ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 524 เบี่ยงเบนความสนใจ (2)
ตอนที่524 เบี่ยงเบนความสนใจ (2)
ตอนที่524 เบี่ยงเบนความสนใจ (2)
“ท่านราชาหมาป่าสวรรค์…”
เสียงแซ่ซ้องจากขุมกำลังกองทัพของจักรวรรดิต่างๆก็ยังแผดดังไม่หยุด ซึ่งแต่ละข้อเสนอที่กล่าวออกมาล้วนมีมูลค่ามหาศาลจนเย่หลีเทียนยังต้องตะลึง!
โม่ซวนตัดสลับภาพฉากเบื้องหน้าเหล่านี้ไปมาด้วยความงุนงง เขาไม่เข้าใจเลยแม้สักนิด ก็เห็นได้ชัดว่า บัญชาสี่พิภพไม่ได้อยู่ในมือนายท่านของเขา และด้วยสติปัญญาของเย่หลีเทียนเองก็น่าจะทราบ บัญชาสี่พิภพในตอนนี้ยังไม่มีใครได้ครองครอบ นี่จงใจที่จะปลุกปั่นใส่ร้ายกันซึ่งหน้าเลยงั้นรึ? แล้วที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ ไฉนนายท่านของเขายังยอมตามน้ำไปอีก?
เย่หลีเทียนตีหน้าเกรี้ยวโกรธ คำรามใส่ผู้คนจากจักรวรรดิอื่นๆไปว่า
“เจ้าโง่! อย่าได้ฝัน! บัญชาสี่พิภพจักต้องเป็นของจักรวรรดิตงหลี่เท่านั้น!”
ทันทีที่เขาตวัดคมกระบี่เข้าสกัดกั้น องครักษ์หน่วยเงาก็เร่งพาไป๋หลี่หานหนีออกจากพื้นที่บริเวณนั้นทันที
เย่หลีเทียนเริ่มเคลื่อนไหว พร้อมทั้งกองกำลังของจักรวรรดิอื่นก็เช่นกัน พวกเขาเหล่านั้นเริ่มเดินทัพเข้าไล่ติดตาม เพราะกังวลว่าหลังจากที่ไป๋หลี่หานได้รับบัญชาสี่พิภพไปแล้ว เขาจะขึ้นมาผงาดยิ่งใหญ่เหนือทั้งปวง
หยุนซีเร่งเข้ารับไม้ต่อจากเหล่าองครักษ์หน่วยเงา โอบอุ้มร่างของไป๋หลี่หานไว้ในอ้อมแขน สภาพอีกฝ่ายเลวร้ายลงเรื่อยๆแล้ว นางเขย่าตัวสองสามทีก่อนจะกล่าวว่า
“นี่เจ้ากำลังทำบ้าอะไร? มันกำลังใส่ร้ายเจ้าชัดๆ ไยต้องตามน้ำเล่นกับมัน!?”
ไป๋หลี่หานเค้นเสียงแผดจากลำคอขึ้นอย่างยากลำบาก กล่าวว่า
“อย่าเพิ่งถามมาก อาการบาดเจ็บของข้ามันถึงขีดสุดแล้ว ต่อจากนี้มิสามารถหยิบใช้ลมปราณได้สักพักใหญ่ พาข้าหนีออกไป…ออกไปให้ห่างจากหุบเขาคุนหลุนให้มากที่สุด!”
หยุนซีเบิกตาโตโผลงมองไป๋หลี่หานตาเขม็ง แลเห็นยามนี้ สีหน้าของเขาซีดขาวหนักราวกับแผ่นกระดาษบาง ลมหายใจรวยรินแผ่วบางดูแทบจะประคองสติไม่ไหวแล้วด้วยซ้ำ ซึ่งคำพูดที่ว่า ออกไปให้ห่างจากหุบเขาคุนหลุนให้ได้มากที่สุดนี้ นางได้ยินได้เช่นนั้นก็เข้าใจได้ทันที จุดประสงค์ที่เขาตัดสินใจทำเช่นนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของเซียถง เวลานี้เอง หยุนซีวานให้ไป๋ปิงกับจือหยวน สองยอดปรมาจารย์ขอบเขตจักรพรรดิครามฟ้าครึ่งขั้น ผสานกำลังเข้ากับเหล่าองครักษ์หน่วยเงา ผนึกสร้างค่ายกลป้องกันคล้ายโล่พิทักษ์สารทิศ และพุ่งฝ่าระห่ำตัดวงสัประยุทธ์ออกไปโดยตรง!
