ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 518 โบราณสถานร่วงถล่ม (2)
ตอนที่518 โบราณสถานร่วงถล่ม (2)
ตอนที่518 โบราณสถานร่วงถล่ม (2)
เย่หลีเทียนโยนศพของสัตว์อสูรตนนั้นทิ้งอย่างไม่ไยดี เปลี่ยนกลายเป็นสายฟ้าคำรนพุ่งเข้าใส่ร่างวิญญาณกิเลนทั้งสองตนด้วยความเร็วสูงสุด แต่ระหว่างนั้น เซียถงเร่งหยิบชูกระบี่ทัณฑ์ฟ้าเข้าขัดขวาง ปลายแหลมลุจ่ออยู่ที่กลางแผ่นอกของอีกฝ่าย
“เซียถง เจ้าออกไปจากที่นี่ซะ ขอเพียงข้าได้ครอบครองบัญชาสี่พิภพ สัญญาว่าจะไม่ทำร้ายเจ้า!”
ความปรารถนาที่จะครอบครองบัญชาสี่พิภพดูเหมือนจะมีเปี่ยมล้นมากเหลือเกินในใจของเขา
เซียถงระเบิดหัวเราะเย้ยเยาะ
“ใครเร็วกว่าย่อมได้ไปครอง หากต้องการบัญชาสี่พิภพมากนัก ก็แย่งไปให้ได้!”
เย่หลีเทียนพลิกหันฝ่ามือกลายเป็นกรงเล็บพุ่งตะปบใส่โดยตรง ท่วงท่าการเคลื่อนไหวเปรียบเสมือนมังกรวารีเกรี้ยวกราดสองตัวเหินทะยานโจมตีอย่างดุเดือด เซียถงกระโดดล่าถอยหลบเลี่ยง พร้อมแทงคมกระบี่ทะลวงห้วงอากาศออกไป โจมตีตอบโต้ฉับพลัน อย่างไร เย่หลีเทียนที่เพิ่งสูบเลือดสัตว์อสูรมาเพิ่มพูนพลังวังชา ก็เร่งระเบิดรัศมีลมปราณสีม่วงเข้าสกัดกั้นอย่างง่ายดาย
เซียถงตัวสั่นสะท้านวูบ แต่ก็ยังกระชับจับกระบี่ทัณฑ์ฟ้าเอาไว้แน่น บังเกิดคลื่นพลังแสงลึกลับฉาบฉายบนคมตัวกระบี่ พร้อมเพรียงกับนางสำแดงใช้วรยุทธ์ต่อสู้ลับอัดฉีดลงบนสองฝ่าเท้า เพื่อเพิ่มพลังการเคลื่อนไหวให้ว่องไวยิ่งขึ้น
อาศัยวรยุทธ์ต่อสู้ลับและพลังความแกร่งกร้าวของกระบี่ทัณฑ์ฟ้าที่ระเบิดคลั่งออกมาเวลาเดียวกัน เสี้ยวพริบตาเท่านั้น กว่าที่เย่หลีเทียนจะมีปฏิกิริยาตอบสนองรู้ตัว นางก็ฟันคลื่นทำลายล้างใส่กลางหลังของเขาออกไปแล้ว
ก่อนที่คลื่นทำลายล้างจะลุถึงตัวด้วยซ้ำ เพียงระลอกปราณกระบี่ที่แตะสัมผัสก็สามารถฉีกเสื้อผ้าบนร่างกายของเย่หลีเทียนจนขาดกระจุยได้แล้ว นับประสาอันใด เมื่อคมคลื่นทำลายล้างนี้ปะทะถึงตัว?
ผิวเนื้อทั่วทั้งร่างของเขาฉีกแตกในพริบตา
หากเย่หลีเทียนอยากจะได้บัญชาสี่พิภพนัก เช่นนั้นก็ผ่านการโจมตีของกระบี่ทัณฑ์ฟ้าเล่มตรงหน้าให้ได้เสียก่อน!
