ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 509 ชิ้นส่วนดวงไฟสีม่วงที่เหลือ (1)
ตอนที่509 ชิ้นส่วนดวงไฟสีม่วงที่เหลือ (1)
ตอนที่509 ชิ้นส่วนดวงไฟสีม่วงที่เหลือ (1)
เดินขึ้นหน้าอีกสักนิด จะมีบ่อน้ำเย็นจัดอยู่แห่งหนึ่งบนนี้ มันแสงส่องประกายระยิบระยับสวยงาม เซียถงไม่อยากจะเชื่อเลย ที่แห่งนี้จะเป็นสุดสูงสุดบนยอดเขาคุนหลุนแล้วจริงๆ หลังจากพ้นผ่านความยากลำบากมาตั้งมากมาย ในที่สุดนางก็มาถึง!
เซียถงเอนกายนั่งพิงพักอยู่ข้างบ่อน้ำเย็นจัด เหม่อมองผิวน้ำช่างใสพิสุทธิ์และนิ่งสงบไร้ระลอกผวน ประดุจกระจกเงาบานหนึ่งที่กำลังส่องสะท้อนใบหน้าของนาง
สีหน้าการแสดงออกของนางยังคงรักษาดังเดิม แต่ประกายตาความสว่างไสวกลับสดใสและสวยสดกว่าก่อนหน้ามาก สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความสุขที่กำลังรู้สึกอยู่ในขณะนี้
มีอีกหนึ่งคนยืนอยู่ข้างเคียงไม่ห่าง พลางก้มมองเงาตัวเองบนผิวน้ำใส ไป๋หลี่หานส่งยิ้มให้นาง พลางถอดหน้ากากปลดเปลื้อง แล้วถือประคองไว้ในมือ
เซียถงสะดุดมองเข้ากับภาพเงาของไป๋หลี่หานที่ส่องสะท้อนจากผิวน้ำ ทันใดนั้นก็เข้าใจได้ทันควัน บุคคลผู้นี้นี่เองคือที่มาของความสุขในชีวิตของนาง กล่าวว่าเป็นวงล้อแห่งโชคชะตาก็มิผิด มันได้เวียนหมุนให้นางและเขามาประสบพอเจอกัน เป็นความรักที่ถักทอขึ้นจากพรมลิขิต ดั่งสรวงสวรรค์ได้มอบโอกาสที่สองแก่นาง ให้ใช้ไถ่ถอนความผิดพลาดจากชีวิตก่อนหน้า!
ทันใดนั้นเอง เซียถงก็รู้สึกได้ถึงฝ่ามือแผ่นหนาที่เอื้อมเข้าสัมผัส มือคู่นั้นตบไหล่ของนางอย่างแผ่วเบานุ่มนวล
แต่…สักครู่ต่อมา นางพลันตระหนักได้ว่า ภาพฉากเหตุการณ์ตอนนี้กลับผิดปกติอย่างมาก
เพราะเซียถงยังคงเห็นไป๋หลี่หานยืนอยู่ข้างตัวนางจากภาพสะท้อนบนผิวน้ำ มือทั้งสองข้างของเขากำลังไขว้หลังอยู่ แล้วมือคู่นี้ที่กำลังจับไหล่นางเป็นของใคร…
ใครคือเจ้าของมือคู่นี้บนไหล่นาง?
สีหน้าท่าทีของเซียถงแปรเปลี่ยนฉับพลัน เร่งรุดหันศีรษะติดตามต้นขั้วของมือคู่นี้โดยทันที
แต่เซียถงเพิ่งจะได้เคลื่อนไหวเท่านั้น กลับแลเห็นว่าฝ่ามือคู่นั้นกลายมาเป็นกรงเล็บแหลมคมประดุจปีศาจในทันใด สิ่งนั้นเปลี่ยนสภาพกลายเป็นเงาสายหนึ่ง กระโดดพุ่งตัวลงน้ำอย่างรวดเร็ว และกระฉากคว้าร่างของนางลงไปพร้อมกัน
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เร็วมากเสียจนไม่มีใครสามารถตั้งตัวได้ทัน
กระทั่งไป๋หลี่หานผู้ที่ควรจะมีปฏิกิริยาตอบสนองไวที่สุด กว่าจะรู้สึกฟื้นตัวอีกที เซียถงก็โดนลากลงน้ำไปเสียแล้ว แทบจะในทันทีทันใด เขารีบเอื้อมมือเหยียดสุดแขน ทว่ากลับคว้าได้เพียงชายเสื้อแพรพรรณของนางมุมหนึ่งเท่านั้น
เสียงสายน้ำสาดกระจายดัง ‘ซ่า’
เซียถงหายตัวไปในบ่อน้ำเย็นจัดที่ว่าไปแล้ว ในมือของไป๋หลี่หานเหลือทิ้งเพียงแค่เศษมุมเสื้อชิ้นหนึ่ง
“เซียถง!!”