ในตอนนั้น หลัวซีและชิงเยวี่ยกำลังเฝ้าดูเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นอยู่บนหลังอินทรีโลหิต ขณะที่กำลังจะร่อนลงไปช่วยสมทบอีกแรง แต่ทันใดนั้น จู่ๆไป๋หลี่หานก็ส่งสายตาเชยขึ้นมองหา เชิงว่าห้ามปรามหยุดมิให้พวกเขาเผยตัวลงมาเด็ดขาด
กุหลาบโลหิตเหล็กไหลที่คีบเกี่ยวในมือของหลัวซีพลันชะงักหยุดในทันใด ก่อนจะค่อยๆถอดถอนเก็บอาวุธลง และควบขับอินทรีโลหิตทะยานสู่เมฆาชั้นเวหาอย่างรวดเร็ว
“ทั้งหมดก็เป็นเช่นนี้”
หลัวซีมุ่งมองหน้าเซียถง และยังกล่าวอีกว่า
“ราชาหมาป่าสวรรค์ล่อทุกคนไปที่ดินแดนอี้เฉิง”
เซียถงได้ยินแบบนั้นก็ตกใจอย่างมาก
หากเป็นกรณีเช่นนั้นจริง นี่ถือเป็นอันตรายขั้นวิกฤติต่อชีวิตของไป๋หลี่หาน หนึ่งดินแดนจะไปต่อกรกับขุมกำลังทหารจากจักรวรรดิต่างๆที่เข้าปิดล้อมได้เยี่ยงไร?
นางต้องไปช่วยเดี๋ยวนี้! แต่ขณะที่กำลังลุกขึ้นพรวดพราดด้วยร้อนใจ กลับถูกชิงเยวี่คว้าแขนเอาไว้ได้ทันเสียก่อน
“เจ้าจะไปทั้งแบบนี้มันอันตรายเกินไป! แม้ข้าจะยังไม่เข้าใจว่า ไฉนเย่หลีเทียนถึงต้องการบัญชาสี่พิภพจนแทบคลั่งปานนั้น แต่สิ่งที่รู้แน่ชัดก็คือ การที่ไป๋หลี่หานยอมกลายเป็นตัวล่อเพื่อให้เจ้าอยู่รอดปลอดภัย แสดงว่าเขาจะต้องเห็นอะไรบางอย่างในตัวเจ้า และมีเพียงเจ้าเท่านั้นที่สามารถพลิกสถานการณ์ในเวลานี้ได้ ดังนั้น เจ้าต้องอดทนรอคอยเวลาที่เหมาะสม! และอีกอย่าง ถึงทุกคนกำลังไล่ล่าเขาอยู่ก็จริง แต่ตราบใดที่เขาสามารถดกลับเข้าดินแดนอี้เฉิงได้อย่างราบรื่นดี นี่ถือว่าสามารถซื้อเวลาได้มากโข เพราะอย่าลืมไปเสีย ขุมกำลังกองทหารของจักรวรรดิอื่นๆจะเกิดความเสียเปรียบอย่างหนักทั้งทางด้านภูมิอากาศและภูมิศาสตร์ทันทีที่ย่างเข้าสู่อาณาเขตฝ่ายนั้น”
“สุดท้ายนี้ หากเจ้าเอาแต่ใจร้อนเร่งเผยตัวก่อนเวลาอันควร นี่ไม่เท่ากับว่าสิ่งที่ไป๋หลี่หานพยายามอุตสาหะแทบตายมันเปล่าประโยชน์หรอกรึ?”
