ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 497 ถ้ำหมื่นอสรพิษ (1)
ตอนที่497 ถ้ำหมื่นอสรพิษ (1)
ตอนที่497 ถ้ำหมื่นอสรพิษ (1)
“ระวังข้างหลัง!”
สุ้มเสียงเตือนของเซียถงเปล่งดังเป็นจังหวะเดียวกับที่ไป๋หลี่หานหันไปตบฝ่ามือฉับพลัน ชักนำเกลียวพายุตลบใหญ่โจมตีสวนออก
ไป๋ปี้ตนหนึ่งโดนฝ่ามือของไป๋หลี่หานซัดกระเด็นจนร่วงตกลงไปในถ้ำหมื่นอสรพิษทันที
ทันทีที่ไป๋ปี้ตนดัวกล่าวหล่นลงไป อสรพิษน้อยใหญ่หลากสีสันนับไม่ถ้วนต่างก็พวยพุ่งออกมาจากทั่วสารพิษ อ้าปากฉีกคมเคี้ยวเข้าฉกอย่างบ้าคลั่ง ไป๋ปี้ตนนั้นพยายาดิ้นหนีอย่างสิ้นหวังในดงอสรพิษหิวกระหาย ส่งเสียงร้องคำรามสั่นเครือด้วยความเจ็บปวดสุดพรรณนา เสมือนสัตว์ใหญ่จมบ่อทรายดูด ค่อยๆ ถูกกลืนกินจนมิดศีรษะหายไปในทะเลอสรพิษ พร้อมเสียงเขมือบที่ใครได้ยินต่างต้องสะเทือนขวัญ
ไป๋ปี้ตนที่เหลือกลุ่มใหญ่ตกใจยิ่งยวด พวกมันหยุดชะงักทุกการเคลื่อนไหว นั่งจับจ้องหาไป๋หลี่หานด้วยสายตาเงอะงะบ้องแบ๊วดังเดิม
ไม่คิดไม่ฝันเลยว่า ไป๋ปี้พวกน้จะลอบกัดกันในชั่วอึดใจสุดท้ายปานนี้!
แต่เพราะการเคลื่อนไหวของทั้งไป๋ปื้ตนเมื่อครู่ที่พุ่งเข้าโจมตีก็ดี เพราะไป๋หลี่หานออกลวดลายโจมตีก็ดี ทำให้พื้นดินที่แตกร้าวบริเวณใต้เท้าของเขาเกิดทรุดหนักกว่าเดิมเกือบครึ่งหนึ่ง อีกเพียงนิดเดียวก็จะร่วงตกไปทันที ไป๋หลี่หานเกือบทรงตัวไม่อยู่เสียศูนย์ ร่างล้มลงอยู่ในท่ากึ่งนอน
ถึงกระนั้น เขาก็ยังกุมมือเซียถงเอาไว้แน่น มือข้างนั้นของเขาขูดไปตามแผ่นพื้นขอบหลุมจนเกิดแผลถลอกจุดใหญ่ หยาดเลือดซิบสายหนึ่งไหลหยดลงมาลากผ่านจากมือสู่มือ
ด้วยเหตุนี้เองทำให้ร่างของเซียถงร่วงไปอยู่ในระดับความลึกกว่าครึ่งหนึ่งของหลุมแล้ว และเพียงพอสำหรับอิสรพิษทั้งหลายที่จะอาจเอื้อมศีรษะชูขึ้นฉก
ราวกับพวกมันทั้งหลายเข้าใกล้เหยื่ออันโอชะมากยิ่งขึ้น จึงยิ่งทวีความบ้าคลั่งพยายามชูศีรษะขึ้นมาหวังจะกลืนกิน
