ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 537 กับดัก (1)
ตอนที่537 กับดัก (1)
ตอนที่537 กับดัก (1)
เซี่ยหลู่เฟิงถึงกับกุมขมับปวดเศียร! ทำได้แต่มองไปที่หลัวซีพร้อมสีหน้าระเหี่ยใจ!
เขาผลักมีดสั้นที่หลัวซีจี้จ่อห่างออกไป ยืดเหยียดแผ่นหลังตั้งให้ตรงและกล่าวว่า
“มิใช่ว่าเจ้าไปหาเซียถงหรอกรึ? ไฉนถึงมาอยู่ที่นี่?”
หลัวซีหยิบจดหมายฉบับหนึ่งขึ้นตบในมือเบาๆ กล่าวว่า
“ข้ามาที่นี่เพื่อส่งสาสน์”
และเริ่มเปิดบทสนทนาขึ้นต่อไปว่า
“ไฉนท่านถึงอยู่ในสภาพเช่นนี้?”
ย้อนไปก่อนหน้าเท่าที่จำความได้ เซี่ยหลู่เฟิงอยู่กับไป๋หลี่หาน แล้วไฉนตอนนี้ถึงต้องมาสวมชุดเกราะ ปลอมแปลงตัวตนเป็นหัวหน้าทหารลาดตะเวนได้? หรือเขาเองก็กำลังวางแผนแทรกซึมเข้าไปในพระราชวังอี้เฉิงเช่นกัน?
เซี่ยหลู่เฟิงมองซ้ายแลขวาไปทีสองที ท่าทางการแสดงออกดูระมัดระแวงยิ่งยวด ถอดชุดเกราะทหารบนร่างกายทิ้งออกไปโดยด่วน และกล่าวขึ้นว่า
“เรื่องมันยาว เจ้ามากับข้าก่อน ข้าจะพาไปพบท่านราชาหมาป่าสวรรค์! เร็วเข้า!”
ท่านราชาหมาป่าสวรรค์มิได้อยู่ในพระราชวังอี้เฉิงหรอกรึ? หลัวซีวิง่ติดตามเซี่ยหลู่เฟิงออกไปทั้งแบบนั้น ท่ามกลางความงุนงงสงสัยไม่คลาย
เซี่ยอี้เฉิงกระตุกบังเหียนควบม้าพาหลัวซีออกไป จุดหมายก็คือกระท่อมแห่งหนึ่งใต้หุบเขาหิมะนอกดินแดนอี้เฉิงห่างไปสามร้อยลี้
ทันทีที่เปิดประตูเข้ามา หลัวซีก็เห็นโม่ซวนที่กำลังจะเดินเปิดประตูสวนออกมาพอดี
และแน่นอน ทันทีที่เห็นโม่ซวน หลัวซีถึงกับชะงักค้างไปชั่วขณะ ดวงตาเบิกกว้างราวกับเห็นผี
โม่ซวนเองวก็ยืนจับจ้องหน้าอีกฝ่ายอยู่สักครู่ ทันใดนั้นก็ระเบิดหัวเราะลั่นพร้อมกับรอยยิ้มที่หาได้ยากจากเขา
“ฮ่าฮ่าๆๆ! ไปเจอใครหน้าคล้ายข้ากระมัง? ถึงตกใจราวกับเห็นผีเช่นนี้?”
หลัวซีได้ยินดังนั้นก็ระแวงหนัก สืบเท้าปราดถอยโดยเร็ว ตีระยะออกห่างอยู่ช่วงหนึ่ง ปั้นหน้าดุดันแสร้งทำเป็นโกรธเกรี้ยว เปล่งเสียงคำรามว่า
“หากครั้งนี้เจ้ายังเป็นตัวปลอม ข้าจะถลกหนังหน้าออกมาทั้งเป็น!!”
โม่ซวนได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะ
“เจ้าเองก็เป็นสหายของนายหญิงมาตั้งนมนานแล้วมิใช่รึไง? ไยไม่รู้จักซึมซับความเฉลี่ยวฉลาดจากนางมาบ้าง?”
