ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 512 คลื่นวินาศสังหาร (2)
ตอนที่512 คลื่นวินาศสังหาร (2)
ตอนที่512 คลื่นวินาศสังหาร (2)
เย่หลีเทียนเสื้อผ้าขาดวิ่น บาดแผลมากมายนับไม่ถ้วนอันเนื่องมาจากคมกระบี่ทองคำกระหน่ำฟันฟาด แต่อย่างไร แผลเนื้อสดที่ฉีกขาดไม่นานก็ค่อยๆกลับมาสมานกันจนหายเป็นปกติอีกครั้งภายใต้รัศมีแสงสีม่วงปนแดง
สีหน้าที่ซีดเผือดของเย่หลีเทียนเริ่มแปรเปลี่ยนมีน้ำมีนวลขึ้นอีกครั้ง เขาระเบิดหัวเราะเยาะลั่นกล่าวว่า
“ไป๋หลี่หานหนอไป๋หลี่หาน ราชาหมาป่าสวรรค์ผู้เป็นตำนาน ทรงพลังไร้เทียมทานในทุกสมรภูมิสัประยุทธ์ ใครจะไปคิด เจ้าจะมีวันที่น่าสมเพชเช่นนี้ได้?”
กล่าวถึงตรงนี้ เขากวาดสายตาแช่มมองรอบข้างหนึ่งปราด กล่าวต่ออีกว่า
“น่าเสียดาย เซียถงน่าจะได้เห็นภาพฉากอันน่าสังเวชนี้ของเจ้า แต่อย่าได้กังวลไป ข้าจะควานหาตัวนางให้พบ และสูบเลือดสูบเนื้อนางมาให้เสียหมด เลือดของนางน่าจะหวานหอมน่าดู ข้าจะดูดไม่ให้เหลือแม้แต่หยดเดียว!”
เย่หลีเทียนเปล่งน้ำเสียงชั่วร้ายดังสนั่น ย่างสามขุมตรงเข้าไปทางไป๋หลี่หานทีละนิดละน้อย
ไป๋หลี่หานในเวลานี้เนื้อตัวสั่นไสวคล้ายทรงตัวไม่ค่อยจะอยู่ อันเป็นผลมาจากที่นำใช้พลังลมปราณออกมามากเกินไป อันที่จริงแล้ว ระดับชั้นพลังดั่งเดิมของเย่หลีเทียนอยู่ห่างชั้นกับไป๋หลี่หานค่อนข้างมาก และอีกฝ่ายไม่ควรจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้เลยด้วยซ้ำ แต่อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ ณ ปัจจุบันกลับตาลปัตรไปหมด จู่ๆเย่หลีเทียนก็ทรงพลังแข็งแกร่งขึ้นฉับพลัน ยิ่งผนวกกับศาสตร์วิชาพิสดารที่สามารถฟื้นฟูตัวเองได้เรื่อยๆอีก จึงไม่แปลกเลยว่า ไฉนเย่หลีเทียนถึงหยิ่งผยองเทียมฟ้าดินปานนี้
แน่นอน คมกระบี่ทองคำที่ฉาบด้วยเกราะแสงวิญญาณของไป๋หลี่หาน มันสามารถสร้างเสียหายแก่อีกฝ่ายได้ไม่น้อยเลย แต่กระนั้น ทันทีที่อีกฝ่ายได้รับความเสียหายเข้าไป กลับได้รับรัศมีแสงสีม่วงปนแดงที่ทะลักทลายจากในกายออกมาเข้าฟื้นฟูรักษาทันที มันเร็วมากจนสามารถเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงได้ด้วยตาเปล่า! หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป มีหวังไป๋หลี่หานได้เหนื่อยตายไปก่อนแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น เซียถงในเวลานี้เป็นตายอย่างไรก็ยังมิทราบ นี่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ไป๋หลี่หานเป็นกังวลไม่แพ้กัน ไป๋หลี่หานยามนี้เสมือนตกอยู่ในศึกสองด้าน ทั้งกังวลหน้าทั้งกังวลหลัง ซึ่งเหล่านี้ได้สร้างความกดดันให้แก่ตัวเขาเป็นอย่างมาก
เห็นอีกฝ่ายก้าวย่างเข้าใกล้สักสองสาม ไป๋หลีหานตระหนักทราบ พลังลมปราณในกายเริ่มเหลือไม่มากแล้ว ดังนั้นจำเป็นจะต้องเผด็จศึกรุกฆาตเย่หลีเทียนโดยเร็วที่สุด!
