ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 529 หมดความอดทน
ตอนที่529 หมดความอดทน
ตอนที่529 หมดความอดทน
“เซียถง!”
ทันทีที่เขาเห็นเซียถง ไป๋หลี่เย่เร่งล่าถอยก้าวหนีออกไปโดยพลันจากสัญชาตญาณความกลัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับรอยยิ้มที่มิใช่รอยยิ้มที่ฉาบคลุมบนมใบหน้าของนาง สิ่งนี้ยิ่งทำให้เขาขวัญผวาหนักเข้าไปใหญ่
เซี่ยอี้เฉิงที่นอนสิ้นสภาพหมอบนิ่งอยู่กับพื้น บาดแผลตามเนื้อตามตัวฉกรร์สาหัสจนไม่แม้แต่จะขยับเขยื้อนตัวเสียด้วยซ้ำ ทว่าอย่างไร ทันทีที่เห็นลูกสาวตัวดีของตนเผยสู่สายตา เพลิงโทสะความโกรธแค้นภายในใจของเขาก็ปะทุเดือดดาลขึ้นทันควัน แทบจะในทันใด เขาพยุงร่างลุกขึ้นจากพื้นดิน ชี้หน้าเซียถงและแผดเสียงคำรามก่นด่าสาปแช่งด้วยวาจาแสนหยาบคายยิ่งว่า
“อีนังกบฏชาติชั่ว! ยังหน้าด้านกล้าออกมาอีกรึ?! นับแต่บัดนี้ มึงไม่ใช่ลูกกู! เพราะมึงคนเดียวที่ทำให้ตระกูลเซียต้องฉิบหายเช่นนี้!!”
เนื่องด้วยการโพล่งตัวขึ้นขัดจังหวะโดยพลันของเซี่ยอี้เฉิงครั้งนี้ ส่งผลให้ไป่หลี่เย่ลอบถอยหลังหลบหนีออกมาได้สำเร็จลุล่วง เขาก้าวมายืนอยู่เคียงข้างผู้เป็นน้องสาวของตน และในขณะเดียวกัน ก็มีกองทหารทัพใหญ่จากเบื้องหลัง เดินกำลังขึ้นหน้าเพื่อเข้าปกป้องพวกเขาสองพี่น้อง
เหล่ากองทหารทั้งหลายเร่งกระชับจับอาวุธเตรียมพร้อมรวดเร็ว แปรทัพจัดระเบียบเรียงแถวใหม่กลายเป็นปราการพิทักษ์อันไร้ที่ติโดยมีสองพี่น้องอย่างไป๋หลี่เย่และไป๋หลี่อวี๋อิงเป็นจุดศูนย์กลางที่ต้องปกป้อง
พอเจอเซี่ยอี้เฉิงชี้นิ้วใส่ทั้งยังก่นด่าสาปส่งด้วยคำหยาบคายอย่างเผ็ดร้อนปานนั้น เซียถงยิ่งทวีความเดือดดาลพยาบาทสุดขั้ว หน้าอกร้อนรุ่มสุมทรวงอัดล้นไปด้วยเพลิงพิโรธโกรธเกรี้ยว หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าท่านแม่ ปานนี้คงกลับเป็นนางเสียเองที่เป็นคนลงมือสังหารไอ้บัดซบเซี่ยอี้เฉิงตัวนี้!
“ข้ารึคนที่ทำให้ตระกูลเซี่ยฉิบหาย?”
เซียถงระเบิดร่าหัวเราะลั่น น้ำเสียงเปี่ยมล้นโกรธจัด
เมื่อเซี่ยอี้เฉิงได้ยินเช่นนั้น จู่ๆน้ำเสียงของเขาก็เปล่งดังสนั่นหนักแน่นยิ่งขึ้นเป็นทวี
“หาใช่มึงแล้วยังเป็นใคร?! ตระกูลเซี่ยฉิบหายไม่เหลือชิ้นดีเช่นนี้ก็เพราะมึง! แล้วยังมีหน้ามีชีวิตอยู่อีก? ไปตายเสียไป!!”
