ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 531 หากกล้าก็ลองดู (1)
ตอนที่531 หากกล้าก็ลองดู (1)
ตอนที่531 หากกล้าก็ลองดู (1)
เหตุการณ์ทุกอย่างตาลปัตรฉับพลัน เปลี่ยนแปลงชนิดที่ว่าไม่มีใครคาดถึง!
อสูรบัวโลหิตขวัญหนีดีฝ่อหนัก รีบเตลิดหนีเข้าไปในป่าด้วยความตื่นตระหนกสุดขีด แต่ไม่วายสะดุดลื่นล้ม ร่างทั้งร่างคะมำล้มทับต้นไม้ใหญ่ทั่วบริเวณนั้น จนเกิดเป็นหลุมบ่อขนาดใหญ่
สิ่งนี้ทำให้มันเกิดพลาดท่าล่าช้า เสี่ยวฮั่วที่รีบทะยานติดตามเขามาก็กระโดดเกาะขาเถาวัลย์ข้างหนึ่งของอสูรบัวโลหิต
เมื่อเห็นร่างเด็กน้อยวัยสี่ขวบของเสี่ยวฮั่วเกาะติดอยู่บนขาแน่นหนา อสูรบัวโลหิตจึงพยายายามออกแรงสะบัดดีดดิ้นสุดแรงเกิน หวังจะให้อีกฝ่ายคลายมือกระเด็นไป แต่เสี่ยวฮั่วกลับกอดมันไว้แน่นไม่มีท่าทีจะปล่อยเลย!
ภายในป่าพุ่มไม้เบื้องลึก อสูรบัวโลหิตเสียขวัญสุดขีดถึงขั้นล้มตัวนอนกับพื้น และเริ่มดิ้นพล่านไปมาด้วยความหวาดวิตกตื่นกลัว
แน่นอนว่า คนภายนอกกลับไม่รู้เลยว่า เกิดอะไรขึ้นบ้างภายในที่แห่งนี้
จะเห็นก็แค่ผืนป่าทั่วบริเวณสั่นเกิดสั่นไหวรุนแรง ควงคู่มากับไอหมอกพิษโลหิตปริมาณมากล้นแพร่กระจายตัวลุกลามไปทั่วพื้นที่ด้านนอก ต้นไม้พฤกษารอบข้างแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานทั้งหมด
“อสูรบัว…”
ไป๋หลี่อวี๋อิงตั้งใจจะเปิดปากและปิดปากในเวลาเดียวกัน ใจหนึ่งก็อยากส่งเสียงเอ่ยขาน แต่อีกด้านก็หวาดกลัวจนไม่กล้า นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เด็กประหลาดคนเมื่อครู่มันโผล่มาจากไหน?
ผ่านไปสักครู่หนึ่ง ทุกอย่างค่อยๆเงียบลงกลับสู่สภาวะความสงบดังเดิม ขณะที่ต่างคนต่างคิดกันไปว่า เด็กน้อยคนนั้นคงกลายเป็นอาหารอันโอชาให้แก่อสูรบัวโลหิตตนดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อย
ทันใดนั้น พุ่มหญ้าตรงเบื้องหน้าทุกคนพลันเคลื่อนขยับไปมา พร้อมกับเด็กน้อยคนนั้นที่จู่ๆก็กระโดดออกมาจากหลังพุ่มหญ้าดังกล่าว
เห็นภาพฉากตรงหน้า ทุกคนต่างตกตะลึงสุดขีด!
“อสูรบัวโลหิตของข้า…”
“หมายถึงเจ้าหนูบัวน้อย? อย่างมันหรือจะมีคุณสมบัติเทียบชั้นกับข้า? กินเรียบไปแล้ว!”
