ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 51 เห็ดหลินจือมรกต (1)
ตอนที่51 เห็ดหลินจือมรกต (1)
เมื่อได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยกล่าวออกมาเช่นนั้น เซียถงพึงทราบทันทีอยู่แก่ใจว่า เย่หลีเทียนผู้นี้แหละคือคนยุยงให้ฝ่าบาทพระราชทานเห็ดหลินจือมรกตชิ้นนี้ให้แก่คนตระกูลเฉิง ใบหน้าของนางพลันเหลือบไอเยียบเย็นชั่วขณะ สาดสายตาแข็งกระด้างเข้าใส่อีกฝ่าย
ทั้งสองสบสายตาเผชิญหน้ากันระยะเผาขน เปล่งแสงประหลาดวูบวาบ ส่องสะท้อนหลากคลื่นอารมณ์ปะทะกันผ่านดวงตา หลายพันความคิดโฉบแล่นสู่ห้วงสมองของเซียถง หลังจากนั้นเพียงไม่กี่อึดใจ คู่มือที่กำแน่นก็คลายอ่อนอย่างเงียบงัน
นัยน์ตาของนางแปรเปลี่ยนไป ใบหน้าเย็นชาหาที่ใดเปรียบไม่ นางเหลือบหางตามองไปที่เซี่ยอี้เฉิน ปริปากเอ่ยขึ้นน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า
“ข้าเป็นคนที่คว้าชัยชนะมา จนได้เห็ดหลินจือมรกตมาครอง หากฮูหยินเฉิงกล้าใช้อย่างไร้ยางอาย เจ้าก็อย่าลืมปกป้องมันให้เสียแล้วกัน ยามใดที่เผลอ มันตาย!”
สิ้นเสียงกล่าวจบ เซียถงก็หมุนตัวเดินจากออกไป นางก็เชื่อว่า ระดับเสียงเมื่อครู่ที่คำรามออกมา มันก็ดังมากพอที่จะทำให้ฮูหยินเฉิงที่อยู่ด้านในได้ยิน แต่ถึงแบบนั้น เซียถงก็ค่อนข้างมั่นใจเช่นกัน ลำพังแค่คำขู่เหล่านี้ มันไม่มีน้ำหนักมากเพียงพอที่จะหยุดไม่ให้นางแตะต้องเห็ดหลินจือมรกตชิ้นนั้นได้
เซี่ยอี้เฉินทอดสายตาทจับจ้องแผ่นหลังของเซียถงที่เดินไกลห่างออกไป ถอนหายใจเฮือกใหญ่ มองไปท่างเย่หลีเทียน กล่าวขึ้นอย่างระมัดระวังว่า
“ท่านอัครมหาเสนาบดีเย่ นี่คงมิใช่การดีเสียเท่าไหร่นัก ที่เอาเห็ดหลินจือมรกตของถงเอ๋อร์พยายามแทบตายไปให้ท่านแม่รองของนางเช่นนี้?”
“แม้จะไม่ค่อยเหมาะสม แต่นี่คือสิ่งที่ฝ่าบาทต้องการ ท่านเสนาบดีเซี่ย อย่าได้เก็บงำเรื่องนี้ไปครุ่นคิดอีกต่อไป”
เย่หลีเทียนยกมือขึ้นตบไหล่ของเซี่ยอี้เฉินเบาๆสองสามที
เซี่ยอี้เฉินลอบถอนหายใจพลางขมวดคิ้วถักหนา จะไม่เป็นอะไรจริงๆ งั้นรึ? กระทั่งเขาที่เป็นพ่อยังไม่อยากไปยั่วยุบุตรสาวชาติชั่วคนนี้เท่าไหร่นักเลย
เซี่ยถงเดินกลับไปยังเรือนพักหลังน้อยของตน โดยมีอิ๋งเอ๋อร์ที่ติดตามอยู่เบื้องหลังตลอด เวลานี้เองนางกล่าวขึ้นชักสีหน้าไม่พอใจอย่างยิ่งว่า
“เห็ดหลินจือมรกตชิ้นนั้น คุณหนูพยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้มันมา ถึงขั้นเอาชนะหลัวซีมาได้นับว่ายากเย็นมิใช่น้อย แต่ไฉนฝ่าบาทถึงยกมันให้กับฮูหยินรองเฉิงเช่นนี้ได้? แล้วเหตุใดถึงไม่นำส่งมันมาให้เร็วกว่านี้ ปัญหาดังกล่าวคงไม่เกิดขึ้นแน่นอน!”
