ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 521 เทพอสูรกิและเลน (1)
ตอนที่521 เทพอสูรกิและเลน (1)
ตอนที่521 เทพอสูรกิและเลน (1)
ก่อนเซียถงจะทันอ้าปากกล่าวอันใดต่อ นางก็เห็นภาพฉายเบื้องหน้า เป็นเทพอสูร‘กิ’และ‘เลน’ทั้งสองตนนั้นตีฝีเท้าออกวิ่งสุดชีวิต
อีกด้านหนึ่ง เหล่าอสูรบรรพกาลทั้งหลายอีกนับไม่ถ้วนต่างเร่งหนีตายอพยพหนีจากมหันตภัยน้ำท่วมโลกา พวกมันทั้งหมดระดมพลเข้าร่วมตัวอยู่ ณ จุดหนึ่ง โดยมีเทพอสูร‘กิ’และ‘เลน’เป็นผู้นำเปิดม่านพลังลมปราณขนาดมหึมาแผ่กางไพศาลปกคลุมทั่วทั้งบริเวณเอาไว้ จึงค่อยมีอสูรบรรพกาลตนที่เหลืออ้าปากพ่นพลังเข้าส่งเสริมเกื้อกูลติดตาม พวกมันเหล่านี้ล้วนแต่เป็นสัตว์อสูรระดับชั้นอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังอย่างยิ่ง กล่าวคือหากสุ่มหยิบมันสักตนมาทิ้งไว้ในผืนพิภพยุคปัจจุบัน มันตนนั้นคือไร้เทียมทาน! ด้วยการผสานพลังของอสูรบรรพกาลโดยมีเทพอสูร‘กิ’และ‘เลน’เป็นแกนนำ จึงก่อกำเนิดเป็นโล่ศักดิ์สิทธิ์สีทองคำสลักลวดลายกระแสลมปราณซับซ้อน
หลังจากนั้นไม่นาน ผืนแผ่นดินทั้งหมดเริ่มเกิดการสั่นสะเทือนรุนแรงหนักขึ้น รอยแตกร้าวขนาดมหึมาเริ่มกระจายฉีกออกนับหลายพันหมื่นสาย ซึ่งแต่ละสายก็ฉีกลึกเสียจนทอดมองไม่เห็นก้นบึ้งเสมือนโลกาแยก
นี่คือวันโลกาวินาศ!
น้ำจากมหาสมุทรไหลเชี่ยวเข้าท่วมแผ่นดินสูงขึ้นเรื่อยๆ
ในเวลานั้นเป็นจังหวะเดียวกับที่แสงสว่างบนเหรียญตราสีทองแดงเริ่มอ่อนลง ทั่วผืนทวีปแห่งนั้นแตกสลายไม่เหลือชิ้นดี แล้วจึงค่อยก่อเกิดกลายเป็นทวีปแผ่นผืนใหม่อีกครั้ง
นี่คือที่มาของทวีปเทียนหลางในปัจจุบัน! กระแสน้ำเชี่ยวกรากเหล่านั้นลดระดับลงในเวลาต่อมา ความรุนแรงมิอาจคุกคามสิ่งมีชีวิตบนผืนแผ่นดินใหญ่ได้อีกต่อไป แต่นี่ก็ต้องแลกมากับเหรียญตราทองแดงชิ้นนั้นที่ค่อยๆสูญเสียพลังความแข็งแกร่งลงไป พื้นที่น้ำและดินกลับมาสมดุลอีกครั้ง เปิดม่านยุคใหม่อย่างเป็นทางการ
เทพอสูรทั้งสองตนอย่าง‘กิ’และ‘เลน’ หมดสิ้นเรี่ยวแรงพละกำลังใดๆ พลังลมปราณในกายของพวกมันเหือดแห้งว่างเปล่า และในที่สุดก็ล้มพับลงไปกับพื้น
อย่างไร ในเสี้ยวอึดใจสุดท้ายของชีวิตพวกมัน จู่ๆก็มีลำแสงประหลาดสีครามพวยพุ่งออกมาเหรียญจนสทองแดงชิ้นนั้น เข้าผนึกรวม‘กิ’และ‘เลน’จนกลายมาเป็นหนึ่งเดียว หรือก็คือ กิเลน นับตั้งแต่นั้น
