ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 554 นางระบำคนสวย (2)
ตอนที่554 นางระบำคนสวย (2)
ตอนที่554 นางระบำคนสวย (2)
ฉงเฟยเดินมากระซิบข้างหูว่า
“จากที่ทหารใต้บัญชารายงานมา ได้ยินมาว่า ในหมู่พ่อค้าจากจักรวรรดิตะวันตกนี้ในเรือสำเภาลำนี้มีนางระบำรูปงามอยู่นางหนึ่ง แต่ท่านองค์รัชทายาทสังเกตเห็นอะไรหรือไม่ ผู้หญิงทั้งหมดบนนี้ล้วนมีหน้าตาธรรมดาไปเสียหมด จึงกังวลว่า นางระบำรูปงามนางดังกล่าวอาจเป็นเซียถงปลอมตัวมา”
ทุกคนล้วนทราบ อาศัยรูปหน้าหน้าตาอันแสนเย้ายวนทรงเสน่ห์ของเซียถง การจะปลอมตัวหลอกว่าเป็นนางระบำกลับไม่ได้ยากเย็นนัก ไป๋หลี่เย่ได้ยินเช่นนั้นชำเลืองเหลือบหาเฉียนอวิ่งปนแววตาสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย
แต่อย่างไร เฉียนอวิ๋งกลับเอ่ยตอบอย่างใจเย็นว่า
“อันที่จริงแล้ว แม่นางโม่เซ่อยังไม่ได้ขึ้นเรือมาเลย”
“แม่นางโม่เซ่อ?”
ฉงเฟยจับจ้องเฉียนอวิ๋นเจือแววสงสัยอยู่หลายส่วน ไป๋หลี่เย่เองก็ประหลาดใจพลันกับชื่อไม่คุ้นหูนี้เช่นกัน
มุมปากเฉียนอวิ๋นกระตุกยิ้มบาง ชำเลืองหาไป๋หลี่เย่เชิงสัญญาลักษณ์ว่าเข้าใจถูกต้องแล้ว จึงกล่าว
“แม่นางโม่เซ่อ แท้จริงแล้วเป็นนางสนมคนโปรดของข้า พวกเราตกหลุมรักกันในตอนที่อยู่ในจักรวรรดิตะวันตก แต่เพราะพระชายาของข้าเกิดความอิจฉาริษยาในตัวนาง จึงพยายามคิดหาวิธีลอบสังหารกำจัดเสี้ยนหนามหัวใจของนางไปเสีย ดังนั้น…ข้าจึงส่งแม่นางโม่เซ่อมาที่จักรวรรดิตงหลี่แห่งนี้ก่อน เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนสถานะใหม่ทั้งหมด หรือก็คือในฐานะนางระบำรูปงามอย่างที่พวกท่านเอ่ยกล่าวกันไป ตอนนี้น่าจะกำลังมาที่ท่าเรือ เห้ออ…อนิจจา ข้าหมายหมั่นไว้ว่า จะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ นับเป็นสิ่งน่าอับอายโดยแท้…”
กล่าวมาถึงจุดนี้ เขาชักปั้นหน้ากระอักกระอ่วนลำบากใจที่จะกล่าว
ไป๋หลี่เย่ได้ฟังดังนั้นก็ระเบิดหัวเราะร่าขึ้นทันใด กล่าวเย้ยเยาะขึ้นคำหนึ่งว่า
“ไม่นึกเลยว่า องค์รัชทายาทแห่งจักรวรรดิตะวันตกจะกลัวพระชายาตนเองถึงเพียงนี้?”