ไป๋หลี่หานดวงตาส่องประกายสว่างไสว ทันใดนั้น ก็มีกระบี่จันทร์หิรัญปรากฏขึ้นมาในมือ ยามนี้เขาเปลี่ยนมาใช้วิชาสองกระบี่ ครึ่งซ้ายเป็นทองครึ่งขวาเป็นเงิน สอดผสานหลอมรวมกลายเป็นกระบวนโจมตีอันทรงพลานุภาพ ประดุจมังกรคู่หงส์ และนี่เป็นวิธีเดียวที่จะสามารถปลดปล่อยแสนยานุภาพสูงสุดของวรยุทธ์ต่อสู้ลับของเขาได้
คู่เท้าถึงกับชะงักหยุดนิ่ง เย่หลีเทียนคาดไม่ถึงเลยว่า ไป๋หลี่หานยังมีไม้ตายก้นหีบเก็บซ่อนเอาไว้อีก แทบจะในเสี้ยวพริบตาต่อมา จากที่กำลังรุกโจมตีต้องเปลี่ยนเป็นตั้งรับโดยพลัน
แต่นั่นกลับสายเกินไปแล้ว!
ประกายแสงสองสีสาดระยับ ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาเย่หลีเทียน!
คมแสงสีทองและเงินเจิดจรัสสว่างไสว เหล่านั้นคือคลื่นคมกระบี่วินาศคลั่งที่อันแน่นไปด้วยพลังวิญญาณอันมหาศาล ราวกับมียุทธ์ภัณฑ์สองเล่มนี้มีพลังชีวิตเป็นของตัวเอง พวกมันแต่ละเล่มล้วนแต่ทรงพลังเกินจินตนาการ ยิ่ง ณ ปัจจุบัน ได้สอดผสานการโจมตีร่วมกัน มันยิ่งเกื้อกูลส่งเสริมประสิทธิภาพกันและกันได้เป็นอย่างดีเยี่ยม ก่อเกิดเป็นคลื่นเสียงสังหารท่ามกลางศึกสัประยุทธ์มืดฟ้ามัวดิน ผู้ใดต่างได้ยินล้วนทำเอาอกสั่นขวัญเสียกันไปตามๆกัน
เสมือนมองเห็นภาพคลื่นแสงวินาศสังหารหลอนสายตาอยู่เบื้องหน้า เย่หลีเทียนใจสั่นสะท้านในทันใด แต่อย่างไร ต่อให้ขยับหนีตอนนี้กลับช้าเกินไปเสียแล้ว ในขณะที่จะได้พยายามทำอะไรสักอย่างเพื่อต้านรับการโจมตีนี้ จู่ๆดวงไฟสีม่วงในกายของเย่หลีเทียนพลันเกิดพยศขึ้นมา
ดวงไฟสีม่วงพยายามจะหนีออกจากห้วงความคิดของเขา แต่คลื่นแสงวินาศสังหารนั่นกลับลุถึงตัวพวกเขาเป็นที่เรียบร้อย ยามนี้ต่อให้ทำอย่างไรก็ไม่สามารถหลบหนีได้พ้นอีกต่อไป
เสี้ยวพริบตาต่อมา คลื่นแสงวินาศพุ่งเข้าปะทะชนกับร่างเย่หลีเทียนเต็มพิกัด และแทบจะในทันทีทันใด เสมือนเย่หลีเทียนโดนคมกระบี่สับครึ่งซีก แผลฉกรรจ์ขนาดใหญ่ผ่าลึกจนแทบร่างกายเกือบฉีกขาดออกจากกัน ตั้งแต่ช่วงหัวไหล่ลากยาวลงมาถึงเอว เลือดสดลำไส้สาดกระเซ็นทะลักไหลไม่หยุด ร่างลอยละลิ่วออกไปด้านหลังฟาดกับหินผา คราบเลือดกองโตกระจายดัง‘แผละ’
