ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 552 ล่อทัพทหาร (2)
ตอนที่552 ล่อทัพทหาร (2)
ตอนที่552 ล่อทัพทหาร (2)
เซียถงก้าวขึ้นมามุ่งมองชายหนุ่มผู้สวมหน้ากากเขี้ยวหมาป่า สักครู่หนึ่งพึงค้นพบว่า อีกฝ่ายกำลังจับจ้องมาที่นางเช่นกัน จึงถามขึ้นว่า
“เจ้าเป็นใคร?”
เปล่งเสียงพูดออกไป ขณะเดียวกันก็พลางครุ่นคิดในใจ ไฉนแววตาของอีกฝ่ายถึงดูคุ้นเคยอยู่หลายส่วน แต่ไม่ว่าจะพยายามคิดยังไงก็คิดไม่ออก เหมือนกับว่าเคยพบเคยเจอกันที่ไหนสักแห่ง? ไม่นาน ชายผู้นั้นก็ปริปากกล่าวขึ้นแทรกก่อนว่า
“สาวงามยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งทวีปเทียนหลาง ที่แท้ก็กลับเป็นเจ้านี่เอง!”
สิ้นเสียงกล่าวจบ ไป๋หลี่หานก็รีบเร่งนำตัวเข้าขวางเบื้องหน้าของเซียถงเอาไว้ ป้องกันจากสายตาที่มุ่งมองมาจากอีกฝ่าย แต่ถึงแบบนั้น นายน้อยเขี้ยวหมาป่าผู้นี้ก็ยังสะดุดมองไปยังเซียถงที่อยู่ด้านหลังโดยไม่มีละสายตาหนีใดๆ ทำราวกับไป๋หลี่หานเป็นอากาศธาตุก็มิปาน
ทุกคนต่างทราบตระหนักดี เซียถงอภิเษกสมรสกับไป๋หลี่หาน จ้าวดินแดนอี้เฉิงแล้ว แต่ในเวลานี้ นายน้อยเขี้ยวหมาป่ากลับเรียกเซียถงว่า‘สาวงามยอดอัจฉริยะ’ ต่อหน้าต่อตาไป๋หลี่หาน นี่หาใช่การหยามหน้ากันหรอกรึ?
หลิวซูที่ซึ่งตอนนี้กลับเข้าพักผ่อนในห้วงความคิดของเซียถงไปแล้ว มันหันมากล่าวกับเสี่ยวฮั่ว น้ำเสียงขบขันขึ้นว่า
“ข้าพนันได้เลย เจ้าไป๋หลี่หานต้องสับเจ้าหมอนี่เละแน่นอน!”
แต่เสี่ยวฮั่วกลับค้าน
“ข้าว่าไม่”
“เพราะเหตุใดรึ?”
ได้เช่นคำตอบเช่นนั้น หลิวซูรู้สึกประหลาดบอกไม่ถูก ไยเจ้าเสี่ยวฮั่วถึงดูมั่นใจนัก
“จริงหรือไม่นายท่าน? ไม่คิดว่าชายคนนี้ดูคุ้นๆเลยรึ?”
เซียถงได้ยินบทสนทนาระหว่างทั้งสองโดยธรรมชาติ นางสื่อจิตส่งเสียงถามออกไปด้วยความสงสัยว่า
“เสี่ยวฮั่ว เขาคือใครงั้นรึ?”
เสี่ยวฮั่วยิ้มตอบไปว่า
“นายท่าน ยังจำได้หรือไม่ว่า ในตอนนั้นท่านเคยช่วยชายหนุ่มผู้หนึ่งเอาไว้มิให้ต้องกราบแทบเท้าไป๋หลี่อวี๋อิง?”
ทันทีที่เสี่ยวฮั่วกล่าวถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เซียถงก็ครุ่นพินิจกับตนเองอยู่สักครู่และแทบจะนึกออกในทันที! จากนั้นก็เงยหน้ามองอีกฝ่าย แต่คราวนี้สายตาของนางเหมือนจะดูอ่อนโยนลงหนึ่งส่วน พร้อมหลายหลากความหมายที่ลึกล้ำที่ซ่อนแฝง
ทันทีที่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงดังนั้น นายน้อยเขี้ยวหมาป่าอดประหลาดใจมิได้ คาดไม่ถึงเลยว่า เซียถงจะทราบถึงตัวตนที่แท้จริงของเขาเร็วปานนี้ เขายักไหล่เล็กน้อยอย่างช่วยมิได้และกล่าวว่า
“อย่าได้กังวลไป ข้ามิได้มีเจตนาคิดร้ายต่อพวกเจ้าจริงๆ เพราะหากข้าคิดจะทำเช่นนั้น คงไม่ช่วยพวกเจ้าล่อกองทหารตงหลี่ให้วิ่งไปอีกทางหรอก”
กล่าวจบเท่านั้น โม่ซวนรีบปีนขึ้นต้นไม้ทอดสายตาแช่มมองไปไกลโพ้น เขาถึงกับต้องตกตะลึงในเวลาถัดมา และรีบวิ่งไปกระซิบกล่าวกับไป๋หลี่หาน ชำเลืองมองนายน้อยเขี้ยวหมาป่าไปพลาง
“นายท่าน ตอนนี้กลุ่มทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่า ได้นำทัพทหารตงหลี่วิ่งไปอีกทางแล้วขอรับ!”
