ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 547 สงครามตงหลี่ (1)
ตอนที่547 สงครามตงหลี่ (1)
ตอนที่547 สงครามตงหลี่ (1)
จางจูหรือจะคิดฝัน เซียถงสามารถระเบิดพลังคลุ้งคลั่ง สร้างความวินาศสันตะโรได้ขนาดนี้! และที่สำคัญ ถึงแม้คนอื่นๆจะมองไม่เห็น แต่สำหรับจางจูผู้มีตราผนึกจักรพรรดิเทวะโดยกำเนิดย่อมเห็นทุกอย่างชัดแจ้ง เจาะลึกลงไปในห้วงความคิดของเซียถง ภายในนั้นเองก็ระเบิดแสงสว่างสีขาวเจิดจรัสแพรวพราวเช่นกัน
และ ณ ใจกลางของแสงสว่างสีขาวนั่น ได้มีเสี่ยวฮั่วที่กำลังนั่งจ้องหน้าจางจูพร้อมรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก!
จางจูเกิดอาการตื่นตูมฉันพลัน รีบถอดถอนจิตวิญญาณของตนออกจากห้วงความคิดของเซียถงอย่างรวดเร็ว ทว่านั่นกลับสายเกินไป เสี่ยวฮั่วบังคับชั้นเมฆานับไม่ถ้วนภายในห้วงความคิดของเซียถงเข้าสกัดการถอดถอนจิตวิญญาณเอาไว้ พร้อมระเบิดดวงไฟสีม่วง กระหน่ำเข้าโรมรันจู่โจม
ในเวลาเดียวกัน เซียถงแทงหอกลมปราณสีเงินเสียบใส่จางจูโดยไม่มีลังเล!
อาวุธในมือของจางจูคือมณีชิ้นส่วนพลังวิญญาณภายนอก ส่วนสองมือยังมีวงแหวนตราผนึกประทับโคจรอยู่ โดยใช้ประโยชน์จากมณีดังกล่าวเป็นแหล่งพลังงานจุดศูนย์กลาง
เขาเป็นนักอัญเชิญอสูร หาใช่นักต่อสู้ผู้บำเพ็ญตบะ ดังนั้นหากเป็นการสัประยุทธ์ระยะประชิดแบบนี้ เรียกได้ว่าในฐานะยอดฝีมือขอบเขตราชันย์ม่วงอย่างเซียถง ย่อมไม่คณามือนางเลยสักนิด
โดยส่วนใหญ่พลังความแข็งแกร่งของเขา จะอยู่ในรูปแบบทักษะความสามารถสำหรับใช้ควบคุมสัตว์วิญญาณจำนวนคนานับเพื่อใช้จู่โจมเสียมากกว่า
จางจูพยายามสุดชีวิต เร่งถอดถอนจิตวิญญาณออกไปให้ห่างจากห้วงความคิดของเซียถง และใช้จังหวะเร่งอัญเชิญสัตว์วิญญาณตนอื่นๆออกมาเพื่อโจมตีสวนกลับ แต่เซียถงหาได้สนใจไม่ เล็งเป้าหมายพุ่งคมหอลมปราณทะลวงเสียบมณีพลังวิญญาณภายนอกก้อนนั้นจนแหลกเป็นเสี่ยงๆ
ประกายไฟสาดกระจายวูบวาบ คมหอกนี้ถูกคลุมเคลือบด้วยกระแสลมปราณม่วงจัดจ้านเข้มข้น ไม่มีสิ่งใดที่ไม่สามารถทะลวงได้!
ในเวลานี้เอง เสี่ยวฮั่วได้ใช้พลังจิตมหาศาลแผดขยายห้วงความคิดของเซียถง จนครอบคลุมทั่วจิตวิญญาณของจางจูทั้งหมด และทำให้เขาได้เห็นห้วงความคิดของนางที่แสนกว้างไพศาลดุจมวลเมฆนภาฟ้าไกล
พริบตานั้น เสี่ยวฮั่วแสยะยิ้มฉีกกว้าง ภายในหัวคิดคำนวณแผนการนับไม่ถ้วน
จางจูตื่นตระหนกสุดขีด ลูกตาดำจัดหดแคบเท่ารูเข็ม ยามนี้เพิ่งจะรู้สึกฟื้นตัว แลเห็นว่ามณีพลังวิญญาณภายนอกในมือซึ่งทำหน้าที่เป็นแหล่งพลังงานของเขา ได้ถูกคมหอกลมปราณของเซียถงทำลายไปแล้ว! ทว่ายังไม่ทันรั้งรอเตรียมตัวใดๆ จู่ๆตราผนึกวิญญาณเทวะของเขาก็ปรากฏขึ้นจากบนหว่างคิ้ว! แต่นี่กลับดูแปลกออกไป เพราะว่า ตราผนึกวิญญาณเทวะนี้กลับถูกดูดกลืนพลังออกไป!
