ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 506 หล่อหลอมดวงไฟ (2)
ตอนที่506 หล่อหลอมดวงไฟ (2)
ตอนที่506 หล่อหลอมดวงไฟ (2)
“เจ้าได้ยินไม่ผิด! นั่นคือเสี่ยวฮั่วแน่นอน! แต่อย่างไร ร่างวิญญาณของมันกลับไม่สมบูรณ์”
หลิวซูทอดมองไปยังดวงไฟสีม่วงมหึมาเบื้องหน้า และกล่าวอีกว่า
“หากเจ้าลองใช้เพลิงพิภพเก้าดุษณีหล่อหลอมดวงไฟสีม่วงนี้ บางทีอาจจะช่วยกู้สภาพของมันให้ฟื้นกลับเป็นดังเดิมได้”
เซียถงไม่พิรี้พิไรเอ่ยกล่าวให้มากความอีกต่อไป หนึ่งความคิดจิตขยับวูบ ก็ปรากฏทะเลเพลิงสีมองอร่ามกว้างไพศาลขึ้นในห้วงความคิดในทันที ห้อมล้อมดวงไฟสีม่วงมหึมาจากทุกทิศทุกทาง
ในชั่วพริบตาต่อมา พะเพลิงเหล่านั้นได้จำแลงกายเป็นมังกรดุษณีสีทองคำทั้งเก้าตนลุกโชติช่วงเกรี้ยวกราด ทั้งหมดมุ่งเป้าตรงไปยังดวงไฟสีม่วงโดยพร้อมเพรียง
และในทันใด พวกมันทั้งหมดก็เจาะทะลุเข้าไปในนั้น เก้ามังกรขดร่างห่อหุ้มร่างทารกเอาไว้ ส่งเพลิงพลาญเข้าหล่อหลอมต่อเนื่อง
หางตาเซียถงกระตุกแรงอยู่สองสามครา นางเอ่ยขึ้นเจือน้ำเสียงฉงนปนลังเล
“เจ้าแน่ใจรึว่า พลังไฟนี้จะไม่ฆ่าเสี่ยวฮั่ว?”
นางไม่ค่อยอยากจะเชื่อคำพูดของหลิวซูเท่าไหร่นัก พินิจได้จากเหตุการณ์ต่างๆที่เคยผ่านมา
หลิวซูกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ กล่าวตอบสีหน้าเอาจริงเอาจัง
“ไม่น่าจะเป็นอะไร! อย่างไร มันก็ชื่อเสี่ยวฮั่ว ‘ฮั่ว’ที่แปลว่าไฟ! ธาตุไฟเหมือนกันไม่น่าจะพิฆาตต่อกัน เจ้าสบายใจเถอะ!”
เซียถงหันขวับเหลือบมองหลิวซูแทบไม่ทัน ไฉนนางถึงรู้สึกว่า คำอธิบายนี้ของหลิวซูมันฟังดูไร้เหตุผลแปลกๆ
หลิวซูมิอาจทานทนต่อรัศมีหนักอึ้งจากสายตาจับผิดที่มุ่งมองมา ถึงขนาดก้าวถอยหลังออกไปหลายก้าว พยายามจะรักษาระยะห่างเซียถงเอาไว้ เพื่อความปลอดภัยของตัวเองประมาณหนึ่ง กล่าวให้ถูกก็คือ มันทาน้ำมันฉาบฝ่าเท้าเตรียมหนีไว้แล้ว
นี่คือห้วงความคิดของเซียถง และทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในนี้ล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของนางเบ็ดเสร็จ แล้วมีหรือตอนจังหวะที่หลิวซูแอบย่องก้าวถอยออกไป นางจะไม่ทราบ? เสี้ยวแวบต่อมา นางถึงกับของขึ้นเดือดดาลจัด สะบัดมือขึ้นโบกเพียงทีเดียว ร่างของหลิวซูเสมือนโดนแรงดูดมหาศาล โดนกระชากกลับมาอย่างรวดเร็ว ทั้งยังโดนกระชากผมคว้าเอาไว้ก้อนใหญ่ เซียถงปรายหางตาแลมองอย่างเย็นชา กล่าวขู่ไปว่า
“หากเกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวฮั่วจริงๆ เจ้าเตรียมตัวหัวโล้นได้เลย!”