ชิงเยวี่ยหยุดพักหายใจครู่หนึ่ง เฝ้ามองไปทางเซียถงที่ได้รับบาดเจ็บตามเนื้อตามตัว และจู่ๆก็กล่าวขึ้นอีกว่า
“เจ้าได้บัญชาสี่พิภพมาครองแล้วจริงๆรึ?”
เซียถงรู้สึกได้เลยว่า สิ่งที่ชิงเยวี่ยวิเคราะห์กล่าวให้ฟัง มันล้วนสมเหตุสมผลทั้งสิ้น แต่เมื่อนางได้ยินประโยคสุดท้ายของอีกฝ่าย สีหน้าถึงกับแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาฉับพลัน
เมื่อสังเกตเห็นท่าทีหวาดระแวงของเซียถง ชิงเยวี่ยก็รีบกล่าวเสริมทันทีด้วยความตกใจ
“ไม่ใช่แบบนั้น! ข้ามิได้หมายความเช่นนั้น! อย่าเพิ่งเข้าใจผิดไป! แค่ข้ามีความคิดดีๆจะมาเสนอให้ฟัง เพราะในเมื่อไม่มีใครเคยพบเห็นบัญชาสี่พิภพมาก่อน เช่นนั้นเจ้าก็แค่สร้างของเลียนแบบขึ้นมาที่ดูคล้ายกัน และนำสิ่งนั้นไปแลกเปลี่ยนกับผลบัวศักดิ์สิทธิ์ขององค์จักรพรรดิซีฉิน…”
คำพูดประโยคนี้ของชิงเยวี่ยฟังดูค่อนข้างอุกฉกรรจ์มิใช่น้อย อนึ่งยังสามารถกล่าวได้อีกว่า ตัวเขาในปัจจุบันทรยศต่อองค์จักรพรรดิซีฉินไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แน่นอน เขาไม่ต้องการเห็นเซียถงตกอยู่ในอันตรายใดๆอีกต่อไป และหากต้องให้ใครสักคนครอบครองบัญชาสี่พิภพจริงๆ ชิงเยวี่ยเองก็คงเลือกไป๋หลี่หาน คงกล่าวได้ว่า มีเพียงเขาผู้นี้จริงๆที่น่าจะสามารถสรรค์สร้างบ้านเมืองได้ใกล้เคียงกับคำว่า สงบสุข ที่สุดแล้ว ซึ่งตัวชิงเยวี่ยเองก็มีความฝัน โดยต้องการให้ชาวบ้านธรรมดาสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้บำเพ็ญตบะได้อย่างสันติ ไม่มีการแบ่งชนชั้นกันอีกต่อไป
เซียถงชำเลืองมองไปทางชิงเยวี่ย สลับกับหลัวซีที่นั่งอยู่ด้านข้างนาง
พวกเขาสองคนนี้ทำทุกอย่างเพื่อนางด้วยใจจริง! เซียถงรู้สึกซาบซึ้งจนบอกไม่ถูก!
