ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 495 ไป๋ปี้ (1)
ตอนที่ 495 ไป๋ปี้ (1)
ตอนที่ 495 ไป๋ปี้ (1)
ทุกคนล้วนมีสัญชาตญาณการเอาตัวรอดอยู่กับตัว ทว่าตอนนี้ ยามต้องเผชิญหน้ากับมหัตภัยร้ายครั้งใหญ่หลวง คนที่ควรมีสัญชาตญาณการเอาตัวรอดเหนือชั้นกว่านาง กลับยังคงนิ่งเซ่อซ่า ฝูงพยาธิยักษ์โลหิตก็รุกไล่เข้าใกล้เต็มทน เนื่องด้วยยามนี้นางไม่มีทางเลือกอื่นใด จึงชักมีดสั้นจากใต้แขนเสื้อและกรีดลงบนฝ่ามือตัวเองโดยตรง!
คมมีดแหลมบาดลึกเป็นทางยาวบนฝ่ามือ!
เซียถงสะบัดฝ่ามืออย่างแรงคลายธารเลือดสีแดงฉานแพร่กระจายไปทั่วบริเวณลอยฟุ้งตลบ และธารเลือดเหล่านี้เองก็ได้เชื้อเชิญเหล่าพยาธิยักษ์โลหิตกระหายเลือดฝูงใหญ่ดิ่งตรงเข้ามา!
แต่ทันใดนั้นเอง นางพลันสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่เผยปรากฏขึ้นจากแผ่นหลังของนาง และนั่นก็คือสายตาแสนหงุดหงิดใจของไป๋หลี่หาน ถึงแม้วิสัยทัศน์ใต้น้ำมืดดำแห่งนี้จะแทบมองไม่เห็นเลยก็ตาม แต่เซียถงยังสามารถตื่นรู้สัมผัสได้ถึงสายตาที่จ้องเขม็งมองมาอย่างดุเดือด
ซึ่งถาพฉากนี้ทำเอาเซียถงถึงกับตัวสั่นสะท้านวูบหนึ่ง
บนสองฝ่ามือของไป๋หลี่หานในเวลานี้กอปรไปด้วยมวลลมปราณเข้มข้นหมุนติ๋วโคจรหอบใหญ่ ประกายแสงสีเงินพร่างพรายแผดพุ่งดั่งมณีเจิดจรัส ท่ามกลางคลื่นโจมตีตลบยักษ์ที่ปลดปล่อยออกมา เหล่านั้นได้ก่อตัวขึ้นเป็นกระแสน้ำวนเชี่ยวกรากดูดเอาฝูงพยาธิยักษ์โลหิตทั้งหลายเข้าหลอมรวม ณ จุดศูนย์กลางตาพายุ อาศัยจังหวะนั้นเอง เขารีบคว้าข้อมือของเซียถงและพาหนีออกไปโดยเร็วที่สุด
กว่าจะกลับตัวดิ้นหนีออกจากกระแสน้ำวนคลั่งกลับสายเกินไปเสีย เมื่อฝูงพยาธิยักษ์โลหิตหลุดรอดออกมาและเตรียมจะไล่ล่าต่อนั้นเอง แต่สิ่งที่รออยู่เบื้องหน้ากลับเป็นกระบี่ทัณฑ์ฟ้าเล่มยาวที่ทอแสงเยียบเย็นสาดกะพริบ ควงสว่านด้วยความเร็วสูงสุด กระทั่งกระแสน้ำโดยรอบยังถูกดูดกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับสว่านพิฆาต
เสียงเกลียวน้ำวนโคจรโกลาหล ระหว่างที่มีหลิวซูคอยซื้อเวลาให้ ในที่สุดเซียถงก็โผล่ขึ้นพ้นน้ำเสียที สิ่งแรกที่ทำคือสูดหายใจเข้าแช่มลึกสุดขั้วปอด ส่วนไป๋หลี่หาน สิ่งแรกที่เขาทำก็คือยกมือกอดร่างของนางเอาไว้แน่น
เมื่อทั้งคู่ขึ้นฝั่งบกมาแล้ว ไป๋หลี่หานก็รีบคว้ามือเซียถงกางดู บนฝ่ามือปรากฏเป็นรูคล้ายโดนหนอนเจาะประมาณสองสาม เห็นได้ชัดว่าเกิดจากฝีมือของพวกพยาธิยักษ์โลหิตเหล่านั้น สีหน้าของเขาเย็นชาจนดูน่ากลัวไปโดยปริยาย
หลิวซูที่เพิ่งขึ้นจากน้ำยืนอยู่ข้างเซียถง แลเห็นว่าไป๋หลี่หานกำลังดูฝ่ามือของนางอยู่ หลิวซูจึงเดินเข้าไปใกล้อาสาหวังจะช่วยเหลือ เป็นจังหวะเดียวกับที่เซียถงจะเอ่ยถาม ทว่าจู่ๆ ไป๋หลี่หานก็ตะคอกใส่มันแทนด้วยน้ำเสียงดุดันว่า
“ออกไป!”