“ดะ-เดี๋ยว! เดี๋ยวก่อน!”
หลิวซูรนจัดจนเอ่ยกล่าวน้ำเสียงติดขัดไปหมด พยายามเร่งกล่าวแก้ตัวต่อว่า
“ข้ามีเพลิงพิภพเก้าดุษณีที่ไหน? เมื่อครู่ก็แค่แนะนำเท่านั้น! แล้วคนที่อัดฉีดเพลิงเข้าไปเป็นข้าที่ไหน?”
“นี่เจ้า…”
หลิวซูยืนคงยืนกรานกล่าวต่ออย่างร้อนรน
“ข้าแค่บอกให้ลองเท่านั้น! ส่วนจะทำจริงหรือไม่กลับเป็นสิทธิ์ของเจ้า ดังนั้นข้าไม่ผิด… โอ๊ยย!! อย่าดึง! อย่าดึงผมข้า…”
ท่ามกลางช่วงวิกฤตเป็นตายของหลิวซู เส้นผมของมันแทบจะโดนเซียถงกระชากจนฉีกขาดออกจากกันแล้ว ด้วยความทนไม่ไหว มันจึงเปล่งเสียงร้องลั่นตะโกนขึ้นว่า
“ไอ้บัดซบเสี่ยวฮั่ว! เลิกเสแสร้งทำเป็นหลับได้แล้ว! ข้าจะตายอยู่แล้วไม่เห็นรึ?!!”
แทบจะในทันที พลันมีสุ้มเสียงหัวเราะดังกระหึ่มออกมาดั่งระฆังเงินตีกังวาน เหล่านั้นล้วนเปล่งออกมาจากภายในดวงไฟสีม่วงมหึมาตรงหน้า
“ฮ่าฮ่า ก็เจ้ามักจะชอบกลั่นแกล้งรังแกข้า บางครั้นบางที ควรปล่อยให้นายท่านสั่งสอนบ้างสักบทเรียนคงจะดีกว่า!”
นั้นเป็นสุ้มเสียงของเสี่ยวฮั่ว
เซียถงคลายมือจากผมของหลิวซูทันที และหันไปหาดวงไฟสีม่วงมหึมานั่น
“เสี่ยวฮั่ว? นั่นเจ้ารึเปล่า?”
“ใช่แล้ว นายท่าน! ข้าเอง! ข้ากลับมาแล้ว!”
น้ำเสียงของเสี่ยวฮั่วยามนี้ฟังดูมีน้ำหนักทรงพลังขึ้นหลายส่วน
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่? แล้วไฉนตอนนั้นจู่ๆก็หายตัวไป เจ้าเป็นอะไร…”
มีหลากหลายคำถามนับไม่ถ้วนอัดแน่นอยู่ภายในใจ แต่นางมิทราบควรจะเรียงลำดับจากคำถามไหนก่อนดี สักครู่หนึ่งแลเห็นว่า เพลิงพิภพเก้าดุษณียังคงแผดพลาญร่างของเสี่ยวฮั่วไม่หยุดหย่อน ลำดับแรก เซียถงจึงคิดจะถอดถอนจ้าเพลิงนี้ออกมาก่อน หลังจากนั้นค่อยว่ากัน อย่างไรเสีย ทันทีที่เพลิงพิภพเก้าดุษณีกำลังจะถูกดึงถอนกลับออกมา เสี่ยวฮั่วก็รีบโพล่งหยุดเอาไว้ทันที
“นายท่าน อย่า!”
“ทำไมรึ?”
