ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 534 แผนสำรอง (2)
ตอนที่534 แผนสำรอง (2)
ตอนที่534 แผนสำรอง (2)
แต่นั่นก็พอที่จะทำให้เข้าใจแล้วว่า ไฉนชิงเยวี่ยในปัจจุบันถึงมีท่าทีแปลกแบบนี้…
“เซียถง ข้าไม่เคยคิดเคยฝันมาก่อนเลย วันนี้จะได้เป็นสหายคนสนิทของเจ้า นี่ทำให้ข้ารู้สึกมีความสุขเสียเหลือเกิน ข้าจะจดจำมิตรภาพระหว่างเราไว้ แล้วก็…ขอพูดตามตรงเลย ข้าขอโทษ ขอโทษที่ตลอดมาหัวใจของข้าคิดไม่ซื่อกับเจ้า ที่ไม่สามารถคบหาแบบเพื่อนกับเจ้าได้สนิทใจ…”
เขากล่าวขอโทษออกมาจากใจจริง
“ไม่เป็นไรหรอก ทุกคนล้วนมีความลับที่ไม่สามารถบอกใครได้เป็นของตัวเองทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นความจริงใจแบบเพื่อนหรือคนรัก สิ่งเหล่านี้ล้วนมีค่างดงาม อย่างน้อยก็หาใช่การคิดขดทรยศแต่อย่างใด”
เกิดอะไรขึ้นกับชิงเยวี่ยกันแน่? ไฉนจู่ๆเขาถึงพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา?
ท้ายที่สุดนี้ ชิงเยวี่ยอดโพล่งตัวเข้าสวมกอดกับเซียถงมิได้ เชยคางของเขาวางไว้บนหัวไหล่เซียถง กระชับกอดแน่นทั้งน้ำตาราวกับว่ากำลังจะสูญเสียนางไป
เซียถงคล้ายอยู่ในฉากซาบซึ้งหลงไปกับบรรยากาศเช่นกัน เรื่องความคิดที่ว่าจะผลักไสร่างอีกฝ่ายออกไปไกลๆกลับไม่มีหลงเหลืออยู่เลย
ชิงเยวี่ยที่สัมผัสได้ว่าเซียถงไม่มีทีทางรังเกียจตนเองเลย เขาก็แอบรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก แต่แววตาของเขากลับเศร้าโศกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เสมือนมีเรื่องอะไรบางอย่างที่มิอาจบอกได้ ทำได้แต่ร้องไห้ออกมา…
เมื่อไป๋หลี่อวี๋อิงได้สติลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง แม้ว่าสภาพร่างกายตอนนี้จะอ่อนแอถึงขีดสุด แต่สติสัมปชัญญะยังคงครบถ้วนสมบูรณ์ดี และค้นพบว่าตัวเองกำลังอยู่ในป่าแห่งหนึ่ง แผ่นหลังพิงพักอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่
สุ้มเสียงเย็นชืดที่แสนคุ้นเคยดังขึ้นจากเหนือศีรษะของนาง เซียถงกล่าวขึ้นอย่างไม่แสแยขึ้นว่า
“ยังหายใจอยู่กระมัง? เช่นนั้นจะได้เดินทางไปต่อ”
ไป๋หลี่อวี๋อิงตะลึงงันอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนที่นางจะเข้าใจสถานการณ์ทุกอย่างในตอนนี้ทันที ปรากฏว่าเซียถงต้องการจะใช้นางเป็นตัวประกัน เพื่อแลกเปลี่ยนกับแม่ของนาง ถึงจะฟังดูเป็นแผนการที่ดี แต่…
“ข้าว่าเจ้ายอมแพ้เสียเถอะ…”
น้ำเสียงของไป๋หลี่อวี๋อิงยามนี้หาใช่หยิ่งผยองจองเดชดั่งกาลก่อน แต่กลับแผ่วอ่อนดูหมดอาลัยตายอยากไปหลายส่วน แน่นอน เหตุที่นางพูดแบบนี้ออกมาเป็นเพราะ ภาพฉากก่อนหน้าที่ไป๋หลี่เย่ทิ้งนางเอาตัวรอดไปคนเดียว ยังคงเล่นวนซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ในจิตใจของนาง ต่อให้นางจะมีสายเลือดเดียวกับเขา หรือต่อให้นางเป็นถึงนักหลอมโอสถผู้เก่งกาจปานใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าบัญชาสี่พิภพในเวลานี้…นางกลับตระหนักถึงน้ำหนักความสำคัญของตนเองดี!
