ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 500 วิถีหนึ่งสวรรค์ (2)
ตอนที่500 วิถีหนึ่งสวรรค์ (2)
ตอนที่500 วิถีหนึ่งสวรรค์ (2)
ที่ตรงนี้ขาวโพลนไปด้วยหิมะ ไม่มีแม้กระทั่งเส้นทางให้เหยียบย่างเดินไปได้ ยิ่งขึ้นสูงขึ้นเรื่อยๆ บรรดาต้นไม้พฤกษานานาพันธุ์ก็ยิ่งน้อยลง บนยอดเขาแห่งนี้จะมีก็เพียงทุ่งโล่งเคียงประดับพุ่มไม้เตี้ย
หลังจากเดินทางได้ประมาณอีกครึ่งวัน เลี้ยวผ่านหัวมุมขอบผาผ่านพ้นไปได้ ก็ต้องพบกับเส้นทางเบื้องหน้าที่โดนบีบจากผายักษ์ขนาบสองข้างเหลือแค่ช่องทางเดินแคบๆ ให้ไปได้เท่านั้น และช่องว่างระหว่างผาทั้งสองลูกก็ทั้งเล็กทั้งแคบ ถึงแม้เรือนร่างเพรียวบางของเซียถงจะสามารถผ่านไปได้ ทว่าไป๋ปี้กลับไม่มีปัญญา ถึงจะพยายามกลั้นใจเก็บพุงกลมป่องของมันเพียงใด แต่สุดท้ายร่างของมันก็ติดหนึบอยู่กับผายักษ์ขนาบสองข้างอย่างอึดอัดสิ้นหวัง ไม่เหลือเนื้อที่ให้ขยับเขยื้อนใดๆ ได้อีก
หากให้เปรียบกับสถานที่นี้ เสมือนหินผาขนาดมหึมาที่โดนมีดยักษ์ผ่าครึ่ง ความกว้างแคบเกินว่าจะฝ่าไปได้
ไป๋ปี๋หยุดทุกการเคลื่อนไหวเนื่องจากร่างตัวเองไม่สามารถลอดช่องไปได้ต่อ
เซียถงที่ตามมาติดๆ เป็นคนที่สอง แลเห็นร่างอ้วนกลมคับแน่นระหว่างซอกหินผา ท่าทีดิ้นรนแปลกตา
“มีอะไรงั้นรึ?”
เย่หลีเทียนที่ตามติดอยู่ท้ายหลังสุด เปล่งเสียงดังเอ่ยถามออกมา
“พุงของมันติด”
ไป๋ปี้พยายามเกร็ง
หน้าท้องแขม่วพุงให้เก็บกลับ เพื่อจะดันร่างตัวเองให้เดินหน้าต่อไป
ชโงกศีรษะแลเห็นดังนั้น เย่หลีเทียนก็เอื้อมมือชักกระบี่เหน็บข้างเอวขึ้นมาทันใด เซียถงชำเลืองเห็นดังนั้นก็รีบโน้มตัวเข้าวิถีกระบี่ในมืออีกฝ่ายทันที และเอ่ยขึ้นว่า
“เจ้ากำลังทำบ้าอันใด?”
“ก็ตัดหน้าท้องมันไปซะ จะได้สิ้นเรื่องสิ้นราว!”
วาจาประโยคนี้ของเย่หลีเทียน ทำเอาไป๋ปี้ตัวสั่นเทิ่มไม่หยุด
เซียถงเร่งกล่าวค้านทันที
“แล้วจากนี้จะไปยังไงต่อ? ใครจะนำเจ้าขึ้นยอดเขาได้อีก?”
“ก็นี่แหละถึงยอดเขาแล้ว! ตามตำนานกล่าวขานเอาไว้ว่า การจะเดินทางไปสู่หุบเขาคุนหลุนได้ จำเป็นจะต้องผ่านสถานที่ที่เรียกกว่า วิถีหนึ่งสวรรค์ จุดสังเกตก็ง่ายมาก เจ้าเห็นหินผามหึมาที่ขนาบซ้ายขวาหรือไม่? เห็นได้ชัดว่ามันกำลังบีบเราให้เดินในเส้นทางสายเดียว!”
