ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 55 องค์หญิงอวี๋อิง (1)
ตอนที่ 55 องค์หญิงอวี๋อิง (1)
แก้วตาเซียถงส่องประกายแสงหนึ่ง เรื่องนี้กลับไม่ยากเกินความสามารถ หลังจากฝึกปรือหลอมกลั่นโอสถในรอบนี้เสร็จ ข้าจะขึ้นภูเขาไปเก็บสมุนไพรด้วยตนเอง จัดการต่างๆ นานา เสร็จสรรพ นางไม่ลืมที่จะซ่อนคัมภัร์วรยุทธลับในที่ปลอดภัย และขอคำแนะนำจากเสี่ยวฮั่วก่อนออกเดินทาง
ตั้งแต่ครั้นนั้นครั้นล่าสุดที่นางศึกษาจนบรรลุกระบวนท่าระดับชั้นเหลืองได้สำเร็จ นางก็พยายามทดลองสำแดงใช้กระบวนท่าระดับชั้นนิลออกไปอยู่หลายครั้ง แต่กลับไม่เป็นผล ประสิทธิภาพทำลายล้างที่ทำได้กลับไม่ได้แตกต่างจากกระบวนท่าระดับชั้นเหลืองเลย นี่ถือว่าล้มเหลว
เสี่ยวฮั่วบอกกับนางไปว่า สิ่งเหล่านี้ไม่ควรรีบร้อน แต่จำเป็นต้องใจเย็น ค่อยเป็นค่อยไป เพราะจะอย่างไร กระบวนท่าระดับชั้นนิล ทั้งทรงพลังและซับซ้อนกว่าระดับชั้นเหลืองโดยธรรมชาติ ดังนั้นแล้ว จึงไม่แปลกที่ระดับความยากในการศึกษาเรียนรู้จะสูงกว่าเป็นทวีเท่า เมื่อใดที่นางสามารถเลื่อนระดับลมปราณขึ้นเป็น ขอบเขตราชันย์ม่วงได้ ยามนั้นย่อมฝึกปรือให้สำเร็จได้ง่ายกว่าตอนที่อยู่ในขอบเขตเสาหลักฟ้ามากนัก
เซียถงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตัดใจยอมแพ้ไปก่อน ท่องจำทุกอักษรอธิบายถึงท่วงท่ารายร่างของกระบวนท่าระดับชั้นนิล จากนั้นก็เก็บงำไว้ในใจอย่างลับๆ
ในตอนเที่ยงวัน ทหารองครักษ์ส่งสาสน์นำมาให้ เซียถงต้องเข้าวังหลวงเพื่อไปรับเห็ดหลินจือมรกตด้วยตนเอง เปลี่ยนชุดแพรพรรณเสร็จสิ้น นางก็ขึ้นเกี้ยวที่นำโดยทหารองครักษ์เหล่านั้นที่มารับ มุ่งหน้าสู่วังหลวงโดยตรง
ระหว่างทาง เซียถงยังบังเกิดความสงสัยอยู่ภายในใจ เห็ดหลินจือมรกตหนึ่งชิ้น ไฉนถึงไม่นำคนมาส่งถึงจวน? เหตุใดนางถึงต้องเดินทางออกไปรับเองภายในวัง? ครั้งนี้ฝ่าบาทคิดจะเล่นแง่เล่นเหลี่ยมอันใดกันนางอีก? ขณะครุ่นพินิจ นางก็มาถึงวังหลวงโดยไม่ทันรู้ตัว
ฝ่าบาทและเหล่าขุนนางทั้งหลายกำลังหารือเรื่องการปกครองบ้านเมืองอยู่ในขณะนี้ เซียถงจึงถูกส่งตัวออกไปรอเข้าเฝ้าในลานกว้างด้านหน้าพระราชวังอันหรูหรา นางนั่งลงบนเก้าอี้ไม้สลักลายวิจิตร พลางปราดสายตาเชยชมสถาปัตยกรรมประดับตกแต่งโดยรอบอย่างเบื่อๆ
จนท้ายที่สุด ก็อดใจลุกขึ้นเดินไปที่อื่นมิได้ เดินตามเส้นทางที่ปูราบไปด้วยแผ่นหินอ่อนสีฟ้าสดใสทอดยาวออกไป เดินผ่านซุ้มประตูออกไป ทันใดนั้นนางก็เห็นสระบัวปรากฏขึ้นต่อหน้า
ภายใต้แสงตะวัน พื้นผิวน้ำของสระบัวทอแสงส่องสะท้อนวิบวับ เสมือนทองคำอย่างน่าประหลาด ดอกบัวโลหิตสีแดงฉานกำลังพลิบานสงบนิ่งในน้ำใส
ถึงดอกบัวเหล่านั้นจะสีแดงดั่งเลือด แต่กลับส่งเสน่ห์ในแบบของมัน!
