ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 530 อสูรบัวโลหิต
ตอนที่530 อสูรบัวโลหิต
ตอนที่530 อสูรบัวโลหิต
ไป๋หลี่อวี๋อิงสะดุ้งเฮือกตกใจ รีบโยนแส้ยาวในมือทิ้งและปรี่ถอยหลบออกมาโดยไว ทว่าชั่วขณะนั้นแข้งขากลับพันเกี่ยวทำเอาสะดุ้งล้มคะมำไปกับพื้น ก้นจ้ำเบ้ากระแทกอย่างแรงด้วยความอับอาย ขณะที่กำลังจากคลานขึ้นม้าที่ขี่มาเพื่อขับหนี กลับมีทวนสีเงินเล่มยาวพวยพุ่งจากบนฟากฟ้ายิงลงมาประดุจสายฟ้า เสียบทะลุร่างของม้าตนแกร่งตายคาที่
ม้าตนนั้นไม่มีโอกาสแม้แต่จะส่งเสียงร้องใดๆ มันสิ้นใจในพริบตา
ไป๋หลี่อวี๋อิงใช้สองตะกายพื้นคลานถอยหลังออกห่าง จับจ้องม้าเบื้องหน้าด้วยความหวาดกลัวสุดขีด ใจสั่นกระหน่ำเต้นแรงแทบกระโดดออกมาจากคอ และเมื่อเหลือบมองไปยังกลุ่มทหารที่ดักซุ่มโจมตีเมื่อครู่ ปรากฏว่าทั้งหมดนั้นล้วนตายห่าสิ้นแล้ว กระทั่งชายเสื้อคลุมของเซียถง พวกมันก็มิสามารถอาจเอื้อมได้
สีหน้าการแสดงออกของไป๋หลี่อวี๋อิงจัดว่าตะลึงงันยิ่งแล้ว แต่ไป๋หลี่เย่ตื่นตูมตกใจหนักกว่ามาก ใบหน้าถึงกับถอดสีหนักราวกับคนป่วยไข้ พวกเขาสองพี่น้องไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า ระดับชั้นพลังลมปราณของเซียถงจะพัฒนาไปไกลขนาดนี้แล้ว! นางกลายมาเป็นยอดฝีมือขอบเขตราชันย์ม่วงแล้วจริงๆ! สามารถทะลวงขึ้นกลายเป็นยอดฝีมือขอบเขตราชันย์ม่วงได้ภายในเวลาอันสิ้นเพียงเท่านี้เอง!?
ไป๋หลี่เย่คู่ขาอ่อนยวบลงถนัดตา ร่างกายแทบเสียศูนย์ทรงตัวไม่ไหว ได้แต่ก้าวถอยหลังอย่างแช่มช้าหวาดหวั่น
แตกต่างไปจากไป๋หลี่อวี๋อิง ยามนี้นางยังไม่ยอมแพ้หยุดอยู่เท่านี้ ประกายสายตาฉายแววพยาบาทดุเดือด นางยกนิ้วขึ้นผิวปากส่งเสียงกรีดแหลมกระจายออกไปโดยไว
เสียงผิวปากแผดดังไพศาล ทันทีทันใดก็มีเสียงคล้ายฝีเท้าดังกังวานขึ้นภายในป่าด้านหนึ่ง
ทอดสายตาจับจ้องจากทางไกล เห็นเพียงหมอกสีแดงฉานที่กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้
ไป๋หลี่อวี๋อิง หญิงสาวผู้มีนิสัยใจคอเหี้ยมโหด ที่ผ่านมา นางแอบเลี้ยงสัตว์ประหลาดบางชนิดอยู่ภายในพระราชวังมาโดยตลอด และนี่ก็ถึงเวลาเรียกใช้มันแล้ว!
เซียถงหรี่ตาลงหนึ่งส่วน และในทันใดนั้น ก็เป็นเสี่ยวฮั่วที่ร้องอุทานขึ้นว่า
“นายท่าน มันคือสัตว์ประหลาดใจสระบัวโลหิตในตอนนั้น!”