หลิวซูเห็นดังนั้นจึงตรงเข้าใกล้ มือไม้ทั้งสองข้างยังคอยประคบประหงมเส้นผมสีเงินประกายของตนด้วยความรักใคร่ อาสากล่าวเสริมขึ้นแทนว่า
“หากถอดถอนเพลิงพิภพเก้าดุษณีออกไป มันจะกลับสู่สภาพทารกจำศีลอีกครั้ง ดูเหมือนว่า ร่างวิญญาณของมันจะไม่สมบูรณ์ น่าจะได้รับความเสียหายค่อนข้างรุนแรง จะมีก็เพียงคุณสมบัติอันมหัศจรรย์ของเพลิงพิภพเก้าดุษณีของเจ้าเท่านั้น ที่สามารถชดเชยชิ้นส่วนร่างวิญญาณที่ไม่สมบูรณ์ของมันและสื่อสารกับเราเช่นนี้ได้”
สิ้นเสียงกล่าวจบ หลิวซูจ้องหน้าเซียถงด้วยความหงุดหงิดปนน้อยใจเล็กๆ ก็เห็นได้ชัดแล้วว่า เพราะคำแนะนำของมันจึงทำให้เสี่ยวฮั่วฟื้นขึ้นมาพูดคุยสื่อสารกับนางได้ แต่ไยนางถึงยังกลั่นแกล้งกระชากผมของมันอยู่อีก? นี่มันไม่ยุติธรรม!
ยิ่งไปกว่านั้น…พอเสี่ยวฮั่วฟื้นตัวขึ้นมา กลับโยนมันทิ้งไม่ไยดีเลย!
เสี่ยวฮั่วคล้ายจะรู้ว่า หลิวซูกำลังน้อยใจ มันอดขันกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่ ระเบิดเสียงขำขันลั่นและกล่าวว่า
“ฮ่าฮ่าฮ่า! นายท่าน หลิวซูกำลังน้อยใจอยู่!”
เซียถงได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะคิกคักออกมาเช่นกัน ทันใดนั้น เรียวมือของนางก็เอื้อมออกไปวางลงบนหัวหลิวซูอย่างแผ่วเบา ค่อยๆลูบไล้เส้นผมสีเงินประกายระยิบระยับของมันด้วยความเอ็นดู
ด้วยความอาย หลิวซูอยากจะหลีกหนีหลบออกจากมือข้างนี้ แต่อย่างไร ที่นี่คือห้วงความคิดของเซียถง ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ณ สถานที่แห่งนี้ล้วนเป็นไปตามประสงค์ของนางทั้งสิ้น และต่อให้หลิวซูพยายามจะเลี่ยงหนีออกไปอย่างไรก็เปล่าประโยชน์
หลิวซูก้มศีรษะจับจ่ออยู่กับพื้น ยืนหน้าแดงอยู่ข้างเซียถงแบบนั้น โดยปกติแล้ว หากเป็นคนอื่นที่มากระชากเส้นผมยาวสลวยอันเป็นที่รักของตัวเองเช่นนี้ มันคงเกลียดคนผู้นั้นเข้าไส้ และถึงแม้เซียถงจะเคยทั้งขยี้ทั้งขย้ำหัวของมันจนยุ่งเหยิงไปหมด แน่นอนว่า ย่อมเกิดรู้สึกไม่ชอบใจเป็นธรรมดา แต่ลึกๆแล้ว มันเองก็มิได้รู้สึกเกลียดนางเช่นกัน
ตลอดที่ผ่านมา มันแค่พยายามรักษาหน้าเอาไว้เท่านั้น แสร้งทำเป็นดึงหน้าขึงขังไม่รู้สึกหวั่นไหวใดๆทั้งสิ้น
ยิ่งได้เห็นมันตอนนี้ปั้นหน้าดุดัน ทั้งที่ถูกเซียถงลูบหัวเล่นอย่างรักใคร่อยู่ ภาพฉากนี้ดูเหมือนกับแม่ลูกที่กำลังง้องอนกันก็มิปาน
เสี่ยวฮั่วกลั้นยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า
“ร่างวิญญาณของข้ายังไม่สมบูรณ์ดี แถมความทรงจำก็ยังปั่นปวนตีกันไปหมดในหัว แต่โชคดีจริงๆที่ได้พานพบกับท่านในตอนนั้น”
เมื่อได้ยินเสี่ยวฮั่วที่จู่ๆก็เปิดประเด็นกล่าวถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เซียถงก็หันหน้ากลับมา สีหน้าการแสดงออกดูกังวลอยู่หลายส่วน
“เสี่ยวฮั่ว เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ไฉนร่างวิญญาณของเจ้าถึงไม่สมบูรณ์จนกลายมาเป็นแบบนี้?”