กลิ่นหอมติดหวานอ่อนๆ ลอยเข้ามาในจม เซียถงพลันได้ยินสุ้มเสียง,สุ่มเสี่ยงหนึ่งแหกปากดังลั่นขึ้นมา ก็เลยยกเท้าขึ้นเหยียบย่างบนสะพานข้ามไปยังอีกฟาก ตรงไปยังศาลากลางน้ำลายหินอ่อนสีขาวโพลนประดุจทำจากหยกบริสุทธิ์ ทิวทัศน์ท้องนภาที่ซ่อนอยู่บนพื้นผิวน้ำยิ่งชัดเจนมากขึ้น ช่างงดงามกระไรเยี่ยงนี้
พอเข้าใกล้ตัวศาลา เซียถงก็ได้ยินเสียงหญิงสาวนางหนึ่งตะโกนขึ้นว่า
“ข้าต้องการดอกบัวสะพรั่งดอกใหญ่ที่สุด! เจ้าไปหยิบมันมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!”
น้ำเสียงสั่งการฟังดูพึงทราบว่า หยิ่งผยองลำพองตนปานใด
“องค์หญิง แต่นั่น…อยู่ไกลเกินไป บ่าวไม่สามารถเอื้อมไปหยิบถึง”
สุ้มเสียงที่ขานตอบสั่นคลอนไม่หยุด เบื้องลึกเร้นแฝงไปด้วยความหวาดกลัว
“ข้าบอกให้หยิบพวกเจ้าก็ต้องไปหยิบ! เลิกพล่ามแล้วไปเอามาเร็ว!”
ฟังจากน้ำเสียงดูไม่พอใจอย่างยิ่ง ไร้ซึ่งความอดทนอดกลั้นใดๆ
เซียถงขมวดคิ้วเล็กน้อย เดินติดตามเสียงเหล่านั้นเข้าไป จนพบเข้ากับสาวน้อยนางหนึ่งที่กำลังนั่งอยู่ในศาลา นางสวมแพรพรรณสีแดงเพลิง เรือนร่างทรงเสน่ห์ตามวัย เหน็บแส้สีดำอยู่ที่เอว โฉมหน้างดงาม ทว่ารัศมีความหยิ่งผยองฉายกว้างตั้งแต่คู่คิ้วลงมายันดวงตา ไม่ว่าจะดูอย่างไร นางก็แค่สาวน้อยคนหนึ่งที่เอาแต่ใจตัวเอง
สาวรับใช้ในวังยืนอยู่นอกรั้วกั้นระหว่างในและนอกศาลา มือข้างหนึ่งจับเสาแน่น ส่วนอีกข้างพยายามยืดเหยียดออกมาคว้าดอกบัวในสระ กว่าครึ่งร่างลอยอยู่เหนือสระน้ำ แต่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน แต่สุดปลายนิ้วของนางก็ยังอยู่ห่างจากดอกบัวโลหิตสะพรั่งดอกใหญ่ที่ว่าอยู่ประมาณสองคืบ
เอื้อมสุดแขนออกไป ปลายนิ้วสั่นระริก สีหน้าของสาวรับใช้นางนั้นซีดขาว หยาดเงื่อรินหยดลงผิวน้ำดังติ๋ง เหลียวหลังหันไปมององค์หญิง น้ำเสียงเหมือนจะร้องไห้เต็มทน กล่าวว่า
“องค์หญิง บ่าวหยิบไม่ได้จริงๆ เพคะ!”
“ก็ข้าชอบดอกบัวดอกนั้น แล้วข้าเองก็มิได้สนใจเช่นกันว่า เจ้าจะหยิบมันได้หรือไม่ แต่หากไม่ได้ ข้าผู้นี้จะเฆี่ยนเจ้าห้าร้อยแส้!”
