ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 555 ทำลายช่วงเวลาดีๆ (1)
ตอนที่555 ทำลายช่วงเวลาดีๆ (1)
ตอนที่555 ทำลายช่วงเวลาดีๆ (1)
นัยน์ตาสวยพราวประกายแวววับ ตามจังหวะการเต้นที่เร่าร้อนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
พริบตาทันใด จู่ๆนางก็ยกมือขึ้นพลิกผ้าคลุมหน้าเปิดเผยต่อสาธารณะ! รูปโฉมที่งดงามเกินพรรณนาของนางได้ปรากฏขึ้นอย่างชัดแจ้งต่อหน้าทุกคนบนเรือ!
ซือโม่ที่คอยยืนกำกับเฝ้าดูสถานการณ์ไม่ห่าง ถึงกับใจหายวาบตะลึงสุดขีด และภายใต้สีหน้าอันแสนราบเรียบดุจผิวน้ำนิ่งของเฉียนอวิ๋งที่ดูจะมิได้รู้สึกตื่นตระหนกใดๆ ทว่าแท้ที่จริง ภายในใจถึงกับสั่นสะท้านตื่นตูมไม่ต่าง! อย่างไรที่นับว่าโชคดีนัก ที่ทั้งฉงเฟยและไป๋หลี่เย่มิได้มุ่งความสนใจมาทางนี้ เพราะสายตาของพวกเขาเอาแต่พัวพันอยู่กับการแสดงร่ายระบำอันสง่างามของแม่นางโม่เซ่อ
ไป๋หลี่เย่และเซียถง ทั้งสองเผชิญหน้ากันไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว แม้แต่ในความฝันของเขา ใบหน้าของเซียถงก็ยังคงตามมาหลอกหลอนกันไม่เว้นวาย เปรียบเสมือนเงาดำในจิตใจของเขาตลอดมา ทว่าตอนนี้…
ท่วงทำนองร่ายระบำเข้าสู่จุดเดือดสูงสุด แต่ในตอนนั้นแม่นางโม่เซ่อก็ได้หยุดการแสดงกะทันหัน จังหวะเท้าชะงักหยุดไป เสียงดนตรีบรรเลงเองก็เช่นกัน!
ไป๋หลี่เย่ตะลึงงันแข็งค้างดั่งรูปปั้นหิน! ในสายตาของเขาตอนนี้ ไม่มีคำว่า เซียถงอยู่ในหัวเลย มีเพียงแม่นางโม่เซ่อ นางระบำสุดสวยคนนี้ที่ได้ปลุกกระตุ้นอารมณ์เร่าร้อนในจิตใจของเขาให้ตื่นขึ้น! ช่างเป็นหญิงสาวที่งดงามอะไรปานนี้! เรือนร่างโค้งเว้าได้สัดส่วนไร้ที่ติ ดวงตาคู่นั้นอย่าได้เผลอจับจ้องไปเชียว! มิฉะนั้นอาจตกอยู่ในมนต์สะกดแห่งความรุ่มหลงชั่วนิรันดร์!
อิสตรีรูปงามนางนี้ ชาติก่อนจะต้องเคยเป็นนางพญาจิ้งจอกเป็นแน่!
ดวงตาคู่สวยของนางฉายแววรอยยิ้มแผ่วบางหนึ่งส่วน และรอยยิ้มนี้เองก็ได้สลักลึกในจิตใจของฉงเฟยเป็นที่เรียบร้อย กลิ่นกายหอมเฉพาะของอิสตรีโชยอ่อนพัดผ่าน กระทั่งเม็ดเหงื่อไคล่ที่บนผิวพรรณสีขาวผ่องยังเป็นประกายล้ำค่า
ไป๋หลี่เย่รู้สึกหลงใครแทบคลั่ง ปานจะกลืนกินนางเข้าไปทั้งตัว หวังครอบครองบุปผางามนางสวรรค์คนนี้ไว้แต่เพียงผู้เดียว
แม่นางโม่เซ่อเอื้อมไปหยิบผ้าลงมาปิดคลุมใบหน้าอีกครั้ง ขณะนี้นางอยู่ห่างจากตรงหน้าไป๋หลี่เย่แค่ก้าวเดียวเท่านั้น กล่าวได้ว่า ภายใต้สถานการณ์ขณะนี้ มีเพียงเขาที่ได้เชยชมความงดงามของนางอย่างเต็มที่
“โปรดขออภัยที่ต้องทำให้พวกท่านสงสัยกัน ท่านขุนพลฉงเฟย ท่านองค์รัชทายาทแห่งตงหลี่ หน่อมฉันไม่ขอรบกวนเวลาแล้ว ขออนุญาตไปเปลี่ยนชุดกลับดังเดิม”
กล่าวจบ นางก็โค้งศีรษะแสดงความเคารพแก่ทั้งสองเล็กน้อยและเดินหายไป ปล่อยทิ้งให้ไป๋หลี่เย่ยืนแข็งค้างอยู่แบบนั้น ราวกับดวงวิญญาณของเขาในตอนนี้ถูกพรากไปพร้อมกับการเดินจากไปของนาง
กระทั่งตอนนี้ ที่เรือนร่างอรชรสวยเดินลงบันไดสู่ใต้ท้องเรือจนหลับสายตาไปนานแล้ว แต่สายตาคู่นั้นของไป๋หลี่เย่ก็ยังเคลื่อนมองติดตามอย่างว่างเปล่าดั่งถูกมนต์สะกดเข้าจริงๆ เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับตัวเองคนเดียวอยู่หลายนาที…
“ท่านองค์รัชทายาท! ท่านองค์รัชทายาท!”
