ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 498 ถ้ำหมื่นอสรพิษ (2)
ตอนที่498 ถ้ำหมื่นอสรพิษ (2)
ตอนที่498 ถ้ำหมื่นอสรพิษ (2)
พริบตาขณะ คมกระบี่เล่มหนึ่งเสียบพุ่งทะลุใข่กลางแผ่นอกของเย่หลีเทียน คลื่นปราณกระบี่ฉีกกระฉากเสื้อผ้าเขาขาดกระจุยเละ เลือดธารสีแดงฉานสาดกะเซ็นเปรอะเปื้อนพแพรพรรณสีขาวของเซียถง
สีหน้าการแสดงออกของเย่หลีเทียนผันเปลี่ยนเป็นเย็นชา กล่าวขึ้นวาจาหนึ่งว่า
“เซียถง เจ้าบ้าไปแล้วรึ! หรือหลงลืมภารกิจหลักที่เราเคยสัญญากันไว้แล้ว? อย่าเพิ่งลืมไปเสีย แม่ของเจ้ายังคงอาศัยอยู่ในเมืองเฟิงหลี่!”
ทุกคนล้วนมีจุดอ่อนด้วยกันทั้งนั้น ไม่เว้นแม้กระทั่งเซียถง!
หลังได้รับฟังคำเตือนจากปากเย่หลีเทียน คมกระบี่ที่ร่ายระบำเหวี่ยงในมือของนางพลันหยุดชะงักทันใด หยิบฉวยโอกาสนี้ เย่หลีเทียนเร่งเคาะด้ามกระบี่ตัวเองกระแทกใส่กระดูกไหปลาร้าแถวต้นคอของนาง บังคับให้นางร่นฝีเท้าถอยห่างออกไปหลายก้าว
เซียถงยืนนิ่งไม่ไหวติงใดๆ แต่สายตาที่มุ่งมองเย่หลีเทียนอัดแน่นความเกลียดชังอยู่เปี่ยมล้น
ในเวลานี้เอง จู่ๆ พวกไป๋ปี้กลุ่มนั้นก็เริ่มเคลื่อนไหวเป็นคำรบสอง พุ่งจู่โจมใส่เย่หลีเทียนโดยตรง
เย่หลีเทียนมัวแต่มุ่งมองสะกดสายตาเร่าร้อนไปที่เซียถง จนไม่รู้ตัวเสียเลยว่า ขณะนี้กำลังมีกรงเล็บใหญ่ของไป๋ปี้พุ่งเข้าตะปบจากด้านหลังของเขา แน่นอน เซียถงเห็นชัดถนัดแจ้ง ทว่าเลือกที่จะเงียบนิ่งเฝ้ามองภาพฉากที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปโดยไม่แม้กะพริบตา
คงจะเป็นเรื่องดีมากหากการตะปบครั้งนี้ของไป๋ปี้สามารถลอบสังหารเย่หลีเทียนให้ตายสิ้นไปได้!
