ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 50 เขาปราณวิญญาณ (2)
ตอนที่50 เขาปราณวิญญาณ (2)
กลุ่มคนของชายสวมหน้ากากคลื่นลายเมฆาต่างพยุงร่างลุกขึ้นทีละคนสองคน เดินติดตามเจ้านายของพวกตน เข้าไปใกล้ร่างของสัตว์อสูรปราณวิญญาณที่นอนศิโรราบอยู่บนพื้นเช่นกัน
เซียถงไม่พูดพร่ำหยิบกระบี่ยาวเล่มหนึ่งขึ้นจากพื้น และฟันใส่เขาปราณวิญญาณของมันตนนั้นโดยตรง
“นี่เจ้ากำลังทำอะไร?”
ทันใดนั้น ก็มีชายคนหนึ่งตรงเข้ามาขวางรัศมีคมกระบี่ของนางทันควัน
เซียถงเงยหน้าจับจ้องชายคนนั้นอย่างเย็นชา เบื้องลึกในแววตาปราศจากความรู้สึกผิดใดๆ เพราะเมื่อครู่นางเต็มใจสละชีวิตตนเองเพื่อเสี่ยงตายสกัดคมกระบี่ให้นายท่านของคนพวกนี้ ส่งผลให้อีกฝ่ายยังปลอดภัยแข็งแรงดี ดังนั้นการที่นางใช้ชีวิตเข้าแลกเพื่อปกป้องขนาดนี้ ได้รับค่าเหนื่อยเป็นเขาปราณวิญญาณก็นับว่าไม่เกินจริง
ชายสวมหน้ากากลายคลื่นเมฆาโบกมือปัก สั่งให้ชายคนนั้นถอยออกไป เซียถงเห็นเป็นเช่นนั้นก็สะบัดมือฟันคมกระบี่ลงดังฉับ แสงสีเงินประกายเย็นลายคลื่นคมตัดผ่านเขาปราณวิญญาณบนศีรษะของสัตว์อสูรตนนั้นโดยตรง พร้อมก้มลงไปหยิบมันมาไว้ในมือ พอได้สิ่งที่ต้องการมาแล้ว นางก็โยนกระบี่ยาวในมือทิ้ง แสยะยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย และหมุนตัวเดินจากออกไปทันทีโดยไม่แม้แต่แลเหลียวรอบข้างอีกต่อไป
นอกจากเขาปราณวิญญาณชิ้นนี้ มันก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับนางแล้ว
เหม่อมองเซียถงที่เดินทิ้งห่างจากออกไป นัยน์ตาลึกล้ำของชายสวมหน้ากากลายคลื่นเมฆาบังเกิดคลื่นอารมณ์หนึ่งไสววูบพัดผ่าน จับจ้องไปที่มือข้างขวาของเซียถงที่กำแน่น ภายใต้หน้ากากพลางเม้มริมฝีปากขบบาง เฝ้าดูเรือนร่างอรชรเดินหายไปภายในป่าอย่างเงียบงัน
หลังจากที่หลี่หวงเดินจากไปได้สักพักใหญ่ เขาก็กวาดสายตามองไปยังทิศทางที่นางหายตัวไป ตลอดทุกหนแห่งที่นางเดินผ่าน ปรากฏว่า มีคราบเลือดที่รินหยดออกมาจากฝ่ามือขวาของนางตลอดเส้นเป็นทางยาว
เมื่อเซียถงเดินออกมาจนพ้นระยะพิสัยที่ชายคนนั้นจะสามารถมองเห็นได้ นางก็คลายกำมือขวาที่กระชับบีบแน่นอยู่นาน ใช้ฟันฉีกมุมเสื้อด้านหนึ่งออกมา แล้วทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น พันแผลบนฝ่ามือขวา จากการปะทะเมื่อสักครู่ แรงกระแทกอันมหาศาลที่เกิดจากคมแรงโถมของกระบี่อีกฝ่าย มันได้ดันเศษใบมีดที่เซียถงกำแน่น บาดเนื้อกินเข้าไปลึกมากจนเกิดเป็นแผลฉกรรจ์
พอพันแผลบนฝ่ามือเสร็จสรรพ เซียถงก็หยิบเขาปราณวิญญาณบนมือซ้ายขึ้นมาพินิจดู พร้อมส่งจิตผ่านห้วงความคิดไปหาเสี่ยวฮั่วว่า
“เสี่ยวฮั่ว ข้าได้เขาปราณวิญญาณมาแล้ว”
“นายท่าน หากท่านยังไม่อยากตายตอนนี้ ข้าขอแนะให้คราวหน้า ท่านห้ามไปปะทะชนกับยอดฝีมือขอบเขตราชันย์ม่วงชนิดตัวต่อตัวเฉกเช่นเมื่อครู่อีกเด็ดขาด! เพราะครั้งต่อไปอาจไม่โชคดีเช่นนี้แล้ว!”
