ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 549 ข้ามีแผน (1)
ตอนที่549 ข้ามีแผน (1)
ตอนที่549 ข้ามีแผน (1)
เซียถงดวงตาเริ่มเปียกชื้นขึ้นมา แต่คู่เท้าของนางยังคงมุ่งสู่พระราชวังด้านหลังต่อ
ขณะที่กำลังจะไปถึงสถานที่แห่งนั้น ก่อนบรรลุหมายพลันสัมผัสสายลมยามรัตติกาลพร้อมกับกลิ่นคาวเลือดรุนแรงพัดผ่าน
ไป๋หลี่หานและคนอื่นๆต่างก็ยังพยายามสุดตัวเพื่อโค่นกลุ่มทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าลง จึงก่อเกิดเป็นราคานองเลือดครั้งใหญ่อยู่ที่ด้านหลังแห่งนี้
ไป๋หลี่หานเข้าสัประยุทธ์สังหารทหารหน้ากากภูตผีนายหนึ่ง คมกระบี่ทองคำในมือร่ายระบำความเร็วดุจสายฟ้า ทำหน้าที่คล้ายโล่ทองคำตั้งรับการโจมตีจากศัตรูที่เหลือรายล้อม และไม่ไกลจากกัน โม่ซวนและเซี่ยหลู่เฟิงเองก็กำลังปะทะเชิงกระบี่ต่อเนื่องอย่างสิ้นหวัง
เผชิญหน้าปะทะกับฝ่ายทหารตงหลี่ยังพอทำเนา แต่หาใช่กับกลุ่มทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าพวกนี้!
และอันเนื่องจากไป๋หลี่หานใช้คมกระบี่ทองคำสับทหารหน้ากากภูตผีหนึ่งในนั้นตายจาก ส่งผลให้อสูรหมาป่ารอบข้างทุกตัวส่งเสียงหอนดัง แต่พวกมันเหล่านั้นยังไม่กล้าทำอะไรวู่วามเกินควร
บนพระราชวังอีกฟากฝั่งหนึ่ง องค์จักรพรรดิตงหลี่กำลังเฝ้าดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ ในแววตาเบื้องลึกคล้ายกำลังคิดคำนวณอะไรบางอย่างไม่หยุดหย่อน เพราะก่อนหน้านี้ เขาเพื่อจ้างวานให้กลุ่มทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าลงมือสังหารไป๋หลี่หาน โดยมีค่าจ้างเป็นทรัพย์สมบัติเกือบทั้งหมดที่มี!
ด้านหลังของเขาอีกทีหนึ่ง มีชายสวมหน้ากากเขี้ยวหมาป่าอยู่ผู้หนึ่ง มาในชุดเสื้อคลุมสีดำขลับเข้ม ดวงตาแข็งกร้าวประดุจเหล็กกล้าแสนเย็นชา นั่งอยู่ขั้นบันไดแถวนั้น ใช้มือข้างหนึ่งเกาขนปุกปุยของหมาป่าที่อยู่ข้างเคียงเล่นอย่างเพลิดเพลิน
เมื่อเห็นชายผู้นี้พร้อมกับอสูรหมาป่าสีขาวบริสุทธิ์นิสัยดุร้าย ทั้งยังมีขนาดตัวที่ใหญ่กว่าอสูรหมาป่าทั่วไปถึงสองทวีเท่า ยอดปรมาจารย์ขอบเขตจักรพรรดิครามฟ้าครึ่งขั้นทั้งสอง ผู้ซึ่งเป็นองครักษ์ประจำตัวขององค์จักรพรรดิตงหลี่ยังต้องล่าถอยออกห่างไปก้าวหนึ่งด้วยความยำเกรง
“เป็นเยี่ยงไรบ้าง? อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บสาหัสมิใช่น้อยแล้ว ท่านองค์จักรพรรดิแห่งตงหลี่ ยังต้องการให้พวกเราลงมือต่อหรือไม่?”