เซียถงเล่นไม่ถึงขั้นเอาตาย แต่จะให้สาหัสเพื่อบังคับให้อีกฝ่ายถอนตัวไปเสีย
แน่นอน เย่หลีเทียนถูกเป่าร่างกระเด็นกระดอนไปไกล กลิ้งกับพื้นเกือบหลายสิบตลบประดุจว่าวสายปานขาด ทำให้เขาอยู่ห่างจากบัญชาสี่พิภพมากขึ้นไปอีก
เขากัดฟันกรอดแน่นด้วยความโกรธแค้น แผลดเสียงคำรามลั่น
“เซียถง!!” สิ้นเสียงจบ เขาระเบิดพลังทั้งหมดในกายพลั่งพรูออกมา และโถมเข้าใส่เซียถงเต็มพิกัด
อีกด้านหนึ่ง ในปากของเสี่ยวฮั่วกำลังคาบบัญชาสี่พิภพไว้อย่างเหนียวแน่น แต่เนื่องจากพื้นที่โบราณสถานทั้งหมด ณ แห่งกำลังจะพังทลายลงมาเป็นเสี่ยงๆเต็มทน เริ่มมีกระแสน้ำเชี่ยวกรากไหลทะลักเข้ามาจากบนฟากฟ้า เสมือนม่านนภามีรูโหว่
เสี่ยวฉั่วยกเท้าหลังขึ้นถีบสกัดกิเลนอีกตน และพยายามวิ่งหนีโดยไว แต่ทันใดนั้น กิเลนตนนั้นก็ใช้แรงฮึดเฮือกสุดท้าย กระโดดงับบัญชาสี่พิภพแย่งชิงจากปากเสี่ยวฮั่วไปหน้าตาเฉยและกำลังจะกลืนสิ่งนั้นลงท้องไป ด้วยความหัวเสียสุดขีด เสี่ยวฮั่วจึงใช้จังหวะนี้ ฉีกปากของมันกว้างพร้อมกลืนร่างวิญญาณกิเลนตนนั้นไปทั้งเป็น ลงท้องของมันโดยตรง
ทว่าเสี้ยวอึดใจ ก่อนที่ร่างวิญญาณกิเลนตนนั้นจะถูกกลืนเขมือบลงท้องเสี่ยวฮั่วไป มันก็พ่นบัญชาสี่พิภพจากปากทิ้งไป เหรียญตราสีทองแดงชิ้นชั้นหลุดผ่านรูโหว่บนม่านพลังสุญญากาศไร้สภาพ ไหลสู่ห้วงบาดาลน้ำเย็นจัดภายนอกโดยตรง ซ้ำร้ายยังถูกกระแสน้ำโกลาหลผลักซัดออกไปไกลห่าง
แต่นั่นย่อมมิอาจหลบพ้นสายตาของเซียถง นางกระโดดพุ่งออกไปตามรูโหว่บนม่านพลังไร้สภาพ ว่ายทวนกระแสเชี่ยวกรากไล่ตามติดไปอย่างใกล้ชิด!
ส่วนบรรดาสัตว์อสูรทั้งหลาย ไม่ว่าจะพยายามหนีไปทางใดกลับไม่พ้น ท้ายที่สุดนั้น ก็โดนกระแสน้ำที่ทะลักพุ่งลงมากกวาดล้างพัดออกไป รอยร้าวบนม่านพลังสุญญากาศไร้สภาพเริ่มฉีกกว้างปริแตกหนักขึ้นและหนักขึ้น จนท้ายที่สุด เสมือนเขื่อนยักษ์พินาศพังลงมา มวลน้ำเย็นจัดมหาศาลไหลทะลักเข้ามาไม่หยุดไม่หย่อน โบราณสถานแห่งนั้นจมสู่ใต้บาดาลอย่างแท้จริง
ด้วยกระแสน้ำที่เย็นจัด สรรพสิ่งโดยรอบเริ่มจับตัวกลายเป็นน้ำแข็งอย่างช้าๆ เพียงเสี้ยวของเสี้ยวอึดใจนั้น เสี่ยวฮั่วมีเวลาตะโกนร้องเรียกออกไปแค่คำเดียว
“นายท่าน หนีไป!”