เซี่ยอี้เฉิงในขณะนี้ทั้งรู้สึกหวาดกลัวและอับอายขายขี้หน้าในเวลาเดียวกัน แน่นอน คนนิสัยอย่างเขาไม่กล้ามีเรื่องกับไป๋หลี่เย่ แต่สำหรับเซียถงนั่นแตกต่างออกไป ดังนั้นแล้วทันทีที่เห็นหน้านาง เขาจึงเลือกที่จะระบายความโกรธแค้นทั้งหมดที่อัดอั้นอยู่ในใจลงกับนางแทน เพราะอย่างไรเซียถงก็คือลูกสาวของเขา นี่นับเป็นสิ่งที่สมควรแล้ว ในเมื่อเขาไม่มีสิทธิ์มีเสียงตำหนิผู้มีชนชั้นสูงกว่าได้ เช่นนั้นก็แค่เก็บงำมันเอาไว้ แล้วเปลี่ยนมาลงกับเซียถงและแม่ของนางก็เท่านั้น
สุดท้ายนี้ ทันทีที่เซี่ยอี้เฉิงเห็นเซียถงปรากฏตัวขึ้นต่อหน้า เขาจึงระบายความโกรธทั้งหมดที่มีอยู่ในใจใส่นางแทน
แต่เมื่อได้เห็นเซี่ยอี้เฉิงเป็นเช่นนั้น จู่ๆเซียถงก็แสยะยิ้มเยาะขึ้นบนมุมปากทีหนึ่ง
นางย่างสามขุมตรงเข้าใกล้เซี่ยอี้เฉิงอย่างแช่มช้า พร้อมง้างบาทาถีบปากของผู้เป็นพ่อสุดแรงเกิด! ร่างอีกฝ่ายถึงกับทรุดร่วงลงกับพื้นในพริบตา
ธารเลือดสดอีกระลอกล้นทะลักกบปากเซี่ยอี้เฉิง!
“ช่างน่าขัน! คนที่ทำให้ตระกูลเซี่ยฉิบหายจนไม่เหลือชิ้นดีกลับเป็นมึง! ไอ้บัดซบเซี่ยอี้เฉิง!!”
“นี่เจ้ากล้า…”
เซี่ยอี้เฉิงเบิกตาโพล่งกว้างด้วยความเหลือเชื่อ เขาไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า ลูกสาวแท้ๆของตนเองจะมาพูดจาหยาบคายกับผู้เป็นพ่อเช่นนี้! นี่ทำให้เขาโกรธจัดยิ่งขึ้นไปอีก
“มึงยังมีสิทธิ์พูดอะไรอีก? เมื่อครู่ไอ้บัดซบที่ไหนกันที่ยอมเป็นสุนัขให้คนอื่นกระทืบรังแกเล่น เพื่อเอาชีวิตตัวเองให้รอดเป็นพอ? เมื่อคนอื่นไร้ซึ่งผลประโยชน์ต่อตนก็เพียงตัดสัมพันธ์ทิ้งและโยนความรับผิดชอบทั้งหมดให้ ต่อให้คนๆนั้นจะเป็นภรรยาที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับมึงมานับหลายสิบปีก็ยอม? มึงนี่มันสันดานต่ำช้าเกินมนุษย์แล้วจริงๆ! มึงเคยรักแม่กูบ้างหรือไม่? หากมึงเห็นแก่ตัวเองน้อยกว่านี้ บางทีสถานการณ์ทุกอย่างอาจไม่ต้องเลวร้ายอย่างในปัจจุบัน! คนอย่างมึงยังมีคุณสมบัติคู่ควรกับความเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่?”
“มึง ไอ้เซี่ยอี้เฉิง ตลอดเวลาที่ผ่านมา มึงมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับเสน่ห์คารมของฮูหยินเฉิง ลืมแม้แต่ตัวตนของท่านแม่ทำราวกับนางเป็นอากาศธาตุ ปล่อยให้ท่านแม่โดนอีนังบัดซบรังแกข่มเหงนับสิบปี! แล้วตัวมึงเองเคยทำอะไรบ้าง? กลับเป็นมึงเสียมากกว่าที่ควรไปตายห่าตายโหง!!”
ทุกพยางค์วาจาคำของเซียถงในตอนนี้ ล้วนอัดแน่นไปด้วยคำหยาบคายโดยสมบูรณ์
เซี่ยอี้เฉิงคาดไม่ถึงมาก่อนเลยแม้สักนิด ว่าตนเองจะถูกผู้เป็นลูกสาวก่นด่าสาปส่งชนิดไม่เผาผีขนาดนี้ อันที่จริง เขาควรจะพอใจกับตำแหน่งหน้าที่และชีวิตความเป็นอยู่ในปัจจุบันได้นานแล้ว และในช่วงเวลาที่ครอบครัวเกิดเหตุคับขัน ในฐานะที่เป็นเสาหลักครอบครัว ก็ควรจะเป็นเขาเช่นกันที่ต้องออกโรงมาปกป้อง แต่กลับตรงกันข้าม เขาเลือกที่จะทำทุกวิธีทางเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดปลอดภัย โดยไม่สนใจด้วยซ้ำว่า คนอื่นๆในครอบครัวจะเป็นตายร้ายดีเยี่ยงไรบ้าง
“เหตุที่ตระกูลเซี่ยฉิบหายวายวอดเป็นเพราะมึงคนเดียว!”
