ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 535 ดินแดนอี้เฉิงที่ผิดแผก (1)
ตอนที่535 ดินแดนอี้เฉิงที่ผิดแผก (1)
ตอนที่535 ดินแดนอี้เฉิงที่ผิดแผก (1)
ทหารนายหนึ่งได้รับสาสน์ดังนั้น จึงเรียนเชิญหลัวซีพาเข้าพระราชวังด้านในไป ระหว่างทางล้วนแต่เผชิญพบกับสภาพแวดล้อมและผู้คนที่ไม่คุ้นเคยเท่าไหร่นัก ทำให้เขาอกรู้สึกระแวงมิได้
เมื่อเข้ามาภายนำพระราชวัง ทหารนายนั้นก็นำทางไปสู่ห้องโถงขนาดใหญ่ภายใน บรรยากาศภายในที่แห่งนี้ค่อนข้างเงียบสงบ มีสวนไผ่สีเขียวเรียงรายเป็นกำแพงยาว เหล่านั้นมีหิมะสีขาวโพลนทับทมปะปราย เป็นสวนพฤกษาขจีที่มีสีขาวบริสุทธิ์ผสมผสานรวมกันเป็นหนึ่ง
หลัวซีเหม่อมองต้นไผ่สีเขียวเหล่านั้นเจือสีหน้าแววตาสงสัย เคยได้ยินคำลื่อเลืองมาว่า พระราชวังแห่งอี้เฉิงเปรียบเสมือนวังน้ำแข็งที่ล้อมรอบด้วยทุ่งหิมะสีขาวบริสุทธิ์ แล้วไฉนภายในนี้ถึงมีความเขียวขจีเจือผสมอยู่ด้วย?
“คุณชายหลัว”
ทันใดนั้น มีเสียงเอ่ยเรียกคำหนึ่งดังก้องผ่านหูของเขา เมื่อหลัวซีหันชำเลืองกลับมองก็เสาะพบกับทหารในชุดคลุมดำนายหนึ่ง ใบหน้าของเขาปราศจากระลอกคลื่นอารมณ์ใดๆ ดูมีอายุแก่กว่าเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพียงว่ารัศมีความแข็งแกร่งกลับเหนือชั้นกว่ามาก ทั้งแววตาและกลิ่นอายที่ระเหิดระเหยจากในกายของชายคนนี้ดูหยิ่งผยองและดุร้าย ทว่ากลับสุภาพต่อเขาจนน่าแปลก ดูไม่ค่อยเหมือนกับพวกองครักษ์หน่วยเงาของราชาหมาป่าสวรรค์เลย
ภายในหุบเขาคุนหลุนครานั้น หลัวซีเคยมีโอกาสได้ร่วมต่อสู่เคียงบ่าเคียงไหล่กับราชาหมาป่าสวรรค์อยู่ครั้งหนึ่ง และแน่นอน เขาเองก็ได้เห็นทักษะความสามารถของเหล่าองครักษ์หน่วยเงาผู้ลือชาของอีกฝ่ายเช่นกัน รวมไปถึงโม่ซวน คนพวกนั้นล้วนมีนิสัยทะนงตนและหยิ่งผยองคล้ายคลึงเหมือนกัน!
แต่เพราะเหตุใดมิทราบ ทหารชุดคลุมดำตรงหน้าคนนี้กลับดูแตกต่างออกไป ท่าทางการแสดงออกของเขาดูเป็นมิตรและสุภาพกว่ามาก! ซึ่งจุดนี้นี่แหละที่ดูแปลกที่สุด เป็นยอดฝีมือแบบใดกันถึงได้อ่อนน้อมถ่อมตน?
‘ยอดฝีมือที่แท้จริงไม่มีทางก้มหัวไว้ไมตรีกับใครโดยง่าย!’ นี่คือสิ่งที่ท่านปู่เคยกล่าวสั่งสอนให้แก่หลัวซีได้ฟัง
และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ ทหารชุดคลุมดำตรงหน้าคนนี้ควรจะเป็นคนสนิทของราชาหมาป่าสวรรค์จริงหรือไม่? ดังนั้น ในเรื่องนิสัยความจองหองหยิ่งทะนงควรมีมากกว่าคนทั่วไปสิ? ไม่ใช่มาพูดจาไพเราะกับคนที่อ่อนแอกว่าเฉกเช่นเขา!
