ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 526 โทษทัณฑ์ร้ายแรง (2)
ตอนที่526 โทษทัณฑ์ร้ายแรง (2)
ตอนที่526 โทษทัณฑ์ร้ายแรง (2)
“ดังนั้น เสด็จพ่อควรจับแม่ของนางมา…”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น องค์จักรพรรดิตงหลี่ก็มีรับสั่งให้นำตัวนักโทษเซี่ยอี้เฉิงเข้าเฝ้าทันที พอมาถึงก็หรี่ตาลงจับจ้อง แสยะยิ้มชั่วร้ายดูน่ากลัวอย่างยิ่งยวด
“ข้าผู้นี้ก็มิทราบเหตุใดเซียถงถึงกระทำการเช่นนี้ แต่บางทีพวกจวนมหาเสนาบดีเซี่ยคงรู้เห็นเป็นใจด้วยกระมัง?”
เมื่อเซี่ยอี้เฉิงได้ยินเช่นนั้น เขาถึงกับหน้าถอดสีซีดเผือดหนัก ก้มศีรษะถวายแทบเท้า ร่างนอนศิโรราบอยู่กับพื้นด้วยความหวาดกลัวตัวสั่น
ภายในใจของเซี่ยอี้เฉิงผู้นี้เต็มไปด้วยความเกลียดชัง ก่นด่าสาปแช่งเซียถงซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่หยุดหย่อน ไอ้นังสารเลวเซียถง หากไม่ใช่เพราะความเห็นแก่ตัวของมัน ปานนี้ตระกูลเซี่ยคงไม่ต้องประสบพบเจอกับมหันตภัยร้ายแรงปานนี้!
เซี่ยอี้เฉิงส่ายหน้าสะบัดอย่างแรง ทั้งยังโขกศีรษะกระแทกพื้นเพื่อขอขมาจนหน้าผากแดงฉ่า กล่าวน้ำเสียงสั่นเครือว่า
“ข้าน้อยนั่นหาได้มีส่วนข้องเกี่ยวใดๆกับเรื่องกบฏเช่นนี้ นับเป็นความอัปยศของตระกูลเซี่ยอย่างแท้จริงที่มีบุตรสาวสันดานเลวทราม เป็นพวกทรราชบ้านเมืองเช่นนี้! ทั้งหมดเป็นเพราะแม่ของมันกับมันที่วางแผนคิดทรยศกันอย่างลับๆ! ข้าน้อยมีตาหามีแววไม่ที่ไปนำสายเลือดชั่วร้ายของพวกตระกูลหลี่เข้ามา… สำหรับนังสารเลวเซียถง โปรดฝ่าบาทลงโทษทัณฑ์อย่างเด็ดขาดด้วยเถิด…”
ทุกคนในที่แห่งนั้นทั้งรู้สึกขำขันและรังเกียจต่อทัศนคติอันกลับกลอกของเซี่ยอี้เฉิงอย่างยิ่ง
กลับเป็นมันที่เห็นแก่ตัวและนิสัยโสโครกยิ่งกว่าใคร! ไป๋หลี่เย่ระเบิดหัวเราะลั่นอย่างชั่วร้าย และกล่าวอีกว่า
“ไม่ใช่แค่ลูกสาวของเจ้า กระทั่งลูกชายตัวดีของเจ้า เซี่ยหลู่เฟิงเองก็เช่นกัน! มันบังอาจลักพาตัวว่าที่นางสนมของข้าไป! บัญชีโทษใหญ่หลวงเช่นนี้ เจ้าจะทำเยี่ยงไร!?”
เซี่ยอี้เฉิงถึงกับหน้าเสียถอดสีหนักด้วยความหวาดกลัวสุดขีด ร่างทั้งร่างแทบทรุดร่วงซึมกับไปแผ่นพื้น ลอบเงยมองไป๋หลี่เย่ที่ยืนอยู่ข้างองค์จักรพรรดิตงหลี่ สายตาละห้อยไร้ซึ่งเรี่ยวแรงใดๆ ลิ้นจุกอกพูดไม่ออกอยู่แบบนั้น
ในอีกด้าน ชิงเยวี่ยกำลังนั่งพักผ่อนอยู่บนกิ่งก้านต้นไม้ใหญ่ คว้าถุงเครื่องหนังบรรจุน้ำดื่มจากมือเซียถงที่ส่งให้ แหงนหน้าเงยขึ้นครึ่งองศามาริมจิมคำหนึ่ง เขาเอ่ยขึ้นว่า
“อีกครึ่งวันก็น่าจะถึงช่องแคบกวนตู่แล้ว จากนั้นก็อาศัยทางน้ำเดินทางต่อก็จะถึงจักรวรรดิซีฉิน เซียถง นี่เจ้าคิดดีแล้วจริงๆรึ? นำบัญชาสี่พิภพไปแลกกับผลบัวศักดิ์สิทธิ์มันคุ้มค่า?”