ชายสวมหน้ากากเขี้ยวหมาป่าผู้นั้นหยิบเนื้อแห้งชิ้นหนึ่ง ควักออกจากกระเป๋าข้างเอวและป้อนให้อสูรหมาป่าขาวตนนั้น เอ่ยถามน้ำเสียงสงบเรียบนิ่ง ราวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหล่านี้หาได้ข้องเกี่ยวใดๆต่อตัวเขา
องค์จักรพรรดิตงหลี่คล้ายจะทราบถึงความหมาย ก่นเสียงหัวเราะเย็นเยียบขึ้นคำหนึ่ง และมือโบกมือส่งสัญญาณออกไป ยอดปรมาจารย์ขอบเขตจักรพรรดิครามฟ้าครึ่งขั้นทั้งสองก็ยกหีบสมบัติกล่องใหญ่ที่อยู่ด้านหลัง วางไว้ให้ต่อหน้าชายสวมหน้ากากเขี้ยวหมาป่า
“นายน้อยเขี้ยวหมาป่า ได้โปรดลงมือ!”
นายน้อยเขี้ยวหมาป่าเหลือบสายตาส่งหาทหารรับจ้างฝ่ายตนนายหนึ่งที่อยู่ใกล้ที่สุด ลงมือเข้าตรวจสอบและเมื่อเปิดหีบสมบัติใบใหญ่ออกมา ภายในนั้นก็อัดแน่นไปด้วยทองคำแท่งเรียงรายบรรจุอย่างสวยงามอยู่ทั้งหมด! หลังจากทหารรับจ้างพวกนั้นช่วยกันตรวจสอบจนเสร็จสิ้น จึงหันมาพยักหน้าแก่นายน้อยเขี้ยวหมาป่าทีหนึ่ง และล่าถอยกลับไปยืนดังเดิม
สำหรับการเรียกราคาเพิ่มเติมจากองค์จักรพรรดิตงหลี่ในคราวนี้ นายน้อยเขี้ยวหมาป่าดูจะเป็นพอใจยิ่งยวด เช่นนั้นจึงเรียกทหารรับจ้างนายหนึ่งมากระซิบกระซาบข้างหูเล็กน้อย ก่อนที่ทหารนายนั้นจะรีบวิ่งขึ้นไปบนยอดบนสุดของพระราชวัง สั่งการใหม่อสูรหมาป่าส่งเสียงหอนคำรามออกมา
ทันทีที่ได้ยินเสียงเห่าหอนนี้ ฝูงอสูรหมาป่าทั้งหลายที่ครั่นคร้ามไม่กล้าเปิดฉากโจมตีใส้ไป๋หลี่หาน ก็ราวกับโดนปลุกกระตุ้นสัญชาตญาณความป่าเถื่อนขึ้นมา พวกมันทั้งหลายดูเกรี้ยวกราดและดุร้ายกว่าเดิมหลายเท่า พวกมันทุกตัวระดมพลพุ่งเข้าใส่ไป๋หลี่หานและเหล่าองครักษ์หน่วยเงาของเขาเป็นทางเดียว!
ก่อเกิดกลายเป็นสงครามระหว่างมนุษย์และอสูรหมาป่าศึกใหญ่!
อย่างไรก็ดี จำนวนอสูรหมาป่าที่ถาโถมบุกโจมตีก็ว่าหลายหลากแล้ว หนำซ้ำยังมีบรรดาทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าและกองทัพทหารตงหลี่อีกจำนวนเกินคนานับ มวลมหาข้าศึกศัตรูต่างมุ่งบุกประชิดในเวลาเดียวกัน แต่ไม่เพียงเท่านั้น ผ่านไปไม่นานยังมีมือธนูที่ประจำอยู่โดยรอบพระราชวังยิงเกาทัณฑ์กระหน่ำเพิ่มเสริมดุจห่าพิรุณซัดใส่
ในเวลานี้ไป๋หลี่หานและพวกที่เหลือแทบไม่มีโอกาสมีชีวิตรอดกลับไปด้วยซ้ำ!