อินทรีโลหิตตีปีกสยายขึ้นฟากฟ้า บินโคจรเป็นวงกลมอยู่หลายรอบบรรจบ หลัวซีโบกมือลาส่งให้เซียถงที่อยู่เบื้องล่าง ส่วนอีกมือกำจดหมายเอาไว้แน่น ซึ่งฉบับนั้นคือจดหมายที่เซียถงเขียนถึงไป๋หลี่หาน ก่อนแยกย้ายลาจาก นางวานให้หลัวซีนำไปส่งให้ไป๋หลี่หาน
บริเวณตีนหุบเขาคุนหลุน มีเซียถงและชิงเยวี่ยที่กำลังยืนส่งลาอีกฝ่าย จากนั้นทั้งคู่ก็มุ่งหน้าเดินทางกลับสู่จักรวรรดิซีฉิน
สิ่งที่ชิงเยวี่ยกล่าวไปล้วนถูกต้องทุกอย่าง เซียถงจะไม่มีวันทำให้ความพยายามอุตสาหะของไป๋หลี่หานต้องสูญเปล่า ดังนั้น ถึงจะดูล่าช้าเกินไปเสียหน่อย แต่นี่ถึงเวลาที่พวกเขาจะต้องนำบัญชาสี่พิภพสู่จักรวรรดิซีฉิน…
มือที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียวของไป๋หลี่เย่ กำลังโอบกอดนางรำในชุดเบาบางวาบหวิวนางหนึ่ง โดยที่ข้างเคียงมีลูกน้องนายหนึ่งกำลังรายงานอะไรบางอย่างให้ฟัง
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ไป๋หลี่เย่ถึงกับตื่นตระหนกตกใจสุดขีด มือที่เหลืออยู่ข้างเดียวของเขายิ่งออกกอดเอวของนางรำคนนี้แน่นยิ่งขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายไม่สามารถทนเจ็บได้ไหว นางรำคนนั้นส่งเสียงร้องลั่นด้วยความทรมาน
ไป๋หลี่เย่สะดุ้งเฮือกตกใจกับเสียงกรีดร้องของนางที่จู่ๆก็ดังขึ้นพลัน จึงยกหลังมือขึ้นตบหน้านางรำจนล้มกองกับพื้นไปด้วยความหงุดหงิดงุ่นง่านใจ ผิวแก้มของนางบวมแดงขึ้นในทันใด รีบโขกศีรษะกระแทกพื้นเพื่อขอขมาอีกฝ่ายด้วยความหวาดกลัว ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองใดๆ
ไป๋หลี่เย่อุทานร้องลั่นด้วยความพิโรธจัด จนสีหน้าบิดเบี้ยวน่าเกลียดเกินบรรยาย
“อันใด! เจ้าบอกว่า บัญชาสี่พิภพตกอยู่ในกำมือของไป๋หลี่หานแล้ว?!”
“ขอรับ ตอนนี้ขุมกำลังจากแต่ละจักรวรรดิกำลังตามล่าราชาหมาป่าสวรรค์อยู่ เห็นว่าราชาหมาป่าสวรรค์และคณะกำลังวางแผนที่จะหลบหนีกลับดินแดนอี้เฉิง”
ไป๋หลี่เย่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งโกรธจัด ปัดจอกและไหสุราบนโต๊ะที่ใกล้มือกวาดทิ้งลงพื้น เสียงแตกพินาศส่อเสียดแก้วหูดังเพล้ง
เท่านั้นยังไม่จบ เขายังลุกพรวดขึ้นมาเตะโต๊ะจนแหลกกระจุยเป็นผุยผง
“ไอ้ชาติชั่วไป๋หลี่หาน! เจ้ากล้าขโมยบัญชาสี่พิภพไปจากข้าจริงๆ! สิ่งนั้นมันควรจะเป็นของข้า! ของข้าผู้เดียว!! ไม่..ไม่…จะไม่มีใครได้ครอบครองบัญชาสี่พิภพนอกเหนือจากข้า!!!”
เสียงพังข้าวของยังคงดังต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน บานประตูทั้งบานทรุดทลายพังลงเป็นหน้ากอง กระแทกกับพื้นจนเกิดเสียงฮือลั่น
ไป๋หลี่อวี๋อิงที่กำลังเดินผ่านแถวนั้นพอดี ก็เกือบจะโดนประตูบานดังกล่าวทับใส่หัวแล้วเช่นกัน โชคยังดีที่นางรู้สึกตัวไว ก้าวถอยหลบเลี่ยงได้ทันท่วงที ทว่ายังมีขี้เลื่อยเศษละอองนับไม่ถ้วนสาดกระเด็นเข้าหน้าเข้าตาเต็มไปหมด จะพยายามใช้แขนเสื้อเช็ดยังไงก็ไม่มีหมดเสียที
“นี่ท่านเป็นบ้าอะไร?”