ไป๋หลี่อวี๋อิงเพิ่งได้สติตื่นขึ้นได้ไม่นาน เมื่อโดนแสงตะวันยามเที่ยงวันทิ่งแทงเข้าตาโดยตรง ทำให้นางยิ่งรู้สึกเวียนศีรษะขึ้นมาพลัน ทำได้เพียงข่มตาฝืนหลับโดยไวเพื่อป้องกันแสงเข้าตา แต่ทันใดนั้น นางก็สัมผัสได้ถึงเงาร่างของใครบางคนอาสาเข้ามายยืนบังให้
เมื่อค่อยลืมตาตื่นขึ้นมา ไป๋หลี่อวี๋อิงก็แลเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังนั่งย่องจับจ้องมาทางนี้ พร้อมยื่นถุงเครื่องหนังบรรจุน้ำใบหนึ่งมาให้
บุคคลเป็นชายหนุ่มใจดีมีเมตตาคนหนึ่ง ใบหน้าหล่อเหล่าทรงสง่าราศี แรกพบนั้น เขาก็ได้สร้างความประทับใจแก่นางโดยมิทันรู้ตัว
เมื่อเห็นว่าไป๋หลี่อวี๋อิงไม่ยอมเอ่ยปากพูดอะไรสักคำ ชิงเยวี่ยก็ยิ้มและกล่าวขึ้นว่า
“ก็โดนมัดอยู่ตั้งนาน คงเจ็บมือแย่? อย่างไรก็ดื่มน้ำเข้าไปหน่อยเถอะ”
เขาบิดเกลียวเปิดปากถุงเครื่องน้ำบรรจุน้ำออก และจ่อตรงไปที่ริมฝีปากของไป๋หลี่อวี่อิงโดยตรง ซึ่งนางเองก็ดูลังเลไม่ยอมรับอยู่สักพัก ก่อนที่สุดท้ายชิงเยวี่ยจะบีบถุงน้ำแกมบังคับ ส่งผลให้น้ำเย็นสดชื่นกระแสหนึ่งไหลทะลักเข้าปากของนาง ลำคอที่แห้งเหือดดุจเม็ดทราย ได้ฟื้นคืนกลับมาชุ่มช่ำอีกครั้ง
ชิงเยวี่ยมักจะปฏิบัติต่อทุกคนด้วยความโอบอ้อมอารี ซึ่งเซียถงก็ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่นักที่เขาจะทำเช่นนี้
ตามแผนผังภูมิประเทศที่หลิวซูมันทิ้งเอาไว้ให้เซียถงก่อนหน้านี้ สถานที่แห่งนั้นเหมือนจะเป็นพระราชวังพักร้อนที่ตั้งอยู่ในเมืองอันห่างไกล ตั้งอยู่นอกอาณาเขตจักรวรรดิตงหลี่ห่างออกไปประมาณห้าร้อยลี้เท่านั้น ระหว่างทาง อาการบาดเจ็บสาหัสของไป๋หลี่อวี๋อิงยังไม่เข้ารูปเข้ารอยดี บาดแผลที่ถูกคมหอกเจาะทะลวงก็ยังสดๆร้อนๆ มีเลือดปริไหลออกมาแทบทุกครั้งตามแรงกระแทกของรถม้าที่เคลื่อนผ่านเส้นทางขรุขระ
ชิงเยวี่ยเห็นแบบนั้นจึงอาสาเปลี่ยนผ้าพันแผลผืนใหม่ให้ ขณะทำความสะอาดล้างแผลอยู่นั้น เขาก็กล่าวขึ้นอีกว่า
“เจ้าอย่าได้กังวลเลย หลับตาพักผ่อนเถอะ ข้าจะไปขอร้องให้เซียถงเสาะหาที่พักค้างแรมแถวนี้ก่อน บาดแผลของเจ้าจะได้มีเวลาฟื้นตัวขึ้นบ้าง”