“สั่งได้ก็ถอนคำสั่งได้เช่นกัน”
เซียถงเหลือบมองอิ๋งเอ๋อร์ที่ปั้นหน้าหงุดหงิด แสดงท่าทีเดือดดาลมาตลอดทาง แต่ตรงกันข้ามกับ นางที่ดูสงบนิ่งอย่างไม่น่าเชื่อ
“คุณหนูหมายความว่าอย่างไร? จะเข้าเฝ้าฝ่าบาทเกี่ยวกับเรื่องนี้งั้นรึ?”
อิ๋งเอ๋อร์เลิกคิ้วเอ่ยถามขึ้นมา
เซียถงปิดปากเงียบไม่ตอบ เผยปรากฏประกายแสงเจ้าเล่ห์สาดสะท้อนออกจากสายตาคู่นั้น ตราบใดที่มันยังไม่กินลงไป นางย่อมมีวิธีเอากลับคืนมาได้เช่นกัน
ส่วนเย่หลีเทียน อืม…..นางจะจดจำเรื่องราวในครั้งนี้เอาไว้ แม้นางยังไม่สามารถล่วงรู้ถึงระดับขอบเขตลมปราณที่แท้จริงของเย่หลีเทียนได้ แต่ครั้งสุดท้ายที่ต้านปะทะกัน นางมั่นใจอยู่หลายส่วนว่า หากเอาจริงน่าจะเหนือชั้นกว่าอยู่เล็กน้อย จะอย่างไร อีกฝ่ายมีศักดิ์เป็นถึง อัครมหาเสนาบดีแห่งจักรวรรดิตงหลี่ มีอิทธิพลอำนาจมากมายอยู่ในมือ ตราบใดที่มันไม่ล้ำเส้น โจมตีกันโจ้งแจ้งเกินไป นางในตอนนี้เองก็ไม่ค่อยอยากยุ่งกับมันเท่าไหร่นัก
คล้อยหลังเดินไปได้สักพัก อิ๋งเอ๋อร์ก็เอนตัวเข้าไปชิดใกล้กับเซียถง กะพริบตาดวงใสปริบๆ กล่าวว่า
“คุณหนู แน่ใจหรือเจ้าค่ะว่าจะชิงเห็ดหลินจือมรกตกลับมาได้?”
“บางที…ข้าอาจจะได้กลับมามากกว่าหนึ่งชิ้นด้วยซ้ำ”
มุมปากเชิดกระตุกทีหนึ่ง เซียถงเผยรอยยิ้มลึกลับประดับแช่มบนใบหน้า พลางชมทิวทัศน์กอไผ่สีเขียวในสวนข้างทางอย่างสบายอารมณ์
“แต่นี่จะเป็นไปได้อย่างไร? เห็ดหลินจือมรกตเป็นสมบัติล้ำค่า ฟังว่าเป็นเครื่องบรรณาการแด่ราชวงศ์เท่านั้น ได้เป็นรางวัลแค่ชิ้นเดียวก็ยิ่งกว่าฟ้าประทานแล้วใ แต่คุณหนูยังต้องการเพิ่มเป็นสองชิ้น?”
