ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 522 เทพอสูรกิและเลน (2)
ตอนที่522 เทพอสูรกิและเลน (2)
ตอนที่522 เทพอสูรกิและเลน (2)
ขณะที่เซียถงกำลังจะเอ่ยตอบสักคำออกไป จู่ๆนางถึงกับชะงักในทันใด นางเห็นเงาร่างลวงตาผู้หนึ่ง เป็นหญิงสาวในชุดสีขาวยืนอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้สุดลูกหูลูกตา ภายในนั้นมีดอกซุนอีเฉ่าสีม่วงบานฉ่ำนับไม่ถ้วน ราวกับมหาสมุทรทะเลสีม่วงไพศาลไร้ขอบเขต
ถึงแม้ทั้งหมดทั้งมวลนี้จะเป็นภาพลวงตา แต่เซียถงก็คล้ายกับสามารถได้กลิ่นดอกซุนอีเฉ่าเหล่านี้ได้จริงๆ
หญิงสาวนางนั้นเพียงแลเห็นแผ่นหลังสีขาวเนียนก็รู้ว่าสวยปานใด ประดับเคียงผมยาวสวยสีดำประดุจผ้าไหมนุ่มลื่น
เรือนร่างอรชรโค้งเว้าสมบูรณ์ไร้ที่ติ กล่าวคือ แค่ได้เห็นแผ่นหลังก็มากเกินพอแล้วที่จะทำให้ผู้คนคลั่งไคล้
หลิวซูเหม่อมองอยู่ด้านหลังของหญิงสาวนางนั้นสักครู่ ค่อยตัดสลับมาหาเซียถงอยู่ทีสองที ไฉนมันถึงรู้สึกว่า แผ่นหลังของหญิงสาวในชุดขาวนางนี้ดูคล้ายกับเซียถงอยู่หลายส่วน แต่เนื่องจากยังไม่เห็นใบหน้าอีกฝ่าย มันจึงไม่สามารถกล่าวอะไรได้มากกว่านั้น
ในเวลานี้เอง หญิงสาวในชุดสีขาวก็เอ่ยเสียงพูดออกมา ไม่นานก็แลเห็นเทพอสูรสองตนวิ่งเข้ามาใกล้นาง
นั่นคือกิและเลน
หญิงสาวในชุดขาวย่อตัวลงและกางแขนโอบกอดเทพอสูรทั้งสองตนเอาไว้ด้วยความเอ็นดูรักใคร่ น้ำเสียงที่เปล่งดังออกมาช่างไพเราะเหลือเกิน ประดุจสายน้ำยามเย็นที่รินไหลจากฟากฟ้า ทั้งอ่อนโยน น่าฟังและคล้อยตาม
“เสี่ยวกิ เสี่ยวเลน เจ้าจะต้องแข็งแกร่งให้มากกว่านี้ ขอเพียงพวกเจ้าหมั่นตั้งใจขัดเกลาตัวเองให้จงดี ย่อมสามารถกลายเป็นผู้ไร้เทียมทานแห่งใต้หล้า เทพอสูรผู้ทรงพลังอำนาจที่สุดบนผืนพิภพแห่งนี้!”
เทพอสูรน้อยทั้งสองพยักหน้าตอบ เซียถงเห็นเช่นนั้นก็ตกใจ เป็นถึงระดับชั้นเทพอสูรผู้อยู่บนจุดสูงสุดของการดำรงอยู่ทั้งปวง แต่กลับทำตัวราวกับเด็กน้อยต่อหน้าหญิงสาวนางนี้!
สิ้นเสียงเท่านั้น เงาร่างของหญิงสาวก็เริ่มพร่างพรายหายไป
“นายท่านอย่าไป! นายท่าน!!”