เสี่ยวฮั่วพริบตาปริบ ขนตายาวเรียงสวยสั่นกระพือเบาบาง แต่จู่ๆก็เกิดอาการลมตีขึ้นมาจากกระเพาะ มันเผลอส่งเสียงเรอแผดดังออกมาอย่างอดมิได้ พร้อมกับไอหมอกโลหิตที่พ่นออกมาจากปาก
ตลอดทั่วใบหน้าของเสี่ยวฮั่วประดับประดาไปด้วยรอยยิ้มสดใส ซึ่งรอยยิ้มเหล่านั้นก็ช่างใสซื่อและไร้เดียงสาเสียเหลือเกิน ตรงกันข้ามกับไป๋หลี่อวี๋อิง ที่ยามนี้นางอยากจะใช้แส้เฆี่ยนมันให้ตายเหลือเกิน!
อย่างไรเสีย คนที่รู้สึกประหลาดใจที่สุดก็คงหนีไม่พ้นนางเช่นกัน ก็เห็นได้ชัดเต็มสองตาว่า เสี่ยวฮั่วก็แค่เด็กน้อยคนหนึ่ง แล้วมันหรือจะสามารถโค่นอสูรบัวโลหิตอันน่าสะพรึงกลัวตนนั้นได้? เพราะอย่างไร นี่สามารถกล่าวได้อย่างเต็มปาก อสูรบัวโลหิตตนนี้ถือเป็น อาวุธลับก้นหีบของไป๋หลี่อวี๋อิงแล้ว!
“พวกเจ้ายังมัวยืนเซ่อซ่าอันใด? เข้าไปดูสิว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่!”
ไป๋หลี่อวี๋อิงกระทืบเท้าลงพื้นรุนแรงอยู่หลายที แผดเสียงคำรามสั่งการด้วยความเกรี้ยวโกรธ
ทหารนายหนึ่งอาสาวิ่งเข้าไปหลังพุ่มไม้สู่ผืนป่าภายใน แต่เพียงชำเลืองมองแค่ปราดเดียวเท่านั้น นายทหารคนดังกล่าวถึงกับหน้าถอดสีซีดเผือดตื่นตระหนก แข้งขาอ่อนยวบทันควัน และทรุดร่วงลงกับพื้นเสียงก้มจ้ำเบ้าดังตุบ แผงหน้าผากเปียกแฉะเหงื่อเย็น
เขาคนนั้นได้แต่ชี้นิ้วที่สั่นเทาไปทางเบื้องหน้า พูดไม่ออกบอกไม่ถูกแม้สักคำ ก่อนจะหันไปเห็นรอยยิ้มของเสี่ยวฮั่ว และแทบจะในทันใด พลันสติแตกส่งเสียงกรีดร้องลั่น พร้อมกับวิ่งหนีกระเจิงหายไป
ไป๋หลี่อวี๋อิงสีหน้าแปรเปลี่ยนโดยพลัน นางตะโกนลั่นด้วยความโกรธจัด ร้องเรียกสั่งให้อีกฝ่ายกลับมาตั้งหลายรอบ แต่นายทหารคนนั้นกลับไม่สนใจฟังแม้สักนิด สิ่งนี้ทำให้นางยิ่งทวีความโกรธเกรี้ยวจัดจ้าน สุดท้าย นางจึงหันไปเอื้อมมือไปชักกระบี่เล่มหนึ่งจากเอวของนายทหารข้างเคียงนาง และโยนเข้าใส่อีกฝ่ายโดยตรง
คมกระบี่แหวกอากาศเสียบพุ่ง ทะลุกลางแผ่นอกของทหารคนนั้นตายคาที่ไป
“ไร้สาระ!”