เสี่ยวฮั่วแหกปากตะโกนลือลั่นท่ามกลางห้วงคาวมคิดของเซียถง จากที่ฟังจะรู้ได้ทันทีว่า มันเป็นห่วงนายของตนปานใด จึงพ่นวาจาน้ำเสียงไม่พอใจออกมาถึงเพียงนี้ แต่ในเมื่อทุกอย่างมันจบลงด้วยดี คงพูดอะไรไม่ได้มากกว่านี้เช่นกัน
หากต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อตัวมันเช่นนี้อีก เสี่ยวฮั่วก็ไม่เอาเช่นกัน!
เซียถงแอบยักไหล่ใส่เล็กน้อย ก็เชิงว่าช่วยไม่ได้ และเอ่ยถามขึ้นว่า
“แล้วเจ้าตั้งใจจะเอาเขาปราณวิญญาณไปทำอะไร?”
“พอท่านกลับถึงบ้านก็นำเจ้าสิ่งนี้ไปเผาให้เกรียมเป็นเถ้าถ่าน ใช้มันเป็นเครื่องหอมยาอบ แล้วท่านก็ขัดสมาธิบำเพ็ญตบะตามปกติได้เลย ยิ่งสูดดมควันจากเขาปราณวิญญาณมากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งมีประโยชน์สำหรับกระบวนการฟื้นคืนพลังจิตวิญญาณของข้า”
เสี่ยวฮั่วเอ่ยตอบ
เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้ว เซียถงไม่กล้าชักช้า เก็บเขาปราณวิญญาณลงใต้อกเสื้อ ระดมพลังลมปราณลงไปยังเท้าทั้งสองข้างและออกวิ่งสุดกำลังลาจากหุบเขาจันทราแห่งนี้ไป
กลับมาถึงจวนเสนาบดี นางก็ไปรื้อหาขอมาเพื่อจุดไฟและเผามัน กลิ่นหอมสุคนธรสพิสดารกรุ่นออกมาจากเขาปราณวิญญาณ พอได้สูดดมเข้าไปทั่วร่างกายาพลันรู้สึกสบายเนื้อสบายตัวเป็นที่สุด ราวกับว่าได้แช่น้ำพุร้อนในฤดูหนาว จิตวิญญาณภายในกายเซียถงเปล่งแสงสีม่วงออกมา และประกายแสงดังกล่าวได้แผ่กระจายไปทั่วร่างเป็นลำดับต่อมา มณีม่วงลอยเคว้งเผยปรากฏออกมาอยู่ตรงหน้า คล้ายอัญมณีสีม่วงเม็ดงามน้อยๆ ก่อนที่มันจะพุ่งเข้าไปกลางหว่างคิ้วทั้งสองข้างของนาง กลิ่นอายสุคนธรสจากเขาปราณวิญญาณคล้ายถูกแรงดึงดูดมหาศาลจากใจกลางหว่างคิ้ว มณีห้วงที่ยามนี้ล่องลอยอยู่ในห้วงความคิด กลืนกินมวลกลิ่นอายเหล่านั้นอย่างตะกละตะกลาม กระแสแล้วกระแสเล่าด้วยความเร็วสูง หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการทั้งหมด ขนาดของมณีม่วงก็เหมือนว่าจะขยายใหญ่ขึ้นเป็นเท่าทวีหนึ่งจากเดิม
“นายท่าน ข้าดูดกลืนกลิ่นอายเหล่านี้จนเต็มอื่มแล้ว จำเป็นต้องใช้เวลาเพื่อย่อย หากมีอะไรโปรดส่งจิตเรียกข้าได้ตลอด”
พอดูดกลืนกลิ่นไอสุคนธรสที่อบอวลทั่วทั้งเรือนพักจนหมดสิ้น สุ้มเสียงปริ่มสุขของเสี่ยวฮั่วก็ดังขึ้นมา
เซียถงส่งเสียงตอบรับไปคำหนึ่ง ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา นางวิ่งเต้นไม่หยุดบนหุบเขาจันทรานั่น ยามนี้นางเองก็อ่อนล้าอ่อนเพลียไม่น้อยเช่นกัน เมื่อหันไปเห็นอิ๋งเอ๋อร์ที่ยังหลับอยู่ท่าเดิมไม่ตื่น จึงมิได้สนใจอะไรและปีนขึ้นเตียงเข้านอนทันที
วันรุ่งขึ้น พอตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว หลังเดินทางออกจากเรือนพักไป นางก็เห็นอิ๋งเอ๋อร์เดินปั้นหน้ามุ่ยมาแต่ไกล ตรงเข้ามาจับแขนเซียถงแน่น กล่าวน้ำเสียงโกรธเคืองอย่างยิ่งว่า
“คุณหนู ฮูหยินรองเฉิงเอาเห็ดหลินจือมรกตที่ราชาหมาป่าสวรรค์ส่งมอบให้ตั้งแต่เช้าไปแล้ว!”
