ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 533 แผนสำรอง (1)
ตอนที่533 แผนสำรอง (1)
ตอนที่533 แผนสำรอง (1)
ในตอนนี้ เซียถงกับชิงเยวี่ยกำลังพักอาศัยอยู่ในบ้านไร่คอกนาแห่งหนึ่ง
บริเวณกลางแผ่นอกของเซี่ยอี้เฉิงมีแผลจากคมหอกทะลวงจนกลายเป็นรูกรวง ก่อนหน้าธารเลือดสีแดงฉูฉาดพุ่งกระฉูดออกมาไม่หยุด แต่ยามนี้เขาได้รับการช่วยชีวิตเอาไว้แล้ว
ระหว่างกระบวนการปฐมพยาบาลทำแผลทั้งหมด เซี่ยอี้เฉิงไม่กล้าพูดกล้าจาอะไรสักคำ ได้แต่เหม่อมองไปที่เซียถงเจือแววตาสยดสยอง เฝ้าดูนางใช้ผ้าพันแผลอย่างช่ำชำนาญ ทว่าอย่างไร กลับไม่มีคลื่นอารมณ์ใดปรากฏขึ้นในสายตาคู่นั้นของนางเลย
ชั่วอึดใจสั้นๆ เซียถงเขวี่ยงหอกทะลุทะลวงร่างของเขาไป และตอนนั้นเซี่ยอี้เฉิงเองก็เห็นทุกอย่างชัดแจ้ง รวมไปถึงแววตาความมุ่งมั่นปราศจากทีท่าลังเลใจใดๆในดวงตาของนาง ไม่ต้องสงสัยเลยสักนิด นางต้องการจะฆ่าเขาให้ตายจริงๆ
อย่างไรเสีย เหตุผลเดียวที่ตัวเขายังมีลมหายใจจนบัดนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะเซียถงเห็นแก่ท่านแม่ของนาง
เซียถงมัดผ้าพันปมสุดท้ายเสร็จสรรพ ก็พลางชำเลืองหาเซี่ยอี้เฉิงเล็กน้อย นางกล่าวว่า
“ไม่ต้องห่วง เจ้าไม่ตายแน่นอน”
เซี่ยอี้เฉิงเม้มปากอยู่สักครู่ จึงเอ่ยว่า
“ที่นี่…”
“ก็แค่บ้านไร่ทั่วไปแห่งหนึ่ง”
นางตัดบทแทรกตอบทันทีโดยไม่มีท่าทีแยแสใดๆ
เซี่ยอี้เฉิงชะงักค้างไปชั่วจังหวะ ไม่รู้ควรพูดอันใดออกไปดี ส่วนหนึ่งเป็นเพราะไม่กล้าสนทนากับเซียถงเท่านั้น แต่หลังจากพยายามรวบรวมความกล้าอยู่นาน เขาจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้งว่า
“ถงเอ๋อร์ เมื่อครู่ข้าเห็นเจ้ามอบเงินแก่ชาวนา”
เซียถงที่กำลังลุกขึ้นจากออกไป ก็เหลียวหลังมุ่งชำเลืองหาเซี่ยอี้เฉิงเล็กน้อย นางไม่รู้จริงๆว่า อีกฝ่ายพยายามจะกล่าวอะไรกันแน่
โดนสายตาคู่เย็นเยียบสะดุดมองเข้าใส่ เซี่ยอี้เฉิงถึงกับใจสั่นสะท้านหวาดกลัว
“ข้ามิได้หมายความในทางไม่ดี เพียงอยากจะบอกว่า หากเจ้าแค่อยากจะค้างแรมสักคืน ก็ไม่จำเป็นจะต้องมอบเงินจำนวนมากมายปานนั้นให้ ตลอดที่ผ่านมา เพราะข้ามัวแต่หลงระเริงอยู่กับมารยาหญิงของนังเฉิง จึงไม่เคยอบรมสั่งสอนเจ้าอย่างที่ถูกที่ควร ไม่รู้จักคุณค่าของเงินก็มิแปลก ทองคำทั้งแท่งที่เจ้ามอบให้ชาวนาคนนั้นไป มันเพียงพอแล้วที่จะเหมาซื้อไร่นาทั้งสวน”