ไป๋หลี่อวี๋อิงปรายหางตาชำเลืองมองเด็กประหลาดเบื้องหน้าอยู่ทีหนึ่ง ก่อนจะอาสาเข้าพุ่มไม้และเดินสำรวจดูสิ่งที่เกิดขึ้นภายในผืนป่าแห่งนี้ด้วยตัวเอง พร้อมกับกองทหารกลุ่มที่เหลือ
ย่างเท้าผ่านเข้าไปสองสามก้าว พุ่มไม้ใบหญ้าบริเวณนี้ถูกฉาบย้อมไอหมอกสีโลหิตอยู่ท่วมท้น เข้ามาลึกในระดับนึงก็แล้ว แต่ไป๋หลี่อวี๋อิงกลับไม่สามารถสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนใดๆ
เนื่องด้วยอสูรบัวโลหิตมีขนาดใหญ่มาก โดยธรรมชาติเวลามันย่างเท้าเคลื่อนไหว ย่อมก่อเกิดแรงกระเพื่อมสั่นสะเทือนบริเวณโดยรอบ แต่ในเวลานี้ทั้งที่นางเข้ามาใกล้มาก็แล้ว แต่กลับปราศจากปฏิกิริยาการเคลื่อนไหวหรือแรงสั่นกระเพื่อมใดๆเลย
ลดพุ่มหญ้าพฤกษาตรงหน้าลง สิ่งที่ทุกคนต่างจินตนาการไว้คือ อสูรบัวโลหิตตนนั้นยังคงมีชีวิตอยู่สุขเคลื่อนไปมา แต่ในความเป็นจริง ตอนนี้มันเหลือเพียงซากโครงกระดูกขนาดมหึมาชิ้นหนึ่ง เนื้อหนังทั้งหมดของมันถูกแทะกินเละเทะ กระดูกบางช่วงเผยให้เห็นร่องรอยฟันขบกัดอย่างชัดเจน
แรกเห็นภาพฉากนี้เพียงเท่านั้น ทุกคนต่างหันขวับมองไปที่เสี่ยวฮั่วด้วยสีหน้าถอดสีซีดประดุจเห็นผี!
เมื่อครู่ก็จะมีเพียงเด็กน้อยคนนี้เท่านั้นที่กรูวิ่งเข้าป่าไปพร้อมกับอสูรบัวโลหิต เช่นนั้น…หมายความว่าเป็นเขารึ? ที่เป็นคนเขมือบแทะอสูรบัวโลหิตจนเหลือแต่กระดูก?
มองทะลุผ่านจากระยะไกล เซียถงหน้ากรนะตุกอย่างแรงหลายที พลางเหลือบหาเสี่ยวฮั่วตัดสลับกับหน้าท้องที่พองโตของมันทีหนึ่ง นางถึงกับสะอึกพูดไม่ออกอยู่สักพัก
สักครู่ต่อมา เซียถงลอบกลืนน้ำลายเฮือกหนึ่งอย่างอดมิได้ สื่อจิตส่งหาเสี่ยวฮั่วที่อยู่หน้าพุ่มไม้ทันที
“ไหนเจ้าบอกว่ากินแค่วิญญาณมันมิใช่รึ? ไยถึงซัดจนเกลี้ยงเกลาปานนี้?”
เสี่ยวฮั่วเขินตัวบิดอยู่เล็กน้อย ก่อนจะเผยแววตาแสนบ้องแบ้วส่งหาเซียถง รูปลักษณ์ภาพนอกของมันยามนี้ช่างน่ารักใสซื่อเสียเหลือเกิน ตรงกันข้ามกับ ความเลือดเย็นของมันที่เล่นเขมือบอสูรบัวโลหิตเสียจนเหลือแต่กระดูก!
“ก็มันหิวหนินายท่าน ข้าเลยเผลอไผลกินเนื้อมันไปด้วย…”
เสี่ยวฮั่วสื่อจิตส่งตอบ
เผชิญพบกับรอยยิ้มแสนไร้เดียงสาของเสี่ยวฮั่วเข้าไป เซียถงถึงกับยอมเช่นกัน พลางส่ายหัวและไม่เอ่ยกล่าวอันใดอีก
เมื่อได้เห็นการตายที่แสนอนาถของอสูรบัวโลหิตตนนี้ ไป๋หลี่อวี๋อิงก็เดือดดาลสุดขีด ตะคอกส่งเสียงดังโกรธเกรี้ยวขึ้นว่า
“ฆ่ามัน! ฆ่าอีนังสารเลวกับเด็กนั่นซะ!!”