สิ้นเสียงคำพูดกระแทกใจดุจค้อนพันตันของเซียถง ทำเอาเซี่ยอี้เฉิงถึงกับหน้าเสียซีดเผือดสลับขาวดำ!
ไป๋หลี่เย่ยามนี้ได้รับการคุ้มครองอารักขาจากกองทหารยอดฝีมือ ส่งผลให้เขารู้สึกปลอดภัยสบายใจขึ้นมาก และนั่นทำให้ความหยิ่งผยองจองหองของเขาฟื้นคืนกลับมาอีกครั้ง
“หยุดพล่ามไร้สาระเสีย! เซียถง! จงมอบบัญชาสี่พิภพแก่ข้าผู้นี้โดยเร็ว!”
เซียถงส่งสายตาอันเหี้ยมอาฆาตสุดแสนเคลื่อนกวาดออกไปยังต้นเสียง เสี้ยวอึดใจเพียงแรกสัมผัส ไป๋หลี่เย่ใจร่วงลงไปอยู่ตาตุ่ม จากนั้นรีบเบี่ยงหน้าหนีไม่กล้าสบสายตากับนางอีกเลย เขาแผดเสียงคำรามสุดผยองเดชสั่งการแก่ทหารทุกนายขึ้นลั่นว่า
“ลงมือ! ฆ่านังสารเลวนั่นซะ! แล้วนำบัญชาสี่พิภพมาถวายแด่ข้า!!”
แค่คำเดียวเท่านั้น!
เหล่าทหารทั้งหลายที่อยู่รอบข้างไป๋หลี่เย่ ต่างพุ่งปรี่กระโจนหาเซียถงพร้อมทวนกระบี่สารพัดโรมรันจู่โจม!
มุมปากเซียถงกระตุกยิ้มอย่างเย็นชา สีหน้าเฉยเมยไม่แยแสใดๆ หยิบมีดสั้นอีกเล่มที่ซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อขึ้นมา และปราดพุ่งพัลวันเข้าใส่กองทหารนับไม่ถ้วนที่อยู่ตรงหน้า
นางในตอนนี้สวมชุดรัดรูปทมิฬ ชั้นนอกเป็นเสื้อคลุมสีดำตัดลายแดง ยามที่อยู่ท่ามกลางกองทหารในชุดเกราะสีครามฟ้า นางก็กลายมาดูโดดเด่นลอยออกมาจากฝูงชนทั้งหลาย
ด้วยโทสะอารมณ์โกรธที่ยังคลั่งค้างไม่หาย เซียถงยิ่งทวีความดุร้ายอำมหิตผิดวิสัยกว่าปกติ
ไม่ว่าเซียถงจะเคลื่อนตัวผ่านไปไหน ทั่วทุกบริเวณหนแห่งล้วนปรากฏเป็นภาพฉากทะเลโลหิตสีแดงฉูดฉาด นางไล่ล่าเสียบสังหารฆ่าไม่เลี้ยงราวกับมัจจุราชคลั่ง หลังจากที่ผ่านเหตุการณ์ในหุบเขาคุนหลุน ระดับชั้นพลังลมปราณของนางก็พัฒนาก้าวหน้าขึ้นไปไกลมาก และที่ยิ่งไปกว่านั้น อาศัยเกราะแสงวิญญาณที่นำมาหลอมผนึกเป็นชุดเกราะปกป้องร่างกาย ต่อให้โดนรุมโจมตีเข้าใส่พร้อมต่อ แค่จะสร้างรอยขีดข่วนยังไม่สามารถ!
คมมีดสาดแสงสะท้อนสีเย็นวูบวาบต่อเนื่อง เหล่านั้นล้วนเจาะทะลุคอหอยและขั้วหัวใจของเหล่าทหารนับไม่ถ้วน!
ไป๋หลี่เย่ดวงตาแปรเปลี่ยนแดงก่ำ แผดเสียงคำรามไม่หยุดไม่หย่อน
“ไป! ไป! ไป! ฆ่ามัน! ฆ่ามันให้ได้!!”