เซียถงร่วนหัวเราะ
“ความคุ้มค่านั้น มันขึ้นอยู่กับระดับความพึงพอใจของผู้แลกเปลี่ยน ต่อให้ได้ครอบครองบัญชาสี่พิภพ กลายเป็นหนึ่งในใต้หล้า ธำรงคงอยู่ประดุจเทพเซียน แต่ต้องแลกมากับชีวิตของท่านแม่ที่ไม่มีวันได้พบเจอกันอีก ในมุมมองข้า ข้าเองก็ว่าไม่คุ้ม ตรงข้ามกันเลย ผลบัวศักดิ์สิทธิ์สามารถรักษาพิษเรื้อรังแรมครึ่งชีวิตในกายท่านแม่ให้หายดีได้ ชิงเยวี่ย ชีวิตของแต่ละคนมีเป้าหมายที่แตกต่างกัน จะใหญ่หรือเล็กกลับไม่สามารถใช้เป็นเครื่องชี้วัดความสำเร็จได้ ส่วนของข้านั่น เพียงอยากใช้ชีวิตแต่ละวันอยู่กับคนที่รักให้มีความสุขเท่านั้น”
เมื่อกล่าวมาถึงจุดนี้ จากรอยยิ้มที่สดใสดูเที่ยงธรรมของเซียถง ก็ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นสยดสยองชั่วร้าย
“แต่นั่นต้องอยู่ในเงื่อนไขที่กำหนดเช่นกัน! หากปล่อยให้คนชั่วได้พลังอำนาจไป ความสงบสุขย่อมไม่บังเกิด! ดังนั้นชิงเยวี่ย หลังจากที่ข้าถวายบัญชาสี่พิภพแก่องค์จักรพรรดิซีฉินไปแล้ว เจ้าต้องหาทุกวิถีทางเพื่อชิงมันกลับมาให้จงได้!”
แน่นอน นางยอมมอบบัญชาสี่พิภพให้แก่องค์จักรพรรดิซีฉินแน่นอนตามที่สัญญากันในทีแรก เพื่อแลกเปลี่ยนกับผลบัวศักดิ์สิทธิ์มาครอบครอง จากนั้นจึงค่อยเริ่มแผนการขั้นที่สองก็คือ ให้ชิงเยวี่ยลอบขโมยมันกลับคืนมา!
เมื่อเห็นเซียถงดูมั่นอกมั่นใจเสียปานนั้น ชิงเยวี่ยก็ตะลึงงันไปชั่วขณะหนึ่ง
เขาไม่เคยกังขาในการตัดสินใจของนางสักครั้งเลย พึงทราบคนอย่างเซียถงไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองขาดทุนแน่นอน
“แต่ข้าเป็นกังวลอยู่อย่างหนึ่ง องค์จักรพรรดิตงหลี่อาจจะทราบเรื่องนี้แล้ว และเขาไม่มีวันปล่อยเจ้ากับแม่ของเจ้าให้หลุดมือโดยง่ายแน่นอน!”
พอคำนึงถึงเรื่องในจักรวรรดิตงหลี่ขึ้นได้ นี่ทำเอาชิงเยวี่ยอดรู้สึกกังวลมิได้เช่นกัน
และนี่เองก็คือเรื่องที่เซียถงยังเป็นกังวลคิดไม่ตก
ขณะปรึกษาหารือกันอยู่นั่น ชิงเยวี่ยก็ส่งถุงเครื่องหนังบรรจุน้ำส่งคืนให้เซียถง แต่ขณะกำลังเอื้อมไปหยิบดันพลาดทำตก ถุงเครื่องหนังร่วงสู่พื้นดิน ทำน้ำหกทะลักไหลออกเป็นแอ่งน้อยๆ
เมื่อเซียถงกำลังจะกระโดดลงจากต้นไม้เพื่อลงไปหยิบ จู่ๆพลันสังเกตเห็นระลอกน้ำสั่นไสวทีหนึ่ง มันก่อตัวขึ้นบนผิวน้ำกระเพื่อมแผ่วอ่อน สีหน้าการแสดงออกของนางแปรเปลี่ยนในทันใด เร่งกระโจนสู่ภาคพื้นนอนระนาบเดียวกับผืนดินพร้อมใช้หูแนบอิงแอบ
“มีคนสะกดรอยตามมา!”