“ข้ารู้สึกละอายใจยิ่งนักที่ต้องเอ่ยกล่าวอะไรเช่นนี้ออกมา ตงหลี่เป็นหนึ่งในสี่จักรวรรดิมหาอำนาจใหญ่ ส่วนจักรวรรดิตะวันตกกอปรขึ้นจากการรวมตัวของหลากหลายชนเผ่าพื้นเมืองในแทบนั้น ถึงแม้จะได้ชื่อว่าเป็น องค์รัชทายาท แต่พึงทราบดี สิ่งนี้เป็นเพียงชื่อประดับเท่านั้น หาได้มีอิทธิพลอำนาจมากมาย พระชายาของข้านางนี้เป็นคนของฝ่ายองค์ราชินีของเผ่าทรงอิทธิพลในตะวันตก เหตุที่ต้องอภิเษกครองคู่กับนางล้วนแต่เป็นเรื่องทางการเมือง ความสัมพันธ์จึงค่อนข้างซับซ้อน หมายความก็คือ ตัวข้าหาได้ชอบพอพระชายาตนเองไม่ แต่เป็นนางสนมคนนี้ต่างหาก”
ไป๋หลี่เย่ได้ยินดังนั้นจึงเข้าใจได้ในทันที ฉงเฟยก็หลี่ยิ้มกระหยิ่มขึ้นทันหวัน อดหยอกล้อพูดไปคำหนึ่งมิได้ว่า
“ไม่คิดเลยว่า องค์รัชทายาทเฉียนอวิ๋งผู้นี้จะเป็นนักรักคนหนึ่งเช่นกัน”
ขณะที่กำลังสนทนากันอยู่นั้น ทันใดนั้นก็มีเสียงกระแทกตุบตับดังขึ้นจากสะพานที่คาบเกี่ยวระหว่างบนฝั่งและเรือลำนี้กำลังตรงเข้ามา
ปรากฏเป็นหญิงรูปงามในชุดเครื่องแต่งกายแบบชาวตะวันตก มีผมลอนยาวสีดำทรงลูกคลื่นพลิ้วสวยงาม ทีท่าการแสดงออกดุเกียจคร้านหนึ่งส่วนคล้ายกับเพิ่งตื่นนอน แต่นั่นก็มิอาจลดทอนเสน่ห์ความเย้ายวนของนางได้เลยแม้แต่น้อย เสื้อเกาะอกเป็นเอวลอยสีเพลิงแดง มาพร้อมทั้งนัยน์ตากลมโตบริสุทธิ์เย้ายวนสุดแสน
นางกรีดตาทรงเฉี่ยวคมดำ แป้งฝุ่นประทินผิวทาตาสีแดงระเรื่ออ่อนกำลังดูดี เหล่านี้ได้ช่วยส่งเสริมเพิ่มเสน่ห์ความงดงามแก่นางเป็นเท่าตัว
“นี่หรือแม่นางโม่เซ่อที่เจ้าว่า?”
เฉียนอวิ๋งพยักหน้าตอบเบาๆ แลเห็นสายตาสวยคู่เฉี่ยวคมของนางส่องผ่านมา กระทั่งเขาเองก็อดใจสั่นมิได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนางในเวลานี้ที่ใช้เครื่องประทินผิวหญิงสาว นางยิ่งดูมีเสน่ห์เป็นพิเศษ นิ้วเรียวยาวสีขาวผ่องยกขึ้นแตะสัมผัสกับริมฝีปากสีแดงหวานฉ่ำ พร้อมส่งจูบไปให้ทางเฉียนอวิ๋งเบาๆทีหนึ่ง
ทุกคนโดยรอบล้วนตอบเป็นเสียงเดียวกันได้พร้อมเพรียง นางระบำรูปงามผู้เลื่องลื่อที่ว่าจะต้องเป็นนางคนนี้เท่านั้น! อันเนื่องมาจากความสวยและโดดเด่นจนราศีจับซะขนาดนี้!