อิ๋งเอ๋อร์เหม่อมองอีกฝ่ายเจือแววประหลาดใจยิ่งยวด
เซียถงเอาแต่ยิ้มไม่กล่าวอันใด เพียงชื่นชมทัศนียภาพ สีสันของต้นไผ่ใบเขียวเหล่านั้นที่อยู่ตรงหน้า ไม่ว่าอิ๋งเอ๋อร์จะเอ่ยถามออกไปมากเพียงใด คำตอบที่ได้ก็มักจะเป็นอะไรเดิมๆ ไม่ชัดเจนเท่าไหร่นัก ท้ายที่สุดจึงทำได้แค่ปิดปากและกลับไปทำงานบ้านดังเดิม
ประมาณสองชั่วยามถัดมา ขณะที่เซียถงเอนกายนอนพักสายตาอยู่บนเก้าอี้ และกำลังจะผล็อยหลับไป นางก็พลางไปเห็นสาวรับใช้นางหนึ่งวิ่งตรงเข้ามาหา กล่าวขึ้นท่าทีกังวลว่า
“คุณหนู ฝ่าบาทเรียกท่านไปเข้าเฝ้าเจ้าค่ะ!”
“ในที่สุดก็เรียกตัวไปเสียที”
เซียถงลุกขึ้นยืนยืดเหยียดร่างกาย บิดขี้เกียจไปรอบหนึ่ง นางเอ่ยปากรำพึงเย้ยเยาะไปพลาง มุมปากกระตุกยิ้ม เดินทางตรงสู่โถงหลักของจวน
เมื่อมาถึงที่โถงหลัก นางก็เห็นฝ่าบาทแห่งจักรวรรดิตงหลี่ ผู้สวมชุดคลุมมังกรสีทองอร่าม ถัดจากนั้นก็เป็นเซี่ยอี้เฉินและคนอื่นๆ ที่นั่งไล่กันตามลำดับ
เซียถงก้าวย่างตรงเข้าไป ก้าวต่อก้าวที่เยื้องย่างปราศจากท่าทางเย่อหยิ่งหรืออ่อนน้อมถ่อมตนจนเกินงาม กล่าวทำความเคารพต่อหน้าฝ่าบาทที่นั่งอยู่บนเก้าอี้อันทรงเกียรติว่า
“หม่อมฉัน เซียถง คารวะฝ่าบาท”
เมื่อเห็นการปรากฏตัวของเซียถง ไป๋หลี่หานที่นั่งอยู่ลำดับถัดจากฝ่าบาทขั้นหนึ่งก็อดคลี่ยิ้มกว้างมิได้ เห็นนางกำลังจะย่อตัวโน้มให้ ทางด้านฝ่าบาทก็รีบยกมือปัด เอ่ยกล่าวน้ำเสียงอบอุ่นเป็นมิตรขึ้นว่า
“ลุกขึ้นเถอะ ลุกขึ้น ข้าผู้นี้ได้ยินมาจากอัครมหาเสนาบดีเย่ว่า ที่เจ้าพยายามทั้งหมดในงานชุมนุมลมปราณ ก็หวังเพื่อจะนำเห็ดหลินจือมรกตไปใช้รักษาอาการเจ็บป่วยต่อแม่ของเจ้า ข้ารู้สึกซาบซึ้งในความกตัญญูของเจ้าเป็นอย่างยิ่ง และข้ามาที่นี่ก็เพื่อตอบแทนในความกตัญญูนี้ของเจ้า โดยจะขอมอบเครื่องประดับเพรชพลอยแก่เจ้า”
คล้อยหลังพูดจบ ฝ่าบาทก็หันศีรษะ กวาดมองไปยังทิศทางนอกประตูโถงใหญ่ ทำให้ทุกคนต่างเหลียวหลังหันไปมองตามๆ กัน ทั้งนี้ฝ่าบาทยังกล่าวอีกว่า
“ลองออกไปดูสิว่าชอบหรือไม่? หากยังไม่ถูกใจ ข้าจะสั่งให้คนของข้าพาเจ้าไปเลือกเองในวังหลวง”