ขณะกล่าวอธิบาย เย่หลีเทียนก็เองยหน้าชี้ไปที่หินผามหึมาทั้งสองที่บดบังอยู่ทั้งซ้ายและขวา กล่าวคือมีเพียงช่องว่างทางแคบเล็กๆ สายนี้เท่านั้นที่จะนำพาพวกเขาไปสู่จุดหมายเบื้องหน้าได้ หากสถานที่แห่งนี้ยังหาใช่ วิถีหนึ่งสวรรค์ เกรงว่าคงไม่มีแห่งหนใดที่มีลักษณ์ทางภูมิศาสตร์ที่เหมาะสมไปกว่าที่นี่อีกแล้ว!
ตราบใดที่พ้นผ่านสถานที่แห่งนี้ไปได้ บัญชาสี่พิภพก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว ทว่าน่าอัปยศยิ่งนักที่ดันเจอปัญหาไร้สาระไม่เข้าเรื่อง อย่างเช่น ปัญหาเรื่องไป๋ปี้พุงติดจนไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้! ชั่วพริบตานั้นเอง พลันบังเกิดรัศมีจิตสังหารนหอบใหญ่ปะทุขึ้นในกายของเย่หลีเทียน
เซียถงรีบยกสองมือดันร่างอ้วนคุของไป๋ปี้ให้ไปต่อ พยายามออกแรงผลักมันให้พ้นผ่านเดินทางต่อไปได้ เพราะมีเพียงหนทางนี้เท่านั้นที่จะสามารถช่วยชีวิตอันน่าสงสารของมันไปได้
แต่ในขณะเดียวกัน พลันมีเสียงดังหึ่งๆ อยู่เหนือศีรษะของพวกเขา และทันทีที่เงยหน้ามองก็พบเพียงเงาดำกว้างไพศาลแผ่กระจายอยู่กลางอากาศเสมือนเมฆาสีทมิฬ
“ผึ้งเหล็กพิษ? รีบหนีเร็ว!”
เย่หลีเทียนสีหน้าแปรเปลี่ยนถอดสีฉับพลัน เร่งกระตุ้นให้เซียถงรีบเดินหน้าต่อไปโดยเร็ว แต่จะอย่างไรกลับไม่สามาถ เนื่องจากมีร่างอ้วนคุของไป๋ปี้ขวางกั้นเอาไว้อยู่ ดังนั้นหนทางเดียวของพวกเขาในตอนนี้คือ ถอยหลับไป!
แม้เขาจะไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่นัก แต่กลับช่วยไม่ได้แล้ว!
แทบจะในทันที เย่หลีเทียนคว้าข้อมือของเซียถงและลากนางย้อนกลับด้านหลังไป
เซียถงโดนอีกฝ่ายกระชากข้อมือซ้ายอย่างแรง ถูกอีกฝ่ายลากไปทั้งแบบนั้น ทว่าชั่วอึดใจนั้นเอง จู่ๆ ไป๋ปี้ก็เอื้อมอุ้งเท้าหน้าข้างหนึ่งดึงมือขวาของนางเอาไว้ ร่างอ้วนป๋องสีขาวดำส่งสายตาอ้อนวอนแก่นาง ราวกับกำลังยื้อมิให้นางทิ้งมันไปไหน
และทันใดนั้นเอง เซียถงพลันสังเกตเห็นเงาแสงสีเงินสาดระยับพุ่งเข้ามาสายหนึ่งจากด้านข้างผ่านหางตาหนึ่งปราด ควบคู่ไปกับกระแสลมพัดตลบหนึ่งที่ชักพานำมาด้วย ก่อนที่นางจะมีปฏิกิริยาตอบสนองเสียด้วยซ้ำ คมกระบี่เล่มหนึ่งพุ่งเฉียดแก้มของนางเสียบแทงโจมตีใส่ไป๋ปี้เกือบจะในทันใด เย่หลีเทียนใจเหี้ยมอำมหิตลงมือฆ่าไป๋ปี้อย่างไร้ความเมตตา
ธารเลือดร้อนฉ่าสีแดงฉานสาดกระเซ็นเปรอะเปื้อนใบหน้าของเซียถงไปครึ่งซีก
เซียถงตื่นนตระหนกหนัก หันหน้าไปมองไป๋ปี้เร็วจี๋ พบว่ามีคมกระบี่เล่มยาวเสียบทะลุเบ้าตาสีดำของมันข้างหนึ่ง
แทบจะทันควัน ไป๋ปี้กรีดร้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดสุดพรรณนา ระดับเสียงของมันดังเสียจนหินผามหึมาขนาบสองด้านสั่นกระเพื่อมรุนแรงจนเกิดเป็นเสียงสะท้อนอักโข แสบสันสะเทือนไปถึงแก้วหู
เสียงสะท้อนของมันยิ่งกึกก้องรุนแรงหนักขึ้นเรื่อยๆ
“ปล่อยมือจากนางเสีย!”
