ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 544 จักรพรรดิแห่งนักอัญเชิญอสูร (2)
ตอนที่ 544 จักรพรรดิแห่งนักอัญเชิญอสูร (2)
ตอนที่ 544 จักรพรรดิแห่งนักอัญเชิญอสูร (2)
“เป็นเทพอสูรจริงด้วย! ถึงแม้จะเป็นเรื่องยากเข็ญกว่าจะทำให้มันยอมรับเป็นเจ้านาย แต่นั่นหาได้สำคัญไม่ สิ่งใดที่ข้าต้องการ สิ่งนั้นย่อมต้องเป็นของข้าในสักวัน!”
จางจูปั้นหน้าตื่นเต้นดีใจ ในบรรดานักอัญเชิญอสูรทั้งหมดในทวีปเทียนหลาน เขาเป็นเพียงคนเดียวที่มีตราผนึกจักรพรรดิเทวะโดยกำเนิด และชั่วชีวิตนี้ก็ยังไม่เคยเผชิญพบคู่ต่อสู้คนใดที่มีคุณสมบัติคู่ควร แต่ใครจะไปคาดคิด บนผืนพิภพที่แสนน่าเบื่อแห่งนี้ยังมีเทพอสูร สิ่งมีชีวิตที่หาได้ยากยิ่งในรอบพันปี!
เซียถงเงยมองหน้าจางจู และแทบจะในทันทีทันใด นางพลันรู้สึกได้ถึงคลื่นแรงกดดันมหาศาลที่กำลังถาโถมเข้าใส่จากอีกฝ่าย มวลพลังกดขี่รุนแรงปานนี้ เกิดขึ้นจากตราผนึกจักรพรรดิเทวะไม่ผิดแน่ และไม่น่าแปลกใจเลย ไฉนแม้แต่เสี่ยวฮั่วยังยากเกินจะต่อกรด้วยได้
ชั่วพริบตาขณะ เซียถงระเบิดกระแสลมปราณสีม่วงทะลักทลายจากในกายสุดขั้ว รัศมีแห่งขุมพลังขอบเขตราชันย์ม่วงแผ่ไพศาลปลดปล่อยไม่มียั้งออม เข้าปะทะต้านทานกับคลื่นแรงกดดันจากอีกฝ่าย!
ตลอดที่ผ่านมา ไป๋หลี่เย่มักเป็นกังวลอยู่เสมอดังว่า ยามที่จำเป็นต้องเรียกใช้จางจู ตัวมันอาจไม่เชื่อฟังคำสั่งของเขาและเกิดพยศได้ อย่างไรเสีย เมื่อได้สัมผัสถึงคลื่นแรงกดดันปนจิตสังหารพรั่งพรูจากกายของอีกฝ่าย เขาเองก็คลี่ยิ้มกว้างเปี่ยมสุขขึ้นมา กล่าวน้ำเสียงรื่นเริงพอใจ
“ในเมื่อบัญชาสี่พิภพอยู่ตรงหน้าแล้ว เซียถงก็ไร้ซึ่งประโยชน์อันใดอีกต่อไป ฆ่ามันซะ!!”
เพื่อที่จะควบคุมและกำราบให้สัตว์อสูรระดับชั้นเทพอสูรอยู่ใต้อาณัติคำบัญชาได้ จำเป็นจะต้องสังหารเจ้าของคนเก่าทิ้งไปเสียก่อน เฉพาะกรณีนี้เท่านั้น พันธนาการสัญญาวิญญาณถึงจะเสร็จสิ้นสมบูรณ์
จางจูแลมองเซียถงด้วยสายตาเย้ยหยั่น กล่าวว่า
“ไม่สำคัญหรอกว่า เจ้าจะเป็นคนสังหารน้องสาวของข้าจริงๆหรือไม่ ตราบเท่าที่เจ้ายอมอ้อนวอนขอชีวิตต่อข้า เรื่องนี้ย่อมอนุโลมผ่อนเบาได้ แต่กลับคาดไม่ถึงโดยแท้ ตัวเจ้าเองก็เป็นนักอัญเชิญอสูรคนหนึ่ง ในกรณีนี้ ไม่ว่ายังไงข้าก็ต้องฆ่าเจ้า เอาล่ะ มีอะไรจะสั่งเสียก่อนตายหรือไม่?”