เจอโม่ซวนหลอกด่าว่าโง่ไปคำโต หลัวซีหายเคลือบแคลงใจในทันใด
นิสัยสันดานเช่นนี้แหละ โม่ซวนตัวจริงเสียงจริง!
ลองกวาดสายตาสำรวจหนึ่งปราด ภายในกระท่อมแห่งนี้ดูเหมือนจะเล็กแต่แท้จริงค่อนข้างกว้าง น่าจะเป็นหนึ่งในสถานที่ซ่องซุมกำลังของไป๋หลี่หาน
ไป๋หลี่หานขอจดหมายฉบับนั้นนำมาเปิดอ่านอยู่สักครู่ ไม่นานนักก็เหลือบมองไปทางหลัวซีและกล่าวขึ้นว่า
“แล้วตอนนี้เซียถงอยู่ไหน?”
“น่าจะกำลังออกเดินทางไปจักรวรรดิซีฉินพร้อมกับชิงเยวี่ย”
ไป๋หลี่หานได้ฟังแบบนั้นก็ขมวดคิ้วแน่น เขารู้สึกคนอย่างองค์จักรพรรดิตงหลี่ดีกว่าใครๆ และเมื่อได้ยินว่า เซียถงกำลังเดินทางไปยังจักรวรรดิซีฉิน นิสัยสันดานอย่างองค์จักรพรรดิตงหลี่ย่อมต้องเกณฑ์กำลังทหารเพื่อดักซุ่มโจมตีระหว่างทางแน่นอน ดังนั้นเขาจึงเอ่ยปากสั่งการขึ้นทันที
“โม่ซวน สั่งการลงไปยังทุกคน เตรียมพร้อมออกเดินทางในอีกครึ่งชั่วยาม!”]
ครึ่งชั่วยามต่อมา ไป๋หลี่หานและคณะก็ออกเดินทางมุ่งหน้าออกไปทันที
ตลอดทางนั้น หลัวซีจำใจต้องเดินติดตามคณะเดินทางนั้นทั้งที่ภายในใจยังคงอัดแน่นไปด้วยความสงสัยไม่คลายอ่อน เขาอยากจะเอ่ยปากถามไถ่ถึงความจริงตั้งหลายครั้ง แต่สุดท้ายกลัยไม่มีโอกาสเหมาะสมเสียที
ในตอนพลบค่ำ สุดท้ายนี้หลัวซีก็เสาะพบโอกาสเหมาะสมดังว่า ลากเซี่ยหลู่เฟิงมายืนคุยด้านหลังรถม้าและเอ่ยถามขึ้นว่า
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ท่านยังไม่ได้บอกข้าเลย!?”
เอ่ยถามออกไปทั้งแบบนั้น หลัวซียังคงมุ่งสายตาจับจ้องไปที่โม่ซวนที่อยู่อีกฟากฝั่งกำลังปรระชุมแผนการเดินทางในวันพรุ่งนี้
กล่าวตามสัตย์จริง หลัวซีคล้ายยังมีเงาในใจ หวาดระแวงโม่ซวนอยู่บ้างเป็นครั้งคราว
เซี่ยหลู่เฟิงได้ยินดังนั้นก็คลี่ยิ้มเล็กน้อย
“เจ้าเองก็คงเคยเห็นโม่ซวนอีกคนแล้ว?”
ได้ยินแบบนั้น หลัวซีเผยแววประหลาดใจชัดแจ้ง ร้องอุทานตกใจคำหนึ่ง
“ท่านเองก็รู้ด้วย!?”
“แน่นอน เพราะอีกฝ่ายนั่นแหละ พวกเราจึงไม่สามารถเข้าไปในพระราชวังอี้เฉิงได้”
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เซี่ยหลู่เฟิงถอดถอนหายใจเฮือกหนึ่ง จากนั้นค่อยเล่าถึงเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้ฟัง!