“เห็ดหลินจือมรกตถูกฮูหยินเฉิงเอาไปแล้ว?”
เซียถงยิงคำถามหนึ่งประโยคใส่อิ๋งเอ๋อร์ สายตาหรี่แคบเสียดประกายเย็นยะเยือก
“ตอนเช้า ข้าเพิ่งได้รับเห็ดหลินจือมรกตที่ราชาหมาป่าสวรรค์ส่งมาให้ ขณะที่กำลังนำกล่องเห็ดหลินจือมรกตกลับมาให้คุณหนู กลับถูกนายท่านเข้ามาขวางทาง และกระชากกล่องไปจากมือข้า โดยกล่าวว่า อาการบาดเจ็บของฮูหยินรองเฉิงค่อนข้างสาหัสสากรรจ์ จึงจำเป็นต้องใช้เห็ดหลินจือมรกตชิ้นนี้เพื่อรักษานางก่อน แต่ข้าว่า…นี่มันไม่ยุติธรรมเสียเลย! คุณหนูอุตส่าห์ทุ่มแรงกายแรงใจสุดชีวิตเพื่อให้ได้มันมา แต่แล้วจู่ๆ ก็ถูกยกให้แก่ฮูหยินรองเฉิงไปง่ายๆ เช่นนี้!”
สิ้นเสียงกล่าวจบ ดวงตาคู่นั้นของอิ๋งเอ๋อร์เห่อร้อนแดงก่ำคล้ายกำลังจะร้องไห้ออกมา นางเป็นเพียงคนเดียวที่ทราบดีที่สุดว่า เซียถงพยายามมากขนาดไหนกว่าจะได้เห็ดหลินจือมรกตมาครอบครอง
“เช่นนั้นก็ไปฆ่ามันกันเถอะ”
เซียถงย่างสามขุมก้าวพ้นประตูออกไป ขณะที่กำลังจะเดินตรงเข้าไปในเรือนพักของฮูหยินเฉิง ทันใดนั้น นางก็ถูกชายหนุ่มในชุดคลุมหรูหราเดินเข้าขวางหน้า พอเงยหน้ามองก็พบว่าเป็นเย่หลีเทียน และเซี่ยอี้เฉินที่ก้มหน้าก้มตาติดสอยห้อยตามมาด้วยท่าทีเศร้าสร้อย
“คุณหนูเซีย ได้รับเห็ดหลินจือมรกตแล้วกระมัง?”
เย่หลีเทียนส่งยิ้มสีจางมอบให้แก่เซียถง ทว่าสายตาเรียวยาวมากเล่ห์กล กลับจ้องเขม็งส่อแววรังเกียจเจือผสม
“หาใช่หน้าที่ของอัครมหาเสนาบดีเย่ที่ต้องมากังวลแทน”
เซียถงทอแสงประกายเย็นเยียบสวนตอบกลับไป แต่ใจหนึ่งพลันปรากฏความสงสัยผุดขึ้นมา ไฉนข้าถึงรู้สึกว่า สายตาของมันผู้นี้ถึงคล้ายคลึงกับชายสวมหน้ากากปริศนาเมื่อคืนนักแล…
“ฮ่าฮ่า ข้ารู้สึกซาบซึ้งอย่างยิ่งในความพยายามของคุณหนูเซีย ฟังว่าเจ้าทุ่มทั้งแรงกายแรงใจเพื่อให้ได้เห็ดหลินจือมรกตมารักษาท่านแม่? พอรู้เช่นนั้น ข้าจึงรีบไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทเพื่อรายงานเรื่องนี้ให้ทรงทราบ แม้กระทั่งฝ่าบาทเองก็พอพระทัย รู้สึกชื่นชมในความกตัญญูของเจ้า ก็เลยบัญชาให้ส่งมอบเห็ดหลินจือมรกตชิ้นนี้แก่ท่านแม่ของเจ้าโดยตรง”
เย่หลีเทียนยิ้ม
“แล้วไฉนเห็ดหลินจือมรกตชิ้นนี้ถึงตกไปอยู่ในมือของฮูหยินเฉิงแทนที่จะเป็นท่านแม่ของข้า?”
เซียถงเลิกคิ้ว เอ่ยถามเย่หลีเทียนสวนกลับไป
“แม้ฮูหยินเฉิงจะมีสถานะเป็นภรรยารอง แต่อย่างไร นางก็ได้ชื่อว่า เป็นท่านแม่อีกคนหนึ่งของเจ้า ฉะนั้นแล้วก็หาใช่เรื่องผิดแปลกอันใดจริงหรือไม่?”
เย่หลีเทียนหัวเราะคิกคักเสียงเบา