ในเวลานี้ สายตาที่จางจูจับจ้องมองมาที่นาง กลับไม่ต่างอะไรจากคนตายเลย
เซียถงก่นเสียงหัวเราะแช่ม
“เจ้าหรือมีปัญญาสังหารข้า?”
“เรื่องเช่นนี้ไม่ลองก็ไม่รู้”
จางจูยกมือขึ้นลูบไล้บริเวณแผ่นอกกว้างหนาของตนที่ได้รับการดัดแปลง เพื่อใช้สำหรับรองรับต่อจำนวนสัตว์วิญญาณที่มากเป็นพิเศษ ภายใต้แสงจันทร์สีเงินสว่างไสว ลวดลายสรรพสัตว์นับไม่ถ้วนที่ขดผสานลงตัวบนแผ่นผิวหนัง ดูพิสดารน่าเกรงขามเป็นพิเศษ ตัวเขาในเวลานี้เปรียบเสมือนกับ จักรพรรดิแห่งนักอัญเชิญอสูร! ก่นเสียงหัวเราะแผดดังจากลำคอเล็กน้อย สักครู่ต่อมา ลวดลายสรรพสัตว์ทั้งหลายตลอดแผ่นอกจนลำแขนทั้งสองข้าง พลันระเบิดแสงสีทมิฬพลุ่งพล่านออกมาในทันใด
แสงสว่างจรัสฉายวูบ ทั่วทั้งบริเวณกลายเป็นสีขาวโพล่นชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่ในเวลาต่อมา จะมีสัตว์อสูรคลั่งตนหนึ่งปรากฏกายออกมา มันมีใบหน้าดุร้ายสีแดงฉาน ฟันยาวแหลมคม เพียงแผดเสียงคำรามสั่นสดังสนั่นไกลโพ้นถึงจันทราค้างฟ้า
และในเวลาเดียวกัน ม่านฟ้ารัตติกาลเปิดกว้าง ชั้นเมฆาสลักซ้อนเริ่มคลายออก ปรากฏเป็นวิหคร่างยักษ์สีขาว ปีกยาวสีครามฟ้าตีสยายลู่ลม มีหางยาวสีเหลือง จะงอยปากสีดำแหลม ดิ่งพสุธาพุ่งจู่โจมใส่เซียถงที่อยู่ภาคพื้นโดยตรง
กรงเล็บยาวใหญ่ประดุจคมมีดของวิหคยักษ์สีขาวฟาดฟันเข้าใส่แผ่นหลีงของเซียถง ถึงแม้การโจมตีนี้จะพลาดเป้ามิอาจทำร้ายนางได้ แต่กระแสลมที่กรงเล็บชักนำมา กลับรุนแรงเสียจนฉีกกระชากแพรพรรณของนางขาดรุ่ยได้
ยังไม่ทันได้ทรงตัวดีนัก กลับถูกสัตว์อสูรคลั่งที่อยู่ภาคพื้นกระโจนเข้าโจมตีต่อเนื่องเป็นคำรบสอง โชคยังดีที่เซียถงอาศัยความว่องไวจำเพาะเลี่ยงหลบมาได้ เป้าหมายของมันจึงเบี่ยงไปโดนม้าตนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังของนางแทน และเพียงหนึ่งการโจมตีเดียวเท่านั้น กรงเล็บหนาใหญ่ของมันสามารถตะปบหัวใจม้าออกมาได้ในพริบตา!
ม้าตัวนั้นเดินโซเซอยู่สองสามก้าว แล้วค่อนล้มลงกับพื้นไป เกิดอาการชักกระตุกรุนแรงอีกสองสามคราและนิ่งสงัดตายคาที่!
เซียถงทอดสายตามองย้อนกลับไป แลเห็นดวงตาสีโลหิตสองคู่ที่จ้องเขม็งมองมา จากทั้งวิหคยักษ์สีขาวที่อยู่บนภาคอากาศ และสัตว์อสูรคลั่งร่างโตบนภาคพื้น
หนึ่งกระบวนชนปะทะเท่านั้น นางตระหนักได้แจ่มแจ้ง ถึงความทรงพลังของสัตว์อสูรทั้งสองตนนี้!
