ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 496 ไป๋ปี้ (2)
ตอนที่ 496 ไป๋ปี้ (2)
ตอนที่ 496 ไป๋ปี้ (2)
ไป๋ปี่เหล่านี้ล้วนแต่มีความประทับใจเป็นปลื้มในตัวหลิวซูที่เป็นจิตวิญญาณแห่งกระบ่ เว้นเสียแต่อากัปกิริยาการแสดงออกอันแสนน่าอึดอัดของเซียถงที่กอดกันกลมเกลียวกับไป๋หลี่หาน พวกมันต่างจับจ้องมองมาด้วยสีหน้าเงอะงะ ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะเริ่มคว้าตัวหลิวซูมาดมเล่น
“หยุดหัวเราะได้แล้ว!”
หลิวซูแทบอยากจะบ้าเมื่อโดนพวกไป๋ปี่ทั้งฝูงรุมดมรุมจับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตอนที่เห็นเซียถงกำลังกลั้นขำสุดกำลัง
นี่ทำให้มันรู้สึกหงุดหงิดใจไม่น้อยเลย
เนื่องด้วยหลิวซูเป็นผู้เดียวที่สามารถสื่อสารกับไป๋ปี๋กลุ่มนี้ได้ มันจึงรับหน้าที่เป็นทูตสื่อสารเอ่ยถามไป๋ปี๋เพื่อถามหาที่อยู่ของกิเลน โดยมีความเชื่อว่า หากที่เสาะพบที่อยู่ของกิเลน บางทีอาจมีบัญชาสี่ภพอยู่แถวนั้นก็เป็นได้ และเป็นจ่าฝูงของไป๋ปี๋ทั้งหมดที่ออกหน้ามาชี้ไปที่หุบเขาจากทางไกล ตัดสลับกับบ่อน้ำที่เพิ่งว่ายขึ้นมา จากนั้นมันก็ย้ายก้นอ้วนกลมจากออกไป
ซึ่งหนทางกลับง่ายเกินคาดคิดไว้ เพียงทะลุเส้นทางใต้บ่อน้ำแห่งนี้ไป พวกเซียถงก็สามารถเดินทางไปถึงยอดเขาคุนหลุนได้โดยตรง!
อย่างไร สายตาของพวกไป๋ปี้กลุ่มนี้กลับดูแปลกๆ ชอบกล ไป๋หลี่หานเป็นคนเดียวที่รู้สึกได้ แต่สุดท้ายก็หาได้ใส่ใจอันใดเป็นพิเศษ
แต่ก่อนอื่นก่อนใดสำหรับการมุ่งหน้าเดินทางต่อ เซียถงและไป๋หลี่หานรีบมุ่งหน้าเดินทางกลับไปหากลุ่มคนที่เหลือ แต่พอมาถึง พวกเขาก็แลเห็นว่าผืนป่าใกล้บ่อน้ำร้อนแช่ตัวก่อนหน้าที่ใช้เป็นฐานปักหลักพักแรม ยามนี้กลับกลายมาเป็นทะเลเพลิงไปเสียแล้ว!
ข้างเคียงทะเลเพลิงเหล่านั้น แลเห็นได้ว่ากำลังมีผู้คนกำลังต่อสู้สัประยุทธ์อยู่
สีหน้าแววตาเซียถงเยียบเย็นน่ากลัวขึ้นทันตา กล่าวกับไป๋หลี่หานว่า
“นั่นมันโม่ซวนกับคนอื่นๆ มิใช่รึ!?”
ด้านข้างหย๋อมเพลิงจุดนี้ โม่ซวนและคนอื่นๆ ที่เหลือกำลังโดนล่าสังหารอย่างดุเดือดจากกองกำลังไม่ทราบฝ่าย โผล่มาจากไหนก็ยังมิทราบ โม่ซวนเข้าปกป้องประคองร่างเซี่ยหลู่เฟิงที่ยังอยู่ในอาการวิกฤต ส่วนเค่อฮั่วและฉีหมิงเยว่กำลังร่ายท่วงท่ากระบี่เข้าสัประยุทธ์อยู่กับกลุ่มชายชุกคลุมดำปริศนา แสงคมสาดส่องวิบวับระยับสายตา เซียถงหัวใจบีบแน่นสั่นคลอน ยามเห็นสถานการณ์ในปัจจุบัน…
“คนพวกนี้เป็นใครมาจากไหนกัน? แล้วเข้ามาที่นี่ได้ยังไง?!”
