบนหลังฝ่ามือ ด้วยความขยะแขยงปนคลื่นไส้ นางรีบกระชากทิ้งด้วยมือเปล่าโดยไว
แต่พยาธิยักษ์โลหิตเหล่านั้นกลับหาใช่จะสิ้นฤทธิ์โดยง่าย มันอาศัยใช้ลำตัวยาวให้เป็นประโยชน์ม้วนเข้าพัลวันกับท่อนแขนของนางอย่างรวดเร็ว และฉีกปากเผยคมเขี้ยวดุร้ายกัดเข้าใส่หัวแม่มือของนางซ้ำอีกครา
“เจ้าสิ่งนี้จัดการด้วยยากยิ่ง!”
วาจาคำกล่าวของหลิวซูเร้นแฝงไปด้วยความรู้สึกผิดอยู่หลายส่วน
เนื่องด้วยตัวมันเป็นจิตวิญญาณกระบี่ หาใช่สิ่งมีชีวิตที่มีเลือดมีเนื้อไม่ ดังนั้นก่อนหน้าที่มันดำทะยานออกไปสำรวจจึงไม่ทันสังเกตพวกมันเหล่านี้ ทว่าปัจจุบันกว่าจะทราบกลับสายเกินไป เซียถงเข้ามาที่นี่และพลาดท่าให้แก่มันเสียเรียบร้อย ภายในใจของมันรู้สึกผิดอย่างยิ่ง ทั้งที่รู้ดีอยู่แก่ตัวว่า กำลังพาเซียถงเข้ามายังสถานที่อันตราย แต่มันกลับไม่ยอมตรวจสอบให้จงดี
มันในตอนนี้รู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง!
ในขณะเดียวกัน แววความสยดสยองได้คืนคลานเข้ามาในหัวใจของเซียถง! นี่เป็นความรู้สึกที่นางไม่เคยสัมผัสมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับหัวแม่มือ หลังธารเลือดสีแดงสดลอยระเหยออกมา แทบจะในชั่วพริบตาเดียวกัน พยาธิยักษ์โลหิตสายหนึ่งก็พุ่งเข้ามา สูบเอาทั้งเลือดทั้งน้ำเข้าไปอย่างดิบกระหาย และอึดใจถัดมาก็มีสยาธิยักษ์โลหิตอีกนับหลายสิบโผล่มาจากทั่วสารทิศ พวยพุ่งเข้ามารุมแย่งธารเลือดเหล่านั้นด้วยความเร็วที่น่าขนลุก
พอพวกมันทั้งหลายแย่งสูบเลือดที่ไหลออกมาจนหมด เหล่านั้นก็ค่อยๆ หันมาจับจ้องมองไปที่เซียถงโดยพร้อมเพรียง แลมองธารเลือดสายบางที่ไหลซิบออกมาจากหัวแม่มือของนาง เซียถงพึงทราบทันทีว่าสิ่งใดกำลังจะเกิดขึ้นต่อมา พลันขนลุกซู่วซ่าสะท้านยันหนังศีรษะ
ไป๋หลี่หานที่อยู่ท้ายหลังสัมผัสได้ชัดแจ้ง จักต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับเซียถงแน่นอน!
ร่างกายของเซียถงเริ่มแหวกว่ายกวาดสายน้ำจนเกิดคลื่นระลอกรุนแรงหลายชั้นทับซ้อนกัน เป็นสัญญาณว่านางกำลังสัประยุทธ์ต่อสู้อยู่
ในพื้นที่กำจัดคับแคบปานนี้ เขาจำต้องระวังหินย่อยแหลมเหล่านี้กับสิ่งที่เซียถงกำลังต่อสู้สัประยุทธ์อยู่ ถึงแม้จะไม่รู้เลยว่าสิ่งมีชีวิตที่ว่าคืออะไร แต่สถานการณ์ยามนี้เริ่มจะไม่สู้ดีขึ้นมาแล้ว อากาศเองก็กำลังจะหมดลง เกรงว่าต้องถอยกลับมาตั้งหลักเสียก่อน
ขณะที่ไป๋หลี่หานกำลังจะคว้าแขนลากเซียถงกลับขึ้นฝั่ง จู่ๆ เซียถงก็ยกกำปั้นขึ้นทุบไป๋หลี่หานสุดแรง แต่เนื่องจากอยู่ภายในน้ำแบบนี้ ส่งผลให้เขาแทบจะไม่รู้สึกใดๆ จะเห็นก็เพียงมือไม้ของนางที่พยายมแหวกว่ายหนีออกไป
ทางฝั่งเซียถง นางกำลังจะส่งสัญญาณบอกให้ไป๋หลี่หานเร่งขึ้นฝั่งโดยเร็วที่สุด แต่ได้เห็นอีกฝ่ายเอื่อยเฉื่อยงุนงง นางจึงยกกำปั้นพยายามทุบเรียก แลเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงไม่เข้าใจอยู่ดี จึงพยายามชี้นิ้วไปที่ดงพยาธิยักษ์โลหิตที่กำลังตามร่องรอยเลือดมา
แต่วิสัยทัศน์ยามนี้แทบจะมืดสนิท ระยะที่สามารถมองเห็นได้ก็แคบเกินกว่าไป่หลี่หานจะเห็นนิ้วที่นางชี้ออกไป
เซียถงดูรีบร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะตอนนี้สิ่งที่ไล่ล่าติดตามนางอยู่เบื้องหลังคือฝูงพยาธิยักษ์โลหิตที่ดุกระหาย และพวกมันกำลังจะเลื่อนพลมาถึงตัวไป๋หลี่หานแล้ว และหากเขายังไม่รีบเร่งหนีไปเสียตอนนี้ เกรงว่าผลลัพธ์ที่ตามมาคงเลวร้ายเกินจินตนาการได้แน่นอน!