เมื่อเห็นภาพฉากที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า เทพอสูรน้อยทั้งสองตนก็ดูกระวนกระวายใจอย่างยิ่ง
“ไม่ต้องเป็นห่วงไป ส่วนหนึ่งของข้าจะเข้าหลอมรวมกันโลกาแห่งนี้เป็นหนึ่ง คอยช่วยเหลือผู้คนจากมหันตภัยร้ายมิให้ต้องอยู่อย่างหวาดผวา ตราบใดที่ผืนพิภพแห่งนี้ยังมีชีวิต ตัวข้าก็ยังคงอยู่ไม่จางหายไปไหน”
หญิงสาวในชุดขาวกล่าวทิ้งท้าย ก่อนจะสลายหายไปเหลือเพียงจุดแสงสว่างสีขาวบริสุทธิ์ดวงหนึ่ง นั่นเป็นมวลพลังวิญญาณเข้มข้นจำนวนมหาศาลเกินพรรณนา ทั้งหมดทั้งมวลนั้นถูกควบแน่เป็นทรงกลม เมื่อประกายแสงจรัสเจิดจ้าจะริบหรี่เบาบางลง มันก็กลายมาเป็นเหรียญตราชิ้นหนึ่งที่อัดแน่นไปด้วยพลังวิญญาณแห่งสรรพชีวิต
แต่ก่อนหน้าที่นางจะสลายไป คล้ายสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของเซียถงและหลิวซูที่กำลังมองมา หญิงสาวในชุดขาวนางนั้นชำเลืองใบหน้าหันมาส่งยิ้มให้ พอทั้งคู่ได้เห็นเท่านั้นถึงกับต้องประหลาดใจหนัก
หญิงสาวในชุดขาวนางนั้นมีใบหน้าเหมือนกับเซียถงไม่มีผิด!
เพียงแต่ว่า สายตาของหญิงสาวนางนั้นเปี่ยมล้นไปด้วยความเมตตาเห็นใจมากกว่าเซียถง
ร่างของหญิงสาวในชุดขาวสลายหายไป เหลือเพียงบัญชาสี่พิภพที่ลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ พร้อมกับร่างเทพอสูรทั้งสองที่ผสานเป็นหนึ่งเดียวท่ามกลางความเศร้าโศก
หลังจากนั้น ภาพฉากก็ตัดมาให้เห็น กิเลนศักดิ์สิทธิ์ตนนั้นที่ได้แต่นอนรอคอยวันแล้ววันเล่า เสมือนกับสุนัขตัวน้อยที่เฝ้ารอว่าสักวันหนึ่งเจ้าของอันที่เป็นรักจะกลับมา จากเพียงหลักเดือนก็กลายมาเป็นหลักปี จากหลักปีก็กลายมาเป็นหลักทศวรรษ จากหลักทศวรรษก็กลายมาเป็นศตวรรษ…
แต่ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ สภาพสังขารของมันก็เริ่มโรยรายลงไปตามกาลเวลา ทุกครั้งที่มันสะดุ้งตื่น กิเลนศักดิ์สิทธิ์ตนนั้นก็จะรีบลุกขึ้นด้วยความดีใจ แต่เมื่อพบว่ามีแต่ความว่างเปล่า มันจึงกับมาขดตัวนอนอีกครั้งพร้อมสายตาที่แสนเศร้าสร้อย
เฝ้ามองมันอยู่แบบนั้น หางตาเซียถงพลันเปียกร้อนขึ้นมาอย่างอดมิได้ นางสามารถสัมผัสได้เลยว่า กิเลนตนนั้นมันต้องทนทุกข์ทรมานกับความเหงาปานใด จนสุดท้าย นางก็อดใจเอื้อมมือ อยากจะสัมผัสมันสักครั้งมิได้ แต่เพิ่งจะยืดเหยียดมือออกไปสัมผัสเท่านั้น พริบตาต่อมาก็ลุถึงขนบนแผงศีรษะของมัน นางรู้สึกตกใจอย่างมาก ทั้งที่สิ่งรอบตัวเหล่านี้เป็นแค่ภาพมายาเท่านั้น แต่ผิวสัมผัสที่รับรู้ได้นั้น มันคือขนของกิเลนตัวจริงเสียงจริง!
ไล่ลงมาจนถึงช่วงเกล็ดคล้ายมังกรที่เรียงตัวสวยบนลำตัวของมัน ไออุ่นจากภายในร่างแผ่ซ่านออกมาจนสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจน
จู่ๆกิเลนศักดิ์สิทธิ์ตนนั้นพลันสะดุ้งตื่นขึ้นด้วยความตกใจ และหันไปมองหน้าเซียถงราวกับไม่อยากเชื่อสายตา
“นายท่าน! ท่านกลับมาแล้ว!”
สิ้นเสียงนี้เท่านั้น พื้นที่มายาภาพทั้งหมดรอบตัวเซียถงก็พังทลายลงมาทันควัน และภาพก็ตัดไปกลายเป็นสีดำ…
เมื่อเซียถงได้สติตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็สบเข้ากับนัยน์ตากิเลนสีม่วงสดใส และเป็นเสียงของเสี่ยวฮั่วที่ดังขึ้นมา
“นายท่าน!”
“เสี่ยวฮั่ว?!”