หลิวซูในเวลานี้เจียนจะหมดแรงแล้ว ชั่วเวลาสั้นๆ ขณะหนึ่ง มันได้สะบั้นตัดศีรษะของอสรพิษจำนวนนับไม่ถ้วนสับขาดเป็นชิ้นๆ แต่อย่างไรจำนวนของพวกมันเสมือนเป็นอนันต์ไม่มีที่สิ้นสุด และที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือ ปรากฏว่ามีอสรพิษจำนวนหนึ่งหลุดลอยผ่านกระบี่ทัณฑ์ฟ้าออกมา พวกมันกว่าหลายสิบตัวกำลังพุ่งโฉบโจมตีใส่ทางเซียถงโดยพร้อมเพรียง
เซียถงยกบาทาเคลือบลมปราณถีบอากาศ โหมซัดเป็นคลื่นกระแทกระเบิดพวกมันเป็นเสี่ยงๆ ซากศพชิ้นเล็กชิ้นน้อยร่วงระนาวลงสู่หลุมบ่อ แต่เพราะการเคลื่อนไหวโดยฉับพลันนี้เอง ก็ทำให้ร่างของไป๋หลี่หานลื่นไหลจนเกือบร่วงไปด้วยอีกคน
ทางด้านพวกไป๋ปี้ จู่ๆ พวกมันก็เปลี่ยนมาอยู่ในท่านอนหงายหันหัวไปทางพวกเขาทั้งคู่ และพยายามยืดเหยียดกรงเล็บคมยาวของพวกมันไล่ขวนเพื่อคว้าจับร่างของไป๋หลี่หาน แต่ทำอยู่นานแต่กลับไม่สำเร็จเสียที พวกมันจึงตัดสินใจใช้น้ำหนักให้เป็นประโยชน์ ขย่มพื้นดินบริเวณนั้นให้เกิดแรงสั่นไหวรุนแรง ผืนดินทั้งหมดใต้ร่างของไป๋หลี่หานไม่สามารถรองรับได้ไหวอีกต่อไป ทั้งหมดทั้งแผ่นผืนทรุดฮวบลงมาในพริบตา
ชั่วอึดใจเดียวกัน กระบี่ทัณฑ์ฟ้าเคลื่อนไสวกระหน่ำฟันสับศีรษะของเหล่าอสรพิษที่ริอาจไต่เลื้อนเคลื่อนขึ้นฉกเซียถงอย่างไม่หยุดหย่อน แม้ว่าความเร็วในการฟันสะบั้นของกระบี่ตอนนี้จะสูงมากจนแทบมองไม่เห็น ทว่าพวกมันกลับเคลื่อนไหวเร็วกว่าเกือบขั้นหนึ่ง ท้ายที่สุดนั้น จังหวะที่เซียถงร่วงตกลงมาพร้อมกับไป๋หลี่หาน ก็มีอสรพิษอีกนับสิบพุ่งทะยานสวนขึ้นมาฉกเช่นกัน ภายใต้สถานการณ์นี้ ไป๋หลี่หานปราศจากความสามารถที่จะปกป้องนางได้อีกต่อไป
อสรพิษเหล่านั้นฉีกปากกว้างดั่งบ่อโลหิตคาว แยกเคี้ยวเตรียมฉกเซียถง!
ทว่าเสี้ยวพริบตานั้นเอง พลันมีประกายแสงสีม่วงปนเงินสาดระยับสายหนึ่งพุ่งเข้าโฉบฉับพลัน คมกระบี่ส่องแสงสะท้อนวูบวาบ สะบั้นตัดลำตัวของอสรพิ๋เหล่านั้นจนดับดิ้น
และนั้นเป็นอึดใจเดียวกับที่ ไป๋หลี่หานคว้าจับหินงอกเลยก้อนหนึ่งข้างกำแพงหลุมเอาไว้ได้ทัน ส่งผลให้ร่างของทั้งคู่ยังมิได้ผลัดตกลงไปในนั้น
เซียถงเงยหน้าขึ้นมองโดยไว เห็นเพียงเย่หลีเทียนที่ทยืนอยู่ที่ขอบหลุมอีกด้านหนึ่ง ในมือกระชับถือกระบี่เล่มยาว ยามนี้มันกำลังมุ่งสายตาจับจ้องไป๋หลี่หานที่อยู่เหนือศีรษะของนางตาเขม็ง
“ปรากฏว่าเป็นเจ้า!”