นี่แปลกมาก! แปลกเกินไปแล้ว!
“คุณชายหลัว ภายในพระราชวังของเราตอนนี้ปลอดภัยดีแล้ว ท่านพักผ่อนอยู่ที่นี่สักคืนเถิด”
“ท่านราชาหมาป่าสวรรค์อยู่ที่ไหน?”
หลัวซีมุ่งสายตาเพ่งมองอีกฝ่ายชนิดไม่มีคลายอ่อน พยายามมองลึกลงไปในแววตาคู่นั้นเพื่อเฟ้นหาความจริง
“รบกวนด้วย โปรดพาข้าไปหาท่านราชาหมาป่าสวรรค์ที ตอนนี้มีเรื่องสำคัญมากที่ต้องแจ้งกับอีกฝ่ายให้ทราบ นี่เป็นรับสั่งโดยตรงจากองค์ราชินี…”
ทหารชุดคลุมดำคนนั้นคลี่ยิ้มให้เล็กน้อย
“คุณชายหลัว เมื่อครู่ตอนที่อยู่นอกเมือง ท่านบอกว่ามีสาสน์จากองค์ราชินีของเรา หากไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป สามารถส่งต่อให้ข้าพเจ้า เพื่อไปมอบแก่ท่านราชาหมาป่าสวรรค์โดยตรง”
ทันทีที่ได้ยินสรรพนามคำเรียกชื่อของทหารชุดคลุมดำ หลัวซีสีหน้าแปรเปลี่ยนในบัดดล!
เพราะว่าไม่มีองครักษ์หน่วยเงาคนใด หรือแม้กระทั่งโม่ซวนที่เรียกไป๋หลี่หานว่า ท่านราชาหมาป่าสวรรค์!
หากเป็นตัวจริง พวกเขาจะเรียกไป๋หลี่หานว่า‘นายท่าน’!
หลัวซีรู้ได้ทันที สถานการณ์ตอนนี้มันไม่ปกติแล้วแน่นอน เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยและกล่าวขึ้นว่า
“องค์ราชินีแห่งอี้เฉิงเขียนจดหมายฉบับหนึ่งมาให้ โดยกำชับกับข้าไว้ว่าจักต้องส่งถึงมือท่านราชาหมาป่าสวรรค์เท่านั้น”
หลัวซียังคงเห็นทหารชุดคลุมดำคนนั้นคลี่ยิ้มกว้างดังเดิมไม่มีแปรเปลี่ยน แต่ในสายตาของเขาตอนนี้ รอยยิ้มนั้น…กลับไม่ต่างอะไรกับรอยยิ้มของพวกฆาตกรต่อเนื่องหรืออะไรเทือกนั้นเลย ยิ่งเห็นมากเท่าไร่มันก็ยิ่งดูน่าสยดสยองมากขึ้นเท่านั้น!
เห็นอีกฝ่ายไม่ปริปากตอบอยู่นาน หลัวซีจึงชิงกล่าวต่ออีกว่า
“แล้วโม่ซวนกับคนอื่นล่ะ? หากเป็นพวกเขาล่ะก็ ข้ายังสามารถส่งต่อให้ได้”
“คุณชายหลัวไม่เชื่อใจข้าพเจ้ารึ?”