ด้วยความหงุดหงิดที่เกือบโดนประตูทับ ไป๋หลี่อวี๋อิงยามนี้ตะคอกสวนออกไปเสียงดัง น้ำเสียงปราศจากความสุภาพรื่นหูใดๆ
เมื่อไป๋หลี่เย่หันมาเห็นน้องสาวของเขาที่กำลังยืนโมโหอยู่นอกห้อง ก็เหมือนน้ำมันราดซ้ำบนกองไฟ เขายิ่งเดือดจัดทำลายข้าวของต่ออย่างไม่หยุดหย่อน
ไป๋หลี่อวี๋อิงเดินตรงเข้ามา พลางเหลือบไปเห็นนางรำที่นั่งตัวสั่นหวาดกลัวอยู่บนพื้น จึงช่วยประคองอีกฝ่ายและสั่งให้ออกไปก่อน จากนั้นค่อยเอ่ยปากถามไถ่ด้วยความระมัดระวัง ไม่นานนักก็ได้ความดังว่า เสด็จอาของนางเพิ่งจะได้บัญชาสี่พิภพไปครอง
ได้ฟังเช่นนั้น นางขมวดคิ้วเล็กน้อย
“น่าแปลก แล้วไฉนอัครมหาเสนาบดีเย่ถึงมุ่งหน้ากลับมาก่อนล่ะ?”
“ก็มันไร้ความสามารถไง! ถึงได้ชิงหนีกลับมาก่อน! หากไอ้โง่เย่หลีเทียนมีน้ำยามากกว่านี้ พวกเราคงได้บัญชาสี่พิภพมาครองในมือแล้ว!!”
ไป๋หลี่อวี๋อิงเฝ้าสังเกตไป๋หลี่เย่ที่ยามนี้โกรธจัดจนหน้าซีดขาวไปหมด สักครู่ค่อยกล่าวตำหนิเตียนคำหนึ่งว่า
“ท่านมองอะไรง่ายเกินไปแล้ว”
ระหว่างที่กำลังเอ่ยกล่าว ทันใดนั้นนางก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้โดยพลัน จึงตัดบทเปลี่ยนคำถามทันที
“แล้วมีใครเห็นเซียถงบ้าง?”
ขณะนั้นก็เป็นผู้ใต้บังคับบัญชานายหนึ่ง อาสาก้าวขึ้นหน้าออกมาตอบเอง ยกสองมือขึ้นประสานให้ กล่าวรายงานด้วยความเคราพว่า
“เรียนองค์หญิง ข้อน้อยได้ยินมาว่า หลังจากที่นางขึ้นหุบเขาคุนหลุนไป ก็ไม่มีใครเคยเห็นนางอีกเลย”
ได้ยินแบบนั้น มุมปากไป๋หลี่อวี๋อิงกระตุกยิ้มขึ้นในทันใด
“ยังไม่มีใครเห็นนาง? แต่กลับด่วนสรุปไปตามล่าราชาหมาป่าสวรรค์กันหมดแล้ว?”
ไป๋หลี่เย่รีบกล่าวแทรกโพล่งกล่าวขึ้นขัดจังหวะทันที
“ก็ใช่ไง! ก็เพราะแบบนี้ พวกเราควรรีบส่งกองกำลังไปไล่ล่าไป๋หลี่หานโดยเร็วเถอะ!”
“ท่านโดนหลอกแล้ว! บัญชาสี่พิภพของจริงจะต้องอยู่กับเซียถงแน่นอน!”
สิ้นเสียงเท่านั้น ไป๋หลี่อวี๋อิงจึงหันไปออกคำสั่งกับผู้ใต้บัญชาคนนั้นว่า
“ส่งคนคอยไปสอดส่องเย่หลีเทียนดูก่อน หากว่าคฤหาสน์อัครเสนาบดีเย่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ให้รีบกลับมาแจ้งข้าโดยเร็ว!”
“ขอรับ!”