ไอเย็นยะเยือกแผ่ออกมาจากดวงตาคู่นั้นของไป๋หลี่หาน ทันใดนั้น เขาก็เงยหน้าเชยเห็นเงาร่างสีม่วงผู้หนึ่งที่กำลังเฝ้ามองการต่อสู้จากเบื้องบนต้นไม้ใหญ่ทางไกล ไป๋หลี่หานกัดฟันกรอดด้วยความโกรธจัด เค้นเสียงอาฆาตเล็ดลอด สะกดเรียกชนิดคำต่อคำ
“เย่-หลี-เทียน!”
ได้ยินดังนั้น เซียถงตะลึงงันในบัดดล ร้องอุทานทันที
“แล้วมันมาได้เยี่ยงไร?”
ไป๋หล่หานมุมปากกระตุกเชิดอย่างแรง
“มันน่าจะมาถึงตัง้แต่เช้าตรู่แล้วกระมัง เพียงว่าเอาแต่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด!”
ถึงโม่ซวนและเค่อฮั่วจะบาดเจ็บสาหัสจนอยู่ในสภาพไม่พร้อมต่อสู้เท่าไหร่นัก แต่ยังโชคดีมากที่ตอนนี้ยังมีองครักษ์หน่วยเงาของไป๋หลี่หานประจำการอยู่ ดังนั้นแล้ว แม้จำนวนของกลุ่มชายชุดคลุมดำที่เข้ารุกรานจนมีมากกว่า ทว่าก็ยังสามารถประคองสถานการณ์เอาไว้ได้
ขณะที่เซียถงกำลังเข้าสมทบพุ่งเข้าช่วยเหลือ แต่ทันใดนั้นกลับถูกไป๋หลี่หานคว้าข้อมือฉับพลัน ส่งเสียงคำรามลั่น
“ระวัง!”
ยังไม่ทันสิ้นเสียงดีด้วยซ้ำ เซียถงลื่นไถลเสียการทรงตัวชั่วขณะ พื้นดินอยู่ใต้เท้าข้างหนึ่งของนางพลันทรุดตัวถล่มลงอย่างแรง นางเห็นภาพฉากต่อไปนี้ถึงกับตาโตตื่นตกใจ เพราะก่อนหน้านี้เส้นทางเบื้องหน้ายังเป็นแค่ถนนสายหนึ่งธรรมดาทั่วไป ทว่าปัจจุบันกลับกลายมาเป็นหลุมบ่อขนาดมหึมาเสียแล้ว!
ขอบหลุมเริ่มเซาะตัวกร่อนแตก พื้นดินที่เซียถงพยายามยืนทรงตัวไว้มั่นพลันทรุดฉับพลันอีกครั้ง ทำให้นางร่างพลัดตกลงไปอย่างรวดเร็ว
ไป๋หลี่หานจับข้อมือเซียถงไว้แน่น ร่างนองนางดิ่งลงจนเกือบตั้งฉากกับหลุมบ่อดังกล่าว
เมื่อเซียถงเหลือบแลมองลงไป นางถึงกับเหงื่อเย็นแตกพลั่กหวาดผวา
การเดินทางขึ้นสู่หุบเขาคุนหลุนเที่ยวนี้ไม่มีอะไรง่ายดายเลยจริงๆ!
ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างทำให้พื้นดินทั่วบริเวณนี้เกิดทรุดตัวลงทั้งแถบ ปรากฏเป็นหลุมบ่อขนาดใหญ่ยักษ์ไร้ก้นบึ้ง ซึ่งภายในนั้นยังเต็มไปด้วยอสรพิษน้อยใหญ่หลายหลากสีสันพิสดารหนาแน่น สุมรวมกองกันขยับยึกยือน่าขยะแขยงสุดขีด
แทบจะในเสี้ยวอึดใจนั้น เซียถงตระหนักถึงคำพูดก่อนหน้าของไป๋หลี่หานได้ทันควัน ทำเอานางถึงกับหน้าเสียถอดสี ด่านผนึกต่อไปเพื่อมุ่งสู่ยอดเขาคุนหลุนก็คือ ถ้ำหมื่นอสรพิษ!
