ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 546 อสรพิษหน้ามนุษย์ (2)
ตอนที่546 อสรพิษหน้ามนุษย์ (2)
ตอนที่546 อสรพิษหน้ามนุษย์ (2)
“รีบมานี่! เจ้ารีบมาเดี๋ยวนี้เลย! ทั้งเขาทั้งพี่ชายของเจ้าต่างก็อยู่ที่นี่! พวกเขาทุกคนมาที่นี่เพื่อช่วยเจ้าอีกแรง! ส่วนตอนนี้ท่านแม่ของเจ้าถูกองค์จักรพรรดิตงหลี่จับตัวไปที่พระราชวังด้านหลัง ตอนนี้กำลังไล่ตามไปช่วยอยู่ แต่ระหว่างทางดันถูกขุมกำลังฝ่ายใดมิทราบเข้าขัดขวางเอาไว้ พวกมันแต่ละคนขี่อสูรหมาป่าแข็งแกร่งกันมาก! เจ้ารีบมาเสีย…อ่า! ผมของข้า!”
สิ้นประโยคนั้น เซียถงได้ยินแต่เสียงร้องครวญโวยวายจากหลิวซู คาดได้ว่าตอนนี้กำลังมีใครสักคนที่กำลังยุ่มย่ามกับเส้นผมสุดรักสุดหวงของมันอยู่จนทำให้โกรธจัดปานนี้!
หลิวซูมองดูเส้นผมสีเงินจำนวนหนึ่งที่ติดพันอยู่ระหว่างซอกคมเขี้ยวของอสูรหมาป่า หลัวซีแทบเป็นบ้า! ขุมพลังความแข็งแกร่งที่แท้จริงทั้งหมดที่เคยยั้งออม ยามนี้ระเบิดคลุ้มคลั่งออกมาเต็มพิกัดแล้ว! มันยกกำปั้นถึงซัดหน้าอสูรหมาป่าตนนั้นด้วยความเดือดดาลจัด
หลิวซูพยายามเร่งรัดทลายพวกมันให้สิ้นซาก แต่ไม่เพียงอสูรหมาป่าเหล่านั้น กระทั่งกลุ่มคนสวมหน้ากากภูตผีปีศาจเอง ล้วนแต่มีพลังฝีมือสูงส่งเกินไป กระทั่งจำนวนเองก็ค่อนข้างมากโข และที่ซ้ำร้ายไปกว่านั้นคือ ยังมีกองทัพทหารตงหลี่หลั่งไหลเข้ามาสร้างความโกลาหลวุ่นวายไม่หยุดหย่อน
เมื่อมันหันมองไปยังชั้นล่างพระราชวัง ไป๋หลี่หานและองครักษ์หน่วยเงาของเขากำลังโรมรันสัประยุทธ์กับศัตรูอย่างบ้าคลั่งดุเดือด
และทันใดนั้นเอง จู่ๆก็มีมือธนูอีกนับร้อยนายปรากฏตัวขึ้นรอบพระราชวัง ศรธนูเหล็กกล้าสีเงินสาดสะท้อนส่องมาทางนี้เป็นจุดเดียว ส่งผลให้พระราชวังด้านหลังสว่างไสวดุจแสงตะวันเฉิดฉาย
เดิมทีสถานที่แห่งนี้ถูกเตรียมไว้สำหรับรับมือกับเซียถงโดยเฉพาะ แต่เนื่องด้วยการปรากฏตัวขึ้นโดยไม่มีใครคาดคิดของจางจู ส่งผลให้แผนการทุกอย่างถูกเปลี่ยน เซียถงถูกล่อไปอีกเส้นทาง ในขณะที่ไป๋หลี่หานและพวกหลงเข้ามาในพระราชวังด้านหลังอย่างในปัจจุบัน
นี่ถือว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาดไม่น้อยต่อตัวหลิวซู ทั้งที่เขาเห็นกับตาว่าไป๋หลี่เย่นำตัวฮูหยินหลี่ออกมา และส่งมอบแก่องค์จักรพรรดิเพื่อนำตัวไปทางด้านหลังของพระราชวัง แต่จนกระทั่งตอนนี้ ก็ยังไม่เห็นเซียถงปรากฏตัวมาที่นี่เสียที ขณะที่มันกำลังวิ่งออกตามหานาง ก็ดันไปพบกับไป๋หลี่หานเสียแทน หลังจากได้แลกเปลี่ยนบทสนทนากันเล็กน้อย ก็พอสันนิษฐานได้ว่า เซียถงน่าจะถูกดักขวางเส้นทางไว้ตรงด่านหน้า ส่งผลให้พวกเขาจำเป็นบุกไปช่วยชีวิตฮูหยินหลี่ที่โดนจับไปแทน แล้วเสร็จจึงค่อยเข้าสมทบกับเซียถงอีกแรง เพราะหากล่วงเวลาปล่อยไปนานกว่านี้ เกรงว่าองค์จักรพรรดิตงหลี่จะต้องวางแผนจัดการไป๋หลี่หานต่อในวันรุ่งขึ้น!