อย่างไรเสีย เสี้ยวอึดใจก่อนที่กรงเล็บใหญ่ของไป๋ปี้จะเข้าประเคนลงบนศีรษะของเย่หลีเทียน ร่างของเขาแปรไสวกลายเป็นสายฟ้า เหวี่ยงกระบี่ฟันฟาดด้วยความเร็วสูงสุดเกิดเป็นประกายแสงสีแย็นวาบหนึ่งสวนตอบ อุ้งมือสีขาวของมันถูกตัดทิ้งกลิ้งหล่นลงกับพื้นอย่างไร้เมตตาปรานี
ไป๋ปี้ตนนั้นส่งเสียงร้องโหยหวนดังลั่น
เสียงร้องนี้ได้ร่ำเรียกไป๋ปี้อีกตนหนึ่งวิ่งสี่ขาพุ่งเข้าโจมตีใส่เย่หลีเทียนอีกครั้งทันที แต่ฝีเท้าของมันที่ห่ำหั่นเข้าใกล้กลับต้องเฉื่อยช้าลงในก้าวถัดมา ยามเผชิญเข้ากับสายตาคู่คมกริบของเย่หลีเทียนที่มุ่งเข้าสบปะทะ มันถึงกับใจสั่นเต้นแรงด้วยความหวาดผวา ก่อนที่จะตั้งสติกลับมาได้ กลับถูกกระบี่เล่มยาวในมือเย่หลีเทียนเสียบทะลุยอดอกไปเสียแล้ว
อย่างไรก็ตาม ความสนใจของเขาในเวลานี้กลับมิได้จดจ่ออยู่กับการต่อสู้เลย สายตาของเขาเคลื่อนละออกจากไป๋ปี้ เข้าชำเลืองดิ่งลึกลงไปในถ้ำหมื่นอสรพิษแทน
เย่หลีเทียนปรารถนายิ่งยวดที่จะกำจัดไป๋หลี่หานออกไปให้พ้นๆ ตั้งแต่ยังมีโอกาส ทว่าหลายต่อหลายครั้งที่มีจังหวะสบเหมาะกลับลงมือลอบสังหารไม่เคยสำเร็จ ทั้งที่ปัจจัยหลายสิ่งอย่างอำนวยต่อตัวเขามาก ทั้งสถานที่ ช่วงเวลา หรือรวมไปถึงแผนการที่ตระเตรียมอย่างสมบูรณ์ แต่สุดท้ายล้วนคว้าน้ำเหลวกลับไปทุกครา! ดังนั้นแล้ว คราวนี้ที่จับพัดจับผลูลากอีกฝ่ายให้ร่วงตกในถ้ำหมื่นอสรพิษครั้งนี้ได้ด้วยความบังเอิญ เย่หลีเทียนไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่ว่า ไป๋หลี่หานจะถึงคราชะตาขาดสิ้นชีพตายไปจริงๆ! หากมองย้อนกลับไปในภาพฉากเมื่อครู่ ทุกอย่างมันดูง่ายเกินไป!
เย่หลีเทียนมุ่งสายตาจับจ้องอยู่ในคลื่นทะเลอสรพิษนับหมื่นแสนอยู่สักครู่หนึ่ง ก็ยังปราศจากร่องรอยผิดแผดใดๆ หรือไป๋หลี่หานจะตกไปตายแล้วจริงๆ?
อย่างหมอนั่นหรือจะตายง่ายปานนี้จริงๆ? ราชาหมาป่าสวรรค์ผู้ไร้เทียมทาน ไป๋หลี่หานตกม้าตายกับแค่ดงอสรพิษเท่านี้? แล้วสิ่งที่เขาพยายามวางแผนลอบสังหารมานับครั้งไม่ถ้วน แล้วที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาเนิ่นนาน ทำไมถึงตอนนั้นถึงไม่เคยทำสำเร็จเลยล่ะ?
กลับกลายเป็นว่าภายในใจเบื้องลึกของเย่หลีเทียนตอนนี้ กำลังภาวนามิต้องการให้ไป๋หลี่หานต้องมาตายอะไรง่ายๆ เช่นนี้แทน!
แต่มุ่งมองอยู่ตั้งนานแล้ว กลับไม่มีวี่แววของอีกฝ่ายเลยจริงๆ …
เย่หลีเทียนหรี่ตาลงเล็กน้อยด้วยความผิดหวัง กวาดมองเหล่าอสรพิษน้อยใหญ่หลากหลายสีสันที่ดิ้นเลื่อยน่าขยะแขยงอยู่ใต้นั้น หากผ่านไปนานเช่นนี้แล้ว เจ้าหมอนั่นยังปีนขึ้นมาไม่ได้ เกรงว่าคงโดนกินไม่เหลือเศษซากไปแล้วแน่นอน
สายตาของเขาหันขวับกลับมายังไป๋ปี้ตนนั้นที่อยู่ใต้บาทา มันกำลังส่งเสียงคร้ำครวญด้วยความเจ็บปวดสุดระทม
“ไสหัวไปซะหากไม่อยากตาย!”