“เซียถง เจ้าใจเย็นก่อน! เดี๋ยวข้าจะดึงเจ้าขึ้นเดี๋ยวนี้แหละ!”
ไป๋หลี่หานส่งเสียงตะโกนเรียกนาง
อย่างไรเสีย ด้วยความลาดชันที่ร่างของเซียถงแทบจะตั้งฉากกับหลุมบ่อไร้ก้นบึ้งแห่งนี้ ทำให้ไป๋หลี่หานมิได้อยู่ในมุมที่ถนัดเท่าไหร่นัก อีกทั้งพื้นดินบริเวณที่เขายืนอยู่เองก็เกิดรอยร้าวแผดขยายใกล้จะปริแตกเต็มทนเช่นกัน กล่าวคือ หากไป๋หลี่หานขยับเขยื้อนอีกแม้แต่นิดเดียว ทั้งเขาและนางอาจเสี่ยงตกลงในถ้ำหมื่นอสรพิษนี้ได้ทันที!
“รีบปล่อยข้าเร็ว!”
เซียถงตะโกนส่งเสียงขึ้นมาหาเขา จะอย่างไร ไป๋หลี่หานคือคนสำคัญที่สุดแล้วในดวงใจ และนางจะไม่มีวันปล่อยให้เขาต้องมาตายเพราะตัวเองแน่นอน!
ทว่าสำหรับไป๋หลี่หานเองก็เช่นกัน ต่อให้เสาะหาอิสตรีทั่วผืนพิภพก็ไม่มีใครสามารถทำให้เขายิ้มได้แบบนางอีกแล้ว! มีเพียงเซียถงเท่านั้นที่ทำให้โลกใบนี้ของเขาสดใสมีสีสัน ถึงบางครั้งจะมีสีเทาหรือสีดำเจือผสมปนเปอยู่บ้างก็ตาม แต่เหล่านั้นล้วนแต่เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ภาพครอบครัวที่แสนอบอุ่นของเขาสมบูรณ์แบบ!
ดังนั้นเขาเองก็จะไม่มีวันปล่อยมือไปจากเซียถงเด็ดขาด!
ไป๋หลี่หานดวงตาแข็งค้างเปี่ยมล้นความมุ่งมั่น
“อย่าพูดไร้สาระ! จับมือข้าไว้!”
หญิงสาวเบื้องหน้าคนนี้เป็นคนเดียวที่เขารัก เคยเห็นนางเผชิญพบกับเหตุการณ์เสี่ยงตายมาครั้งแล้วครั้งเล่า มีหรือที่เขาจะปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนั้นซ้ำซ้อนขึ้นอีก?!
และที่สำคัญที่สุด ไป๋หลี่หานตระหนักดีว่า ถ้ำหมื่นอสรพิษมันอันตรายปานใด หากเผลอไผลตกลงไป ร่างของคนผู้นั้นจักจมหายไปในดงอสรพิษในพริบตา สิ่งที่อยู่ข้างใต้เซียถงในเวลานี้ก็ไม่ต่างอะไรกับฝูงพยาธิก่อนหน้าที่หิวโหย ซ้ำร้ายยังสยดสยองยิ่งกว่า! ดังนั้นเขาไม่มีวันปล่อยมือจากนางแน่นอน! แม้ไป๋หลี่หานจะเป็นถึงยอดปรมาจารย์ขอบเขตจักรพรรดิครามฟ้าผู้ไร้เทียมทาน แต่ลำพังแค่ตัวเขา กลับไม่มีปัญญาต่อกรกับด่านผนึกบรรพกาลในหุบเขาคุนหลุนแห่งนี้ได้เลย กระแสลมปราณสีเงินแพรวพราวค่อยๆ ปะทุจากในกายของเขาอย่างแช่มช้า กรอกเทถ่ายทอดให้เซียถงผ่านมือระหว่างทั้งสองที่กุมจับกันอยู่อย่างระมัดระวัง
กระแสพลังลมปราณเหล่านี้ทำหน้าที่คล้ายกับแม่เหล็กพลังดึงดูดชั้นบาง เพื่อป้องกันมิให้เซียถงร่วงหล่นลงไป อีกทั้งยังมีหลิวซูที่จำแลงกายเป็นกระบี่พยายามบินไปรองใต้เท้าของนางพยายามจะช่วยอีกแรงหนึ่ง แต่เนื่องด้วยเหล่าอสรพิษที่ชุกชุมอยู่เบื้องล่าง กลับเป็นอุปสรรคมิใช่น้อยสำหรับตัวมันที่พยายามเข้าใกล้
ในเวลาเดียวกัน เย่หลีเทียนที่ยืนอยู่บนต้นไม้ใหญ่จากระยะไกลโพ้น ขณะเฝ้ามองเหล่าผู้ใต้บัญชากำลังต่อสู้สัประยุทธ์กับองครักษ์หน่วยเงาของไป๋หลี่หานอย่างดุเดือด กระทั่งเขาเองยังอดชื่นชมและยกย่องต่อความแข็งแกร่งขององครักษ์หน่วยเงาเหล่านี้มิได้ เพียงหนึ่งคนสามารถต้านรับได้กว่าหลายสิบ!