ทันทีที่ได้ยินเสี่ยวฮั่วเอ่ยถึงชื่อนี้ ก็พลันให้เซียถงนึกย้อนกลับไปถึง วันแรกที่นางได้เผชิญพบกับองค์หญิงไป๋หลี่อวี๋อิง! ตอนนั้น องค์หญิงไป๋หลี่อวี๋อิงเป็นองค์หญิงน้อยผู้แสนเอาแต่ใจและจิตใจดำมืด ถึงขนาดหลอกให้สาวใช้ในวังคนหนึ่งพลัดตกลงไปในสระบัวโลหิต!
ในปัจจุบัน นางกำลังนำสัตว์ประหลาดในสระบัวโลหิตออกมาใช้งาน! นี่นับเป็นเรื่องคาดไม่ถึงเสียจริง!
ต้นไม้จำนวนแล้วเล่าล้วนถูกผลักโค่นจนพินาศหักราบเป็นหน้ากลอง ยังไม่มีใครเห็นร่างของสัตว์ประหลาดในสระบัวตัวเป็นๆเลยสักคน เพราะสิ่งแรกที่เผยกระจายปรากฏออกมาคือ ดงหมอกชั้นหนาทึบสีแดงฉาน กระทั่งพืชพันธุ์พฤกษาทั่วบริเวณนั้นยังถูกฉาบย้อมจนกลายเป็นสีแดงถ้วนหน้า ใบไม้ใบหญ้าจากสีเขียวขจีกลายเป็นสีแดงดุจเลือด
ต่อมา สัตว์ประหลาดในสระบัวโลหิตจึงค่อยเผยกายปรากฏกสู่สายตา มันเป็นสัตว์อสูรร่างใหญ่ยักษ์ที่มีปากกว้างมหึมาและภายในนั้นเต็มไปด้วยฟันแหลมคมจำนวนนับไม่ถ้วน มีขาคล้ายเถาวัลย์หนาสี่ข้าง มีหางยาวใหญ่และครีบเกล็ดหนา
“อสูรบัวโลหิต! บดขยี้มันเสีย!”
ไป๋หลี่อวี๋อิงเอ่ยปากสั่งการอสูรบัวโลหิตตนนั้นทันที
ถึงแม้ไป๋หลี่อวี๋อิงจะไม่ใช่นักอัญเชิญอสูร แต่เนื่องจากที่นางคอยเฝ้าเลี้ยงดูมันตลอดหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้อสูรบัวโลหิตตนนี้เชื่อฟังคำสั่งของนางราวกับเจ้าของจริงๆ ทันทีที่ได้ยินดังนั้น มันก็เคลื่อนตัวปรี่พุ่งเข้าใส่เซียถง ทั้งยังฉีกปากแยกคมเขี้ยวนับไม่ถ้วน เตรียมจะเขมือบกลืนนางทั้งเป็นเข้าไป!
“นายท่าน! ระวังมันให้ดี! อย่าเผลอไปสัมผัสกับละอองโลหิตมาโดยเด็ดขาด!”
เซียถงตั้งท่าเตรียมสัประยุทธ์โดยไว ดูท่าเจ้าสัตว์ประหลาดที่เรียกว่า อสูรบัวโลหิตตนนี้จะดูจัดการยุ่งยากไปสักนิด ถึงแม้ร่างกายของมันจะมีขนาดใหญ่โต แต่กลับเคลื่อนที่ได้ว่องไวอย่างไม่น่าเชื่อ ยิ่งไปกว่านั้น ทุกครั้งที่มันกระโจนตัวพุ่งปรี่ ยังมีหมอกหนาสีแดงโลหิตที่กอปรไปด้วยละอองพิษนับไม่ถ้วนเจือผสมอยู่
ทันทีที่กองทหารที่เหลือเห็นการปรากฏกายของอสูรบัวโลหิตตนนี้ พวกเขาทั้งหลายต่างวิ่งแตกทัพกันกระเจิง เพราะหวาดกลัวอย่างยิ่งว่า จะเผลอโดนลูกหลงจากละอองพิษที่กระจายตัวอยู่ในอากาศเหล่านี้เข้า
พอได้เห็นเซียถงเริ่มปั้นสีหน้าจริงจังและคอยกระโดดเลี่ยงหลบไปมา มุมปากไป๋หลี่อวี๋อิงก็เริ่มโค้งขึ้นกลายเป็นรอยยิ้มเย็นชา
ไป๋หลี่เย่รีบเดินมายืนข้างไป๋หลี่อวี๋อิง สีหน้ายังเจือแววครั่นคร้ามอยู่หนึ่งส่วน เขากล่าวขึ้นว่า
“น้องข้า ไม่นึกเลยว่าเจ้ายังมีแผนการสำรองเก็บไว้ ไยไม่บอกข้าให้ทราบเสียก่อน?”