ฉงเฟยที่ได้สติฟื้นตัวขึ้นมาก่อน รีบตะโกนเอ่ยเรียกอยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังไม่เห็นว่าไป๋หลี่เย่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆกลับมา เขาจึงยื่นมือไปกระตุกแขนเสื้อเบาๆ
“แม่นางโม่เซ่อ เจ้าช่างงดงามเหลือเกิน…”
ไป๋หลี่เย่คล้ายยังฟื้นคืนสติไม่เต็มที่ และไม่วายกล่าวชื่นชมมิหยุดปาก ซึ่งตัวเขาที่กลายมาเป็นแบบนี้ กลับได้สร้างความขำขันแก่ผู้คนโดยรอบจนเกือบหลุดหัวเราะออกมา เพราะทุกคนต่างเห็นได้ชัดประจักษ์ ถึงสายตาคู่นั้นของเขาที่ถูกตัณหาราคะบดบังไปเสียหมด
ฉงเฟยที่เห็นสายตาแปลกๆของทุกคนที่มุ่งมองมาก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาเล็กน้อย หันไปกล่าวกระซิบเสียงทุ้มต่ำ หลังปลุกไป๋หลี่เย่ให้รู้สึกฟื้นตัวขึ้นมาว่า
“ท่านองค์รัชทายาท แม่นางโม่เซ่อไปแล้วขอรับ”
ระหว่างนั้นยังชำเลืองไปเห็นองค์รัชทายาทแห่งจักรวรรดิตะวันตกมองมา จึงกล่าวต่ออีกว่า
“ท่านองค์รัชทายาท อย่าเพิ่งลืมไปเสีย อีกฝ่ายเป็นนางสนมขององค์รัชทายาทตะวันตก…”
ไป๋หลี่เย่ได้สติขึ้นแล้วก็จริงแต่ก็หยุดคิดถึงนางไม่ได้เลย ยิ่งได้ยินประโยคท้ายของฉงเฟยด้วยแล้ว ยิ่งรู้สึกเศร้าใจอย่างอธิบายไม่ถูก แต่พริบตาต่อมา เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างออก และเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาทันควัน หันไปกล่าวกับฉงเฟยว่า
“ก่อนหน้านี้ มิใช่เจ้าหรือที่บอกว่า นางคือจำนวนคนที่เกินมาจากเอกสารเดินเรือลำนี้ อีกทั้งประวัติข้อมูลของนางก็ยังไม่มี เช่นนั้นแล้ว…”
อีกนัยหนึ่งคือ ไป๋หลี่เย่พยายามสรรหาทุกวิถีทาง เพื่อสกัดกั้นไม่ให้นางโดยสารเรือสำเภาลำนี้จากออกไป…
แน่นอน ไม่มีในส่วนใดที่ฉงเฟยมิอาจไม่เข้าใจ แต่ถึงแบบนั้น…
“ฝ่าบาท พวกเรายังไม่พบตัวราชาหมาป่าสวรรค์กับเซียถงเลย จะอย่างไรควรเร่งมือค้นหาสองคนนั้นก่อน…”
ไป๋หลี่เย่ได้ฟังดังนั้นก็รู้สึกปวดใจยิ่งนัก แต่ดูเหมือนเรื่องนี้จะมิอาจปล่อยผ่านได้จริงๆ สุดท้ายจึงทำได้เพียงถลึงตาใส่เฉียนอวิ๋งทีหนึ่ง และเดินจากออกไปอย่างเย่อหยิ่ง ปราศจากไม่มีคำล่ำลาใดๆ ส่วนฉงเฟยพร้อมเหล่าทหารใต้บัญชาเร่งติดตามลงเรือโดยไวเช่นกัน
ทันทีที่พวกไป๋หลี่เย่จากไป เรือสำเภาลำนี้ก็เริ่มดึงสมอขึ้นอีกครั้งพร้อมแล่นออกสู่ทะเลกว้างสุดขอบไพศาลเบื้องหน้า