เย่หลีเทียนแผดเสียงคำรามใส่ไป๋ปี้ แต่กระนั้น มันก็ยังกุมจับมือขวาของเซียถงเอาไว้แน่นราวกับต่อให้ต้องตายก็ไม่มีวันปล่อย เห็นทีเขาจำเป็นต้องฆ่าไป๋ปี้ตนนี้แล้วจริงๆ
ฝูงผึ้งบินหึ่งอยู่เหนือศีรษะสะทกสะท้านกับเสียงสะท้อนของไป๋ปี้อยู่แวบหนึ่ง ก่อนจะชูเหล็กในแหลม ดิ่งพุ่งลงมาโจมตีพวกเขาราวกับคมหอกทวนที่แสนคมกริบ
เย่หลีเทียนมองย้อนกลับไปทางด้านหลังที่จากมา อึดใจนั้นเอง เขาต้องตื่นตกใจหนักเมื่อเห็นว่า หินผามหึมาทั้งสองด้านดูเหมือนกำลังเคลื่อนไหวอยู่ มันทำหน้าที่คล้ายกำแพงขนาบข้างที่ค่อยๆ บีบตัวเข้าหากันอย่างช้าๆ เส้นทางสายกลางที่พวกเขายืนอยู่ในขณะนี้ยิ่งโดนบีบจนแคบหนักกว่าเดิม
หากพวกเขายังไม่รีบออกไปเสียบัดนี้ เกรงว่าเตรียมโดนบดขยี้แหลกเละเป็นเนื้อบดอยู่ในนี้ได้เลย!
“ไป! ไปเร็ว!!”
เย่หลีเทียนแผดคำรามสุดเสียง รีบชักกระบี่ถอดถอนออกจากเบ้าตาของไป๋ปี้โดยไว เหวี่ยงคมสะบัดสะบั้นฝูงผึ้งเหนือศีรษะเหล่านั้นมิให้พุ่งเข้ามาทำร้าย
และในสถานการณ์วิกฤตระหว่างความเป็นความตายนี้เอง เซียถงฉวยโอกาสซุ่มเลื่อนมีดสั้นใต้แขนเสื่อกระชับเข้าบนฝ่ามืออย่างลับๆ ใช้ประโยชน์ทีเผลอจากตอนที่เย่หลีเทียนกำลังมุ่งสมาธิกวัดแกว่งคมกระบี่ป้องกันฝูงผึ้งอยู่นั้น ลอบโจมตีดุจสายฟ้า แทงมีดสั้นเสียบกลางแผ่นอกของเย่หลีเทียนอย่างจัง!