ทันทีที่แววเสียงเอ่ยกล่าวของไป๋หลี่หานจางอ่อน เขาก็พลันสังเกตเห็น แววความชั่วร้ายประดับแขวนอยู่บนรอยยิ้มมุมปากของเย่หลีเทียน จู่ๆ มันก็ยกคมกระบี่ขึ้นฟันไป๋ปี้ตนหนึ่งที่กำลังยกกรงเล็บเข้าตะปบใส่ไป๋หลี่หาน
อย่างไรก็ตาม คมกระบี่นี้หาได้สำแดงใช้เพื่อช่วยเหลือไป๋หลี่หานแต่อย่างใด เสมือนเย่หลีเทียนคำนวณไว้หมดแล้ว มันเลือกที่จะฟันใส่เท้าหน้าทั้งสองจนขาดสะบั้น ไป๋ปี๋ตนนั้นเสียการทรงตัวในทันใด ด้วยน้ำหนักและร่างที่ใหญ่ยักษ์ของมันจึงโถมไปข้างหน้างร่วงตกหลุมบ่อลงมาโดยตรง
สิ่งที่เย่หลีเทียนต้องการจะให้เกิดขึ้นก็คือ การได้เห็นไป๋หลี่หานโดนร่างยักษ์ของไป๋ปี๋ร่วงทับเข้าใส่ และตกไปตายในถ้ำหมื่นอสรพิษ!
ชั่วพริบตาที่เห็นไป๋ปี๋ร่วงล้มตกลงมา ไป๋หลี่หานคลายมือจากหินงอกก้อนนั้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ร่างอ้วนโตสีขาวดำเหนือศีรษะจะร่วงมากระแทกกับร่างของเขา ไป๋หลี่หานกัดฟันแน่น ภายใต้ความเป็นความตายเช่นนี้ เขากลับหาได้สนใจชีวิตตัวเองไม่เลย แต่เลือกที่จะใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีโยนร่างของเซียถงสวนขึ้นไปกลางอากาศ แต่นั่นก็ก่อเกิดแรงผลักมหาศาล ส่งร่างของเขาลงสู่ดงอสรพิษนับหมื่นแสนใต้ล่างเช่นกัน
พริบตาที่ร่างของเซียถงลอยขึ้นถึงฝั่งด้านบน นางเตรียมจะกระโจนลงไปช่วยต่อทันที แต่กลับถูกเย่หลีเทียนที่ปราดพุ่งเข้ามาใกล้ คว้าข้อมือบีบแนนราวกับคลีมเหล็กกล้า ห้ามไม่ให้นางกระโดดลงไปช่วย
“ไป๋หลี่หาน!!”
สุ้มเสียงของนางจมหายไปพร้อมกับร่างของไป๋หลี่หานที่ดิ่งลงสู่ดวงอสรพิษใต้ล่าง เกือบจะในทันทีที่ร่วงตกไป อสรพิษจำนวนนับไม่ถ้วนต่างแย่งกันพุ่งเข้าใส่เขาอย่างบ้าคลั่ง เพียงเสี้ยวพริบตาถัดมา ร่างของเขาก็จมหายไปในทะเลอสรพิษ ไม่เหลือร่องรอยแม้แต่เงา
คู่เท้ากระทืบอย่างแรง เซียถงพยายามดีดดิ้นสุดกำลัง ขณะเดียวกันก็พยายามชะโงกหน้าก้มไปมองหลุมบ่อนามถ้ำหมื่นอสรพิษเบื้องหน้า นางเห็นไป๋หลี่หานร่วงตกลงไปในดงอสรพิษกับตาตัวเอง ทว่าตอนนี้เหลือเพียงฝูงอสรพิษงูน้อยใหญ่เพียงเท่านั้น ไม่เห็นแม้กระทั่งร่องรอยหรือชายเสื้อผ้าแพรพรรณใดๆ
สีหน้าของเซียถงมืดทมิฬฉาบเย็นเยียบดูน่าสยดสยอง เผยสะท้อนแววรังสีพิฆาตสังหารออกจากดวงตา มีดสั้นเล่มประจำเลื่อนเข้ากระชับฝ่ามือแน่น นางหมุนตัวขวับหันกลับมาแทงสวนใส่เย่หลีเทียนอย่างไร้ปรานี
“ข้าจะฆ่าเจ้า!!”
เสียงกู่ร้องคำรามของนางเจือผสมทั้งความเกลียดชังและเกรี้ยวโกรธเกินพรรณนาหยั่งถึง นี่เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกเกลียดใครสักคนจนแทบอยากจะจับมาถลกหนังกันทั้งเป็น!
ฟาดฟันคมมีดสั้นวาดรัศมีสีเย็นเป็นแนวนอน โจมตีใส่เย่หลีเทียนหวังถึงขั้นฆ่าแกงกันให้ตาย ถึงแม้นางกับชายคนนี้จะเคยผ่านความยากลำบากมาด้วยกันในตอนถูกกักขังในฐานใต้ดินของคณบดีเคราขาว หรือจะเคยถูกอีกฝ่ายช่วยเหลือชีวิตในยามโดนฝูงตะขาบพิษไล่ล่าก็ตามที
ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเคยมีบุญคุณกับนางสักเพียงใด แต่สิ่งที่อยู่ในหัวเซียถงตอนนี้ มีเพียงอย่างเดียวคือ ฆ่า! นางต้องการจะฆ่ามันยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด!