เขากระซิบกล่าวน้ำเสียงแผ่วเบา
ไป๋หลี่อวี๋อิงได้แต่มองหน้าจับจ้องไปที่ชิงเยวี่ย สายตาของนางเต็มไปด้วยความว่างเปล่า
“ไฉนเจ้าต้องดีกับข้าด้วย? เป็นมิตรสหายของเซียถงมิใช่รึไง? แล้วเจ้าเองก็น่าจะทราบดี ข้าผู้นี้ปรมารถนาต้องการจะฆ่านางยิ่งกว่าสรรพสิ่งใด ซึ่งนางเองก็ไม่ค่อยชอบพอนักที่ยังเห็นข้ามีลมหายใจอยู่เช่นนี้”
ในมุมมองของไป๋หลี่อวี๋อิง การที่ชิงเยวี่ยทำดีแก่นาง ทั้งช่วยทำแผลเฝ้าไข้ดูแลกันไม่ห่าง มันทำให้นางอดรู้สึกสับสนงุนงงมิได้ ทุกการกระทำของเขามันดูแปลกตาไปหมด
ชิงเยวี่ยคลี่ยิ้มบางๆ กล่าวว่า
“ข้าก็ไม่รู้หรอกว่า อะไรจะเกิดขึ้นบ้างในอนาคต แต่ข้าเองก็ได้หวังว่า สักวันหนึ่งเจ้าจะเข้าใจถึงเหตุผลที่เซียถงทำทุกอย่างลงไปเช่นนี้”
“ยังไงก็เถอะ บัญชาสี่พิภพเป็นของสำคัญเหนือสรรพสิ่งใด หวังว่านางจะไม่บ้าพอ มอบมันให้แก่องค์จักรพรรดิซีฉินกระมัง?”
ไป๋หลี่อวี๋อิงก่นเสียงเย็นหัวร่อขึ้นคำหนึ่ง กล่าวเย้าหยอกอย่างอดมิได้
“เซียถงเป็นผู้ที่ได้ครอบครองบัญชาสี่พิภพอย่างแท้จริง นางย่อมมีกรรมสิทธิ์ตัดสินใจทุกอย่าง แต่อย่างไร ก็หวังว่าบัญชาสี่พิภพจะคุ้มครองนางเช่นกัน”
ไป๋หลี่อวี๋อิงครุ่นมองครู่หนึ่ง จู่ๆก็เอ่ยถามขึ้นว่า
“เจ้าเป็นใครกัน?”
คนอะไรไฉนถึงต้องพูดแทนเซียถงด้วย? พินิจจากสถานการณ์ที่ตัวนางโดนกุมขังเวลานี้ อีกฝ่ายควรจะเป็นมิตรสหายของเซียถงแน่นอน ดังนั้น ทุกกิริยาคำพูดล้วนต้องดำเนินไปด้วยความระมัดระวัง
“ก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง แต่หากสิ่งที่เจ้ากำลังถามถึงคือ สถานะตัวตนของข้า ก็บอกได้เพียงว่า ข้าเป็นุตรบุญธรรมขององค์จักรพรรดิซีฉิน”
เสี่ยวฮั่วที่บินเล่นแก้เบื่อจนหนำใจ ยามนี้ร่อนลงมานั่งข้างเซียถงที่กำลังควบม้าอยู่ด้านนอก เหลียวกหลังชำเลืองมองชิงเยวี่ยที่ยังมัวแต่อยู่ดูแลไป๋หลี่อวี๋อิงภายในนั้น มันขมวดคิ้วปั้นหน้าไม่พอใจเล็กน้อย แล้วหันมากล่าวกับเซียถงว่า
“ชิงเยวี่ยคนนั้นกำลังทำอะไรของเขาอยู่? ไยถึงดีกับไป๋หลี่อวี๋อิงถึงปานนั้น?”