องค์หญิงอวี๋อิงขมวดคิ้วแน่น หยิบแส้ดำออกมาจากเอว ชี้ใส่หน้าสาวรับใช้นางนั้น
สาวรับใช้คนนั้นที่กำลังเอื้อมทั้งตัวไปหยิบดอกบัว ยิ่งหน้าเสียหวาดผวาหนัก
“เร็วเข้า! หากเจ้าหยิบดอกบัวดอกนั้นได้ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าเสียแล้วกัน”
องค์หญิงอวี๋อิงยกแส้ในมือขึ้นเตรียมฟาดหากอีกฝ่ายทำไม่ได้
สาวรับใช้นางนั้นหวังจะหยิบดอกบัวดอกนั้นให้จงได้เพื่อชีวิตของตนเอง จึงค่อยๆ คลี่คลายมือข้างที่จับเสาออกทีละเล็กละน้อย เคลื่อนตัวทิ้งน้ำหนักลงไปข้างหน้า ปลายนิ้วข้างที่ยื่นเหยียดออกไปสั่นระริกไม่หยุด อีกประมาณหนึ่งคีบนางก็จะคว้าได้แล้ว
ทว่าหนึ่งความคิดเพียงขยับ มือข้างที่พยายามจับเสาเอาไว้กลับหลุด เสียงร้องอุทานลั่นดัง ‘อ๊ะ’ ร่างของสาวรับใช้นางนั้นตกลงในสระบัวทันที
เมื่อเห็นสาวรับใช้นางนั้นตกบ่อบัวไป มุมปากขององค์หญิงอวี๋อิงพลันเชิดยิ้มกระตุกขึ้นทีหนึ่ง นี่แหละคือสิ่งที่นางอยากเห็น
สาวรับใช้นางนั้นกรีดร้องขอความช่วยเหลือด้วยความกลัวสุดขีด ตะเกียกตะกาย พยายามคว้าจับทุกสิ่งไม่เลือก
มีหนึ่งชีวิตตกลงสู่อันตราย เซียถงเองก็ไม่คิดที่จะอยู่เฉยเช่นกัน ขณะกำลังจะวิ่งตรงเข้าไปในศาลา พยายามจะคว้ามืออีกฝ่ายกระชากร่างขึ้นจากน้ำ ทว่ากลับได้ยินเสียงร้องดัง ‘โฮก’ คลื่นน้ำสั่นกระเพื่อมดุเดือด ทันใดนั้นก็มีสัตว์ประหลาดสีแดงโลหิตกระโดดขึ้นเหนือน้ำ เปิดปากฉีกกว้างเสมือนบ่อเลือด เขมือบท่อนล่างของสาวรับใช้นางนั้นลงไปโดยตรง
สาวรับใช้คนอื่นๆ ภายในวังกรีดร้องลั่น ร่างของสาวผู้โชคร้ายนางนั้นขาดครึ่งท่อน ร่างกายส่วนล่างถูกสัตว์ประหลาดกลืนลงท้องไปแล้ว เซียถงตื่นตะลึงไปชั่วขณะ รีบคลายมือจากอีกฝ่ายโดยสัญชาตญาณ สัตว์ประหลาดสีโลหิตปรากฏกายขึ้นมาอีกครั้งพร้อมขย้ำศีรษะและร่างส่วนที่เหลือของสาวรับใช้ผู้โชคร้าย ลากลงไปในก้นบึ้งใต้สระ เหลือทิ้งไว้เพียงธารเลือดสีแดงสดพร้อมเศษซากชิ้นเนื้อที่ลอยขึ้นเหนือน้ำ
เซียถงเพ่งสายตามองธารเลือดในสระเหล่านั้น รู้สึกเย็นวาบขึ้นในจิตใจ หาใช่เรื่องดีเลยที่มีสาวรับใช้พลาดท่าตกลงไปให้สัตว์ประหลาดในสระบัวกิน แต่ดูแล้วก็เหมือนจงใจ
องค์หญิงอวี๋อิงถือแส้ยาวในมือแน่น จับจ้องไปทางเซียถงที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมาจากไหนก็ไม่ทราบ พลันรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย เจ้าตัวที่เพิ่งเขมือบสาวรับใช้ไป ทุกคนในวังต่างเรียกมันว่า สัตว์ประหลาดแห่งสระบัวโลหิต ตราบเท่าที่สัตว์ประหลาดตนนี้ยังมีชีวิตดำรงอยู่ได้ภายในสระบัวนี้ ดอกบัวโลหติก็จะสามารถผลิบานให้นางได้ชื่นชมตลอดทั้งปี ดังนั้นแล้ว องค์หญิงอวี๋อิงก็เลยจงใจสั่งงานยากๆ ให้แก่สาวรับใช้ เพื่อจะทำอย่างไรก็ได้ให้ พวกนางพลาดท่าตกบ่อไป เพื่อป้อนอาหารให้เจ้าสัตว์ประหลาดตนนี้