ภายใต้การควบคุมของเสี่ยว พลังวิญญาณทั้งหมดที่อัดแน่นอยู่ในตราผนึกจักรพรรดิเทวะของจางจู ได้หลั่งไหลถ่ายเทเข้าสู่ตราผนึกจักรพรรดิฟ้าของเซียถงอย่างรวดเร็ว ซึ่งนี่ส่งผลให้ตราผนึกจักรพรรดิเทวะของจางจูหม่นแสงและดับไป ทั้งยังเกิดรอยร้าวฉานแห้งแตก ตรงกันข้ามกับของเซียถงที่แต่เดิมเป็นเพียงตราผนึกจักรพรรดิฟ้า ณ ปัจจุบันได้พัฒนากลายมาเป็น ตราผนึกจักรพรรดิเทวะแล้ว!
“เป็นไปได้ยังไง!?”
จางจูใจหายวาบ ตื่นตะลึงสุดขีด!
แทบจะในทันทีที่ตราผนึกจักรพรรดิเทวะของจางจูสูญเสียพลังไป วงแหวนตราผนึกบนมือทั้งสองข้างที่เปรียบเสมือนเกราะป้องกันด่านสุดท้ายมิให้ศัตรูเข้าถึงตัวก็แตกสลายเป็นเสี่ยงๆ เปิดโอกาสให้คมหอกลมปราณสีเงินในมือเซียถง พุ่งเสียบทะลุกลางอกของเขาโดยตรง แต่ไหนเลย ด้วยความรักและผูกพันต่อเจ้าของ สุนัขสวรรค์กระโดดเข้าขวางต่อหน้าจางจูและรับคมหอกแทนเขา
“สุนัขสวรรค์! ไม่!!”
จางจูรู้สึกใจสลายดั่งตายทั้งเป็น แรกเริ่มเขาเสียพญาหงส์ขาวไป ต่อมาก็เป็นอสรพิษหน้ามนุษย์ และแม้กระทั่งตอนนี้ สุนัขสวรรค์ยังสละชีวิตเอาตัวเข้ารับคมหอกสังหารแทนเขาอีก ทั้งหมดก็เพื่อปกป้องผู้เป็นนายจนชีวิตหาไม่!
ร่างทั้งร่างทรุดฮวบลงกับพื้น จางจูกกระชับกอดสุนัขสวรรค์ที่ปราศจากลมหายใจ ดวงตาของเขากลายเป็นสีแดงก่ำด้วยความฆาตแค้น ก่อนเงยขึ้นกู่ก้องคำรามใส่เซียถง
“เซียถง!! ข้าจะฆ่าเจ้า! ข้าจะฆ่าเจ้า!!”
เซียถงยืนตระหง่านอย่างเด็ดเดี่ยว ปักคมหอกลมปราณลงกับพื้นหยัดยืนสง่าผ่าเผย สายลมยามรัตติกาลพัดผ่าน นำพาชายเสื้อแพรพรรณพริ้วไสว โหมกระพืองดงามดุจปีกปักษาโบยบิน นางกดสายตามองต่ำลงหาจางจูและกล่าวว่า
“ในตอนนี้ ทั้งเจ้าและข้าต่างก็มีตราผนึกจักรพรรดิเทวะเหมือนกัน แล้วจะมีคุณสมบัติอันใดจะปราบปรามข้าได้?”