เสียงกระตุ้นรบเร้าเหล่านี้ ยิ่งทำให้เหล่าทหารอีกจำนวนนับไม่ถ้วนพวยพุ่งระห่ำเข้าใส่เซียถง
ซึ่งคราวนี้กลุ่มทหารที่พวยพุ่งเข้ามา พวกเขาล้วนแต่เป็นระดับชั้นขอบเขตเสาหลักเขียวชั้นสูงขึ้นไปโดยทั้งสิ้น และยังมีบางคนเป็นถึงยอดฝีมือขอบเขตราชันย์ม่วงครึ่งขั้น
แต่นั้นหาใช่ปัญหาสำหรับเซียถงเลย
ร่างของนางแปรไสวกลายเป็นเงาพิสดารสายหนึ่ง หลบเลี่ยงคมทวนสีเงินระยิบระยับที่พุ่งเข้าแทงได้อย่างไม่ยากเย็น มิเพียงเท่านั้น นางยังเผยแสดงให้เห็นถึงความเร็วที่เหนือกว่า อย่างการกระโดดขึ้นเหยียบย่างบนตัวทวน เพียงกระติกปลายเท้าเล็กน้อย พลันก่อเกิดเกลียวพายุตลบใหญ่ซัดหน้าเหล่าทหารจนร่วงล้มกันราบเป็นหน้ากลอง พร้อมกระโดดหมุนตัวควงลงมาอย่างช่องชำนาญ คว้าทวนสีเงินเล่มนั้นหยิบใช้ แทงใบทวนไล่เสียบสังหารผู้คนจนหมดสิ้น เซียถงในเวลานี้เปรียบดั่งปีศาจแห่งยุคที่ชั่วร้ายที่สุด!
เสื้อคลุมชั้นนอกสีดำตัดลายแดงที่นุ่มห่มบนตัวเซียถงปราศจากรอยขีดข่วนใดๆ ร่อนตัวเหาะลงจอดภาคพื้นอยู่เบื้องหน้าไป๋หลี่เย่อย่างสง่างดงามหาที่ใดเปรียบไม่
ในเวลานี้ ยังมีกองทหารอีกกลุ่มหนึ่งกระจายตัวเข้าดักล้อมเซียถงเอาไว้เป็นวงกลม ทว่ากลับไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้ใดๆอีกเลย
นางชี้คมทวนสีเงินชูใส่หน้าไป๋หลี่เย่โดยตรง พร้อมทั้งเชิดหน้าสูงเหลือบหางตาจ้องมองด้วยแววดูถูกเหยียดหยาม ประดุจว่าข้าเตรียมพร้อมเด็ดชีวิตของเจ้าแล้ว!
ชั่วพริบตาขณะ เซียถงระเบิดพลังทำลายล้างวินาศ กวาดทำลายสรรพชีวิตข้างตัวออกมาระลอกใหญ่ บังเกิดคลื่นกระแทกอันทรงพลานุภาพมหาศาล ระเบิดใส่นายทหารทั้งมวลทั่วสารทิศกระจายออกไป กลายมาเป็นก้อนเลือดแตกโพละสาดกระเซ็นแดงฉานสาดย้อมทุกบริเวณนั้น
แต่ทันใดนั้นเอง จู่ๆก็มีเงาร่างสีดำปรากฏขึ้นจากด้านหลัง เซียถงเร่งหยิบทวนหมุนตัวหันกลับไปประจัญบานเข้าชนโดยทันที แต่เมื่อเพ่งมองให้จงดี ปรากฏว่าอีกฝ่ายคือ ไป๋หลี่อวี๋อิง
ไป๋หลี่อวี๋อิงกระโจนเข้าใส่พร้อมกับแส้ยาวสีดำในมือ เส้นแส้พัลวันพันเกี่ยวทวนเล่มนั้นในมือเซียถงเอาไว้แน่น ชั่วอึดใจระหว่างศึกโรมรันของสองนาง จู่ๆก็มีนายทหารชั้นสูงอีกกลุ่มใหญ่ที่โผล่มาจากไหนมิทราบพุ่งเข้าปะทะจากรอบสารทิศ คมดาบเล่มยักษ์กว่าหลายสิบเล่มรุมฟันใส่ทางเซียถงโดยพร้อมเพรียง และนางกำลังจะถูกฆ่าทิ้งในอีกไม่ช้า!
เมื่อพบเห็นภาพฉากนี้ ชิงเยวี่ยที่ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในมึมมืดก็ถักคิ้วขมวดแน่น ดูเป็นกังวลขึ้นในทันใด
เขาแทบจะส่งเสียงกรีดร้องลั่นออกมา!
อย่างไร เซียถงลอบกระตุกยิ้มมุมปากเย้ยเยาะขึ้นเบาๆ อาศัยสวะพวกนี้มีปัญญาฆ่านางได้?
พริบตาฉับพลัน ร่างของนางไสววูบกระโจนขึ้นฟากฟ้าสูง หลุดออกจากวงสัประยุทธ์ในพริบตา
ส่งผลให้คมดาบยักษ์นับหลายสิบเล่มเหล่านั้นพวยพุ่งเข้าใส่ไป๋หลี่อวี๋อิงแทน!