“ควรจะเกิดจากศึกสัประยุทธ์ดุเดือดสักคราหนึ่งกระมัง? ส่งผลให้ร่างวิญญาณของมันเกิดความเสียหนักสาหัส แต่หากเป็นเช่นนั้นจริง แสดงว่าตัวมันเองก็น่าจะมีกายเนื้อของจริงอยู่”
หลิวซูสันนิษฐานคาดเดา
เสี่ยวฮั่วกล่าวเสริมขึ้นโดยไว
“ใช่แล้ว! ถึงจะยังจำไม่ได้ว่าทำไม แต่เหตุผลที่ทำให้ข้ารู้สึกว่าพลังวิญญาณตนเองขาดหายตลอดเวลา เพราะบางที พลังวิญญาณอีกครึ่งหนึ่งอาจจะตกหล่นอยู่บนหุบเขาคุนหลุนแห่งนี้!”
เซียถงเริ่มปะติดปะต่อได้ทีละเล็กละน้อย แสดงว่าดวงไฟสีม่วงที่พวกไป๋หลี่หานไล่ตามตอนนี้ ก่อนที่จะเข้าสิงสู่อยู่ในร่างกายของนาง ก็คือเศษร่างวิญญาณของเสี่ยวฮั่วส่วนหนึ่งที่ได้รับความเสียหายมาอยู่แล้ว? แต่ประเด็นที่น่าสนใจคือ ก่อนหน้านั้นมันเกิดอะไรขึ้น? ต้องเป็นศึกสัประยุทธ์ชนิดใดกันถึงสามารถทำให้เสี่ยวฮั่วได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้?
จะอย่างไร คำถามในตอนนี้คือ แล้วนางจะไปตามหาชิ้นส่วนร่างวิญญาณของเสี่ยวฮั่วที่เหลือจากที่ไหน? แล้วส่วนที่เหลือดังกล่าว มันยังแตกแขนงออกเป็นอีกกี่ชิ้น? หนึ่งชิ้น? สองชิ้น? หรืออาจมากกว่านั้น?
แล้วจะรวบรวมมันยังไงล่ะ? เพราะก่อนหน้าไม่นาน เซียถงก็เพื่อเจอดวงไฟสีม่วงเหมือนกันอีกดวงหนึ่ง แต่ยังไม่ทันไล่จับ มันก็บินหนีออกไปด้วยความเร็วสูงมาก
ในขณะที่เซียถงกำลังระดมสมองใช้ความคิดอยู่กับตัวเอง ทันใดนั้นห้วงความคิดของนางทั้งแผ่นผืนพลันเกิดสั่นไหวรุนแรง ด้วยความตื่นตระหนกตกใจ นางรีบลืมตาตื่นเอ่ยอุทานขึ้นทันที
“เกิดอะไรขึ้นอีก?”
เพราะเห็นได้ชัดเจน ณ ปัจจุบัน อารมณ์ความรู้สึกของนางค่อนข้างนิ่งสงบปราณจากความแปรปรวนใดๆ แล้วไยถึงเกิดปรากฏการณ์เช่นนี้ขึ้นในห้วงความคิดของนาง?
สีหน้าการแสดงออกของหลิวซูแปรเปลี่ยนไปตาม มันรีบกล่าวขึ้นว่า
“ไม่ดีแล้ว! รีบออกไปข้างนอกเถอะ!”
ทันทีที่สิ้นเสียงกล่าวจบ มันก็พาเซียถงออกจากห้วงความคิดไปทันที และเมื่อเซียถงลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าตนเองกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ท่ามกลางวงแหวนพลังแสงสีเงินอันเจิดจรัสอยู่ โดยมีตรงหน้าเป็นไป๋หลี่หานที่กำลังเปิดศึกสัประยุทธ์เดือดกับอะไรสักอย่างอยู่!