อย่างไร กลุ่มทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่า ถือเป็นองค์กรลึกลับและทรงพลังยิ่งยวด ดูเหมือนว่าครั้งนี้องค์จักรพรรดิตงหลี่ต้องการจะฆ่าเซียถงจริงๆ ถึงได้ลงทุนใช้จ่ายเงินจำนวนมหาศาลเพื่อว่าจ้างคนกลุ่มนี้ให้ออกโรง!
และพินิจจากรูปการณ์ อาจจะได้ฆ่าทั้งเซียถงและไป๋หลี่หานในคราเดียว!
หลัวซีขี่อินทรีโลหิตบนวนอยู่บนฟากฟ้าอยู่หลายต่อหลายครา พยายามจะดิ่งลงไปเพื่อสมทบช่วยเหลือไป๋หลี่หานอยู่หลายครา แต่ก็ต้องโดนเหล่ามือธนูทั้งหลายสกัดเอาไว้ทุกครั้งไป
ส่วนหลิวซูนั้นเข้าร่วมศึกสัประยุทธ์คราวนี้เช่นกันโดยไม่ลังเล มีอยู่หลายต่อหลายครั้งที่มันพยายามจำแลงกายเป็นกระบี่ทัณฑ์ฟ้า บินเข้าทะลวงร่างของกลุ่มคนสวมหน้ากากภูตผีให้ตายสิ้น แต่หลังจากทดลองอยู่หลายคำรบแต่กลับล้มเหลว
เมื่อได้ยินดังนั้น เซียถงพึงเข้าใจได้ในทันที คนที่ไป๋หลี่เย่พาตัวมาอยู่ต่อหน้าเวลานี้คือ ฮูหยินหลี่ตัวปลอม!
ไม่น่าแปลกใจ ไฉนฮูหยินหลี่ไม่ส่งเสียงร้องใดๆออกมาเลย ทั้งที่ได้ยินเสียงของเซียถงผู้เป็นลูกแล้วก็ตาม
“เสี่ยวฮั่ว คิดหาวิธีเร็ว! เราต้องรีบออกไปจากที่นี่แล้ว!”
เสี่ยวฮั่วนั่งครุ่นพินิจอยู่ในห้วงความคิดของเซียถง พยายามคิดว่าวิธีกำราบอสรพิษหน้ามนุษย์เหล่านี้ เพราะหากให้ตนเองจำแลงเป็นกิเลนออกโรง ก็เกรงว่าจะเปล่าประโยชน์เช่นกัน ถึงแม้ตัวมันจะค่อนข้างแข็งแกร่งมากแล้ว แต่หากไม่สามารถจับร่างจริงของอสรพิษหน้ามนุษย์ได้ก็อาจทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงเช่นกัน เพราะทุกครั้งที่ตัดพลาดโดนร่างปลอม มันจะงอกจำนวนเพิ่มพูนขึ้นไม่มีสิ้นสุด
มองผ่านห้วงความคิดจากภายใน เสี่ยวเห็นจางจูจากทางไกลที่กำลังกุมถือมณีชิ้นส่วนพลังวิญญาณอยู่ และสิ่งนี้เองก็คือแหล่งพลังที่ทำให้อสรพิษหน้ามนุษย์สามารถแยกร่างออกมาล่อลวงได้อย่างไร้ขีดจำกัด แต่ภายใต้สถานการณ์ ผนวกกับความแข็งแกร่งของเซียถงยามนี้ กลับเป็นงานโหดหินเกินกว่าจะแย่งมณีชิ้นส่วนพลังวิญญาณจากมืออีกฝ่ายมาได้
“หากเป็นเช่นนี้ต่อไป มีหวังหมดแรงตายก่อเป็นแน่!”