ชั่วพริบตาขณะ คมมีดของเซียถงเจาะทะลุถึงชั้นกล้ามเนื้อมัดหนา
นัยน์ตาคู่นั้นเคลื่อนไสวเลื่อนมองมาที่ใบหน้าของเซียถงในทันใด เย่หลีเทียนไม่อยากจะเชื่อเลยว่า นางจะกล้าทำเช่นนี้กับเขาจริงๆ คมมีดในมือเซียถงสอดเสียบเข้ากลางอกของนางโดยปราศจากความเมตตาปรานีใดๆ ทั้งนี้นางยังพยายามออกแรงดันคมมีดให้เคลื่อนเข้าลึกยิ่งขึ้นและยิ่งขึ้น หวังจะตัดขั้วหัวใจกันให้ตายไปข้าง
หากพินิจพิจารณาจากตำแหน่งการแทงแล้ว กล่าวได้ว่า เซียถงโหดเหี้ยมเลือดเย็นอย่างแท้จริง เพราะนางตั้งใจจะเสียบทะลุขั้วหัวใจเย่หลีเทียนให้สิ้นใจตายห่าไปเสียจบๆ!
ระหว่างทางหลังผ่านเหตุการณ์ที่ไป๋หลี่หานผลัดตกลงไปในถ้ำหมื่นอสรพิษ เซียถงก็ดูเหมือนจะสงบลงมากแล้ว แต่ที่ไหนได้…นางรอโอกาสเหมาะสมเพื่อลอบกัดเขามาโดยตลอด!
เย่หลีเทียนยกมือขึ้นทาบอยู่บนแผ่นอก สายตาสะดุดมองนางไม่คลายอ่อน
“ทะ-ทำไมกัน?”
เขาไม่เคยกลัวตาย เพียงอยากรู้ว่าทำไม? ทำไมถึงต้องทำแบบนี้กับเขาด้วย? นางหรือจะไม่มีความรู้สึกดีๆ ต่อเขาบ้างเลยแม้สักเสษส่วนเดียว? หรือเป็นเพราะว่านางตกหลุมรักไป๋หลี่หานเข้าให้แล้วจริงๆ? จึงพยายามเสาะหาทุกโอกาสเกือบลอบฆ่าเขาเพื่อแก้แค้นให้กับไป๋หลี่หาน?
สายตาที่เซียถงจับจ้องมองมา มีแต่ความเย็นชาอาฆาตอยู่เปี่ยมล้น ทันใดนั้น นางเร่งถอยหลังหันจากเขาไป
“ไปเร็ว!”
เซียถงเปล่งเสียตะโกนลั่น ชั่วขณะนั้นเย่หลีเทียนยังไม่เข้าใจว่า นางกำลังหมายความว่าอันใด ผ่านไปอึดใจหนึ่งถึงเพิ่งตระหนักได้ นางหันกลับไปช่วยไป๋ปี้ออกแรงพยายามดันร่างอ้วนคุของมันให้ผ่านที่แคบแห่งนี้ไปให้จงได้ และด้วยความมุ่งมานะของหนึ่งคนกับอีกหนึ่งตัว ในที่สุดทั้งคู่ก๋สามารถฝ่าออกไปได้สำเร็จจริงๆ
อย่างไรก็ตาม ชั่วขณะนั้นที่เซียถงกำลังจะวิ่งหนีผ่านเส้นทางแคบนี้ไป หางตาก็พลันเหลือบไปเห็นเย่หลีเทียนที่กำลังยืนพิงอยู่ข้างกำแพงหินผา แผ่นอกชุ่มชโลมไปด้วยธารเลือด คล้ายสัมผัสได้ถึงฝีเท้าของนางที่พลักชะงักหยุดลงเล็กน้อย หลิวซูที่หายไปนานก็เปล่งเสียงตะคอกใส่นางขึ้นลั่น
“วิ่งไปต่อ! กำแพงหินผากำลังบีบตัวเข้ามาแล้ว! หากยังไม่รีบหนีไปเสียแต่ตอนนี้ เจ้าจะไม่มีโอกาสรอดอีกแล้ว!!”
ก่อนที่กำแพงหินผามหึมานสองด้านจะปิดตัวลงสนิท หากไม่รีบฉกชิงโอกาสหนีไปเสีย เกรงว่าร่างกายอาจโดนกำแพงผาเหล่านี้บดขยี้จนเละ!