ไป๋ปี้ได้ยินเสียงคำรามดังนั้นราวกับเข้าใจภาษามนุษย์อยู่จริงๆ มันรีบพยักหน้าและรีบขนพรรคพวกหนีไปโดยไว
เซียถงแอบซ่อนฝ่ามือฉาบกระแสลมปราณตลบหนึ่งไว้ด้านหลัง หวังจะฉวยโอกาสโจมตีฉับพลันใส่ แต่ทันทีที่เย่หลีเทียนเหลียวหน้าหันกลับมา เขาก็พุ่งเข้าไปคว้าข้อมือของนางกระชากขึ้นมาอย่างแรง ตะคอกใส่น้ำเสียงเกรี้ยวกราด
“นี่เจ้าต้องการจะฆ่าข้าจริงๆ ใช่ไหม? หากมีปัญญาก็ลองดู! แต่ก่อนจะลงมือทำอะไรทั้งสิ้น จงคิดพินิจให้ถี่ถ้วนเสียก่อน! หรือจะไม่สนเลยว่า ชีวิตของแม่เจ้าจะเป็นเยี่ยงไร?”
กล่าวจบ เขาสะบัดมือนางทิ้งไปโดยไม่ไยดี ซึ่งนั่นรุนแรงซะจนเซียถงเซล้มไปกับพื้น
นางในยามนี้รู้สึกราวกับชีวิตนี้จบสิ้นไม่เหลืออะไรทั้งปวง เหม่อมองเบื้องล่างถ้ำหมื่นอสรพิษด้วยสีหน้าว่างเปล่า ดวงตาพลันเห่อร้อนแดงระเรื่อ พยายามกลั้นน้ำตามิให้รินไหลแต่สุดท้ายกลับมิอาจทานทนรับความจริงได้
นางเพิ่งเสียสามีไป!
หลิวซูในห้วงความคิดสื่อิจิตเข้าปลอบประโลมว่า
“เจ้าในย่ามนี้ยังหาใช่คู่ต่อสู้ของมัน คราวหน้าคราวหลังค่อยเสาะหาโอกาสแก้แค้นเถิด”
ผ่านไปสักพักหนึ่ง เมื่อเห็นไป๋หลี่หานไม่น่ารอดชีวิตกลับมาแล้ว เย่หลีเทียนลอบถอนหายใจเฮือกหนึ่ง สีหน้าดูผิดหวังพิกล ก่อนจะหมุนตัวเดินจากออกไปโดยไม่พูดพล่ำใดๆ อีก เซียถงเห็นดังนั้นก็รีบลุกขึ้นเดินตามติดอีกฝ่าย มุ่งสายตาแค้นอาฆาตจับจ้องแผ่นหลังของชายตรงหน้าไม่วางตา สองมือกำหมัดบีบแน่นจนเป็นแผลเจาะลึก เล็บทั้งสิงนิ้วฝังอยู่ในเนื้อพร้อมธารเลือดซิบสายน้อยที่รินไหล นางเดินเกาะติดอีกฝ่ายยิ่งกว่าเงา เสมือนผีเฮี้ยนที่ตามจองล้างจองผลาญ
ทางฝ่ายเย่หลีเทียนเองก็หาได้ติดใจอะไรไม่ ปล่อยให้เซียถงเดินตามไปทั้งแบบนั้น หลังจากที่ทั้งสองเดินละออกมาจากบริเวณถ้ำหมื่นอสรพิษ จู่ๆ ก็มีดวงแสงสีเงินประกายสาดสว่างขึ้นจากท่ามกลางฝูงอสรพิษนับจำนวนนับไม่ถ้วนเบื้องล่าง
ไป๋หลี่หานปลุกเร้ากระแสลมปราณหอบแล้วหอบเล่าจนทะลักทลายฉาบไปทั่วกายา หลอมผลึกกลายเป็นม่านพลังขนาดย่อยห่อหุ้มร่างกายอย่างมิดชิด นี่ก็คือเกราะแสงวิญญาณของไป๋หลี่หาน และเกราะแสงวิญญาณนี้มันทั้งแข็งแกร่งและบริสุทธิ์เสียยิ่งกว่าของเซียถงที่เคยสำแดงใช้เมื่อคราวก่อนหลายเท่าทวี