เซี่ยอี้เฉิงก้มศีรษะมองพื้นด้วยความละอายใจ สักคู่หนึ่งค่อยกล่าวขึ้นต่อว่า
“ถึงแม้เจ้าจะอภิเษกสมรสกลายเป็นองค์ราชินี แต่อย่างไรเจ้าก็ยังเป็นคน ศรีภรรยาที่ดีจะต้องรู้จักบริหารใช้เงิน ยิ่งเป็นเจ้าตอนนี้ด้วยแล้ว ยังต้องรู้จักบริหารบ้านเมืองด้วย มิฉะนั้น แม่ยายอาจไม่ชอบพอเจ้า ถึงเวลานั้นแล้วจะอยู่ลำบาก”
นี่เป็นคำสอนสั่งธรรมดาทั่วไปจากปากคนเป็นพ่อในยามนี้ลูกสาวตนเองออกเรือนแต่งงาน
แต่ถึงแบบนั้น พอประโยคเหล่านี้ออกมาจากปากเซี่ยอี้เฉิง กลับให้ความรู้สึกแปลกๆเกินจะบอกได้ เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยมองเซียถงเป็นลูกสาวจริงๆของตัวเองเลย
และคนที่เขารักและห่วงใยมากที่สุดอย่างเซี่ยเสวี่ยเหลียน แท้ที่จริงกลับเป็นลูกชู้
บางทีโชคชะตาก็เล่นตลกดี!
“คำกล่าวพวกนี้อาจจะฟังดูตลกสำหรับเจ้า แต่จวบจนวันนี้ ข้าอยากจะบอกเจ้าเสียเหลือเกิน ข้าขอโทษ ที่…ที่อยากจะพูดก็มีเพียงเท่านี้”
เซี่ยอี้เฉิงสีหน้าเปี่ยมล้นความระทมขมขื่น ทั้งยังเค้นเสียงหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของตนเองคำหนึ่ง เขาไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าสบตาเซียถงเสียด้วยซ้ำ สักพักต่อมา น้ำตาแห่งความสำนึกผิดก็พลันรินไหลหยดลงมาในท้ายที่สุด
“ข้าขอโทษ ถงเอ๋อร์ เจ้าไปเถอะ ปล่อยให้ข้าอยู่คนเดียว นี่คือผลกรรมของพ่อเลวๆคนหนึ่งที่สมควรได้รับแล้ว”
เซียถงกำลังยืนถือถาดทำแผล ได้ยินเช่นนั้นก็แอบตะลึงอยู่เช่นกัน
ไม่นาน นางก็เคลื่อนไหวอีกครั้งและก้าวย่างเดินจากออกไป ก่อนที่ก้าวเท้าสุดท้ายจะข้ามพ้นบานประตูออกไป ทันใดนั้นสุ้มเสียงของนางก็ดังขึ้นว่า
“ข้าใช้ทองทั้งแท่งเพื่อกว้านซื้อที่นาแห่งนี้เอาไว้ พื้นที่ตลอดทั้งเนินเขาแห่งนี้เป็นของเจ้าแล้ว จงเริ่มต้นใหม่ที่นี่เสีย เซี่ยอี้เฉิง อย่าได้หวนกลับไปยังจักรวรรดิตงหลี่อีกต่อไป พวกมันไม่ยอมปล่อยให้ตระกูลเซื่ยของเจ้าอยู่ดีกินดีอีกแล้วแน่นอน ส่วนข้าจะไปช่วยเหลือท่านแม่ออกมา และสิ่งเดียวที่นางปรารถนาต้องการคือ การได้ใช้ชีวิตอันเงียบง่ายกับสามีสุดที่รักของนาง”