ทั้งหลิวซูและเซียถงต่างมองหน้ากันและกัน ชีกสีหม้ามึนงงกันอย่างยิ่ง ทั้งสองต่างสัมผัสได้ถึงไอเย็นยะเยือกที่แพร่สะพัดออกมาจากในกายของไป๋หลี่หาน และเป็นหลิวซูที่รีบซ่อนตัวกลับเข้าสู่ห้วงความคิดของเซียถงโดยทันที
“ดูท่าหมอนี่จะหัวเสียอยู่!”
หลิวซูพยายามเลี่ยงหนีไม่อยากเผชิญพบกับไป๋หลี่หาน จึงสื่อจิตเอ่ยผ่านห้วงความคิดของเซียถงแทน ทั้งยังกล่าวอีกว่า
“พยาธิยักษ์โลหิตพวกนี้กลัวไฟเป็นที่สุด”
สิ้นเสียงหลังจากนั้น มันก็ไม่ปรากฏตัวให้เห็นอีกเลยแม้แต่เสียง
เซียถงเข้าเผชิญหน้ากับไป๋หลี่หานที่ยังอยู่ในอารมณ์หงุดหงิด จงใจกระชากข้อมือตัวเองออกมาและกล่าวกับเขาว่า
“ใช้ไฟซะ”
ขณะที่ไป๋หลี่หานกำลังจะจุดไฟ ทันใดนั้นเซียถงก็ยื่นเพลิงพิภพเก้าดุษณีหอบหนึ่งที่กำลังลุกโชนอยู่บนฝ่ามือให้
ทันทีที่หยิบใช้เพลิงพิภพเก้าดุษณีผสานเข้ากับกระบวนโจมตีของไป๋หลี่หาน ก็ก่อกำเนิดเป็นคลื่นพลังลูกไฟขนาดมหึมา ยิงโจมตีใส่พวกมันที่อยู่หลบซ่อนอยู่ในน้ำทันที
เพียงพริบตา บ่อน้ำแห่งนี้กลายมาเป็นทะเลเพลิงชั่วขณะ ฝูงพยาธิยักษ์โลหิตทั้งหลายถูกไฟคลอกแดดดิ้นเป็นเศษซากในพริบตา!
พวกมันทั้งรังล้วนตายอนาถอย่างน่าสมเพช!
ตลอดจนเฝ้ามองพวกมันทั้งหลายหลากโดนแผดเผาจนไม่เหลือซาก ไป๋หลี่หานก็ฉีกชายเสื้อตัวเองส่วนหนึ่งมาพันแผลบนฝ่ามือให้แก่เซียถง และเขาไม่ปริปากพูดอะไรสักคำเลยตั้งแต่ต้นจนจบ
เซียถงที่รู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลกๆ ก็อดใจเอ่ยถามมิได้?
“ไฉนเจ้าไม่พูด? น้อยใจข้า?”