เซียถงชักมีดสั้นฟันใส่สะโพกม้าที่ใช้เดินทางสองตัวโดยตรง ด้วยความตกใจตื่นตูม ม้าอาชาที่มัดเอาไว้ก็ดิ้นพล่านจนหลุดจากพันธนาการ และขวบทะยานหนีออกไปสุดชีวิต ส่วนเซียถงก็เร่งคว้าข้อมือชิงเยวี่ย ฉุดลากเข้าไปแอบซุ่มยังพุ่มหญ้าลับตาคนละแวกนั้น
ผ่านไปสักครู่ใหญ่ ก็แลเห็นทหารม้าสองนายควบตรงออกมา
“หื้ม? เมื่อครู่ยังเห็นนางอยู่เลย? หายไปไหนกันแล้ว?”
ชั่วอึดใจต่อมา จากสองกลายเป็นห้า เซียถงพบเจอเข้าดังนั้นก็พึงทราบทันที ควรจะเป็นทหารหน่วยลับของสักฝักฝ่ายหนึ่ง
เซียถงลอบปีกป่ายขึ้นบนต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ใกล้สุด ทุกการเคลื่อนไหวเงียบสงัดดุจอากาศ เล็งหาที่กระโดดลงจอด เมื่อได้วางตำแหน่งตัวให้ได้เหมาะสมประจำจุดจึงค่อยประจัญบาน พุ่งกระโจนลงบนหลังม้าของทหารที่อยู่หลังสุด
หนึ่งกระบวนเผยตัวล้วนแต่ดึงดูดความสนใจจากนายทหารม้าคนอื่นๆ แต่เพียงจะเหลียวหลังชำเลืองมอง ใบไม้ดาวกระจายบางเฉียวที่ถูกยิงจากในมือเซียถง ก็ล้วนปักทะลุคอของทั้งสี่โดยตรงและเสียชีวิตดับดิ้นทันที!
อีกคนที่เหลือโดนเซียถงจับกุมอยู่ด้านหลัง ดวงตาข้างขวาโดนเซียถงใช้มีดสั้นคว้านควักทั้งลูกทิ้งออก เขาเจ็บปวดเสียจนหายใจไม่ทั่วท้องหมดแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น พอเห็นบรรดาสหายทั้งสี่โดนฆ่าทิ้งเกลี้ยงไม่เหลือในพริบตาเดียว ทหารนายนั้นก็ร้องไห้ออกมา เร่งพนมมือไหว้เนื้อตัวสั่นเทิ่ม และเริ่มกล่าวอ้อนวอนขอความเมตตาจากเซียถงที่นั่งอยู่ด้านหลังตนเองทันที
“องค์ราชินี โปรดอย่าฆ่าผู้ต่ำต้อยเลย!”
เซียถงก่นเสียงเย็นหัวเราะเย้ยหยันคำโต กระโดดลงจากหลังม้าพร้อมกระชากร่างของนายทหารผู้นั้นลงมาด้วยทุกท่วงท่าการเคลื่อนไหวดูทะมัดทะแมงช่ำชอง ราวกับทำจนคุ้นชินเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
“จงกล่าว! ใครเป็นคนส่งเจ้ามา!”
เมื่อเห็นว่าเซียถงพิฆาตชีวาของเหล่าบรรดากลุ่มทหารสอดแนมเสร็จสรรพ ชิงเยวี่ยจึงค่อยกล้าก้าวย่างออกมาจากพุ่มไม้
นับว่ายังดี ทหารหนุ่มนายนี้ยังชาญฉลาดอยู่บ้าง พอได้ยินคำถามจากปากเซียถง มันจึงรีบกล่าวตอบแถลงไขโดนไว
“เข้าใจแล้วขอรับ! เข้าใจแล้วขอรับ! เป็นองค์รัชทายาทที่ส่งพวกเรามา!”
“องค์รัชทายาทคนไหน!?”