ภายในใจของจางจูตอนนี้ทั้งโศกเศร้าและขุ่นแค้นแน่นล้น ดวงตาสีแดงประดุจโลหิตมุ่งมองเซียถงเขม็งขึงขัง เขาค่อยๆคลายอ้อมกอดจากร่างของสุนัขสวรรค์และลุกขึ้นยืนตระหง่าน หยิบมีดเล่มหนึ่งขึ้นในมือและวิ่งแทงใส่เซียถง
อย่างไร ข้อได้เปรียบเพียงอย่างเดียวของเขาไม่มีอีกต่อไป ต่อหน้ายอดฝีมือขอบเขตราชันย์ม่วงเฉกเช่นเซียถง จางจูปราศจากทุนรอนใดๆไปต่อกรกับนางอีกแล้ว และนางเองก็ไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายเรียกอัญเชิญสัตว์วิญญาณใดๆอีกแล้วเช่นกัน จึงคว้าหอกลมปราณสีเงินที่ปักพื้น ยกขึ้นเสียบทะลุหัวเข่าของจางจูอย่างไร้ปรานี ทำเอาอีกฝ่ายเสียสูญฉับพลัน ทรุดร่วงอยู่ในท่าคุกเข่าข้างหนึ่งต่อหน้าแทบเท้าเซียถง
จางจูไม่คิดยอมแพ้เสียเพียงเท่านี้ ยังคงพยายามยืนหยัดลุกขึ้นเพื่อต่อสู้ แต่สิ่งที่น่าเสียดายที่สุดคือ เขายังคงถือมีดสั้นอยู่ในมือ!
หากต่อสู้โรมรันกันด้วยการอัญเชิญอสูร บางทีจางจูยังมีโอกาสพลิกแพลงสถานการณ์ขึ้นมาได้บ้าง แต่เขากลับเลือกที่จะถือมีดสั้นซึ่งทำให้ไม่สามารถประกอบท่ามือสร้างวงแหวนอัญเชิญได้!
และคิดจะโยนมีดทิ้งเพื่อร่ายในเวลาแบบนี้ กล่าวได้คำเดียวคือ สายเกินไปแล้ว!
ชั่วพริบตาที่จางจูขาดสติไป ก็เท่ากับว่าเขาวิ่งมาหาที่ตายเอง เผชิญอยู่ต่อหน้ายอดฝีมือขอบเขตราชันย์ม่วงคนหนึ่ง เขาไม่มีอะไรไปสู้รบตบมือได้เลย!
แน่นอน เซียถงไม่คิดเมตตาให้โอกาสใดๆ แทบจะในพริบตาเดียวกัน นางถอนคมหอกกะซวกออกจากเข่าขึ้นมาและเล็งไปยังศีรษะของจางจูแทน!
เสี้ยวอึดใจต่อมาเท่านั้น ปราศจากคำสั่งเสียใดๆ เซียถงเสียบคมหอกเจาะกะโหลกศีรษะจางจูดับดิ้นในพริบตา! และเมื่อกระชากถอนกลับคืน ยังมีเศษสมองและชิ้นเนื้อต่างๆหลุดติดออกมาด้วย เหล่านั้นได้ย้อมคมหอกสีเงินกลายเป็นแดงฉาน กระทั่งพู่ยาวสีขาวหย่อมหนึ่งที่ติดคอหอกเองยังถูกย้อมจนแดงฉานไม่ต่างกัน
สีหน้าแววตาของเซียถงยามนี้เปี่ยมล้นความเกลียดชังอยู่แน่นปรี่ นางย่างสามขุมตรงไปหาไป๋หลี่เย่อย่างแช่มช้า รังสีสังหารอาบทั่วร่างกาย เสื้อผ้าแพรพรรณโหมกระพือคลื่นวิญญาณชั่วร้ายรุนแรง ปลายคมหอกสั่งสมระดมคลื่นลมปราณเข้มข้นจนสั่นระริก ภาพฉากตรงหน้านี้ทำให้ทหารทุกนายในบริเวณนั้นไม่กล้าแม้แต่จะก้าวเท้าเข้ามาใกล้ใดๆ และแทบอยากจะวิ่งหนีตายออกไปจากตรงนี้เสียด้วยซ้ำ! การตายอย่างอเนจอนาถสุดแสนของจางจู ได้เพิ่มแววความสยดสยองต่อเซียถงฝังลึกอยู่ภายในใจของทุกคน!