ผ่านไปตั้งนาน ไป๋หลี่หานค่อยปริปากตอบเจือน้ำเสียงโกรธเล็กน้อย
“เจ้าเองก็รู้ดีว่า พยาธิยักษ์โลหิตพวกนั้นกินเลือดสดเป็นอาหาร แต่เจ้าก็ยังจงใจกรีดฝ่ามือ!”
ปรากฏว่าเขากำลังโกรธนางเรื่องนี้นี่เอง!
เซียถงส่ายหน้า ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ จึงค้านกลับไปว่า
“ก็นั่นเป็นเหตุฉุกเฉินหรือไม่? อยู่ในน้ำจะอ้าปากสื่อสารก็ทำไม่ได้ แถมยังมืดจนมองไม่เห็น แต่ฝูงพยาธิยักษ์โลหิตเหล่านั้นกำลังพุ่งโจมตีท่าน ข้าจึง…”
ทว่าก่อนจะพูดจบ จู่ๆ ไป๋หลี่หานก็รุกเข้าจูบในทันใด และมิทราบว่าเพราะเหตุใดเช่นกัน จูบนี้ถึงทำให้เซียถงรู้สึกเร่าร้อนขึ้นมา ทั้งยังเปิดรับลิ้นแสนซุกซนของเขาให้เข้ามา นางยกมือเข้าโอบหลังคอพัลวันจูบอย่างดูดดื่ม
หลังบรรเลงจูบจบหนึ่งบท ไป๋หลี่หานก็กระชับกอดเอวของนางไว้แน่น พลางกระซิบข้างอยู่ว่า
“อย่าทำแบบนี้อีก! ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าทำร้ายตัวเองเช่นนี้อีกต่อไปแล้ว! ห้ามทำร้ายตัวเองเพื่อข้าอีกเข้าใจหรือไม่?! เจ้าได้ยินหรือไม่? เจ้าคือผู้หญิงคนเดียวของข้า ไป๋หลี่หานผู้นี้ ดังนั้นข้าจะไม่ยอมให้เจ้าต้องเจ็บตัวโดยเด็ดขาด!”
ท่าฝีปากของเซียถงยังดื้อรั้นมิอาจให้อีกฝ่ายถอนหนี นางยังคงรุกเข้าประกบริมฝีปากบรรเลงต่ออย่างดูดดื่มเร่าร้อน
ในอ้อมกอดของไป๋หลี่หาน นางพยักหน้าตอบเบาๆ
เมื่อเห็นทั้งคู่ปลอดภัยมันก็ดี…แต่ไม่ใช่มาทำอะไรอย่างว่าในเวลาแบบนี้!
ทีแรกหลิวซูก็พยายามเลี่ยงที่จะไม่พูด แต่เมื่อเห็นฝ่ายเจ้านายตัวเองไม่ยอมลดละเสียที ในที่สุดมันก็จำต้องปรากฏกายออกมา เด็กหนุ่มในชุดสีเพลิงแดงยืนเท้าสะเอวอยู่ไม่ไกล แลมองทั้งสองที่พัลวันดูดดื่มกลมเกลียว ก็ส่งเสียงกระแอมไอเบาๆ และเอ่ยขึ้นว่า
“พวกเจ้าเกรงใจสถานที่กันบ้าง ไม่เห็นเลยรึอย่างไรว่าอยู่ไหน?”
เอ๊ะ? อยู่ไหน? ก็อยู่บนฝั่งที่เคยอยู่กันมิใช่รึ? ไฉนเจ้าหลิวซูถึงถามแปลกๆ? เซียถงหลงคิดกับตัวเอง
นางชักรู้สึกแปลกใจขึ้นมาจึงถอนริมฝีปากคลายตัวออกจากไป๋หลี่หาน กวาดสายตาสอดส่องไปโดยรอบก่อนจะพบสัตว์จำนวนนับหลายสิบตัวกำลังนั่งมองอยู่ด้านหลังหลิวซู
ซึ่งสัตว์เหล่านี้มีสีดำและสีขาวเป็นส่วนผสม ใช่แล้ว! มันก็คือแพนด้า!