เขาตะโกนลั่นสุดเสียง และขณะที่กำลังจะเร่งกระโดดน้ำลงไปช่วย จู่ๆ ผืนน้ำบ่อนี้พลันเปล่งแสงสว่างจ้าวาบออกมา ฉาบคลุมสรรพสิ่งโดยรอบจนกลายเป็นสีขาวพร่าชั่วขณะหนึ่ง กระทั่งไป๋หลี่หานเองยังไม่สามารถทนมองตรงๆ ได้ไหว สุดท้ายต้องเร่งยกมือขึ้นปิดป้องวิสัย และชั่วอึดใจต่อมา แสงสว่างจรัสฉายเหล่านั้นก็เริ่มอ่อนลง ผิวน้ำในบ่อเหล่านั้นดูผิดแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด มันส่องประกายวิบวับคล้ายกับวัตถุของแข็ง
บ่อน้ำเย็นจัดตรงหน้ากลายเป็นเพชรทั้งแถบ
ไม่ว่าไป๋หลี่หานจะออกแรงกระทืบก็ดี ตบฝ่ามือกระหน่ำโจมตีใส่เสียเท่าไหร่ แต่ผิวน้ำที่แปรสภาพเป็นเพรชไปแล้วนั้นกลับไม่สะเทือนใดๆ!
ในขณะที่ไป๋หลี่หานกำลังมุ่งความสนใจทั้งหมดกับการช่วยเหลือเซียถงขึ้นมา จู่ๆ สัญชาตญาณของเขาพลันตื่นรู้ฉับพลัน สัมผัสได้ถึงคลื่นคมกระบี่วูบหนึ่งพวยพุ่งเข้าใส่ แต่ถึงแบบนั้นกลับช้าเกินไปครึ่งจังหวะเสียแล้ว คลื่นกระบี่สะบัดฟันกลางแผ่นอกของเขาเต็มแรง แม้ร่างกายจะทนทานแข็งแกร่งปราดใด แต่โดนกระบวนโจมตีอันทรงอานุภาพในระยะเท่านี้ ย่อมสร้างความเสียหายไม่น้อยเช่นกัน คลื่นคมกระบี่ฉีกตัดเป็นรอยผ่าขนาดยาวบนแผ่นอกของเขาในพริบตา
ไป๋หลี่หานหรี่ตาเร้นลง งำประกายเย็นชาเพิ่มพูนขึ้นหลายส่วน จับจ้องไปที่บุคคลตรงหน้าที่ลอบโจมตีตน
“เป็นเจ้าเอง!”
เมื่อได้เห็นชายหนุ่มรูปงามอยู่ตรงหน้าเป็นครั้งแรก เค่อฮั่วถึงกับเบิกตาโต ตื่นตะลึงงันไปชั่วครู่หนึ่ง เพราะสิ่งที่เขาเคยรู้มาก็คือ ราชาหมาป่าสวรรค์ในตำนานผู้นั้น อันต่างคนต่างเล่าขานถึงความโหดเหี้ยมและใบหน้าอันอัปลักษณ์น่าเกลียดที่ซ่อนอยู่ใต้หน้ากาก แท้จริงแล้วจะไม่ใช่แบบนั้นเลย! ในส่วนเรื่องความโหดเหี้ยมคล้ายจะจริงแท้ แต่ด้านหน้าตากลับหาใช่แบบนั้นเลยสักนิด! ตลอดทั้งเที่ยวเดินทางที่คอยเฝ้าติดตามเซียถงจนมาที่นี่ เค่อฮั่วเคยคิดอยู่เสมือน เหตุที่เซียถงยอมอภิเษกสมรสกับราชาหมาป่าสวรรค์ผู้นี้อาจเป็นเพราะจนใจไม่มีทางเลือก แต่พอได้เห็นความจริงตรงหน้าเช่นนี้ ปรากฏว่า กลับเป็นนางนั่นแหละที่เต็มใจออกเรือน!