เสี่ยวฮั่วที่หลบภัยอยู่ในห้วงความคิดของเซียถง มันกล่าวว่า
“นั่นมัน สุนัขสวรรค์กับพญาหงส์! พวกมันทั้งคู่จัดว่าเป็นอสูรสายพันธุ์ที่ดุร้ายที่สุด! นายท่าน ตอนนี้ท่านไม่มีทางเอาชนะมันได้เลย! รีบหาโอกาสชิงหนีก่อน!”
ได้ยินดังนั้น เซียถงเหลือบตาแลมองฮูหยินหลี่ที่นอนตัวสั่นเทาอยู่บนพื้นจากทางไกล นางหรือจะจำใจทิ้งแม่ตัวเองลงแล้วหนีไปคนเดียว!?
สุนัขสวรรค์ยืนสี่ขาแสนทรงสง่าอยู่เคียงข้างจางจู เมื่อยื่นเหยียดมืออีกฝ่ายขึ้นฟ้า ก็มีพญาหงส์สีขาวตีปีนร่อนจอดอยู่ไม่ห่างบนเวหา
จางจูหันศีรษะมองย้อนกลับไปหาฮูหยินหลี่จากไกล พร้อมกล่าวกับเซียถงว่า
“เจ้าเอากิเลนตนนั้นออกมาสู้กับข้าเสีย! หรือเจ้าจะตัดสินใจฆ่าตัวตายเสียตอนนี้ บางทีข้ายังพอมีวิธีช่วยชีวิตแม่ของเจ้าได้บ้าง!”
เมื่อได้ยินคำพูดคำจาเช่นนั้นของจางจู สีหน้าการแสดงออกของไป๋หลี่เย่พลันแปรเปลี่ยน และเร่งตะโกนลั่นน้ำเสียงหงุดหงิดว่า
“จางจู! ฆ่าเซียถงเสียบัดนี้! ฆ่ามันเพื่อข้าผู้นี้!!”
ได้ยินเช่นนั้น จางจูถึงกับขมวดคิ้วถักแน่น ชำเลืองหางตาสาดใส่ไป๋หลี่เย่ทันทีด้วยความไม่พอใจ และเพียงแค่นั้นก็ทำเอาไป๋หลี่เย่หวาดผวาจัดจนสะดุดล้มคะมำพื้นไป
“หนวกหู!”
จางจูตะคอกจบ ก็หันมากล่าวกับเซียถงอีกว่า
“ว่าเยี่ยงไร? เจ้าเลือกได้!”
เซียถงหัวร่อคำโต มือข้างหนึ่งกระชับจับหอกลมปราณขึ้นมา
“เจ้าคือว่า อาศัยเพียงตราผนึกจักรพรรดิเทวะจะเอาชนะข้าได้? เจ้าดูถูกเซียถงผู้นี้เกินไป!”
สิ้นเสียงดังนั้น เซียถงแทงหอกกะซวกออกไป
สุนัขสวรรค์เคลื่อนไหวฉับพลันทันด่วน กระโจนโฉบเข้าใส่เซียถง แยกเขี้ยวกัดกระชากลมหอกลมปราณ
พริบตาเดียวกัน พญาหงส์สีขาวตีปีกเหินทะยานขึ้นฟากฟ้า พุ่งกรงเล็บแหลมทอประกายรัศมีสังหารสีเย็น หวังเจาะทะลวงดวงตาของเซียถง
ภายใต้กระบวนโจมตีของอสูรสองตน จางจูพลันกระตุกมุมปากขึ้นยิ้มเยาะ ไม่มีใครสามารถเลี่ยงหลบจากสถานการณ์นี้ได้ แต่แรกเดิมที เขาเองก็อยากรู้เช่นกันว่า คนที่สามารถลงมือสังหารน้องสาวของเขาได้จะต้องแข็งแกร่งปานใด แต่ดูเหมือนว่า เขาจะคิดเยอะเกินไปเอง
จางจูตระหนักถึงขุมพลังความแข็งแกร่งของอสูรสองตนนี้ดีเยี่ยม ดังนั้น เขาจึงหมุนตัวกลับทันทีและเดินจากออกไปโดยหาได้แยแสต่อสถานการณ์การต่อสู้ใดๆอีก เพราะเจ้าตัวมั่นใจเสียเหลือเกิน นางไม่มีทางรอดชีวิตแน่นอน!