“หาใช่เรื่องเชื่อใจได้หรือไม่ได้ แต่หากมอบแก่คนอื่นที่อยู่นอกเหนือรับสั่งขององค์ราชินี กลับเป็นชื่อเสียงข้าที่เสียหาย”
ทหารชุดคลุมดำคนนั้นพยักหน้า
“เป็นไปตามความจริงที่ท่านว่า เช่นนั้นคุณชายหลัวนั่งพักอยู่ที่นี่สักครู่ แล้วข้าพเจ้าจะไปเรียกโม่ซวนมา”
เมื่อเห็นเขาเดินจากไป หลัวซีถึงกับขมวดคิ้วถักแน่น
วันนี้ บรรยากาศทั่วทั้งดินแดนอี้เฉิงมันดูแปลกประหลาดไปเสียหมด ถึงหลัวซีจะมิได้มีบ้านเกิดอยู่ที่นี่ แต่เขาเองก็ตระหนักดีว่า สถานที่แห่งนี้ควรเป็นเยี่ยงไร และสัญชาตญาณจากจิตใต้สำนึกของเขาตอนนี้ราวกับพยายามบอกว่า กำลังภัยร้ายเกิดขึ้นต่อตนเองในอีกไม่ช้า!
หลัวซีกวาดสายตามองไปที่ห้องโถงใหญ่อันว่างเปล่ารอบตัว พระราชวังอี้เฉิงก็ใหญ่โตมโหฬาร แต่ไฉนถึงไม่มีสาวใช้อยู่ติดวังเลยสักคน? และหากจะบอกว่า เซียถงหึงหวงไป๋หลี่หานจนถึงขนาดจงใจขับไล่สาวใช้ในวังออกไปเสียหมด เรื่องแบบนี้เขาเองก็ทำใจเชื่อไม่ลงเช่นกัน
เขาไม่รั้งรออยู่ที่นี่เฉยๆแน่นอน คู่เท้ากระตุกวูบปราดพุ่งผ่านบานหน้าต่างโถงนั้นออกมา กระโดดขึ้นไปยืนบนยอดหลังคาพระราชวังสูง และเมื่อทอดสายตามองลงมา บรรยากาศทั่วพระราชวังทุกมุมกลับเงียบเหงาผิดวิสัย ราวกับพระราชวังร้างก็มิปาน
หลัวซีทอดกายกระโดดลงมาอีกครา ตั้งใจจะออกไปสำรวจสักรอบหนึ่งเพื่อไขกระจางถึงความผิดปกติเหล่านี้ อย่างไร เพียงจะก้าวย่างออกไปทางกอไผ่ขจีเขียวปนขาว ก็บังเอิญชนเข้ากับทหารชุดคลุมดำคนเมื่อครู่
“คุณชายหลัว โม่ซวนมาแล้วขอรับ”
โม่ซวนยกสองมือขึ้นผสานโค้งศีรษะคำนับให้ และกล่าวกับหลัวซีอย่างสุภาพขึ้นว่า
“คุณชายหลัว โปรดส่งมอบสาสน์ฉบับดังกล่าวที่องค์ราชินีของเราเขียนมาให้ด้วยเถิด”
หลัวซีพยักหน้าทีหนึ่งและเอื้อมมือล้วงหยิบจดหมายฉบับนั้นใต้อกเสื้อ ทว่าสายตาของเขาเอาแต่มุ่งมองใบหน้าโม่ซวนไม่คลายอ่อน
ส่วนโม่ซวนเองก็เช่นกัน สายตาสะดุดมองอยู่กับแต่มือของหลัวซีข้างนั้นที่กำลังหยิบล้วง
แต่เสี้ยวพริบตาต่อมา สิ่งที่หลัวซีหยิบออกมากลับหาใช่จดหมาย ทว่าเป็นกุหลาบเหล็กไหลอาวุธคู่กายของเขา! ก่อนที่ผู้ใดจะทันตอบสนอง กุหลาบเหล่านั้นได้ผลิบานกระจายตัวออกอย่างรวดเร็ว กลีบกุหลาบสีแดงฉูดฉาดโปรยปรายสะพรั่ง เข้าห้อมล้อมโม่ซวนและทหารชุดคลุมดำผู้นั้นทันที ถึงแม้สองคนนี้จะทรงพลังแกร่งกร้าวมาก แต่เมื่อโดนลอบโจมตีฉับพลันเช่นนี้ กลับยากเกินกว่าจะหลบเลี่ยงกลีบกุหลาบได้ทุกท่วงท่า!