ย้อนกลับไป เมื่อจำต้องเผชิญกับการถูกตามล่าชนิดไม่มีลดละของขุมกำลังของทุกจักรวรรดิ ไป๋หลี่หานยังคงยืนยันคำเดิม ที่จะหลอกล่อคนพวกนี้ออกไปให้ได้ไกลที่สุด ทั้งหมดก็เพื่อปกป้องเซียถงให้ปลอดภัย ในตอนนั้น ก็เป็นหยุนซีและพวกของนางที่ค่อยคุ้มกันอารักขาไป๋หลี่หานจวบจนไปถึงดินแดนอี้เฉิง
แต่เมื่อไปถึงดินแดนอี้เฉินเท่านั้น พวกเขาทุกคนต่างต้องประหลาดใจกันถ้วนหน้า เมื่อค้นพบว่ามีใครบางคนกำลังยืนเฝ้าคอยอยู่หน้าประตูเมือง…
เขาคือราชาหมาป่าสวรรค์ที่สวมหน้ากากสีดำ!
เมื่อเห็นแบบนั้น ทุกคนต่างตกตะลึงเป็นอย่างมาก!
ไฉนจู่ๆถึงมีราชาหมาป่าสวรรค์เพิ่มขึ้นมาอีกคนหน้าตาเฉย?
หากไม่ใช่เพราะคลุกคลีอยู่ด้วยกันตลอดเที่ยวเดินทางบนหุบเขาคุนหลุน ทุกคนต่างต้องเข้าใจผิดเช่นกันว่า ราชาหมาป่าสวรรค์ที่ยืนอยู่หน้าประตูเมืองคือตัวจริง! เพราะไม่มีใครต่างมีเบาะแสอื่นไว้แยกแยะเลย พึงทราบ ตลอดการทางเดินที่ผ่านมาจวบจนปัจจุบัน ก็ยังไม่เคยมีใครเคยเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของราชาหมาป่าสวรรค์มาก่อนสักคน!
“เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น!?”
ทุกคนต่างร้องลั่นอุทานเหลือเชื่อ
แต่เมื่อเทียบกับระดับความตกใจของทุกคน เหมือนว่าไป๋หลี่หานจะเป็นแค่คนเดียวที่ดูสงบนิ่งเป็นพิเศษ
ขุมกำลังน้อยใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วนจากทุกจักรวรรดิล้วนโรมรันเคลื่อนทัพเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆแล้ว และดูเหมือนว่าตอนนี้ ดินแดนอี้เฉิงจะหาใช่สถานที่ปลอดภัยอีกต่อไป
แต่นี่ก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อดีหลงเหลืออยู่เลย ราชาหมาป่าสวรรค์ตัวปลอมยืนตระหง่านรับศึกำอยู่บนป้อมปราการด่านหน้าเมือง จึงตกกลายเป็นเป้าหมายของเหล่ากองกำลังพันธมิตรจากจักรวรรดิต่างๆโดยปริยาย ส่งผลให้ฝ่ายของราชาหมาปาสวรรค์ตัวจริงและพวกหนีออกมาหลบซ่อนอยู่ใต้หุบเขาหิมะแห่งนั้นอย่างปลอดภัย
ส่วนทางด้านเซี่ยหลู่เฟิง จักรวรรดิตงหลี่ก็หาได้ต้อนรับเขาอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากความสัมพันธ์ที่แตกหักลงของเซียถงและองค์จักรพรรดิตงหลี่ เขาจึงตัดสินใจที่จะเลือกยืนอยู่บนเส้นทางสายเดียวกับไป๋หลี่หานในเวลานี้ ท่ามกลางความมืดมิดแปดด้าน พวกเขายังคงพยายามกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อสืบหาข้อเท็จจริงให้จงได้ว่า เกิดอะไรขึ้นภายในพระราชวังอี้เฉิงกันแน่?