คมหอกลมปราณในมือเซียถงโดนสุนัขสวรรค์พุ่งเข้ากัดกระชากเดือดดุ และไม่ว่านางจะออกแรงพยายามยื้อยุทธ์เช่นไร พลันต้องพบว่า สุนัขสวรรค์ตนนี้ทรงพลังเกินกว่าที่เห็นหลายขุม ส่วนทางด้านพญาหงส์สีขาวก็ทะยานลุถึงในทันใด จะงอยปากแหลมแทบจะพุ่งเจาะถึงเบ้าตาของนางอยู่แล้ว
แต่ชั่วอึดใจนั้นเอง ก่อนที่กรงเล็บของสุนัขสวรรค์และจะงอยปากแหลมของพญาหงส์ขาวจะโจมตีสำเร็จผล เซียถงระเบิดกระแสลมปราณม่วงเต็มสูบ ก่อกำเนิดเป็นเกราะแสงวิญญาณสีม่วงเจิดจรัสฉาบคลุมทั่วร่างกายในทันที กรงเล็บสุนัขสวรรค์ที่ว่าแข็งแกร่งทนทาน เมื่อพุ่งตะปบใส่เกราะแสงวิญญาณ กลับกลายเป็นสะเก็ดไฟประกายแลบคล้ายสองโลหะแข็งเสียดปะทะชน จนท้ายที่สุดเป็นฝ่ายกรบเล็บที่บิ่นงอพ่ายไป เซียถงกำหมัดกระชับกำปั้นเคลือบเกราะแสงวิญญาณสีม่วงเปล่งปลั่ง และนำออกพละกำลังทั้งหมดโหมเข้าชกใส่ใบหน้าสุนัขสวรรค์จนปลิวว่อนกระเด็นออกไปไกลโพ้น
พญาหงส์ขาวเองก็ล้มเหลวในการโจมตีเช่นกัน ขณะที่กำลังจะตีปีกเพื่อทะยานสู่ฟากฟ้ากลับไป แต่จู่ๆมีคมหอกลมปราณพุ่งเสียบปีกสยายงดงามของมันจนเป็นรูโบ๋ มันเสียศูนย์ชั่วขณะจนร่อนตกลงมาแทน ตะกายกรงเล็บแหลมคมไปมั่วซั่วไร้ทิศทางขณะที่โดนเซียถงจับตัวเอาไว้ และมีอยู่ข้างหนึ่งที่เฉียวปาดหัวไหล่ของนางโดยบังเอิญ ธารเลือดสดพุ่งกระฉูด แต่นางก็หาได้สนใจไม่ และพยายามจับพันธนาการมันเอาไว้มิให้ดิ้นหนีไปไหน
ขณะที่พญาหงส์ขาวกับเซียถงกำลังพัลวันยื้อกันอยู่ จู่ๆก็มีไอหมอกสีม่วงแพร่สะพัดจากห้วงจิตใจของเซียถง เหล่านั้นค่อยๆควบแน่นกลายเป็นศีรษะกิเลน มันฉีกปากอ้ากว้างและเขมือบร่างของพญาหงส์ขาวทั้งเป็น!
เสียงพญาหงส์กรีดร้องคร่ำครวญดังสนั่นขึ้นในทันใด!
จางจูถึงกับเหลี่ยวหลังกลับมาดูฉับพลัน แต่สิ่งเดียวที่เห็นในตอนนี้คือ พญาหงส์ขาวของตนถูกกิเลนกลืนเขมือบไปเสียแล้วในพริบตาเดียว ทั้งพ่นขนนกชิ้นหนึ่งออกมาให้ดูต่างหน้า หัวกิเลนสีม่วงตนนั้นมุ่งมองไปทางจางจูอย่างบริสุทธิ์ไร้เดียงสา ก่อนจะอันตรธานหายไป เหลือแค่เซียถงยืนอยู่เพียงลำพัง
“เจ้า…”