ทีแรกที่เขาเห็นยังแอบสงสัยกับตัวเองเลยว่า นี่ข้าจำคนผิดไปรึเปล่า?
เค่อฮั่วพยายามสูดหายใจเข้าลึกๆ ตั้งสติมิให้เตลิดแตก พึงทราบ ขุมพลังความแข็งแกร่งระหว่างตัวเขากับราชาหมาป่าสวรรค์ผู้นี้มันห่างชั้นต่างระดับเกินไป ถึงจะอยู่ในขอบเขตจักรพรรดิครามฟ้าเหมือนกัน แต่เพียงคำว่า ‘ครึ่งขั้น’ กับ ‘เต็มขั้น’ สิ่งนี้มีช่องว่างที่กว้างใหญ่ไพศาลดุจฟ้าดิน มิอาจหาสิ่งใดเข้าทดแทนได้
ยิ่งไปกว่านั้นคือ อาการบากดเจ็บสาหัสของเค่อฮั่วเองก็หาใช่ว่าจะอยู่ในสภาพดีนัก ตรงกันข้าม บาดแผลฉกรรจ์ทั่วร่างกายยังเลวร้ายลงกว่าเดิมด้วยซ้ำ แต่ไม่ว่าจะยังไง เพื่อช่วยชีวิตน้องชายตัวเอง เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้นและขอสู้จนตัวตายไปข้าง!
สายตาคู่นั้นของเค่อฮั่วทอรังสีสังหารออกมาขุมหนึ่ง ชูคมกระบี่เข้าใส่หน้าไป๋หลี่หานอย่างไร้เมตตาปรานี
“ท่านราชาหมาป่าสวรรค์ โปรดอภัยให้ข้าด้วย!”
ไป๋หลี่หานแลเห็นทีท่าเช่นนั้นก็ปั้นหน้าฉงน หากเป็นคนอื่นยังพอทราบถึงแรงจูงใจที่ต้องการจะฆ่าเขา แต่แล้ว แรงจูงใจของเค่อฮั่วคืออะไรล่ะ?
“ต้องการทำเพื่อองค์จักรพรรดิซีฉินงั้นรึ?”
ไป๋หลี่หานยังคงยืนนิ่งพร้อมสองมือที่ไขว้หลัง แม้เสื้อผ้ากลางอกจะฉีกกระจุยขาดไปแล้ว แต่นี่ก็ยังไม่สามารถลดทอนสง่าราศีของเขาลงได้
เค่อฮั่วตาสว่างวูบวาบปนร่องรอยความลังเลอยู่หนึ่งส่วน กล่าวกันตามสัตย์จริง เขาไม่อยากตั้งตัวเป็นศัตรูกับราชาหมาป่าสวรรค์และเซียถงเลยสักนิด ซึ่งที่น่าอัปยศอดสูไปมากกว่านั้นคือ ในฐานะยอดปรมาจารย์ขอบเขตจักรพรรดิครามฟ้าครึ่งขั้น การที่เมื่อครู่ลอบโจมตีคนอื่นตอนทีเผลอ นับว่าเป็นเรื่องอับอายชั่วชีวิต! แต่เมื่อนึกถึงภาพใบหน้าของเค่อมู่ผู้น้องขึ้นมา เขาก็ทำได้แค่จำใจกัดฟันทนต่อไป ผ่านไปสักครู่จึงเอ่ยขึ้นว่า
“โปรดอภัยที่ทำให้ท่านขุ่นเคือง ข้าไม่มีทางเลือกแล้วอื่นใดจริงๆ! หวังว่าท่านราชาหมาป่าสวรรค์จะเข้าใจ!”
“เจ้าทำไปเพื่ออะไร?”
ไป๋หลี่หานมุ่นคิ้วเอ่ยถามขึ้น
“เพื่อช่วยชีวิตน้องชายข้า!”
เค่อฮั่วกล่าวออกไปตามตตรง เพราะมันไม่มีทางเลือกแล้วนอกจากต้องชี้แจงกับไป๋หลี่หานให้ชัดเจนตั้งแต่แรกเริ่ม มิเช่นนั้นแล้ว สิ่งที่เขาเผชิญพบในภายภาคหน้า อาจน่ากลัวเสียยิ่งกว่าความตายหรือขุมนรกอเวจี พึงทราบ เวลาเซียถงอาฆาตแค้นใครสักคน มันน่ากลัวเพียงใด!