เหตุที่ตกตะลึงหาใช่เรื่องอื่นใด แต่ตอนนี้โม่ซวนรู้สึกสับสนไปเสียหมดแล้ว ว่าใครกันเป็นมิตรหรือศัตรูกันแน่!
ไป๋หลี่หานลอบพยักหน้าตอบเบาๆทีหนึ่ง ยกสองมือขึ้นประสานให้นายน้อยเขี้ยวหมาป่า กล่าวว่า
“นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบ นายน้อยแห่งกลุ่มทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่า แต่ข้าคนนี้รู้สึกสงสัยเสียเล็กน้อย ทั้งที่ผ่านมาไม่เคยเขียนสัญญาว่าจ้างใดๆกับองค์กรนี้ แต่ไฉนนายน้อยเขี้ยวหมาป่ากลับคิดยื่นมือช่วยเหลือ? พยายามคิดอย่างไรก็หาเหตุผลมิออกจริงๆ”
นายน้อยเขี้ยวหมาป่าหัวเราะคำสองคำดูค่อนข้างเป็นกันเอง ก่อนที่จะมุ่งสายตาเข้าจับจ้องเซียถงอีกครั้งและกล่าวว่า
“เพราะข้าคนนี้เป็นหนี้บุญคุณของนางในตอนนั้น เวลานี้สมควรต้องตอบแทนแล้ว”
สิ้นเสียงกล่าวจบ เขาก็หมุนตัวหันกลับไปพร้อมขึ้นขี่อสูรหมาป่าขาวของตน
“อย่างไรเสีย สิ่งที่ข้าพอจะทำได้คือถ่วงเวลาเท่านั้น ผู้นำทัพครั้งนี้เป็นเย่หลีเทียนออกโรง พวกมันไม่น่าหลงกลได้นาน ระวังตัวด้วย”
ปลายเสียงเริ่มจางหาย อสูรหมาป่าขาวควบสี่ขาทะยานจากไปอย่างรวดเร็ว
ไป๋หลี่หานหันขวับมองหน้าเซียถงในทันที
“เจ้าทราบหรือไม่ว่าเขาเป็นใคร?”
เซียถงคลี่ยิ้มบางเล็กน้อย ตอบกลับไปว่า
“เขาคือองค์รัชทายาทแห่งจักรวรรดิตะวันตก! เพียงแต่ไม่คิดไม่ฝันเลยว่า เขายังเป็นนายน้อยแห่งกลุ่มทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าอีกด้วย”
และด้วยความช่วยเหลือในครั้งนี้ของกลุ่มทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่า ส่งผลให้เซียถงและคนอื่นๆเดินทางย้อนกลับไปยังเมืองหลี่เฉินได้สำเร็จ โดยใช้เส้นทางลัดเลาะตามป่า
เซียถง ไป๋หลี่หานและพวกเปลี่ยนชุดเสื้อผ้าทั้งหมด ปลอมตัวอยู่ในคราบกองคาราวานพ่อค้าที่มาจากจักรพรรดิตะวันตก และกำลังเดินตัดผ่านเส้นทางบนถนนคนเดินภายในเมืองหลี่เฉินอยู่
เซี่ยถงสวมชุดแต่งกายแบบชาวจักรพรรดิตะวันตกชนิดจัดเต็มครบเครื่อง นางอยู่ในชุดวาบหวิวเอวลอยสีแดงเพลิง สวมที่คาดผมแบบม่านลูกปัดเรียงรายหลากสีสัน เพื่อใช้ปิดซ่อนรูปลักษณ์ที่แท้จริงเอาไว้ แต่นั่นก็มิอาจเก็บงำความงดงามของนางได้ทั้งหมด ส่วนท่อนล่างใส่เป็นกระโปรงจีบแดงเข้าคู่ไปกับเสื้อ โดยมีกระดิ่งเงินติดอยู่รอบชายกระโปรงส่วนล่าง
ใบหน้าแต่งประทินผิว นางใช้ดินสอเขียนหางตาเป็นทรงคมโฉบเฉี่ยว ปลายหางตวัดขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากฉ่ำแดงให้ความเร่าร้อน ทั้งยังดัดม้วนเส้นผมแล้วปล่อยสยายเป็นเกลียวสวยงาม นางในตอนนี้ดูทรงเสน่ห์เหลือร้ายและเย้ายวนเกินห้ามใจไหว เหล่าผู้คนที่สัญจรไปมา เสมือนถูกมนต์สะกดมิสามารถละสายตาได้ชั่วขณะ
เซียถงเปลี่ยนจากขี่ม้าเป็นขี่อูฐแทน นางชำเลืองหาไป๋หลี่เย่ที่กำลังเดินจูงเชือกอูฐอยู่ข้างเคียงไม่ห่าง ได้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาดุจฟ้าประทานของเขา นางเองก็อดยิ้มมิได้ ในเวลานี้ เขาก็ยอมถอดหน้ากากออกเสียที เผยให้เห็นถึงรูปลักษณ์ดั่งหยกขาวไร้ที่ติของเขา!