เสี่ยวฮั่วปลุกเซียถงให้ตื่นขึ้นจากฝัน ยามนี้พวกเขากลับมาอยู่ในพื้นที่ลูกบาศก์ที่คุ้นเคยอีกครั้ง
มันยังกล่าวขึ้นอีกว่า
“ไปกันเถอะนายท่าน ข้าจะพาท่านออกจากที่นี่เอง”
หลิวซูไม่คิดไม่ฝันมาก่อน เซียถงจะมีความเกี่ยวพันกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่ฉายให้เห็นโดยตรง! มันเหลือบสายตาก้มไปเห็นบัญชาสี่พิภพตกอยู่บนพื้น จึงก้มตัวลงไปหยิบขึ้นมาและส่งให้กับมือของนางไป จากนั้นมันก็คุกเข่าลงไปข้างหนึ่งและกล่าวสัตย์ปฏิญาณขึ้นว่า
“นายท่าน นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป ข้า หลิวซู จะขอรับใช้ท่านไปชั่วชีวิต หาไม่แล้ว ขอให้ผู้ต่ำต้อยไม่ตายดี!”
เสี่ยวฮั่วในร่างกิเลนศักดิ์สิทธิ์ เชิดชูเขาอันทรงพลังของมันที่ครบสองข้างขึ้นตระหง่านฟ้า ก่อนจะโค้งศีรษะก้มคำนับต่อนางอย่างมีความสุข มันขานต่อเช่นกัน
“เสี่ยวฮั่ว ขอรับใช้นายท่านไปชั่วชีวิต!”
เซียถงระบายยิ้มให้ทั้งสองเล็กน้อย จากนั้นก็เรียกกระบี่ทัณฑ์ฟ้าขึ้นมือมา ก้าวขึ้นขี่หลังกิเลนศักดิ์สิทธิ์ และมันก็ตีฝีเท้าพุ่งออกไปทันที ในระหว่างเดียวกัน บนร่างกายาของนางยังถูกฉาบคลุมด้วยชุดเกราะแสงวิญญาณสีม่วงทองระยิบระยับ มันถูกหลอมสร้างขึ้นจากพลังลมปราณสีม่วงบริสุทธิ์และเพลิงพิภพเก้าดุษณี
หนึ่งคมกระบี่ตวัดเหวี่ยงดุจอาญาสิทธิ์สวรรค์ พื้นที่ลูกบาศก์อันไร้เทียมทานแตกละเอียดเป็นเสี่ยงๆในพริบตา ชั้นน้ำแข็งในทะเลสาบถูกสะบั้นตัดแบ่งเป็นสองซีกทันควัน เปิดออกเป็นทางเดินสายหนึ่งขึ้นจากทะเลสาบธารน้ำแข็งเหล่านั้นสู่ภาคพื้นด้านบน
กิเลนศักดิ์สิทธิ์กระโจนพุ่งฝ่าธารน้ำแข็งทั้งมวลผงาดขึ้นมา ใช้กีบเท้าทั้งสี่ของมันปกคลุมไปด้วยเพลิงพิภพเก้าดุษณีสีทองสาดแสงอร่าม ทันใดนั้น มันก็วิ่งเหยียบอากาศขึ้นสู่เวหา!
กิเลนศักดิ์สิทธิ์เริ่มควบฝีเท้าทยานขึ้นฟ้าดุเดือด โดยมีจุดหมายเป็นยอดเขาคุนหลุน เซียถงเหลียวมองย้อนลงมา ธารน้ำแข็งทะเลสาบที่โดนแหวกฟันฝ่าสองซีกยังคงร่องรอยพินาศชัดแจ้ง ชั่วขณะนั้น นางยังหลงนึกว่าฝันไป
เซียถงเอ่ยถามขึ้นคำหนึ่ง
“เสี่ยวฮั่ว เจ้าเห็นไป๋หลี่หานหรือไม่?”
เสี่ยวฮั่วชำเลืองหน้าหันมาตอบเล็กน้อย
“เหมือนว่าอีกฝ่ายจะไปจากที่นี่แล้ว”
ร่างกิเลนศักดิ์สิทธิ์ของมันข้ามผ่านเส้นทางหลายหลากสาย ข้ามยอดขาคุนหลุนออกไปประมาณหนึ่ง จากนั้นจมูกของมันก็เริ่มขยับไปมา กำลังสูดกลิ่นตามห้วงอากาศเวหาจากรัศมีโดยรอบ จากนั้นค่อยกล่าวต่อว่า
“ข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเขา จากทิศทางแล้วน่าจะกำลังเดินทางกลับไปยังดินแดนอี้เฉิง”
จู่ๆหลิวซูก็เอ่ยขึ้นแทรกผ่านห้วงความคิดของเซียถงต่อเนื่อง
“เกิดอะไรขึ้นกับไป๋หลี่หาน? คนนิสัยอย่างเขาไม่มีวันจากไปทั้งที่ทิ้งท่านไว้ได้!”