ไป๋หลี่หานกระอักพ่นเลือดสดคำโตออกมาเต็มปาก กระบี่ทั้งสองเล่มกลับคืนสู่ร่างของเขาในทันใด ยามนี้อย่าว่าแต่จับกระบี่หรือทำสิ่งใด เขาทรุดฮวบนอนแผ่อยู่บนพื้นราวกับเป็นอัมพาตชั่วขณะ ธารเลือดแดงฉานยังคงไหลนองออกมาตามมุมปากไม่หยุด
เย่หลีเทียนร่วงทรุดคาหินผาแผ่นนั้นอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน ระบบร่างกายเสียหายหนักเกินกว่าจะหายใจได้ ร่างครึ่งซีกโดนผ่าจนแทบขาดหลุดออกจากกัน และนั่นเป็นเวลาเดียวกับที่ดวงไฟสีม่วงลอดเล็ดออกมาตามเลือดสายเหล่านั้น กลิ่นอายการดำรงอยู่ของมันค่อยๆจางหายไปจากห้วงความคิดของเขาทีละเล็กละน้อย
เมื่อดวงไฟสีม่วงบินหนีจากไป ใบหน้าของเย่หลีเทียนก็เริ่มซีดเผือดหนัดขึ้นเรื่อยๆ ราวกับลมหายใจสุดท้ายแห่งชีวิต มันได้จากออกไปพร้อมกับดวงไฟสีม่วงกลุ่มนั้น
เห็นนี่เป็นช่วงเวลาสุดท้าย เย่หลีเทียนกำลังจะตายในอีกไม่ช้าแล้ว เค่อฮั่วจึงรีบปรี่วิ่งเข้าไปคว้าคอเสื้อ กระชากอีกฝ่ายขึ้นทันควัน
“บอกมา! น้องชายข้าอยู่ที่ไหน!?”
เย่หลีเทียนเหลือบชำเลืองมองมา ทั้งยังระเบิดหัวเราะลั่นพร้อมกับเลือดสดที่ไหลรินจากมุมปาก
“เจ้าอยากรู้? หากบอกว่า มันตายไปนานแล้วจะเชื่อหรือไม่?”
เค่อฮั่วดวงตาแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำแทบลุกเป็นไฟ
“พูดมา! เค่อมู่อยู่ที่ไหน?! บอกข้ามาเดี๋ยวนี้!!”
เย่หลีเทียนสำลักเลือด กระอักไอรุนแรง ลมหายใจของเขาตอนนี้รวยรินเปล่งเสียงใดๆออกมาแทบไม่ได้ยินแล้ว และเขาค่อยๆเอื้อมไปจับมือของเค่อฮั่วกุมไว้หลวมๆ
“อะ-อยากรู้รึ? บอกให้ก็ได้ อย่างไรเสียข้าก็กำลังจะตาย…”
ไป๋หลี่หานแลเห็นบางชักไม่ถูกต้อง จึงรีบใช้กำลังเฮือกสุดท้ายตะโกนลั่นออกไปว่า
“ระวัง!!”
เค่อฮั่นเพิ่งจะหันศีรษะขวับมองไปทางไป๋หลี่หานเจือแววฉงนใจ แต่นั่นกลับสายเกินไป เย่หลีเทียนออกแรงเฮือกสุดท้ายกระชากมือเค่อฮั่วที่จับเมื่อครู่เข้ามาอย่างแรง และอ้าปากแยกคมเขี้ยวพุ่งกัดเส้นเลือดใหญ่เข้าที่คอเค่อฮั่ว สูบเลือดอย่างดิบกระหาย
“อ๊ากกก!!!”