ระหว่างนั้นเอง จู่ๆ เขาก็เหลือบแลไปยังด้านมุมหนึ่งสุดขอบสายตา ชั่วขณะต่อมาถึงกับตาโตตื่นตะลึง
เนื่องจากทะเลเพลิง ณ จุดสัประยุทธ์ต่อสู้ทำให้เกิดควันไฟโหมตลบไปทั่วบริเวณโดยรอบจนขุนมัวมองไม่เห็น ทำให้เย่หลีเทียนไม่ทันสังเกตในทีแรก จนกระทั่งหลายอึดใจต่อมา เพิ่งจะรู้สึกได้ถึงขุมพลังสุดแกร่งกล้าระลอกใหญ่ที่ปะทุขึ้นมาจากท่ามกลางหมอกควันไฟสีเทาดำ แม้จะมีปริมาณแค่เล็กน้อยเศษเสี้ยว แต่ก็ทำให้เขาพึงทราบตื่นตัวได้ทันใด มีเพียงยอดปรมาจารย์ขอบเขตจักรพรรรดิครามฟ้าเต็มขั้นเท่านั้น ที่สามารถสร้างแรงครั่นคร้ามอันน่าสะทกสะท้านขนาดนี้ขึ้นได้
“ไป๋หลี่หาน?”
ลูกตาสีแดงจัดของไป๋หลี่หานเปล่งประกายมันวาว ดูบ้าคลั่งและอันตรายสูงสุด คู่เท้ากระตุกวูบ เย่หลีเทียนปราดพุ่งออกวิ่งด้วยความดิบกระหาย เสื้อคลุมไหมสีม่วงถูกกระแสลมตีไสวปลิวว่อนดุจคู่ปีกมารปีศาจที่กำลังโบยบิน ตรงเข้าใส่แหล่งพลังงานสีเงินท่ามกลางดงหมอกควันไฟหนา!
ร่างของเซียถงห้อยต่องแต่งอยู่กลางอากาศ โดยมีเบื้องล่างเป็นดงอสรพิษหลากสีสันนับหมื่นแสนกำลังดีดดิ้นมองเหยื่ออย่างตื่นตาตื่นใจ นางพึงทราบ ต่อให้ต้องตายไป๋หลี่หานก็ไม่มีวันปล่อยมือ แต่หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป พื้นดินบริเวณที่อีกฝ่ายยืนอยู่มีหวังทรุดตัวถล่มลงมาแน่นอน และนั่นหมายถึงความตายที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้อีกต่อไป
แต่ก่อนที่เซียถงจะได้ทำอะไรด้วยซ้ำ นางกลับเหลือบแลสังเกตเห็น แววตาอันชั่วร้ายนับหลายสิบดวงของเหล่าไป๋ปี๋ที่โผล่มาตั้งแต่ตอนไหนมิทราบ พวกมันในยามนี้ปราศจากความน่ารักน่าชังดั่งก่อนหน้าโดยสิ้นเชิง เหล่านั้นฉีกปากกว้างเผยให้เห็นคมเคี้ยวสุดแหลมคม เดินย่างสี่เท้าทีละก้าว ตรงเข้าด้านหลังของไป๋หลี่หานอย่างแช่มช้า