เซียถงเพียงเหลือบหางตามองออกไปนอกประตู ก็ไปเห็นบรรดาข้าราชบริพารของฝ่าบาทประมาณหน้าถึงหกคน ยืนรออยู่ในลานข้างหน้า แต่ละคนถือประคองพานทรงสี่เหลี่ยมที่มีผ้ากำมะหยี่สีแดงคลุมอยู่เป็นฐานล่าง บนหน้ามีทั้งอัญมณีเพชรพลอย ทองคำ และเงินเหรียญจำนวนมากมายกองกันเป็นภูเขาขนาดย่อม ภายใต้แสงตะวันสาดส่องลงมาเช่นนี้ ยิ่งทวีความงดงามให้สมบัติเหล่านั้น เปล่งประกายวิบวับน่าหลงใหล
เซียถงชำเลืองมองปราดหนึ่งและหันขวับกลับมาในทันใด ย่อตัวคุกเข่าลงอีกครั้ง เพิ่มระดับเสียงกล่าวออกมาดังลั่นว่า
“หากฝ่าบาทต้องการจะมอบอัญมณีแก้วแหวนเงินทองเช่นนี้แก่หม่อมฉัน จะเป็นการดีกว่าหากเปลี่ยนเป็นเห็ดหลินจือมรกตแก่ข้าแทน”
“มิใช่ว่าเจ้าต้องการเห็ดหลินจือมรกตเพื่อช่วยรักษาอาการป่วยของแม่เจ้าหรอกรึ? เพราะข้าเห็นถึงความกตัญญูของเจ้าในจุดนี้ จึงประทานเห็ดหลินจือมรกตแก่แม่ของเจ้าไปแล้ว”
ฝ่าบาทกล่าวขึ้นด้วยความสงสัย ในขณะเดียวกัน ดวงตาคู่นั้นก็หรี่ลง แววประกายที่ดูเป็นมิตรเมื่อสักครู่หม่นลงหลายส่วน
“เรียนฝ่าบาท แม่ของข้ามีสุภาพแข็งแรงดี ดังนั้น ข้ามิได้ต้องการเห็ดหลินจือมรกตไปเพื่อรักษาแม่ ทั้งหมดที่ฝ่าบาทได้ยินเกรงว่าจะเป็นข่าวเท็จ ข้าต้องการเห็ดหลินจือมรกตก็สำหรับตัวข้าเองทั้งสิ้น มิใช่สำหรับแม่ของข้า”
เซียถงประสานมือกล่าวตอบ นางคิดแผนการรับมือไว้ทั้งหมดแล้ว ยามนี้ได้แต่ระเบิดหัวเราะเยาะอยู่ภายในใจ
ฝ่าบาทเองก็ตระหนักดีว่า แม่ของนางคือคนตระกูลหลี่ แต่ยามนี้กลับมอบเห็ดหลินจือมรกตแก่คนตระกูลเฉิง เป็นที่ชัดเจนว่า ฝ่าบาทมีเจตนาพยายามผูกมิตรกับพวกพ่อค้ามั่งคั่ง แต่จะให้เอ่ยกล่าวเช่นนี้ออกไปตามตรงก็ทำไม่ได้ มิฉะนั้นใบหน้าตนเองคงไม่เหลือเช่นกัน
“โอ้? ปรากฏว่าข้าเข้าใจผิดไปเองงั้นรึ? แค่วาจากลับลั่นออกไปเสีย เนื่องจากข้ากล่าวออกไปแล้วว่า จะมอบเห็ดหลินจือมรกตแก่ตระกูลเฉิง แล้วข้าจะไปทวงคืนกลับมาได้อย่างไร?”
ฝ่าบาทเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เผยแสดงสีหน้าดูลำบากใจออกมาให้แก่เซียถงได้เห็น
“หม่อมฉันพยายามอย่างหนักเพื่อคว้าชัยชนะมา ทั้งหมดก็เพราะปรารถนาเห็ดหลินจือมรกตชิ้นนั้นชั้นเดียว โปรดนำกลับมาคืนแก่หม่อมฉันด้วยเถิด!”
เซียถงไม่ยอมคล้อยตามใจอ่อนใดๆ ยังคงประสานมือกล่าวกับฝ่าบาทด้วยน้ำเสียงวาจาหนักแน่น