เพราะตั้งแต่ที่ทะลุมิติมาอยู่บนผืนพิภพแห่งนี้ ในชีวิตของเซียถงประสมพบเจอองค์รัชทายาทหลายองค์เสียเหลือเกิน
“องค์รัชทายาทไป๋หลี่เย่ขอรับ…”
อาจเป็นเพราะสีหน้าของเซียถงยามนี้ที่ดุร้ายเสมือนยักษ์มารปีศาจก็ไม่แน่ นายทหารคนนั้นจึงตระหนักทราบดี มีเพียงหนทางเดียวที่รอดชีวิต กล่าวคือจำต้องกล่าวอ้อนวอนขอความเมตตาจากนางเท่านั้น ทันทีที่คิดได้ เขาก็เริ่มหยิบยกปัญหาชีวิตมาสาธยายให้ฟัง
“องค์ราชินี ได้โปรดไว้ชีวิตผู้ต่ำต้อยด้วยเถิด ในครอบครัวของผู้ต่ำต้อยยังมีเด็กเล็กและคนชราที่ต้องเลี้ยงดูส่งเสีย…”
“หุบปาก! ตอนนี้พวกมันกำลังวางแผนอะไรอยู่?!”
“ขอรับ! ขอรับ! จะพูดเดี๋ยวนี้ขอรับ…”
ชายคนนั้นยกสองมือขึ้นผสานบนท้ายทอยตนเองอย่างแช่มช้า และเมื่อแอบชำเลืองหางตาปรายเห็นชิงเยวี่ยที่ปรากฏกายเผยตัวออกมา ก็พลันปรากฏประกายสังหารวาบหนึ่งจากในดวงตาของเขา
แน่นอน รายละเอียดเล็กน้อยปานนี้ล้วนหนีไม่พ้นจากสายตาของเซียถงอยู่แล้ว
เซียถงไสววูบเคลื่อนไหวฉับพลัน ยกบาทาขึ้นกวาดคู่ขาของอีกฝ่ายจนเสียศูนย์ล้มลง แต่ยังไม่วายที่นายทหารหนุ่มคนนี้จะสิ้นฤทธิ์ ในเสี้ยวพริบตา เขาหันศีรษะมุ่งไปทางชิงเยวี่ย พร้อมกับคมเข็มสีเงินจำนวนหนึ่งที่พวยพุ่งออกมาจากปาก
ทันทีทันใด หนึ่งชั่วความคิดกระตุกวูบ เซียถงเรียกกระบี่ทัณฑ์ฟ้าอัญเชิญออกมา ประกายแสงสีเย็นไสวเข้าโฉบเฉียว ปรากฏเป็นร่างของหลิวซูที่ยืนขวางหน้าชิงเยวี่ยเอาไว้ พร้อมรับคมเข็มสีเงินเหล่านั้นที่ถูกยิงออกมาได้อย่างง่ายดาย
มันระบายยิ้มเล็กน้อยและกล่าวกับเซียถงว่า
“นี่ สงสัยพวกมันจะทราบดีว่า เจ้าชำนาญการด้านอาวุธลอบสังหาร ถึงได้มาส่งมอบอาวุธลับดีๆเช่นนี้ถึงที่!”
ทหารหนุ่มนายนั้นถึงกับตะลึงงัน อ้าปากแข็งค้างไปชั่วขณะหนึ่ง เพราะคาดไม่ถึงมาก่อนเลยว่า จู่ๆจะมีหลิวซูปรากฏกายขึ้นมาช่วยเหลือในเวลาคับขันแบบนี้ เซียถงกางนิ้วทั้งห้าและพุ่งตะปบคอหอยของอีกฝ่ายอย่างแรง ออกแรงบีบเคล้นราวกับจะฉีกควักออกมากันแบบสดๆ นายทหารหนุ่มเจ็บปวดระทมแทบสิ้นสติขาดใจ ดวงตาที่เหลือข้างเดียวเหลือกขึ้นจนกลายเป็นสีขาว
“หากอยากตายให้จบนัก ก็จงบอกข้ามาก่อน! บอกทุกอย่างที่ข้าอยากรู้! มิเช่นนั้น เจ้าอย่าหวังได้ตายสงบ!”
เซียถงตาเป็นประกายเพชฌฆาตเย็นเยียบ ทหารหนุ่มนายนั้นใจดิ่งร่วงตกไปยันตาตุ่ม ในปัจจุบันทันด่วน มีเพียงสามคำเท่านั้นที่ปรากฏขึ้นมาในหัวของเขา มัน-จบ-แล้ว!