เฝ้ามองเอวเพรียวบางที่บิดเคลื่อนอย่างนุ่มนวลระหว่างสับเท้าก้าวเข้ามา นางระบำผู้นี้เดินเท้าเปล่าพร้อมกระดิ่งวงหนึ่งที่ผูกรอบข้อเท้าทั้งสองข้าง จึงทำให้เวลาเดียวมีเสียงไพเราะคมชัดดังขึ้นตามจังหวะ ประดุจเสียงดนตรีจากธรรมชาติ
“ไม่น่าแปลกใจ ไฉนองค์รัชทายาทเฉียนอวิ๋งถึงพยายามคิดหาวิธีปกป้องนางถึงขนาดนั้น ปรากฏว่าเป็นนางฟ้านางสวรรค์นี่เอง หญิงทรงเสน่ห์ปานนี้ กลับมิได้เสาะพบได้โดยง่ายเลย”
กระทั่งไป๋หลี่เย่เองก็ยังอดอิจฉาเฉียนอวิ๋งมิได้ หญิงสาวรูปงามนางนี้ช่างสวยจนน่าทึ่ง! คงจะดีมากถ้า…นางได้กลายมาเป็นผู้หญิงของเขา
ฉงเฟยที่ยืนอยู่ข้างเคียงไม่ห่าง โน้มศีรษะเข้ากระซิบข้างหูของไป๋หลี่เย่อีกครั้ง
“แม้ว่าทุกอย่างจะเป็นอย่างที่ว่าไปก็จริง แต่ท่านองค์รัชทายาท นี่เท่ากับว่ามีคนโดยสารเพิ่มขึ้น ไม่ตรงกับที่รายงานในเอกสาร อีกทั้งประวัติเกี่ยวกับนางก็ยังไม่มีปรากฏ หากเป็นเซียถงปลอมตัวขึ้นมาจริงๆ นี่อาจเป็นอันตรายต่อตัวท่าน!”
ฉงเฟยกล่าวออกไปเช่นนั้น แต่ไป๋หลี่เย่ก็ยังปราศจากปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ
เมื่อเห็นว่าไป๋หลี่เย่ยังคงเงียบนิ่ง ไม่มีทีท่าเคลื่อนไหวใดๆ เฉียนอวิ๋งจึงกล่าวแทรกขัดจังหวะขึ้นแทนว่า
“ท่านขุนพลฉงเฟย ต้องการพิสูจน์กระมังว่า แม่นางโม่เซ่อนางนี้ไม่ใช่คนที่ชื่อเซียถงอะไรนั่นปลอมตัวมา?”
เช่นนั้น เขาจึงหันไปมองไป๋หลี่เย่และกล่าวต่ออีกว่า
“ภายในจักรวรรดิตะวันตก ชื่อเสียงของเซียถงค่อนข้างโด่งดังพอตัว ฟังว่าเป็นถึง ยอดอัจฉริยะแห่งเส้นทางการบำเพ็ญตบะแห่งทวีปเทียนหลาง ดังนั้นแล้ว คนที่มีแต่ฝึกฝนและบ้าการต่อสู้เยี่ยงนาง มีหรือจะร้องเล่นเต้นระบำให้ใครเชยชมได้? หากทำขึ้นมาจริง เกรงว่าคงดูแข็งทื่อเสียยิ่งกว่าพยัคฆ์?”
ประโยคสุดท้ายของเฉียนอวิ่ง ทำเอาฉงเฟยถึงกับระเบิดหัวเราะลั่น ตรงกันข้ามกับไป๋หลี่เย่ที่ยามนี้ดูแปลกไป เขาเอาแต่สะดุดสายตามุ่งมองนางระบำคนรูปงามตรงหน้าไม่คลายอ่อน เสมือนกับกำลังครุ่นคิดบางอย่างอยู่ในใจ
“ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นนางระบำ เช่นนั้นก็ลองพิสูจน์จากทักษะการเต้นระบำเถิด ไม่หรือไม่ใช่ตัดสินกันที่จุดนี้ง่ายที่สุดแล้ว เพราะอย่างที่องค์รักชทายาทเฉียนอวิ๋งกล่าวบอกไม่มีผิดเพี้ยน สำหรับเซียถงนางนี้ แม้จะมีรูปลักษณ์ใบหน้าจะงดงาม แต่เนื้อแท้นั้น นางคือคนโหดเหี้ยมเลือดเย็นเสียยิ่งกว่าบุรุษชาย! เรื่องที่ต้องอาศัยความละเมียดอ่อนโยนเช่นนี้ คนอย่างนางไม่มีทางทำได้”