อย่างไรก็ตาม ลำพังแค่เซียถงคนเดียวก็ยากเกินกว่าจะจัดการได้แล้ว ยิ่งตอนนี้มีเจ้าเด็กประหลาดนี่อีก เกรงว่านี่เป็นภารกิจตีตั๋วสู่ความตาย!
นายทหารที่เหลือทุกคนต่างมองหน้าสบสายตากันไปมา และไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหวใดๆเลยแม้สักคนเดียว!
ยามนี้ไม่มีใครกล้าขยับเคลื่อนไหว เกรงว่าถึงเวลาของเซียถงแล้ว!
“เรียนองค์รัชทายาท เรียนองค์หญิง พวกท่านมีปัญญาทำได้เท่านี้เองรึ?”
เซียถงจงใจพูดจาถากถางดูแคลน ย่างสามขุมตรงเข้าใกล้สองพี่น้องมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงหัวใจเต้นแรงสั่นระรัวที่ดังขึ้นจากอกซ้ายของทุกคน ยามนี้ช่างเสียงดังฟังชัดเสียเหลือเกิน นางหัวเราะเย้ยเยาะขึ้นคำหนึ่ง ก่อนกล่าวขึ้นสั้นๆทำเอาทุกคนขนหัวลุกได้ว่า
“เช่นนั้นตาข้าแล้ว!”
เพิ่งจะสิ้นเสียงของนาง เสี่ยวฮั่วที่ติดตามอยู่ใกล้ชิดก็พลันเปิดปากฉีกกว้างในทันใด เผยแสดงคมเขี้ยวดุจพยัคฆ์และส่งเสียงแผดคำรามสนั่นไพศาล!
เสียงคำรามของเสี่ยวฮั่วรุนแรงจนกระทั่งแผ่นดินบริเวณโดยรอบแตกระแหงแยกตัวในพริบตา!
“โฮกกก!!!”
บรรดาม้าศึกทั้งหลายของทหารแนวหลังที่คุมขี่ต่างพากันตื่นตระหนกสุดขั้ว พวกเขาจำนวนหลักร้อยนายถูกสะบัดจนร่วงตกจากหลังม้าในพริบตา! ม้าศึกทั้งหมดไม่สามารถทนต่อคลื่นเสียงกดขี่ของกิเลนได้ พวกมันราวกับสติแตกชั่วขณะ รีบควบสี่กีบเผ่นหนีไปละทิศละทางอย่างรวดเร็ว
ไป๋หลี่เย่ใบหน้าถอดสีแปรเปลี่ยนฉับพลัน เขาเองก็แทบคุมสติไม่ไหวแล้ว อยากจะวิ่งหนีไปเสียจากที่นี่ให้พ้นๆ!
ไป๋หลี่อวี๋อิงก็ดูตกใจอย่างมากเช่นกัน แต่โชคยังดีที่มีองครักษ์ระดับชั้นขอบเขตราชันย์ม่วงสามคนค่อยเฝ้าระวังปกป้องอยู่ใกล้ตัว
เมื่อจำเป็นจะต้องเผชิญหน้ากับเซียถงแบบหนึ่งต่อหนึ่งแล้ว ไป๋หลี่อวี๋อิงกัดฟันกรอด เร่งสงบสติอารมณ์ตนเองโดยไวและกล่าวขึ้นว่า
“เซียถง! อย่าเพิ่งได้ใจเกินไป! บัดนี้แม่ของเจ้าอยู่ในกำมือของเราแล้ว!”
“ช่างหัวแม่ข้าไปก่อนเถอะ กลับเป็นเจ้าที่ควรห่วงตัวเองเสียมากกว่า สิ่งใดที่เคยก่อไว้กับข้า ในวันนี้เตรียมรับกรรมสนองได้เลย!”
สำหรับเรื่องของท่านแม่ ปล่อยให้หลิวซูดูแลจัดการไป และยามนี้ถึงเวลาที่เซียถงจำเป็นจะต้องพิพากษาพวกมันสองพี่น้อง!