สิ้นเสียงเพียงเท่านั้น เซียถงก็เดินจากไปโดยไม่แลเหลียวใดๆอีกเลย
เซี่ยอี้เฉิงสีหน้าแข็งทื่อเสมือนหยุดนิ่งชั่วขณะ ริมฝีปากขมวดเม้มแน่น จนท้ายที่สุด เขาไม่สามารถอดกลั้นน้ำตาได้ไหวอีกต่อไป และก็ร้องไห้ออกมา…
ชิงเยวี่ยกำลังนั่งเฝ้าจับจ้องไป๋หลี่อวี๋อิงอยู่ข้างเตียงไม่ไปไหน
นางโดนเซียถงเขวี่ยงหอกเสียบทะลุแผ่นอก เฉี่ยวขั้วหัวใจไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่อย่างไร ตำแหน่งที่หอกพุ่งเข้าไปนั้น ยังเข้าตัดเส้นเลือดใหญ่ที่เชื่อมต่อหล่อเลี่ยงหัวใจเอาไว้ ส่งผลให้อาการสาหัสเกือบวิกฤตถึงชีวิต
ไม่เพียงเท่านั้น คมหอกดอกนั้นยังเจาะเข้าปอดซีกขวาจะทะลุเป็นรู นี่ยิ่งตอกย้ำอาการบาดเจ็บของไป๋หลี่อวี๋อิงให้หนักหนาสาหัสเข้าไปใหญ่
ย้อนกลับไปตอนนั้น แลเห็นไป๋หลี่อวี๋อิงนอนหอบหายใจผะงาบๆอยู่คาพื้น คนอย่างเซียถงไม่คิดช่วยเหลือ ตั้งใจจะปล่อยให้ตายอย่างทรมานเช่นนั้นไป แต่นั่นหาใช่สำหรับผู้ที่มีจิตใจเปี่ยมล้นเมตตาอย่างชิงเยวี่ย เขามักจะใจดีมีน้ำใจต่อผู้คนเสมอ จึงกล่าวว่า
“ทั้งที่โดนไปขนาดนี้แต่ยังไม่ตาย บางทีนี้อาจเป็นประสงค์ของสวรรค์”
ชิงเยวี่ยเลือกที่จะช่วยชีวิตไป๋หลี่อวี๋อิงในตอนนั้นเอาไว้ และในขณะนี้ เขาก็เพิ่งเย็บแผลบนหน้าอกของนางเสร็จ
ทันใดนั้นเอง มีนกพิราบตัวหนึ่งบินผ่านหน้าตาอยู่ด้านนอก เมื่อชิงเยวี่ยเหลือบไปเห็น แววตาของเขาพลันหม่นประหายมืดลงหนึ่งส่วน แต่นั่นก็เพียงชั่วแวบเดียวเท่านั้น ยากกว่าใครจะสังเกตเห็น
เขาตัดไหมเป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการเย็บ จึงค่อยพันแผลให้ไป๋หลี่อวี๋อิงเป็นลำดับถัดมา เซียถงที่เพิ่งมาถึงเอนแผ่นหลังพิงพักอยู่ข้างบานประตู เฝ้ามองร่างขององค์หญิงน้อยที่กำลังนอนสิ้นสติอยู่บนเตียง สีหน้าผิวพรรณที่ซีดขาวของนาง ยามนี้ค่อยๆฟื้นตัวดีขึ้นแล้วทีละเล็กละน้อย
“เจ้าจะทำเยี่ยงไรต่อ?”
ชิงเยวี่ยหันมองไปหานาง มุมปากเชิดโค้งกลายเป็นรอยยิ้มอบอุ่นตามแบบปกติของเขา
“ไป๋หลี่เย่หนีไปได้ เช่นนั้นข้าก็ตั้งใจว่าจะใช้ไป๋หลี่อวี๋อิงเป็นตัวประกันแทน เพื่อใช้ต่อรองกับองค์จักรพรรดิตงหลี้ให้คืนท่านแม่ของข้ามาเสีย”
“แล้วเจ้าคิดจริงๆหรือว่า องค์จักรพรรดิตงหลี่จะยอมทำตาม?”