ไป๋หลี่หานยืนตระหง่านอยู่ ณ ใจกลางบ่อถ้ำหมื่นอสรพิษ ศีรษะของพวกมันนับหลายพันหมื่นพุ่งเข้ากระแทกเสียงดังสนั่นหวั่นไหวดังไม่หยุดหย่อน หวังจะใช้คมเคี้ยวเจาะทะลุเกราะแสงวิญญาณเข้ามา เขากวาดสายตาเย็นเยียบใส่พวกมันทั้งหลาย กระตุ้นเกราะแสงวิญญาณวูบหนึ่ง อสรพิษเหล่านี้ร่างดีดกระเด็นปลิวว่อนในพริบตา ปรากฏว่าพวกมันไม่สามารถสร้างความอันตรายให้แก่เขาได้เลย และทั้งหมดก่อนหน้าเป็นเพียงภาพการแสดงฉากหนึ่งเพื่อตบตาเย่หลีเทียนเท่านั้น
อันเนื่องมาจากเย่หลีเทียนคนนี้มักจะซ่อนตัวอยู่แต่ในเงามืดเสมอมา น้อยครั้งมากที่จะเผยตัวปรากฏกายให้เห็น ดังนั้นไป๋หลี่หานจึงต้องจำใจแสดงละครตบตาฉากนี้ขึ้นมา เพื่อให้มันเผยแสดงตัวออกมาและจัดการกับมันเสีย
เพียงแต่แผนการนี้ ทำเอารู้สึกลำบากใจไม่น้อยเลยสำหรับความรู้สึกของเซียถงที่เสียไป เพราะกระทั่งตัวเขาเองก็ยังรู้สึกได้ถึงความเศร้าโศกปนอาฆาตของเซียถงจากภายในดงอสรพิษเบื้องล่างนี้
ไป๋หลี่หานปีนป่ายขึ้นมาจากถ้ำหมื่นอสรพิษได้อย่างง่ายดาย แต่หาได้ไล่ล่าติดตามเซียถงและเย่หลีเทียนออกไปทันที แต่กลับรีบมุ่งหน้าเข้าสมทบกับโม่ซวนและคนอื่นยังทิศทางตรงข้าม
เขาในเวลานี้ต้องการความช่วยเหลือจากองครักษ์หน่วยเงา!
จู่ๆ ไป๋หลี่หานยก็ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางสมรภูมิสัประยุทธ์เดือด ประดุจเทพสงครามจุติลงมาจากสรวงสวรรค์ เขาลงมือกวาดล้างสะบั้นชีวิตของเหล่าทหารฝ่ายศัตรูจนดับดิ้นสิ้นสูญกันถ้วนหน้า เพียงชั่วพริบตาต่อไป กองทหารเหล่านี้ที่มีเย่หลีเทียนเป็นผู้บัญชาก็เหลือรอดอยู่เพียงไม่กี่คน
ไป๋หลี่หานใช้สองมือเข้าสวมกอดทมหารร่างหนึ่งไว้แน่น เพียงออกแรงรัดสุดแรง เสียงกระดูกทั่วร่างของทหารดังกล่าวดังลั่นแตกละเอียดในชั่วอึดใจ ทั้งยังตบฝ่ามือเข้าตะปบคอเร็วดุจสายฟ้า จนลูกกระเดือกแทบโดนขยี้เป็นเสี่ยง สุ้มเสียงร้องเจ็บปวดคลอดังอยู่ในลำคอมิสามารถส่งเสียงร้องใดๆ ออกมาได้ ตัง้แต่ต้นจนจบ ทหารนายดังกล่าวล้วนเป็นฝ่ายโดนกระทำอย่างเดียว
โม่ซวนเบิกตาโตตื่นตกใจ เพราะเขาไม่เคยพบเห็นนายท่านของตนลงมือโหดเหี้ยมปานนี้มาก่อนสักครา แต่เมื่อพินิจมองจากสารรูปตอนนี้…ก็ค้นพบได้ว่า เสื้อผ้าที่นุ่มห่มบนร่างไป๋หลี่หานฉีกขาดกว่าหลายสิบจุด บาดแผลคล้ายถูกอสรพิษฉกเองก็มีประดับประดาอยู่บ้าง และที่แปลกตาที่สุดคือ…ข้างกายนายท่านกลับไม่มีนายหญิงอยู่ด้วย
เมื่อลองพินิจรวมกันท่าทางอันโหดเหี้ยมของนายท่านยามนี้คล้ายคนหัวเสีย โม่ซวนก็เข้าใจได้ในทันที!