เค่อฮั่นพยายามนำใช้แรงทั้งหมดดิ้นให้หลุด แต่คมเขี้ยวคู่นี้ของเย่หลีเทียนกลับเจาะเข้าเส้นเลือดบนคอไปเสียเรียบร้อย กระแสเลือดที่ไหลเวียนทั่วร่างกายถูกสูบแห้งในพริบตาต่อมา
เสียงกลืนอึกใหญ่ดังลงคอ ช่วงตัวที่ขาดครึ่งค่อยๆกลับมาสมานกันจนกลายเป็นเนื้อแผ่นเดียวอีกครั้ง ภายใต้รัศมีลมปราณสีม่วงทมิฬที่เริ่มฟื้นพลังกลับคืน ร่างกายของเค่อฮั่วเกิดอาการชักเกร็งรุนแรงต่อเนื่องไม่หยุด
เย่หลีเทียนปาดเช็ดคราบเลือดสดที่เลอะมุมปากเล็กน้อย ปล่อยร่างอันเหี่ยวแห้งของเค่อฮั่วลงกับพื้น กล่าวเชยชมขึ้นคำหนึ่งว่า
“สมแล้วที่เป็นเลือดของจักรพรรดิครามฟ้าครึ่งขั้น! รสชาติดีพอๆกับเลือดของน้องชายเจ้าเลย!”
เค่อฮั่วดวงตาเบิกโต ภายในนั้นอัดแน่นไปด้วยเพลิงอาฆาตไร้สิ้นสุด แต่ยามนี้กลับไม่มีปัญญาทำอะไรได้อีกแล้ว ลมหายใจสุดท้ายที่ดับดิ้น เขาตายจากไปท่ามกลางความเคียดแค้น
สภาพร่างกายของเย่หลีเทียนกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง แต่ในขณะที่ไป๋หลี่หานยังคงอ่อนแอดังเดิม
ไป๋หลี่หานที่นอนอ่อนแรง ส่งสายตาหยามเหยียดเข้าใส่ ก่นเสียงเกรี้ยวดุว่า
“ข้าไม่คิดไม่ฝันเลย เจ้าจะฝึกปรือวิชานอกรีตเช่นนี้!”
“ข้าเองก็ไม่คิดเช่นกัน เจ้าจะมีวรยุทธ์ต่อสู้ลับกระบี่คู่”
ถึงแม้เย่หลีเทียนจะฟื้นสภาพจากเกือบวิกฤตมาได้ แต่หากพินิจจากน้ำหนักฝีเท้าของเขาที่เหยียบย่างลงพื้นในขณะนี้ จะทราบได้ทันทีว่า เขายังอยู่ในสถานภาพที่ยังอ่อนแอมาก เดินกะเผลกข้ามศพเค่อฮั่วผ่านไป ตรงเข้ามาใกล้ไป๋หลี่หานอย่างแช่มช้า
ไป๋หลี่หานในขณะนี้นอนหมดสภาพอยู่ใกล้รอยแยกหน้าผา และพอชำเลืองหางตาเหลือบลงไปก็แลเห็นทะเลสาบคดโค้งสายหนึ่งอยู่เบื้องล่าง อาศัยแรงเฮือกสุดท้าย ส่งพลังทั้งหมดไปที่เท้า เขาถีบร่างตัวเองให้ผลัดตกลงจากหน้าผาโดยตรง!
เสียงกระแทกผืนน้ำดัง‘ซูวว’ ร่างของเขาจมลงกลางทะเลสาบเบื้องล่างและหายไปทันที
เย่หลีเทียนถึงกับถลึงตาแข็งทื่อ แผดเสียงคำรามแหบพร่า
“ไป๋หลี่หาน! ข้าไม่ยอมให้เจ้าหนีรอดไปแน่!”
สิ้นเสียงเพียงเท่านั้น เขาก็กระโดดลงจากรอยแยกหน้าผาลงไปตามทันที