หลังจากการกำเนิดใหม่ของกิเลน มันก็เดินทางขึ้นสู่ยอดเขาสูงชันที่ตั้งอยู่ ณ ใจกลางทวีปเทียนหลางทั้งมวล พร้อมกับเหรียญตราทองแดงหรือปัจจุบันถูกเรียกว่า บัญชาสี่พิภพ ที่คาบอยู่ในปากของมัน
เมื่อเห็นเรื่องราวทั้งหมดดังนี้แล้ว หลิวซูก็เข้าใจได้ทันทีว่า ไยเซียถงถึงต้องเรียกกิเลนสองตนนั้นว่า ‘กิ’ และ ‘เลน’
“ไม่น่าแปลกใจ เหตุไฉนจิตวิญญาณของเสี่ยวฮั่วถึงโดนแบ่งเป็นสองส่วน ปรากฏว่าตั้งแต่แรกเริ่มเดิมที จิตวิญญาณของกิเลนศักดิ์สิทธิ์ก็กอปรมาจาก ‘กิ’และ‘เลน’”
บางทีอาจเป็นเพราะเสี่ยวฮั่วในตอนนั้น กำลังประสบความเดือดร้อนขั้นวิกฤติ ถึงได้ตัดสินใจคาบบัญชาสี่พิภพและหนีหายขึ้นไปบนหุบเขาคุนหลุนเช่นนี้?
ภาพฉากบนกำแพงลูกบาศก์ได้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นภาพของกองทัพทหารชั้นสูงแห่งจักรวรรดิซีฉินหนึ่งแสนนาย กำลังเคลื่อนพลเข้าประชิดโจมตีอยู่แถวตีนเขาคุนหลุน
กระแสลมปราณระห่ำนับไม่ถ้วนเข้ากระหน่ำโจมตีใส่ม่านพลังไร้สภาพที่คอยปกปักหุบเขาคุนหลุนอย่างมืดฟ้ามัวดิน
แต่ม่านพลังไร้สภาพเหล่านั้นได้ดูดซับการโจมตีทั้งหมดของกองทัพทหารหนึ่งแสนนายเอาไว้โดยสมบูรณ์ และสะท้อนการโจมตีทั้งหมดทั้งมวลสวนคืนไปในคราวเดียว เป็นผลให้ทหารนับแสนนายบรรลัยตายเกือบสิ้น อย่างไรเสีย ผลพวงจากการรับศึกใหญ่ครั้งนั้น ส่งผลให้กิเลนศักดิ์สิทธิ์ตนนั้นที่มีชีวิตอย่างยืนยาวด้วยการอาศัยพลังของบัญชาสี่พิภพ ตกสู่สภาวะจำศีลอย่างไร้สาเหตุ
อณูแสงสีม่วงเริ่มแทรกซึมหลุดออกจากร่างกิเลนศักดิ์สิทธิ์ที่หลับใหล ก่อตัวกลายเป็นดวงไฟสีม่วงขนาดใหญ่กลุ่มหนึ่ง
และมันก็เริ่มสานต่อหน้าที่พิทักษ์หุบเขาคุนหลุนแห่งนี้ต่อไป
อย่างไร ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ก็ไม่มีผู้ใดเข้ามารุกรานหรือเหยียบย่างล้ำเส้นอาณาเขตหุบเขาคุนหลุนอีกเลย
หุบเขาคุนหลุนกลับสู่สภาวะปกติและสงบสุขอีกครั้ง และสามารถคงรักษาสถานการณ์เช่นนี้ได้นานกว่าหลายทศวรรษ
จนกระทั่ง…
“นั่นไป๋หลี่หานมิใช่รึ?!”
สามปีก่อน!
ไป๋หลี่หานถวิลหาสมุนไพรหายากหลายชนิดที่สามารถเติบโตได้แค่บนหุบเขาคุนหลุนเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงเสาะหาทุกวิถีทางเพื่อขึ้นไปที่นั่นให้จงได้
และทันทีที่เหยียบย่างเข้าสู่อาณาเขตหุบเขาคุนหลุน ก็มีดวงไฟสีม่วงขนาดใหญ่ออกโรงเผชิญหน้า ก่อเกิดเป็นศึกสัประยุทธ์ดุเดือด ซึ่งในเวลานั้นเอง ก็ได้เห็นกระแสลมปราณสีขาวน้ำนมบริสุทธิ์ทะลักทลายจากในกายของไป๋หลี่หานออกมา!