“คุณชายหลัว ท่านคิดจะทำอะไร?!”
ขณะกลีบกุหลาบโปรยปรายเหล่านั้นเข้าโรมรัน หลัวซีก็กระโดดหนีเหยียบยอดไผ่เหินทะยานขึ้นฟากฟ้าสูงโดยไว ยกมือขึ้นผิวปากส่งเสียงหรี่แหลม ปรากฏเป็นอินทรีโลหิตร่างยักษ์ที่บินโฉบลงมารับอย่างรวดเร็ว
กรงเล็บคมแหลมอันตรายของอินทรีโลหิตพุ่งเข้าโจมตีใส่โม่ซวนและพวก
ชั่วอึดใจขณะ โม่ซวนเร่งตอบทันทีชักกระบี่ร่ายกระบวนตอบโต้ ฟันโดนร่างอินตรีโลหิตไปเพลงหนึ่ง พร้อมกับกระแสลมปราณสีม่วงประกายเงินหอบใหญ่ที่ทะลักทลายเหลือล้นจากในกายของตัวโม่ซวนและทหารชุดคลุมดำ
หลัวซีใบหน้าแปรเปลี่ยนทันควัน เขาหรือจะคาดถึง โม่ซวนจะมีระดับชั้นพลังสูงถึงขอบเขตจักรพรรดิครามฟ้าครึ่งขั้น! หากมิใช่เพราะเมื่อครู่ กระทำการลอบโจมตีฉับพลัน พวกมันคงไม่พลาดท่าจนเปิดโอกาสให้เขาชิงหลบหนีออกมาได้! พึงทราบ ถ้าจำต้องเปิดศึกสัประยุทธ์กับสองคนนี้แบบตัวต่อตัว หลัวซีจำต้องทิ้งชีวิตไว้ตรงนี้แล้ว! ส่วนปัจจุบันไม่มีทางเลือกอื่นใด เขารีบตบหลังอินทรีโลหิต ตะโกนสั่งการว่า
“เสี่ยวหยิน รีบหนีไปจากที่นี่เร็ว!”
สิ้นเสียงเท่านั้น อินตรีโลหิตยักษ์เร่งตีปีกทยายขึ้นสูง พร้อมกลีบกุหลาบสีแดงนับไม่ถ้วนที่โบยบินติดตามหลัวซีขึ้นมาเป็นสายๆ ย้อนกลับมารวมตัวเป็นดอกกุหลาบที่สมบูรณ์แบบอีกครั้งในมือของเขา
โม่ซวนเห็นแบบนั้นก็พยายามจะกระโจนตัวขึ้นติดตาม ซึ่งสุดท้ายก็คว้าน้ำเหลว ถึงแม้เขาจะเป็นถึงยอดฝีมือขอบเขตจักรพรรดิครามฟ้าครึ่งขั้น แต่ระยะการกระโดดของเขาก็ยังมีข้อจำกัด และไม่มีทางสู้อินทรีโลหิตยักษ์ตนนี้ได้เลย ท้ายที่สุดนี้ จึงใช้คมกระบี่ยาวเป็นหอก อัดฉีกลมปราณกระแสใหญ่ควบแน่นและเขวี่ยงออกไปสุดแรง คมกระบี่ฉาบลมปราณพุ่งฉีกอากาศ ปักทะลุปีกสยายข้างหนึ่งของอินทรีโลหิตอย่างแม่นยำ
อินทรีโลหิตส่งเสียงกรีดร้องลั่น เร่งตีปีกสุดกำลังบินหนีออกไปพร้อมกับขนอินทรีที่โปรยร่วงจำนวนมาก
“เสี่ยวหยิน!”
หลัวซีมองย้อนลงหาโม่ซวนด้วยสายตาสุดอาฆาต หนึ่งท่ามือขยับวูบ กลีบกุหลาบนับไม่ถ้วนโปรยปรายดุจห่าพิรุณคมมีด กระหน่ำรุมฟันใส่โม่ซวนอย่างบ้าคลั่ง!