ทิ้งท้ายดังนั้น มันตีสี่ขาว่ายทวนน้ำดำดิ่งเข้าไปในร่างกายเนื้อกิเลนศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในสภาวะหลับใหลอยู่
เซียถงมุ่งเล็งจดจ่องอยู่กับบัญชาสี่พิภพที่โดนกระแสน้ำเย็นจัดพัดพาไปอย่างบ้าคลั่ง นางหาได้สนใจถึงภัยอันตรายต่อชีวิตตนเองแม้สักนิด นางพยายามยืดเหยียดมือออกไปสุดตัว หวังจะคว้ามันมาให้จงได้
แต่เมื่อปลายนิ้วของนางใกล้จะแตะสัมผัสถึงแล้ว ร่างทั้งร่างกลับถูกกระแสคลื่นพัดฉีกออกไปอีกทิศทางหนึ่ง ทั้งที่อีกนิดเดียวก็จะได้มันมาแท้ๆ แต่พลาดเสียก่อน
กระแสคลื่นน้ำเย็นจัดในเวลานี้ กล่าวได้ว่าทั้งรุนแรงและโกลาหลสุดขีด เหล่านั้นเสมือนมือปีศาจนับหมื่นพันที่แย่งกันฉุดกระชากเซียถงให้ดำดิ่งสู่ก้นบาดาลอันแสนเวิ้งว้างไร้สิ้นสุด
ร่างของนางกำลังจมลงไปอย่างช้าๆ…
“เจ้า!”
นี่เป็นเสียงร้องอุทานแรกในหัวของเซียถง นางรู้สึกประหลาดใจอย่างมากที่เห็นว่าใครกันมาช่วยเหลือ นั่นคือเย่หลีเทียนที่รีบแหวกว่ายตรงเข้ามากอดร่างของนางเอาไว้
“จะบ้าเหรอ! อย่าตาย!”
เสียงคำก่นร้องคำรามลั่นดังก้องอยู่ในลำคอของเย่หลีเทียน แม้จะไม่มีสุ้มเสียงดังออกมาใต้น้ำนี้ แต่เซียถงพอจะเดาได้เช่นกันว่า อีกฝ่ายกำลังหมายความอย่างไร
หากไม่ใช่เพราะเย่หลีเทียนคว้าตัวนางขึ้นมาได้ทัน ปานนี้คงโดนดูดกลืนสู่ห้วงใต้บาดาลโดยสมบูรณ์ไปแล้ว
ด้วยกระแสน้ำที่รุนแรงปานนี้ หากเซียถงหลุดเข้าไป แค่ลำพังความแข็งแกร่งของนางตอนนี้แทบไม่มีทางว่ายสวนขึ้นมาได้แน่นอน
นางไม่คิดไม่ฝันเลยสักนิดว่า ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างความเป็นความตายเช่นนี้ เย่หลีเทียนจะเลือกละทิ้งบัญชาสี่พิภพ และว่ายกลับมาช่วยชีวิตนางแทน!
ทำไมเขาต้องทำแบบนี้? ทำไมต้องช่วยนาง?
ระหว่างที่อยู่ในอ้อมแขน เซียถงมุ่งมองเย่หลีหลีเทียนไม่มีลดละ ภายในดวงตาของเขาอัดแน่นไปด้วยความสงสัยมากมาย
ซึ่งในระยะใกล้ชิดกันปานนี้ นางย่อมสังเกตพบ ร่องรอยความสับสนและขัดแย้งกันในใจผ่านดวงตาคู่นั้นของเขา
“!!”
ทันใดนั้น ก็มีเศษม่านพลังไร้สภาพชิ้นแหลมคมพัดมาพร้อมกับกระแสคลื่นเชี่ยวกราก กำลังพุ่งมาเสียบใส่ศีรษะของเขา เซียถงทื่เห็นก่อนจึงรีบใช้มือโอบหลังคอของเขา แล้วบังคับกดต่ำลงมาจนใบหน้าของเย่หลีเทียนแทบซุกเข้าหน้าอกอวบอิ่ม
กระบี่ทัณฑ์ฟ้าลอยเคว้งท่ามกลางกระแสคลื่นเชี่ยว บ่อทำลายเศษม่านพลังที่ไหลซัดเข้าหาจนบดขยี้เป็นเสี่ยงๆ และเมื่อเย่หลีเทียนถอนใบหน้าเงยขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็สัมผัสได้ นางกำลังคลายมือของเจ้าตัวออกห่าง และว่ายหนีทิ้งกันไปในที่สุด
เมื่อสักครู่ เขาได้ช่วยชีวิตนาง และนางก็ได้ช่วยชีวิตเขากลับแล้ว นี่ถือได้ว่า เซียถงได้ตอบแทนบุญคุณเรียบร้อย จากนี้หวังว่าจะไม่มีอะไรคิดค้างกันอีก!