ไป๋หลี่อวี๋อิงระบายยิ้มกว้าง ตอบกลับไปว่า
“ท่านเพียงยืนดูความสำเร็จไปเสีย จากนั้นอย่าได้ห่วงไป ข้าซุ้มเลี้ยงอสูรบัวโลหิตตนนี้มานานหลายปีแล้ว หลังจากที่พยายามเลี้ยงดูมาอยู่นาน ในที่สุดวันนี้ก็ได้ใช้ประโยชน์! วันนี้เซียถงไม่มีทางรอดชีวิตไปได้แน่นอน!”
มีอยู่ครั้งหนึ่ง เซียถงต้องกลิ้งตัวลอดผ่านใต้เท้าของอสูรร่างใหญ่ผ่านออกไป ทั้งยังต้องหลบเลี่ยงไอหมอกสีแดงโลหิตที่พัดไสวเข้าโจมตี แต่มันตนนั้นไม่ยอมปล่อยผ่านโดยง่าย ทั้งยังกระโดดเข้าโจมตีหวังใช้ร่างกายอันใหญ่ยักษ์บี้ทับนางให้ตายสิ้น
ชายเสื้อคลุมด้านมุมหนึ่งของนางพลาดไปสัมผัสกับละอองพิษสีโลหิตเข้า และแทบจะในพริบตา เหล่านั้นได้ละลายกลายเป็นฟองฟอด
เซียถงเบิกตาตะลึงโต นางไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า ไอหมอกพิษสีโลหิตพวกนี้จะอันตรายอย่างมาก จากนี้นางคงต้องระมัดระวังตัวมากกว่านี้แล้วจริงๆ
จู่ๆเสี่ยวฮั่วก็เอ่ยขึ้นว่า
“นายท่าน ท่านสามารถทำสัญญากับมัน เป็นสัตว์วิญญาณใต้อาณัติของท่านได้! เพราะที่มันเชื่องต่อไป๋หลี่อวี๋อิงเกิดจากการเลี้ยงดูอยู่มานาน หาใช่จากตราประทับของนักอัญเชิญอสูร!”
เซียถงส่ายหัวไม่เห็นด้วยอย่างแรง
“ข้าหรือจะไปบ้าทำสัญญากับอสูรน่าเกลียดน่ากลัวเช่นมัน?”
เมื่อเสี่ยวฮั่วได้ยินเช่นนั้น มันก็ดูจะมีความสุขขึ้นมาทันใด
“หากเป็นเช่นนั้น…มอบให้ข้าจัดการได้หรือไม่?”
“อยากออกโรงบ้าง?”
เซียถงเอ่ยถามกลับด้วยความสงสัย
เสี่ยวฮั่วยิ้มกระหยิ่ม เร่งตอบกลับไป
“ตั้งแต่เดินทางจากหุบเขาคุนหลุนมา ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ข้าหิว…”
“นี่เจ้ากล้ากินอสูรหน้าตาพิสดารพันธ์ลึกเช่นนี้ด้วย?”