ซือโม่ที่ยืนอยู่ด้านหลังเฉียนอวิ๋งอีกที พอได้ยินคำพูดคำจาประโยคนั้นของฉงเฟยก็ถึงกับปั้นสีหน้าดูแคลนเหยียดหยามอย่างลับๆ เห็นได้ชัดเลยว่า ชายคนนี้กำลังใช้ประโยชน์จากสถานการณ์เพื่อเอาเปรียบคนอื่นอยู่ชัดๆ แค่อยู่ในรูปวาจาที่สุภาพ! อย่างไร พอได้ยินว่า กำลังจะเห็นนางระบำรูปงามเต้นแสดง สีหน้าการแสดงออกของไป๋หลี่เย่ที่แปลกไปก็ดูจะคลายลง และพยักหน้าเห็นดีเห็นงามกับข้อเสนอของฉงเฟยโดยไว
แม่นางโม่เซ่อบิดสะโพกส่ายไปมาเล็กน้อย พร้อมเดินตรงเข้ามา อวดแสดงทรวดทรงของเรือนร่างที่โค้งเว้าสวยงามไร้ที่ติ ทุกอากัปกิริยาของนางช่างเย้ายวนกระตุกจิตกระชากอารมณ์สุดแสน ราวกับพร้อมที่จะเก็บเกี่ยวอารมณ์ใคร่ของเหล่าบุรุษชายได้ทุกเมื่อ นางยิ้มอ่อนกล่าวขึ้นว่า
“ท่านขุนพลฉงเฟย กล่าวเช่นนี้หมายความว่าเยี่ยงไร หรือคิดจะดูแคลนกัน? ถึงได้นำข้าไปเปรียบเทียบผู้หญิงป่าเถื่อนบ้าการต่อสู้เช่นนั้น?”
ขณะแช่มกล่าวก็เดินผ่านตัวฉงเฟยออกไป เคลื่อนเข้าไปหาไป๋หลี่เย่ที่ยืนแข็งค้างกำลังตกตะลึงกับความงาม นางยกเรียวนิ้วยาวจีบผ้าเช็ดหน้าสีแดงออกมาจากทรวงอกที่อวบอิ่ม ยกขึ้นสะบัดไปมาเบาๆให้อีกฝ่าย ก่อนจะเดินจากออกไปอย่างแนบเนียนดูไม่ค่อยผิดสังเกตจนเกินงาม
กลิ่นหวานละมุมปลิดปลิวผ่านผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นกระทบเตะจมูกของไป๋หลี่เย่อย่างจัง เขาพลันรู้สึกใจสั่นเต้นแรงขึ้นโดยมิอาจควบคุม ได้เผชิญพบกับหญิงรูปงามดั่งนางสวรรค์ระยะชิดใกล้ขนาดนี้ ทำเอาเจ้าตัวถึงกับหายใจหายคอไม่ทั่วท้อง
เอวพลิ้วเริ่มส่ายสะบัดเป็นจังหวะ และในทุกท่วงท่าที่นางขยับเคลื่อน พู่ยาวประดับมณีที่ติดข้างเอวทอแสงส่องเป็นประกายระยิบระยับ นักดนตรีประจำเรือของเฉียนอวิ๋งเหมือนตระหนักถึงหน้าที่ตนเอง จึงเริ่มเล่นเคลื่องดนตรีบรรเลงขัดกล่อมตามเช่นกัน
แนวดนตรีของชาวจักรวรรดิตะวันตกค่อนข้างสดใส จังหวะดนตรีสนุกสนาน เอวพลิ้วสวยของนางร่ายระบำสอดผสานอย่างลงตัว เรือนร่างเพรียวบาง ตัดกับหน้าอกทรงโตที่สั่นไสวไปตามจังหวะเสียงบรรเลง ทั้งหมดทั้งมวลนี้ยิ่งเพิ่มเสริมให้นางดูทรงเสน่ห์เกินหักห้ามใจไหว ประดุจปีศาจสาวร่านราคะส่งตรงจากขุมนรกอเวจี…