เมื่อมองย้อนกลับไปเบื้องล่าง โบราณสถานเหล่านั้นได้จมอยู่ใต้บาดาลโดยสมบูรณ์แล้ว ร่างของบรรดาสัตว์อสูรทั้งหลายนับไม่ถ้วนลอยเคว้งท่ามกลางกระแสคลื่นเย็นจัดอย่างสิ้นหวัง
สีหน้าของพวกมันแต่ละตนดูเศร้าสร้อยอย่างยิ่ง!
เซียถงได้แต่มองด้วยสายตาขมขื่นใจ แต่ตอนนี้หากนางยังไม่รีบไป เกรงว่าจะเอาชีวิตไม่รอดอีกคนเช่นกัน นางรีบคลายมือเย่หลีเทียนออกจากตัวเองและจากไป
เย่หลีเทียนรู้สึกได้เลย นางกำลังจะจากไปและครั้งนี้อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้พบนางอีกชั่วชีวิต! พอรู้สึกเช่นนั้น ภายในใจของเขามิอาจยอมรับความจริงได้เลยสักนิด จึงรีบว่ายติดตามนางขึ้นฝั่งด้วยความขมขื่นใจ
คล้ายว่า ช่วงกลางระหว่างบาดาลน้ำลึก ยังมีบริเวณที่ตราผนึกหลงเหลืออยู่ จึงเกิดเป็นพื้นที่อากาศขนาดย่อม เซียถงและเย่หลีเทียนแหวกว่ายผ่านจุดนั้นพร้อมกันพอดี
สีหน้าแววตาค่อนข้างซับซ้อน ห้วงจิตใจรู้สึกสับสนและขมขื่นเสียเหลือเกิน เสี้ยวอึดใจก่อนที่นางจะว่ายพ้นพื้นที่อากาศในส่วนนี้ไป จู่ๆเขาก็ตะโกนไล่หลังถามขึ้นว่า
“เซียถง หัวใจของเจ้าเป็นของไป๋หลี่หานแล้วจริงๆงั้นรึ?”
เซียถงหันชำเลืองกลับมา เหลือบสายตามองเขาอยู่สักครู่หนึ่ง สำหรับเย่หลีเทียนผู้นี้ ต่อให้เขาจะรักและอ่อนโยนกับนางเพียงใด แต่เนื่องด้วยการกระทำอันโหดเหี้ยม อันผิดหลักมนุษยธรรมเกินไปของเขา สิ่งเหล่านี้กลับทำให้นางรู้สึกไม่อยากอยู่ใกล้เขาเลย ซึ่งอีกฝ่ายเองก็เอ่ยคำถามประโยคเช่นนี้มาก็หลายครั้งแล้ว
ไม่ว่ายังไง คำตอบของนางก็ยังคงเดิม
เซียถงไม่มีเวลามากพอที่จะมาตอบ หางตาสังเกตเห็นบัญชาสี่พิภพกำลังหลุดลอยอยู่ภายใต้กระแสน้ำเชี่ยวเบื้องหน้า นางมิได้ปริปากพูดอะไรสักคำ และเร่งตีฝีเท้ามุ่งหน้าผ่านพื้นที่อากาศออกไปโดยตรง
“เดี๋ยวก่อน! เซีย…”
เย่หลีเทียนพยายามจะกล่าวหยุดเซียถงมิให้จากไป แต่เพิ่งจะกล่าวออกมาได้ครึ่งหนึ่ง นางก็จากไปเสียแล้ว…