เสี่ยวฮั่วชักร้อนใจเร่งคิดหาวิธีโดยไว แต่ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตปานนี้ มันกลับเสาะคิดวิธีการที่ดีกว่านี้ไม่ได้เลย
เซียถงเองก็ใช่ว่าจะไม่เห็น มีมณีชิ้นส่วนพลังวิญญาณก้อนหนึ่งอยู่ในกำมือของจางจู ที่แท้อีกฝ่ายหยิบยืมพลังวิญญาณจากภายนอกนี้เอง ถึงสามารถควบคุมสัตว์วิญญาณแกร่งกล้าได้มากมายปานนี้! และทันใดนั้นเอง แววยิ้มเยาะพลันฉายปรากฏขึ้นในดวงตาของนาง
“ที่ท่านคิดจะทำอะไร?”
“ในเมื่อมันมีดีแต่หยิบใช้พลังวิญญาณจากภายนอก เช่นนั้นข้าขอดูหน่อยว่า จะทำได้เช่นนี้อีกสักกี่น้ำ!”
เซียถงแสยะยิ้มกล่าวถากถางขึ้นคำหนึ่ง ตอนนี้นางมีแผนการตระเตรียมไว้ในใจแล้ว ทันทีที่กล่าวจบ ก็มีเข็มเงินจำนวนหนึ่งปรากฏขึ้นบนซอกนิ้วเต็มมือของนาง!
ดุจใบไม้ปลิดปลิว ดั่งบุปผาเหินทะยาน!
ฉับพลันเดียว เข็มเงินนับไม่ถ้วนแผดพุ่งเจาะทะลวงไปที่ดวงตาของอสรพิษหน้ามนุษย์เหล่านั้น! ทั้งหมดล้วนฉาบเคลือบลมปราณม่วงอันทรงอานุภาพของนาง แรกสัมผัสลุถึงเท่านั้น ศีรษะของอสรพิษหน้ามนุษย์พลันระเบิดโพละแตกกระจาย ก่อนจะงอกศีรษะใหม่ขึ้นมา
อาศัยใช้กลวิธีนี้ ไม่เพียงแต่เซียถงจะไม่สิ้นเปลืองพลังลมปราณ แถมยังสามารถบีบบังคับให้จางจูหยิบใช้พลังวิญญาณภายนอกจากมณีชิ้นนั้นได้มากขึ้น โดยไม่เป็นการเพิ่มจำนวนอสรพิษภายในตัว
เมื่อเสี่ยวฮั่วเห็นดังนั้น มันก็เข้าใจแจ่มแจ้งในบัดดล สักครู่หนึ่ง มันค่อยเผยตัวออกมา เขย่าร่างกิเลนของตนส่ายไปมา พร้อมกับเกล็ดหนาจำนวนมากมายที่หลุดร่วงลงมา พวกมันเหล่านี้เปรียบเสมือนแหล่งกักเก็บพลังวิญญาณชั้นดีเยี่ยม มันกล่าวว่า
“นายท่าน! ใช้สิ่งนี้!”
อสรพิษหน้ามนุษย์ล้วนโดนเจาะเบ้าตาทะลุกันต่อเนื่อง และด้วยเกล็ดกิเลนที่เซียถงสะบัดยิงออกไป เมื่อมันปักทะลุเบ้าตาของพวกมัน สิ่งนี้ยังสามารถดูดซับพลังวิญญาณส่วนหนึ่งที่แตกซ่านระหว่างที่อสรพิษสร้างศีรษะขึ้นมาใหม่ได้อีกด้วย เสี่ยวฮั่วอ้าปากเพิ่มพลังดูด กลืนเอาพลังวิญญาณที่กักเก็บจากเกล็ดของมันตามพื้นเข้าสู่ร่างกายโดยตรง และทำเช่นนี้เป็นวัฏจักรวนเวียนต่อไป
“มีพลังวิญญาณสำรองเท่าไหร่ใส่มาให้หมด! ขอดูหน่อยเสียว่าจะทำได้อีกสักกี่น้ำเชียว!”