เซียถงขมวดคิ้วครุ่นคิดเล็กน้อย จากตามที่นางเข้าใจ คนอย่างไป๋หลี่หานไม่มีทางทิ้งนางอยู่ลำพังแน่นอน แสดงว่าจะต้องมีเรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแน่! ทันใดนั้นเอง จู่ๆกิเลนศักดิ์สิทธิ์ก็ล่อนลงจอดบริเวณภาคพื้นแถวนั้นโดยมิทราบสาเหตุ และเมื่อเซียถงหันกลับไปมอง ก็พบว่ากิเลนศักดิ์สิทธิ์ได้กลายร่างมาเป็นเด็กน้อยอายุประมาณสี่ขวบ ทั้งยังสวมผ้าเตี่ยวสีแดง
ทันทีที่หลิวซูเห็นดังนั้นก็ถึงกับระเบิดหัวเราะลั่นเกินควบคุม
กระทั่งเซียถงเองก็อดขำไม่ได้เช่นกัน
เสี่ยวฮั่วกระทืบเท้าลงพื้นด้วยความหงุดหงิด มันคำรามเสียงดังฉุนเฉียวขึ้นว่า
“นี่ข้าโตแล้วนะ!”
แต่ใครเห็นก็ว่าไม่เปลี่ยน ดูยังไงก็เหมือนเด็กสี่ขวบ!
หลิวซูอดใจกล่าวแซวออกไปมิได้
“เอาน่า ต่อให้โตแค่ไหน ยังไงก็หล่อไม่เท่าข้า!”
“นี่เจ้า…”
เสี่ยวฮั่วถลึงตาโตมุ่งเขม็งเข้าใส่หลิวซูด้วยความโมโห ขณะที่มันกำลังโบยบินพาเซียถงออกจากหุบเขาคุนหลุน ทันใดนั้นมันก็พลันนึกถึงได้ หลังจากที่หลอมรวมจิตวิญญาณทั้งสองส่วนกลายเป็นหนึ่งอีกครั้ง ยามนี้มันได้กลับเป็นกิเลนศักดิ์สิทธิ์ดังเดิมแล้ว ทั้งยังสามารถพ่นไฟบินได้ กล่าวคือความสามารถสารพัดสิ่งอย่าง และหนึ่งในนั้นก็คือ ความสามารถในการจำแลงเป็นมนุษย์ โดยไม่รอช้าอันใด มันรีบล่อนลงจอดบริเวณใกล้เคียง เพื่อจำแลงกายอวดร่างมนุษย์ให้หลิวซูได้เห็นเป็นขวัญตา! แต่เหมือนว่า เสี่ยวฮั่วจะลืมอะไรไปอยู่หนึ่งอย่าง กิเลนเป็นหนึ่งในสัตว์เทพที่อยู่ในวรรณะสูงสุด อายุขัยของมันจึงยืนยาวกว่าสองพันปี และตัวมันเพิ่งมีเกิดมาได้เพียงไม่กี่ร้อยปี พอจำแลงกายเป็นมนุษย์ จึงอยู่ในสภาพเด็กน้อยอายุแค่สี่ขวบอย่างที่เห็น!
เซียถงพยายามกลั้นขำสุดชีวิต เร่งสะบัดหน้าเปลี่ยนอารมณ์โดยไว จากนั้นก็เอื้อมมือลูบศีรษะน้อยๆของเสี่ยวฮั่ว กล่าวว่า
“เอาน่า แบบนี้ก็น่ารักดี ข้าชอบ! ข้าชอบ!”
เสี่ยวฮั่วได้ยินแบบนั้นก็มีความสุขขึ้นในทันใด และกระโดดเกาะต้นขาของนางซบไซร้ไปมา เห็นดังนั้น หางตาหลิวซูถึงกับกระตุกอย่างแรง ฟังว่าไป๋ปี้เป็นสัตว์สายพันธุ์ใกล้เคียงกับกิเลน และยังมีกิเลนเป็นต้นสายบรรพบุรุษของพวกมันอีกด้วย แล้วไอ้นิสัยที่ชอบเกาะแข้งเกาะขา เกาะมันทุกอย่างของพวกไป๋ปี๋ ดูท่าจะมาจากเสี่ยวฮั่วนี่แหละ!