“ทุกอย่างก็เป็นดั่งที่ว่าไป เท่าที่พวกเรารู้ในตอนนี้คือ มีใครบางคนแอบลอบเข้าไปในพระราชวังและสวมรอยเป็นราชาหมาป่าสวรรค์ ตบตาคณะขุนนางทั้งหลายในนั้นเพื่อใช้ควบคุม ส่วนองค์จักรพรรดินีเหลิ่งน่าจะถูกควบคุมตัว โดนกักขังอยู่ในตำหนัก เราจึงพยายามเสาะหาทุกวิถีทางเพื่อลอบเข้าไปภายในนั้น”
ได้ฟังคำอธิบายพอสังเขปของเซี่ยหลู่เฟิงแล้ว หลัวซียิ่งสับสนไม่เข้าใจ จึงเอ่ยสวนขึ้นทันทีว่า
“เดี๋ยวก่อน ทุกที่ล้วนแต่มีทางลับสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉินมิใช่รึ?”
เมื่อได้ยินหลัวซีกล่าวคำว่า‘ทางลับ’ สีหน้าการแสดงออกของเซี่ยหลู่เฟิงพลันมืดทมิฬลงทันควัน แต่เมื่อแลเห็นสายตาของหลัวซีที่ดูจะยังไม่ค่อยเข้าใจ เขาจึงกล่าวอธิบายว่า
“ทางลับที่ว่าถูกสกัดไว้ทั้งหมด เพราะแบบนี้ทุกคนจึงโทษเซียถง…”
“นี่หมายความว่ายังไงกัน?”
เซี่ยหลู่เฟิงได้แต่ส่ายหน้าอย่างขมขื่นใจ และเลือกที่จะไม่พูดอะไรอีกเลย
ในเวลานี้ หลัวซีพลันสัมผัสได้ว่า กำลังมีหลายต่อหลายคนจับจ้องหาเซี่ยหลู่เฟิงเป็นครั้งคราว พร้อมด้วยสายตาแปลกๆ แทบจะในทันที เขาตระหนักได้ชัดแจ้ง! แต่ถึงแบบนั้น ก็ยังมีอยู่อีกหนึ่งคนที่มองเซี่ยหลู่เฟิงด้วยสายตาที่แตกต่างออกไป และนั่นก็คือไป๋หลี่หาน
หลัวซีนึกย้อนกลับไปถึงภาพฉากที่เขากับเซี่ยหลู่เฟิงได้พบกันภายในเมืองอี้เฉิงทันที ในเวลานั้น เขาเปลี่ยนไปใส่ชุดเกราะหัวหน้าทหารลาดตะเวน เพื่อวางแผนที่จะลอบเข้าไปในพระราชวัง ซึ่งทั้งที่ภารกิจนี้มึวามสุ่มเสี่ยงอันตรายมาก แต่กลับมีเพียงเขาที่ไปคนเดียว ทั้งยังดูหวาดระแวงผิดวิสัย
ในตอนนั้น หลัวซีเองก็ยังสงสัย ไยเซี่ยหลู่เฟิงถึงต้องดูหวาดระแวงปานนี้ด้วย พอได้ยินประโยคเมื่อครู่เท่านั้น เขาก็สามารถปะติปะต่อเรื่องทุกอย่างได้ในทันที!
เส้นทางลับที่เชื่อมต่อระหว่างพระราชวังอี้เฉิงกับภายนอก ถือได้ว่าเป็นความลับสุดยอดที่ไม่มีใครรู้ยกเว้นเสียแต่ไป๋หลี่หานคนเดียว ต่อมาก็มีคนที่ล่วงรู้ถึงเส้นทางลับดับดังกล่าวเป็นคนที่สอง นั่นก็คือเซียถง อย่างไรก็ตาม เส้นทางลับดังกล่าวกลับถูกคนที่แอบมาสวมรอยเป็นไป๋หลี่หานปิดกั้นสกัดเส้นทางไว้โดยสิ้น
ในฐานะที่เซี่ยหลู่เฟิงเป็นพี่ชายของเซียถง จึงไม่แปลกที่จะพลอยโดนสงสัยกันไปด้วย