แต่กระทั่งเขาก็ยังเลือกที่จะยืนหยัดสู้ต่อไป กระบี่คู่ในมือร่ายกระบวนเพลงนับพันหมื่นต่อเนื่อง คลื่นแสงกระบี่สีเงินปนทองสาดระยิบระยับเป็นประกาย
ซากศพของอสูรหมาป่าและเหล่าทหารสุมกองอยู่ที่เท้าของเขามากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ
โม่ซวนและเซี่ยหลู่เฟิงรีบวิ่งไปทางประตูทางออกด้านที่อยู่ใกล้ที่สุด ในเวลานี้ประตูบานนั้นถูกพันธนาการไว้ด้วยบ่วงคล้องเหล็กไหลขนาดใหญ่ทนทานเป็นพิเศษ และถึงแม้บ่วงคล้องวงนี้จะทำลายยากเย็นเพียงใด แต่ภายใต้สถานการณ์มืดแปดด้านเช่นนี้ กลับไม่มีทางเลือกอื่นให้ตัดสินใจแล้ว! ทั้งคู่รีบยกกระบี่ขึ้นกระหน่ำฟันผนึกกำลังช่วยกันทำลายอย่างบ้าคลั่ง โดยมีไป๋หลี่หานและองครักษ์หน่วยเงาค่อยสกัดทัพศํตรูอยู่ท้ายหลัง
ในขณะเดียวกัน จู่ๆก็มีศรธนูติดไฟดอกหนึ่งหลุดลอดเข้ามา มันพุ่งเสียบทะลุหัวไหล่ของโม่ซวนโดยตรง ทำเอาเจ้าตัวเซล้มไปกระแทกกับประตูพระราชวังโอฬารใหญ่โต
ไป๋หลี่หานเงยหน้าขึ้นมองในทันควัน ก่อนจะค้นพบว่าบนพระราชวังตรงนั้น คนที่ยิงศรธนูดอกนี้มาก็คือ เย่หลีเทียน!
เย่หลีเทียนยืนตระหง่านอยู่บนพระราชวัง กดสายตาต่ำมองลงมาประดับแช่มรอยยิ้มชั่วร้ายสุดแสน พลางหยิบศรธนูขึ้นมาอีกดอก นำขึ้นมาตั้งลำเทียบข้างเกาทัณฑ์และง้างดึงสายเอ็นจนตึงสุด ครั้งนี้หัวศรเหล็กติดไฟเล็งไปที่ขั้วหัวใจของไป๋หลี่หาน และเสี้ยวพริบตาขณะที่กำลังจะยิงออกไป เขากลับถูกหลัวซีที่ควบขี่อินทรีโลหิตบินโฉบลงมาก่อกวนจนเสียสมาธิไปชั่วขณะ
เย่หลีเทียนเปลี่ยนเป้าหมาย หันเกาทัณฑ์เล็งใส่อินทรีโลหิตและยิงออกไป ศรธนูดอกนั้นพุ่งฉีกเวหานภาสูงลิ่ว ปักทะลุช่วงปีกสยายของมันอย่างแม่นยำ อินทรีโลหิตส่งเสียงร้องคร่ำครวญเจ็บปวด ก่อนจะรีบตีใช้แรงเฮือกใหญ่ตีปีกทยายหนีออกไปไกลตามสัญชาตญาณเอาชีวิตรอดของมัน
อินทรีโลหิตฝืนตีปีกเหินบินสู่เวหาล่อนออกไปไกลระดับหนึ่ง แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักครู่ บาดแผลบนปีกยิ่งฉีกหนัก ผนวกกับแผลเก่าก็ยังไม่หายดี ส่งผลให้มันไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆที่จะบินต่อไปได้ไหว ร่างจึงดิ่งร่วงพสุธาลงมา และหากตกถึงภาคพื้นเมื่อใด ด้วยความเร็วขนาดนี้หลัวซีที่โดยสารอยู่บนหลังย่อมไม่รอดเช่นกัน
โชคยังดีที่จุดร่อนตกของมันอยู่ใกล้กับเซียถงพอดี นางเร่งเร้ากระแสลมปราณตลบใหญ่ ปราดเหินตรงเข้ามาโดยไว เหลือบหน้าเงยมองเงาจุดสีดำที่อยู่บนฟากฟ้าตรงหน้า
“หลัวซี!”