ได้เห็นจางจูพ่ายแพ้ลงต่อหน้าต่อตาตัวเอง ไป๋หลี่เย่กัดฟันกรอดแน่น รีบปลี่ถอยออกห่างไปอย่างรวดเร็ว ทั้งยังเหลือบหางตาไปทางฮูหยินหลี่ที่นอนซบพื้นอยู่ด้านหลัง เขารีบวิ่งไปคว้าตัวฮูหยินหลี่จับมาเป็นตัวประกันเพื่อข่มขู่เซียถงทันที
เสี่ยวฮั่วได้ปรากฏตัวขึ้นมาในเวลานี้ และอ้าปากพ่นลูกไฟเพลิงกิเลนศักดิ์สิทธิ์ยิงใส่ทางไป๋หลี่เย่โดยไม่มีลังเล เสี้ยวพริบตานั้น ไป๋หลี่เย่รีบใช้ร่างของฮูหยินหลี่ขึ้นมาบังเป็นโล่เพื่อป้องกันลูกไฟเพลิงมิให้แผดผลาญโดนตนเอง
ร่างทั้งร่างของฮูหยินหลี่ติดไฟลุกพรึบขึ้นในทันที
ฮูหยินหลี่คนนั้นกรีดร้องลั่นระงม ร่างกายบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด พยายามดิ้นหนีวิ่งเตลิดออกไป ไป๋หลี่เย่เห็นว่าลูกไฟเพลิงนี้มีฤทธิ์การเผาผลาญรุนแรงมาก และห่วงว่าจะลุกลามมาโดนตนเอง จึงยกบาทาขึ้นถีบส่งฮูหยินหลี่ที่ร่างติดไฟให้กระเด็นไปไกลๆทันที โดยมิได้นึกถึงเรื่องอื่นใดเลย
ฮูหยินหลี่นางนั้นเปรียบเสมือนคนไฟลุก นางเริ่มออกวิ่งอย่างบ้าคลั่งเตลิดร่อนเร ทั้งพยายามกลิ้งทั้งพยายามกระโดดแล้วก็ดี หวังจะเสาะหาวิธีดับไฟบนร่าง และท้ายที่สุดก็ดันวิ่งไปชนเข้ากับกองหญ้าแห้ง สถานการณ์เริ่มลุกลามรุนแรงไปทั่ว ก่อให้เกิดเป็นทะเลเพลิงลุกโชนขึ้นในพริบตา
ไม่ใกล้ไม่ไกลจากบริเวณหอคอยนั้น มีคนอีกกลุ่มรีบวิ่งเข้ามารายงาน
“ว่าเยี่ยงไร?”
โดยมีชิงเยวี่ยเป็นผู้นำรับรายงาน และไป๋หลี่อวี๋อิงที่พ่วงท้ายติดตามอยู่ไม่ห่าง เมื่อได้ยินดังนั้นจึงรีบมุ่งมองไปที่กองเพลิงลุกโหมจากทางไกล ทันใดนั้นเขาถึงกับใจสั่นขวัญเสีย
ไป๋หลี่อวี๋อิงเหลือบหาชิงเยวี่ยที่กำลังจับจ้องภาพฉากเบื้องหน้าอย่างพะว้าพะวัง จึงกล่าว
“นี่เจ้าคิดจะใช้ชีวิตของข้าเป็นเดิมพัน เพื่อแลกเปลี่ยนกับชีวิตของเซียถง?”
นางเอ่ยกล่าวออกไปเช่นนั้น พร้อมด้วยแววความโศกเศร้าสุดหยั่งถึงได้ในสายตา ไป๋หลี่เย่ผู้เป็นพี่ชาย เคยทอดทิ้งนางไปแล้วครั้งหนึ่ง กระทั่งตอนนี้คนที่นางรัก…ยังจะมาทอดทิ้งกันอีกงั้นหรือ? ชีวิตของนางไร้ค่าปานนั้นเลย?
ชิงเยวี่ยหาได้สนใจฟังสิ่งที่ไป๋หลี่อวี๋อิงเอ่ยกล่าวไปแม้สักนิด ทั้งสายตาและใจดวงนี้มัวมุ่งหาสนใจแต่เซียถงที่อยู่อีกด้านหนึ่งเท่านั้น
เมื่อเห็นชิงเยวี่ยเป็นเฉกเช่นนี้เข้า ไป๋หลี่อวี๋อิงได้แต่ส่ายศีรษะอย่างขมขื่นใจเกินพรรณนา
“เซียถง!!”