ชิงเยวี่ยหยิบผ้าผืนสีขาวขึ้นเช็ดทำความสะอาดมือไม้ ระยะหนึ่งค่อยลุกขึ้นไปรินชาส่งให้เซียถงจอกหนึ่ง และเอ่ยต่ออีกว่า
“ในสายตาของเจ้า บัญชาสี่พิภพก็แค่สิ่งของธรรมดาทั่วไป แต่ในสายตาของเขา สิ่งนี้เปรียบเสมือนอาญาสิทธิ์แห่งสวรรค์ ที่สามารถพิพากษ์ตัดสินได้กระทั่งฟ้าดิน อาศัยมันเพียงชิ้นเดียว ย่อมสามารถเปลี่ยนโลกาทั้งใบให้อยู่ในกำมือได้ แล้วเจ้าจะยอมแลกโลกาทั้งใบกับแค่ผลบัวศักดิ์สิทธิ์เพียงชิ้นเดียวงั้นรึ?”
“เสือถึงร้ายย่อมไม่กินลูกตัวเอง มันคงยอมเห็นลูกชายลูกสาวของมันตายต่อหน้าต่อตา?”
เซียถงเลิกคิ้วมอง นางทราบดี พวกราชวงศ์ตงหลี่นั้นมีแต่คนนิสัยใจคอโหดเหี้ยม แต่อย่างไรตอนนี้ มีชีวิตแม่ของนางทั้งคนอยู่ในกำมือของมัน เช่นนั้นจะพลีพลามได้เยี่ยงไร…
“หากมีโลกาทั้งใบอยู่ต่อหน้า อย่าว่าแต่ลูกชายหรือลูกสาวเลย ต่อให้เป็นกระดูกทั้งโคตรบรรพชน เขาก็ยินดีไปขุดหาในสุสานจักรพรรดิเพื่อประเคนให้เจ้า!”
ชิงเยวี่ยแสยะยิ้มเล็กน้อย แต่นั่นเป็นรอยยิ้มที่เยือกเย็นที่สุดตั้งแต่รู้จักกับเขาได้เลย
เซียถงเห็นแบบนั้นก็อดรู้สึกฉงนใจมิได้ ไฉนวันนี้ชิงเยวี่ยถึงดูแปลกตาผิดจากเดิม?
“เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า?”
ชิงเยวี่ยแสยะยิ้มฉีกกว้างฉับพลัน หมอกควันสีอึมครึมที่ปนเปื้อนในดวงตาถูกกวาดล้างกระจายหายไป เขายกมือขึ้นตบไหล่เซียถงเบาๆทีหนึ่ง และกล่าวขึ้นว่า
“เซียถง เจ้าคือสหายที่ดีที่สุดในชีวิตของข้า หวังเพียงใช้ชีวิตนี้ของเจ้ามีแต่ความสุขสงบ แต่รู้อะไรหรือไม่? แรกพบที่ข้าได้เจอกับเจ้า ภายในใจของข้าก็ร้องเรียกอยากจะอยู่เคียงข้างแต่กับเจ้า ต้องการเจ้าเป็นพระชายาของข้า หากทุกอย่างได้กลายเป็นจริงดั่งฝัน คงมีความสุขเกินพรรณนา…”
ได้ยินดังนั้น เซียถงเริ่มขมวดคิ้วถักหนาขึ้นเล็กน้อย
“แต่ต่อมา เมื่อได้รู้ว่า เจ้ากับราชาหมาป่าสวรรค์ได้อภิเษกสมรสกันแล้ว ในคืนนั้น ข้ารีบปรี่ตรงไปหาท่านอาจารย์ของข้าพร้อมกับขวดสุราจำนวนหนึ่ง จากนั้นก็นั่งสำมะเลเทเมากับนางยันเช้า แทบจะนอนกอดเตาหลอมกลั่นโอสถเป็นหมอนข้าง”
ทุกวาจาประโยคที่เปล่งดังออกมา ชิงเยวี่ยเอ่ยปากเล่าออกมาด้วยทีท่าสบายๆ แต่กลับเป็นเซียถงที่รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก ทั้งที่เขากำลังพูดถึงเรื่องน่าอับอายของตัวเองแท้ๆ ทว่ายังกล้าเอ่ยเล่าออกมาให้นางฟังอย่างตรงไปตรงมา