เย่หลีเทียนต้องลักพาตัวนายหญิงไปแน่นอน!
ไป๋หลี่หานเพิกเฉยต่อทีท่าอยากรู้อยากเห็นของโม่ซวนโดยสมบูรณ์ ยกกำปั้นขึ้นซัดหน้าของนายทหารในมืออย่างแรงกว่าสิบหมัด อีกฝ่ายคอตกฮวบเรี่ยวแรงแขนขาไม่เหลือ สภาพไม่ต่างจากสุนัขใกล้ตาย เสียงร้องคร่ำครวญเจ็บปวดจากลำคอ ก็ยังดังคลอเล็ดลอดออกมาต่อเนื่อง
จนท้ายที่สุด ไป๋หลี่หานคลายร่างของนายทหารทรุดนอนหมดสภาพอยู่กับพื้น จากยกบาทาขึ้นตอกฝาโลง กะถีบกะโหลกศีรษะของนายทหารคนนั้นจนแหลกเละ ตายคาที่ในชั่วอึดใจ จากนั้นก็ค่อยๆ ชำเลืองสายตาเหลือบมองไปที่อีกคนที่เหลือรอดคลานอยู่บนพื้น แลเห็นเพื่อนตัวเองถูกฆ่าทิ้งต่อหน้าต่อตาอย่างโหดเหี้ยม ตัวมันถึงกับหน้าเสียหนัก ซีดเผือดราวกับแผ่นกระดาษขาว รีบเลี่ยงสายตาหลบเลี่ยงมัจจุราชจากอเวจีนรกตรงหน้าด้วยความขวัญเสีย ปรากฏว่า ฉายาด้านความโหดเหี้ยมของราชาหมาป่าสวรรค์คือของจริงแท้! สกครู่ต่อมา มันคนนั้นใจฝ่อจนหายใจหายคอไม่ทั่วท้อง ยิ่งโดนรัศมีแรงกดดันอันทรงพลังของไป๋หลี่หานเข้าบดขยี้เป็นการใหญ่ ใบหน้าถึงกับซีดเซียวหนักปราศจากร่องรอยเลือดหล่อเลี้ยง โดยไม่ต้องให้ไป๋หลี่หานปริปากแม้สักคำ มันถึงกับโพล่งกล่าวทั้งน้ำตาว่า
“ขะ-ข้ายอมแล้ว! ข้าจะพูดทุกอย่างที่ท่านอยากรู้! ข้าจะพูดทุกอย่างที่ท่านอยากรู้จริงๆ! ดะ-ได้โปรด…อย่า…อย่าฆ่าข้าเลย… ได้โปรด… ได้โปรด…”
เสียงร้องคร่ำครวญของทหารนายนั้นแผ่วอ่อนลงเรื่อยๆ ตรงกันข้ามกับประกายความเย็นชาที่ยิ่งทวีความเข้มข้นจัดจ้านมากขึ้นในดวงตาของไป๋หลี่หาน