เซียถงครุ่นคิดพินิจชั่วครู่ จึงกล่าวตอบไปว่า
“ชิงเยวี่ยดีต่อทุกคนนั่นแหละ”
ถึงนางจะฉงนใจอยู่บ้างก็เถอะ แต่อย่างไร พอนึกย้อนกลับไปถึงอ้อมกอดของชิงเยวี่ยก่อนหน้านี้ เซียถงกลับรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี ราวกับว่าเขากำลังบอกลานาง
เพราะอะไรกัน?
ตลอดวันนั้น ชิงเยวี่ยเอาแต่ดูแลเฝ้าไข้ไป๋หลี่อวี๋อิงไม่ห่าง นี่ทำให้เซียถงสับสนอยู่ไม่น้อย แต่สุดท้ายนางก็ยังเลือกที่จะเชื่อใจเขา!
อีกด้านหนึ่ง อินทรีโลหิตยักษ์พาหลัวซีผงาดสูงสุดฟ้าไกล เพื่อเร่งเดินทางไปสู่ดินแดนอี้เฉิงโดยเร็วที่สุด อย่างไรตอนนี้ปราการด้านป้องกันในอี้เฉิงล้วนถูกทะลวงแตกไปหลายส่วนแล้ว แต่หากมองในแง่ดี นี่ก็ยิ่งเป็ยเรื่องง่ายที่เขาจะนำสาสน์จากเซียถงไปส่งมอบแก่ราชาหมาป่าสวรรค์
เพื่อที่จะหลอกล่อให้บรรดาผู้คนที่โลภมากทั้งหลายออกห่างจากบัญชาสี่ภพิภพในมือเซียถงให้ได้มากที่สุด เย่หลีเทียนและไป๋หลี่หานจึงจำต้องเล่นละครตบตาฉากใหญ่ แต่ผลกระทบที่ต้องจ่ายกลับเป็นราคาที่หนักหนาเกินแบกรับ
ดินแดนอี้เฉิงในเวลานี้กล่าวได้ว่า กำลังตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้าย
กำลังทหารของดินแดนอี้เฉิงต้องโรมรันกับศึกสัประยุทธ์ที่ไม่มีวันจบไม่มีวันสิ้น เพื่อต้านรับกองทัพจากจักรวรรดิต่างๆที่บุกทะลวงเข้ามาจากทุกช่องทาง แต่พวกมันเหล่านั้นเองก็ประสบความสูญเสียหนักหนาสาหัสไม่ต่างเช่นกัน ห่างออกไปจากดินแดนอี้เฉิงกว่าสามร้อยลี้ บริเวณนั้นกลายมาเป็นทะเลกองศพของพวกศัตรูจำนวนนับไม่ถ้วน
“เสี่ยวหยิน เจ้าเห็นราชาหมาป่าสวรรค์แล้วรึยัง?”
หลัวซีกำลังร่อนทะยานเข้าใกล้ดินแดนอี้เฉิงแล้วเต็มทน แต่ในขณะเดียวกัน อินทรีโลหิตยังต้องอาศัยทักษะความช่ำชอง บินฝ่าดงศรธนูที่กระหน่ำยิงดุจห่าพิรุณเพื่อสกัดกั้นข้าศึก หากมันปราศจากปฏิกิริยาการตอบสนองที่ว่องไวปานนี้ มีหวังหลัวซีคงถูกยิงร่วงตกลงมาตายนานแล้ว
เพราะกองทหารของดินแดนอี้เฉิงในเวลานี้ ต่างมองว่าพวกเขาเป็นพวกสมรู้ร่วมคิดกับศัตรู!
หลัวซีเร่งแผดเสียงตะโกนเสียงดังลั่นทันทีว่า
“ข้าเป็นสหายกับองค์ราชินีแห่งอี้เฉิง! ข้านำสาสน์จากนางมาส่งให้ท่านราชาหมาป่าสวรรค์!”