“เจ้าหาชาคู่ต่อสู้ของข้าไม่ ไปซะ ข้าจะไม่ถือโทษเอาความ!”
“หากข้าไม่ลงมือในวันนี้ ชีวิตของน้องข้าในกำมือเย่หลีเทียน…อาจไม่รอด!”
สิ้นเสียงเท่านั้น เค่อฮั่วพุ่งกระบี่เข้าสังหาร อันด้วยคมกระบี่นี้ ควบบรรจุกระแสลมปราณสุดแกร่งกร้าวปริมาณมหาศาลเอาไว้ และมากเพียงพอที่จะผ่าหินผากระทั่งหุบเขาให้เป็นเสี่ยงได้ในพริบตา ดังนั้น หากโดนเข้าไปแม้แต่นิดเดียว อาจสร้างความเสียหายถึงตายได้ไม่ยาก!
แต่ในมุมมองของไป๋หลี่หาน ปราณกระบี่ที่มีภัยอันตรายอยู่เต็มเปี่ยมนี้กลับไม่น่ากลัวแม้สักนิด ทว่าอย่างไร เขาค่อนข้างเป็นกังวลเรื่องความปลอดภัยของเซียถงตอนนี้มากกว่า ขณะที่ครุ่นคิดอยู่นั้น คมกระบี่อันตรายก็ลุถึงหน้าแล้ว เขาไม่คิดแม้แต่จะเลี่ยงหลบใดๆ ปล่อยให้เค่อฮั่วพุ่งใส่เข้ามาทั้งแบบนั้น
แลเห็นเสี้ยวขณะที่คมกระบี่กำลังจะฟันฟาดผ่าลงมา
ทันใดนั้น ก็มีประกายแสงสีเหลืองทองเผยปรากฏขึ้นแทรกกลางระหว่างฟ้าดิน ธารแสงเหล่านี้แผดขยายเข้าฉาบคลุมร่างกายของไป๋หลี่หานเอาไว้ เสมือนได้รับการปกป้องกับเกราะแสงทองคำ
เสียงสะบั้นหักดัง ‘แกร๊ก!’
แสงประกายสีเงินชิ้นหนึ่งปลิวกระเด็น ควงหมุนสว่างระยิบระยับอยู่บนฟ้า!
กระแสลมปราณปริมาณมหาศาลเหล่านั้นอันตรธานหายสิ้นไร้ร่องรอยในทันใด!
เค่อฮั่นยืนแข็งค้างถือกระบี่เล่มนั้นที่แตกครึ่งหักคามือด้วยความเหลือเชื่อ พอกดสายตามองลงมา กลับมีกระบี่เล่มสีทองคำกำลังลุจ่อที่คอหอยของตนแทน!
หนึ่งกระบวนเคลื่อนไหว พลิกสถานการณ์ฉับพลัน!
ไป๋หลี่หานเรียกกระบี่สีทองคำเก็บกลับไป ปล่อยให้เค่อฮั่วยืนแข็งค้างอยู่แบบนั้นพร้อมกระบี่หักในมือ ไม่นานเหงื่อเย็นปริมาณมากก็แตกพลั่กทั่วหน้าผากของเขา ถึงอีกฝ่ายจะเก็บกระบี่ ปรับลดรัศมีแรงกดดันลงไปมากแล้ว แต่ก็ยังหลงเหลือร่องรอยความสะเทือนขวัญฝังใจเค่อฮั่วไม่คลายอ่อนลงเลย
ปลายแหลมของกระบี่สีทองคำเมื่อครู่ เห็นได้ชัดว่ายังไม่โดนเนื้อคอของเขาเลยด้วยซ้ำ ทว่าจู่ๆ ยามนี้ ก็มีธารเลือดสายหนึ่งไหลซิบหยดลงมา หยาดแล้วเล่าตกกระทบสู่พื้น
“ข้าไม่มีเวลามายุ่มย่ามกับเจ้านัก รีบไสหัวไปเสีย แล้วหากว่า ชีวิตของน้องชายเจ้าอยู่ในกำมือของเย่หลีเทียนจริงๆ เกรงปานนี้คงตายไปแล้ว แต่หากว่ายังไม่ ก็รีบกลับตัวเสีย บางทีทุกอย่างอาจยังไม่สายเกินแก้”