เสี่ยวฮั่วคลี่ยิ้มกว้างและกล่าวว่า
“ก็กินแค่วิญญาณของมันเท่านั้น”
สิ้นเสียงกล่าวจบ พลันปรากฏดวงไฟสีม่วงปรากฏออกมาจากหว่างคิ้วของเซียถง กลุ่มแสงเหล่านี้มิได้สว่างชัดเจนโดดเด่นเท่าไหร่นัก จึงไม่มีใครทันสังเกตเห็น
ในระหว่างนั้นเอง เซียถงก็เผยคมเข็มสีเงินนับหลายสิบเล่มปรากกขึ้นตามซอกนิ้ว ฉาบเคลือบพลังลมปราณสีม่วงจัดจ้านลงไป และยิงโจมตีใส่อสูรบัวโลหิตเบื้องหน้าโดยตรง บีบบังคับให้มันก้าวถอยหลังออกไปมากกว่าสิบก้าวถ้วน
ขณะเดียวกัน เบื้องหลังของเซียถงปรากฏกลุ่มดวงไฟสีม่วงก่อตัวขึ้นกลายเป็นร่างเด็กน้อยคนหนึ่ง สวมผ้าเตี่ยวสีแดง และบนผืนผ้าดังกล่าวยังมีลายปักเป็นรูปกิเลนสีทองคำ
ร่างเด็กน้อยของเสี่ยวฮั่วค่อนข้างอ้วนท้วมเล็กน้อย หัวกลมเล็ก ดวงตาเป็นประกายสดใส
ทันทีที่เด็กน้อยคนนี้ปรากฏกายขึ้นต่อหน้าต่อตาทุกคน พวกเขาเหล่านั้นต่างตกใจกันถ้วนหน้า
ลูกหมีตัวน้อยคนนี้โผล่มาจากไหน?
เด็กชายตัวน้อยร่างท้วมราวกับลูกหมี ส่ายหัวไปมา ทั้งยังยิ้มร่าหัวเราะคิกคัก เขาเดินตรงไปหาอสูรบัวโลหิตตรงหน้าโดยปราศจากทีท่าเกรงกลัวใดๆ
ทุกคนต่างเข้าใจโดยทั่วกัน เด็กน้อยน่ารักน่าชังผู้น่าสงสารกำลังจะโดนอสูรบัวโลหิตกินเข้าไปทั้งเป็นในอีกไม่ช้าแล้ว ทหารบางนายถึงกับเบี่ยงหน้าหนีไม่กล้ามองภาพฉากต่อไปที่จะเกิดขึ้น แต่ทันใดนั้น พลันบังเกิดภาพฉากสุดแสนประหลาดเกินขึ้น!
เพราะแทนที่เด็กน้อยคล้ายลูกหมีคนนี้จะต้องหวาดกลัว กลับกลายว่าเป็นอสูรบัวโลหิตร่างมหึมาเสียแทนที่ส่งเสียงกรีดร้องลั่น สี่ขาเสมือนเถาวัลย์ของมันรีบก้าวถอยออกห่าง สักครู่หนึ่งถึงกับรีบวิ่งหนีตายสุดชีวิตเสมือนเห็นผี!
ทุกคนยังไม่ทันตอบสนองใดๆ ก็แลเห็นอสูรบัวโลหิตร่างมหึมาเตลิดหนีเสียขวัญมาทางนี้อย่างรวดเร็ว!
เด็กร่างท้วมคล้ายลูกหมีวิ่งตามต๋อยๆดูน่ารักน่าชัง แต่อย่าได้คิดสบประมาทดูถูก ถึงแม้คู่เท้าน้อยๆของเขาจะเหมือนก้าวสั้นวิ่งตามไม่น่าจะทัน แต่เพียงพริบตา เสมือนเด็กน้อยสยายปีกบินได้ เร่งทะยานไล่ล่าอสูรบัวโลหิตอย่างหิวกระหาย!
“อสูรบัวโลหิต!”
ไป๋หลี่อวี๋อิงหน้าเปลี่ยนสีหนัก เร่งตะโกนร้องเรียกโดยไว
ภาพเหตุการณ์ในปัจจุบัน ราวกับแมวและหนูกำลังวิ่งไล่กัน โดยมีเด็กน้อยไร้เดียงสาคนนั้นเป็นผู้ล่า และอสูรบัวโลหิตของนางที่เป็น…เหยื่อ!
“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”