ทุกกระบวนเคลื่อนไหวโจมตี เซียถงมุ่งเป้าไปที่จุดตายของคู่ต่อสู้โดยปราศจากความเมตตาปรานีใดๆ หลงเหลือไม่ กล่าวคือเป็นการรุกโจมตีอย่างเต็มรูปแบบ ไร้ซึ่งแนวปราการตั้งรับหรือป้องกันใดๆ ถึงแม้ช่องโหว่จะถูกเปิดให้เห็น แต่นางยังคงกระหน่ำซัดโจมตีต่อไปไม่หยุดโดยไม่สนใจถึงข้อบกพร่องเหล่านั้นเลย
ในทางตรงข้าม ถึงแม้เย่หลีเทียนจะเสาะพบข้อบกพร่องและช่องโหว่ให้ตอบโต้กลับไป ทว่ากลับเลือกที่จะไม่ทำ สีหน้าการแสดงออกของเขาดูสับสนรวนเรอย่างมาก
“เซียถง! เจ้าฟังข้าก่อน!”
เย่หลีเทียนยกกระบี่ขึ้นต้านรับคมมีดกระหน่ำคลั่งดุจพายุโหมของเซียถง ค่อยๆ รุดขึ้นหน้าเข้ากดดันนางทีละก้าว
“ไม่มีอะไรต้องพูดกันแล้ว! ตายซะ!”
แทนที่โดนคู่ต่อสู้รุดขึ้นหน้าแล้วต้องล่าถอย เซียถงกลับเลือกที่จะเดินหน้าโดยไม่สนใจความเป็นตาย สาดกระบวนทุกท่วงท่าการโจมตี
สายตาที่จับจ้องมองมาครานี้ของเย่หลีเทียนคล้ายจะดูซับซ้อนมีหลากคลื่นอารมรณ์ทับถม จู่ๆ เขาก็เอ่ยขึ้นมาว่า
“เจ้าหลงลืมไปแล้วรึ? จุดประสงค์หลักที่เจ้าอภิเษกสมรสกับหมอนั่น? หาใช่เพื่อเป็นสายส่งข่าวให้แก่องค์จักรพรรดิตงหลี่ของเรา? นี่เป็นเพียงภารกิจหนึ่งเท่านั้น! หรือว่าเจ้า…จะตกหลุมรักไป๋หลี่หานแล้วจริงๆ?”
ทว่าสิ่งที่เขาพูดออกไปทั้งหมด กลับไม่สามารถขจัดความเกลียดชังภายในใจเซียถงได้เลย ผลลัพธ์ที่ได้กลับตรงกันข้าม มันยิ่งทวีเพลิงโทสะของนางหนักข้อยิ่งขึ้น พริบตาต่อมา พลันปรากฏกกระบี่ทัณฑ์ฟ้าเล่มยาวในมือ พลังต่อสู้ของเซียถงจัดจ้านร้ายกาจขึ้นเป็นทวีเท่า เริ่มโต้ตอบกลับรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เสียจนเย่หลีเทียนเริ่มเหงื่อตกในการรับมือ
เขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่า ทักษะการต่อสู้และระดับชั้นพลังลมปราณของนางจะเพิ่มพูนพัฒนาได้รวดเร็วปานนี้ ยิ่งผนวกกับขุมพลังความแกร่งกล้าของกระบี่ทัณฑ์ฟ้าด้วยแล้ว สุดท้ายนี้ เสื้อคลุมไหมสีม่วงของเย่หลีเทียนถึงขนาดขาดวิ่นเป็นรูนับไม่ถ้วนทั่วตัว ประกอบกับรอยคมบาดแผลอีกจำนวนหนึ่ง ธารเลือดซิบไหลหลั่งออกมา หากมิใช่เพราะขุมพลังขอบเขตจักรพรรดิครามฟ้าครึ่งขั้นอันไร้เทียมทานนี้ของเขา เกรงว่าเซียถงย่อมสามารถปลิดชีพเขาได้การันตีภายในสิบกระบี่!