ทันทีที่เห็นกระแสลมปราณสีขาวบริสุทธิ์นั่น หลิวซูถึงกับถลึงตาโตแทบทะลุ ร้องอุทานลั่นว่า
“นะ-นี่มัน!! ข้าไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า ไป๋หลี่หานจะอยู่เหนือกว่าขอบเขตจักรพรรดิครามฟ้าไปแล้ว!”
เหนือขอบเขตเสาหลักเขียวคือราชันย์ม่วง เหนือราชันย์ม่วงไปอีกขั้นคือจักรพรรดิครามฟ้า และเหนือยิ่งกว่าจักรพรรดิครามฟ้า เป็นระดับชั้นพลังลึกลับที่หายสาบสูญไปตั้งแต่ยุคโบราณ ขอบเขตจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์!
แต่อย่างไร ตามตำนานได้เล่าขานไว้ว่า ผู้ใดสามารถบรรลุถึงขอบเขตจักรพรรดิครามฟ้าชั้นสูงแล้ว ผู้นั้นจะถูกเรียก จุดสูงสุดแห่งจักรพรรดิครามฟ้า กล่าวคือ ขอบเขตพลังสูงสุดที่ไม่สามารถก้าวข้ามไปได้มากกว่านี้อีก เพราะไม่มีใครสามารถทะลวงผ่านขอบเขตนี้ไปถึงจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ได้อีกเลยตั้งแต่สมัยบรรพกาลโบราณ!
ในทางตรงกันข้าม ระดับชั้นพลังลมปราณของเย่หลีเทียนเองก็น่าจะอยู่ในจุดสูงสุดแห่งขอบเขตจักรพรรดิครามฟ้าแล้วเช่นกัน เพียงแต่ไม่สามารถทะลวงขึ้นเป็นขอบเขตจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ได้ เพราะแบบนี้เอง เขาจึงเลือกที่จะหันเข้าสู้ศาสตร์มืดอย่างวิชานอกรีต จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม เขาจำเป็นจะต้องสูบเลือดของสาวพรหมจารีในคืนจันทร์เต็มดวง
ในฐานะที่หลิวซูเป็นจิตวิญญาณกระบี่ มันทราบตั้งแต่แรกแล้วว่า ไป๋หลี่หานมีขุมพลังความแข็งแกร่งอันไร้เทียมทานอยู่ในครอบครอง แต่ใครจะไปนึก เขาเป็นถึงเซียนขอบเขตจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์!
ผู้คนที่บรรลุถึงระดับชั้นนี้ได้ต้องยกย่องเรียกว่า เซียน แล้ว!
และหนึ่งในจุดโดดเด่นที่สุดของผู้ที่สามารถบรรลุได้ถึงระดับชั้นนี้ก็คือ พลังลมปราณสีขาวน้ำนมบริสุทธิ์!
อย่างถึงแบบนั้น หากในเมื่อไป๋หลี่หานและเย่หลีเทียนเป็นถึงผู้ไร้เทียมทานปานนี้ ไฉนนางถึงไม่เคยเห็นพวกเขาสำแดงใช้มหาพลังที่ว่าออกมาสักครา?
ภาพฉายยังคงดำเนินต่อไป ไป๋หลี่หานปลดปล่อยพลังทั้งหมดที่มี เพื่อจะพยายามเจาะทะลุม่านพลังไร้สภาพที่ดวงไฟสีม่วงสร้างขึ้น
และผลลัพธ์ที่ได้คือ ต่างฝ่ายต่างพ่ายแพ้กันทั้งคู่!