ราชาหมาป่าสวรรค์มักสวมใส่หน้ากากปิดบังใบหน้าอยู่เสมอ และทุกคนต่างก็เข้าใจโดยทั่วกันว่า โฉมหน้าที่แท้จริงภายใต้หน้ากากของเขาจะต้องอัปลักษณ์ไม่น่ามอง ดังนั้นแล้ว เขาไม่จำเป็นจะต้องแต่งองค์ทรงเครื่องอันใดให้มาก แค่ถอดหน้ากากเผยแสดงความหล่อเหลาออกมาให้ประจักษ์ก็เป็นพอแล้ว
ใครเห็นต่างต้องไม่เชื่อ ราชาหมาป่าสวรรค์ผู้เหี้ยมโหดและองค์ราชินีแห่งอี้เฉิงผู้เลือดเย็น ในเวลานี้คนหนึ่งกำลังจูงอูฐ ส่วนอีกคนกำลังขึ้นขี่อยู่!
เซียถงถอดกายเอนไปหาไป๋หลี่หานเล็กน้อย พลางกล่าวหยอกล้อขึ้นคำหนึ่งว่า
“ท่านสามีที่รักของข้า ยามนี้รู้สึกเป็นเยี่ยงไรที่ต้องแสร้งปลอมตัวเป็นทาส จูงอูฐให้ภรรยาคนนี้?”
ต่อให้อยู่ในถ้ำพญาเสือ ขอเพียงเขากับนางอยู่เคียงข้างกันและกัน มีหรือพวกเขายังต้องหวาดกลัวต่อสิ่งใด!
“เรียนนายหญิงที่รัก ในฐานะสามีที่ดี ย่อมต้องเชื่อฟังท่านเป็นธรรมดา”
ไป๋หลี่หานหยอกล้อกลับเช่นกัน พลางหัวเราะคิกคักอย่างอดมิได้
ตอนนี้พวกเขากำลังสวมบทบาทเป็นกลุ่มคาราวานพ่อค้าที่มาจากจักรวรรดิตะวันตก และแน่นอน ทั้งเครื่องแต่งกาย อูฐ และเอกสารศุลกากรทั้งหมด รวมไปถึงคลังสินค้า ทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนได้รับมาจากนายน้อยเขี้ยวหมาป่า หรือก็คือองค์รัชทายาทแห่งจักรวรรดิตะวันตกนั้นเอง
เซียถงและที่เหลือแสร้งทำเป็นสนใจสินค้าบางอย่างบางชนิดตามแผงลอยข้างถนน ขณะนี้กำลังมุ่งหน้าสู่ท่าเรือที่มีเรือสำเภาลำใหญ่กำลังจอดเทียบอยู่ พยายามหลบเสี่ยงหูตาขององค์จักรพรรดิตงหลี่ที่กระจายอยู่ทั่วมุมเมือง
ตอนนี้มุ่งหน้ามาถึงช่วงใจกลางจัตุรัสเมือง ก็มีขุนนางผู้หนึ่งกำลังยืนอ่านราชโองการส่งตรงจากองค์จักรพรรดิตงหลี่ ป่าวประกาศเสียงดังฟังชัดแด่สาธารณชน
ไป๋หลี่หานเห็นดังนั้นจึงส่งโม่ซวนไปดู เจ้าตัวพยักหน้ารับคำและรีบแทรกร่างสอดตัวเข้ากลางฝูงชนชุลมุนแออัด จงใจดัดสำเนียงของชาวตะวันตกที่แสนห่วยแตก พยายามกล่าวว่า
“เกิดอา…รายขึ้น?”
มีคนหนึ่งหันมาอธิบายให้ฟัง น้ำเสียงฟังดูค่อนข้างกระตือรือร้นยิ่งว่า
“ฝ่าบาทได้มีพระราชโองการ ปลดราชาหมาป่าสวรรค์ออกจากลำดับราชสกุลแห่งตงหลี่แล้ว! โทษฐานที่อีกฝ่ายคิดการก่อกบฏล้มล้างสถาบัน! และตอนนี้ทหารทั่วทั้งจักรวรรดิกำลังตามล่าหาตัวอยู่!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น โม่ซวนถึงกับหน้าถอดสีหนัก และรีบถอนตัวฝ่าวงฝูงชนวิ่งกลับออกมาโดยไว เร่งรายงานเรื่องนี้ให้ไป๋หลี่หานฟังทันที
ไป๋หลี่หานได้ยินเช่นนั้นก็พลันหัวเราะน้ำเสียงชืดชา
“ถอดถอนจากลำดับราชสกุลแล้วเยี่ยงไร? หุหุ ข้าต้องการเช่นนี้มานานแล้ว!”