แพนด้าเหล่านั้นนั่งกันพุงพลุ้ยอยู่กันเป็นคู่ สายตาของพวกมันที่จับจ้องราวกับกำลังเรียนรู่อย่างจริงจังว่า เซียถงกับไป๋หลี่หานกำลังทำอะไรกันอยู่ เห็นพวกมันปั้นหน้าโหงวฉงนใจกัน นางอดรู้สึกตลกมิได้ ใครจะไปคาดคิดกันว่า จะมาพบเจอกับสัตว์โลกน่ารักในสถานที่เช่นนี้!
เซียถงอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะชี้นิ้วไปที่แพนด้าตัวกลมบ๋องเหล่านั้น กล่าวกับไป๋หลี่หานขึ้นคำหนึ่งว่า
“นี่มันแพนด้า! เป็นแพนด้าจริงๆ ด้วย! เจ้าพวกนี้ชอบกอดต้นขามนุษย์เป็นที่สุด! น่ารักน่าชังจัง!”
แต่สายตาของไป๋หลี่หานที่จับจ้องพวกแพนด้าเหล่านั้น กลับไม่เหมือนกับเซียถงที่เห็นพวกมันเป็นสัตว์น้อยน่ารัก สีหน้าการแสดงออกของเขาออกจะตื่นกลัวด้วยซ้ำ และกล่าวขึ้นว่า
“นั่นมัน…ไป๋ปี้!”
เซียถงหันไปมองเขาและเอ่ยต่อว่า
“เจ้ารู้จักมันด้วยรึ?”
แพนด้ายังมีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า ‘ไป๋ปี้’ แต่เท่าที่นางทราบมา แพนด้าเป็นสัตว์ใจดี ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม
แต่นางก็ไม่เข้าใจเช่นกัน ไฉนสายตาการแสดงออกของไป๋หลี่หานถึงดูเกรงขามพวกมันปานนี้
เห็นเซียถงยังคงทำท่าทีนิ่งนอนใจ ไป๋หลี่หานจึงรีบกล่าวทักทามทันที
“ไป๋ปี้เป็นถึงอสูรบรรพกาลโบราณ สามารถเลียได้แม้กระทั่งเหล็กและทองแดงจนหลอมละลายไม่เหลือ!”
เมื่อเห็นเซียถงปั้นสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย เขาก็อดกล่าวเตือนต่อมิได้ว่า
“ถึงแม้ภายนอก ไป๋ปี้พวกนี้จะดูอ่อนโยนไม่มีพิษภัย แต่นิสัยของมันจริงๆ ค่อนข้างดุร้ายรุนแรง เจ้าต้องไม่ประมาท”
หลิวซูยักไหล่อย่างไม่แสแยนัก กล่าวขึ้นอย่างมิค่อยใส่ใจว่า
“ไป๋ปี้ยังมีอีกชื่อเรียกกันในอดีต มันคือกิเลนชนิดหนึ่ง!”
หางตาเซียถงถึงกับกระตุกอย่างแรงเมื่อได้ยิน ภาพลักษณ์อันแสนน่ารักของแพนด้าในหัวของนางล้วนโดนทำลายไปหมดสิ้น แพนด้านี่น่ะรึอสูรบรรพกาล? มันน่ารึกิเลนชนิดหนึ่ง? ตัวอ้วนท้วมขาวดำน่ารักปานนี้ มีหรือจะทำอัยตรายใครได้จริงๆ?
ถึงจะได้ยินกับหู แต่นางไม่อยากจะเชื่อจริงๆ หลิวซูที่เห็นทีท่าดังนั้นก็ถึงกับเดือดขึ้นมา ดวงตาสีมณีทับทิมมีไฟลุกโชน ตะคอกใส่ด้วยความหงุดหงิดว่า
“ไป๋ปี้กับกิเลนเป็นอสูรบรรพกาลสายพันธุ์เดียวกัน พวกมันเป็นดั่งพี่น้อง! ในเมื่อเราเห็นไป๋ปี้อยู่แถวนี้ แสดงว่าอาจมีกิเลนรอยู่ไม่ไกล!”