นางเปล่งเสียงตะโกนเรียก และกระโดดขึ้นขี่หลังเสี่ยวฮั่วที่ได้จำแลงกายเป็นกิเลนร่างยักษ์ มันสยายคู่ปีกบินทะยานเข้าพยุงอยู่ใต้ร่างอินทรีโลหิตที่กำลังดิ่งตก
เสี้ยวพริบตานั้นเอง อินทรีโลหิตโดนศรธนูติดไฟยิงทะลุปีกจนสาหัส ส่งผลให้หลัวซีไม่สามารถควบคุมบังคับใดๆได้อีก และโดนมันสะบัดร่วงตกกลางเวหาฉับพลัน แต่ทันใดนั้น แผ่นหลังของเขากลับตกกระทบกับขนนุ่มฟูของอะไรบางอย่าง พอลืมตาที่พร่ามัวเปิดขึ้นมาเท่านั้น ก็เสาะเห็นใบหน้าที่แสนจะคุ้นเคย
“จับมือข้าไว้!”
ได้ยินสุ้มเสียงนี้ หลัวซีส่งมือยื่นออกไปทันที เซียถงคว้ารับพร้อมกระชากอีกฝ่ายขึ้นมาให้นั่งโดยสารดีๆ นางและเขาต่างนั่งอยู่บนหลังของกิเลนอยู่ในขณะนี้
กิเลนเปิดปากอ้างออกมา เปลวเพลิงสีม่วงแผดพุ่งหล่อหลอมช่วงปีกของอินทรีโลหิตที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส
อินทรีโลหิตที่กำลังดิ่งพสุธาร่วงลงมาตนนี้ได้รับเปลวเพลิงสีม่วงห่อหุ้มรักษา บาดแผลฉกรรจ์และอาการบาดเจ็บทั้งหลายหายดีเป็นปลิดทิ้งในชั่วพริบตา ธารเลือดสดที่ไหลรินก่อนหน้าได้ถูกสมานหยุดลงแล้ว
อินทรีโลหิตกลับมาทรงตัวขึ้นบินได้อีกครั้ง และเหินเทียบข้างกิเลนส่งเสียงร้องเรียกหลัวซี
“แล้วไป๋หลี่หานอยู่ไหน?”
“ยังติดอยู่ในพระราชวังด้านหลัง ทั้งพวกกองทัพทหารตงหลี่กับกลุ่มทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่า เหล่านั้นทรงพลังแกร่งกล้าเกินไป! ประตูพระราชวังด้านหลังในตอนนี้เสมือนถูกปิดตาย พวกเขาพยายามทำลายบ่วงคล้องเพื่อหนีออกมากันอยู่! ปรากฏว่าทั้งหมดเป็นกับดักที่ถูกวางไว้แล้ว!”
หลัวซีเร่งกล่าวอย่างร้อนใจ
“นายท่าน อาการบาดเจ็บของอินทรีโลหิตหายดีเป็นปกติแล้ว!”
เซียถงเหวี่ยงหลัวซีกลับไปบนหลังอินทรีโลหิตทันที และกล่าวว่า
“เช่นนั้นรีบออกจากที่นี่ไปก่อน แล้วค่อนพบกันอีกทีนอกเมือง! หากทั้งหมดนี้เป็นกับดักขององค์จักรพรรดิตงหลี่ตั้งแต่แรกจริงๆ เช่นนั้นไม่ควรมีกับดักแค่ด่านเดียว!!”