ไป๋หลี่หานโดนพลังตัวเองสะท้อนโจมตีใส่อย่างจัง ร่างปลิวกระเด็นดุจว่าวสายป่านขาด ประสบความสูญเสียครั้งสาหัส
แต่ถึงกระนั้น สืบเนื่องมาจาก กระบวนโจมตีสองผสานในครั้งสุดท้ายจากกระบี่จันทร์หิรัญและกระบี่ทองคำของไป๋หลี่หาน ส่งผลให้ดวงวิญญาณของเสี่ยวฮั่วถูกสะบั้นตัดแบ่งออกเป็นสองส่วนในพริบตา
จิตวิญญาณเทพอสูร‘กิ’และ‘เลน’ถูกแยกออกจากกันอีกครั้ง ทั้งยังมีอีกบางส่วนที่แตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆทั่วหุบเขาคุนหลุน
แลเห็นดวงไฟสีม่วงกลุ่มหนึ่งบินหนีออกไป ไป๋หลี่หานและพวกจึงไล่ติดตามอย่างไม่ลดละ
ซึ่งในเวลานั้นเอง ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เซียถงเดินทางเข้าไปสำรวจในป่าสน ระหว่างที่กำลังย่างปลากินและนั่งอยู่แถวกองไฟ จู่ๆเสี่ยวฮั่วก็บินผ่านเข้ามาและพุ่งเข้าสู่ห้วงความคิดของนางโดยตรง
เมื่อได้เห็นเรื่องราวความเป็นมาทั้งหมดจากในภาพฉาย ดูเหมือนว่าทุกอย่างล้วนมีคำอธิบายความเป็นมาทั้งสิ้น!
หลิวซูถึงกับปวดเศียรขึ้นมา
“นี่หรือวิธีคัดเลือกเจ้านายของเสี่ยวฮั่ว?”
ชำเลืองไปทางเซียถงปราดหนึ่งด้วยความเหลือจะเชื่อ มันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า เหตุผลที่เสี่ยวฮั่วยอมรับเซียถงเป็นนายตัวเอง จะเกิดจากที่ว่า อีกฝ่ายกำลังหนีตายและดันไปเจอเข้ากับนางพอดีเช่นนี้!
สายตาคู่นั้นของเซียถงยังคงจดจ่อไม่ห่าง และในวินาทีนั้น นางก็เข้าใจทุกอย่างในทันที ถึงเหตุที่ว่าทำไมนางจึงทะลุมิติมาที่นี่!
คริสตัลสีม่วงชิ้นนั้นที่นางขโมยมาในตอนแรกสุด ปรากฏว่ามันมีความข้องเกี่ยวกับเสี่ยวฮั่วโดยตรง ถึงจะไม่ทราบแน่ชัดว่า ระหว่างมันมีความเชื่องโยงกันแบบไหน แต่นี่ก็เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้นางได้รับโอกาสที่สองจากความตาย และทะลุมิติมาเกิดเป็นเซียถง บุตรสาวของเซี่ยอี้เฉิง
เหตุการณ์ในป่าสนตอนนั้น เซียถงค่อนข้างมั่นใจ ถึงเสี่ยวฮั่วจะบังเอิญทะลุเข้ามาในร่างกายของนางมา แต่สิ่งที่ทำให้มันยอมรับนางในฐานะเจ้านายก็คือคริสตัลสีม่วงชิ้นนั้น!
ภาพฉากเหล่านี้สามารถไขข้อสงสัยภายในใจเซียถงที่ค้างคาได้เกือบหมด!
ในท้ายที่สุดนี้ ภาพฉากก็ค่อยๆจางหายไปและกลับคืนสู่ความสงบดังเดิม
จิตใจของเซียถง ณ ปัจจุบันก็รู้สึกสงบลงมากเช่นกัน
หลิวซูที่ไม่รู้เรื่องชีวิตก่อนหน้าของเซียถง เขาจึงกล่าวขึ้นว่า
“จิตวิญญาณทั้งสองส่วนของเสี่ยวฮั่วสามารถกลับมารวมเป็นหนึ่งได้อีกครั้ง เพราะการปรากฏขึ้นอีกครั้งของบัญชาสี่พิภพ บางทีการที่เรามีส่วนร่วมเข้ามาพัวพันกับเรื่องเหล่านี้อาจถูกสวรรค์ลิขิตไว้แล้วตั้งแต่แรก! แต่เหตุการณ์ก่อนหน้านั้นมันเกิดอะไรขึ้นกัน? เกิดอะไรขึ้นกับโลกในอดีต? แล้วใครกันที่เป็นผู้สั่งการบัญชาสี่พิภพให้ทำเรื่องเหล่านี้กัน?”
แต่ขณะนั้นเอง จู่ๆก็มีสุ้มเสียงของเสี่ยวฮั่วแผดดังแทรกเข้ามา
“นายท่าน! นายท่าน!”