จางจูชะงักชะงันไปชั่วขณะ กระทั่งเขายังคาดไม่ถึงเลยว่า เซียถงจะคิดหาวิธีสร้างสรรค์ปานนี้ออกมาได้! สีหน้าการแสดงออกพลันแปรเปลี่ยนฉับพลัน ยามนี้เริ่มตื่นตระหนกระสับกระส่าย เร่งหยิบมณีชิ้นส่วนพลังวิญญาณขึ้นมาใช้เพิ่มเติมโดยไว
เซียถงตะโกนขึ้นคำหนึ่ง ขณะยิงเกล็ดกิเลนเสียบทะลุเบ้าตาอสรพิษหน้ามนุษย์
“จางจู! หากเก่งนักก็จงออกมาสู้กับข้าตัวต่อตัว!”
เมื่อได้ยินกู่ร้องได้ใจของเซียถง ไป๋หลี่เย่ถึงกับเบิกตาโตด้วยความเหลือเชื่อ ไม่คิดไม่ฝันเลยว่า นางยังจะมีชีวิตอยู่รอดจวบตอนนี้ได้? แล้วหากว่า…หากว่า…จางจูบ้าจี้คิดลงสนามต่อสู้กับนางตัวต่อตัวจริงๆ แล้วพ่ายขึ้นมาอีกคน จากนี้ต่อไปยังจะมีใครสามารถปราบเซียถงลงได้อีก? เมื่อคิดได้เช่นนั้น ไป๋หลี่เย่จึงรีบตะโกนเสียงสั่นลั่นขึ้นว่า
“อย่าไปฟังคำพูดไร้สาระของนาง! สั่งให้อสรพิษพวกนั้นฆ่านางซะ!”
จางจู่ได้ยินดังนั้น ก็พ่นลมหายใจเย็นออกมาอย่างไม่สบอารมณ์
“เศษสวะเช่นเจ้า มีสิทธิ์อะไรมาสั่งการข้า?”
ขณะจางจู่ส่งเสียงเย็นชาตอบกลับ เซียถงก็ปาหอกลมปราณสีเงิน พุ่งไกลกว่าสามสิบฉื่อ คลื่นรัศมีลมปราณม่วงของนางแผ่ขยายไพศาลถึงขีดจำกัด ชุดเกราะแสงวิญญาณหมุนโคจรเร็วจี๋ ระเบิดคลื่นทำลายล้างกวาดชำระจนสรรพสิ่งในรัศมียี่สิบฉื่อราบเป็นหน้ากลอง อสรพิษหน้ามนุษย์ทั้งหมดโดนกวาดล้างจนเรียบ เสี่ยวฮั่วจำแลงกายเป็นดวงไฟสีม่วงพุ่งเข้าห้วงความคิดของเซียถง และเริ่มใช้พลังดูดมหาศาล เขมือบกลืนพลังวิญญาณโดยรอบเข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็ว
เหตุผลที่นางกล้าจะกระทำการเฉกเช่นนี้ เป็นเพราะค่อนข้างมั่นใจหลายส่วนแล้วว่า มณีชิ้นส่วนพลังวิญญาณจากภายนอกที่จางจูใช้จ่ายเริ่มร่อยหรอแล้ว
ทั่วบริเวณแห่งนั้นมีแต่คลื่นพลังสีม่วงกระซ่านกระจัดกระจายพร้อมเศษฝุ่นเศษละอองฟุ้งตลบ ศีรษะของอสรพิษหน้ามนุษย์จำนวนนับไม่ถ้วนโปรยปรายตกบนพื้นคล้ายห่าฝนพิกล เฉพาะช่วงเวลาเช่นนี้เท่านั้นที่เพิ่งทราบว่า วรยุทธ์ต่อสู้ลับมันมีบทบาทสำคัญต่อนางปานใด คู่เท้าดีดตัวทะยานสู่เวหา นางร่อนทะยานลงสู่ภาคพื้นเป็นตำแหน่งเดียวกับที่โยนหอกไปปักตอนแรก
เซียถงดึงหอกลมปราณสีเงินขึ้นจากพื้นดิน ย่างสามขุมแช่มเข้าหาจางจูประดุจนักรบมังกร