อันที่จริงแล้ว กลุ่มคนในเรือลำนี้ล้วนแต่เป็นพ่อค้าจากจักรวรรดิตะวันตกตัวจริงเสียงจริงทั้งสิ้น เพียงว่าในบรรดาหลักร้อยคน มีไป๋หลี่หานและพวกปะปนอยู่เป็นส่วนน้อยจึงไม่เป็นที่น่าสงสัยอันใด
อนึ่งต้องชื่นชมในความอยากรู้อยากเห็นของพ่อค้าพวกนี้ ที่แห่แหนเข้ามามุ่งดูเซียถงเต้นระบำเมื่อสักครู่ ทำให้พวกไป๋หลี่หานแอบซ่อนอยู่ในฝูงชนได้อย่างแนบเนียน จะอย่างไรก็เถอะ มีข้อดีก็ต้องมีข้อเสีย เนื้อตัวของพ่อค้าเหล่านี้ไม่รู้เป็นอะไร ถึงได้เหงื่อออกเยอะจนเปียกชุ่มทั้งตัวปานนี้ ต่อให้เป็นไป๋หลี่หานที่ค่อนข้างอดทนเก่งยังต้องรู้สึกขนลุกซู่วกับความเหนียวเนอะของพวกเขา แต่อย่างไร มันก็เพียงเรื่องเล็กน้อย
จากนั้นไม่นาน เฉียนอวิ๋นถึงกับถอนหายใจโล่งอกเฮือกใหญ่ออกมา เหงื่อไหลชุ่มไปทั่วหน้าผาก พอได้ยินสุ้มเสียงฝีเท้าติดตามเข้าจากท้ายหลัง เขาก็หันหน้าชำเลืองหา ปรากฏเป็นสาวงามในชุดเอวลอยสีแดงเพลิง กำลังยืนกอดอกพึงประตูพร้อมอากัปกิริยาที่แสนจะน่าดึงดูด แต่อย่างไร เฉียนอวิ๋งในเวลานี้กลับไม่ได้สนใจเลย
“ข้าก็กลัวแทบตาย! คิดว่าจะใช้เข็มเงินที่ซ่อนอยู่ในง่ามนิ้วยิงทะลุตาของเจ้าไป๋หลี่เย่!”
เฉียนอวิ๋งเหม่อมองแม่นางโม่เซ่อที่ตอนนี้ล้างหน้าล้างตาจนสะอาดสะอ้านแล้ว เสน่ห์เย้ายวนปลุกเร้าอารมร์ทำนองนั้นล้วนถูกชำระหายไปจนสิ้น เผยให้เห็นถึงใบหน้าดั้งเดิมของนาง และแน่นอน นางก็คือเซียถงนั่นเอง!
“มันไม่อันตรายเกินไปหน่อยรึ? ไม่กลัวไป๋หลี่เย่จับได้เลย?”
“ด้วยมันสมองอันน้อยนิดของเจ้าไป๋หลี่ มันหรือจะจำข้าได้?”
เซียถงก่นเสียงหัวเราะพร้อมกล่าวตอบด้วยความมั่นอกมั่นใจ นางรู้จักคนอย่างไป๋หลี่เย่ดี พออยู่ต่อหน้าหญิงสวยสตรีงาม ในหัวของมันก็มีแต่เรื่องอย่างว่า ไม่เหลือพื้นที่ให้คิดใดอื่น
ไป๋หลี่หานเดินตรงเข้ามาหาเช่นกัน ขณะนี้ถอดเครื่องแต่งกายแบบชาวจักรวรรดิตะวันตกออกแล้ว เอื้อมไปคว้าร่างเซียถงมากระชับแนบกายตนเอง เพราะเหตุการณ์เมื่อสักครู่ที่ทุกคนกำลังรื่นเริงเชยชมการแสดงของเซียถง ก็คงมีแต่เขาเท่านั้นที่ดูไม่ค่อยชอบใจนัก
ก่อนแยกย้ายกันไปพักผ่อน เซียถงยังกล่าวกับเฉียนอวิ๋งอีกว่า
“ครั้งนี้กลับเป็นข้าที่ติดหนี้บุญคุณเจ้า ขอบคุณมากจริงๆ”
เฉียนอวิ๋งหัวเราะพลางโบกมือปัดเชิงอย่าได้ใส่ใจ เหลือบหางตาชำเลืองมองไป๋หลี่หานที่ปั้นหน้าเคร่งขรึมอยู่ข้างเคียง เขายิ้มกล่าวขึ้นว่า
“ไม่เป็นไรเลย ไม่เป็นไร! แล้วข้าเองก็หวังว่าในอนาคตต่อไป จักรวรรดิตะวันตกของเราจะได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับดินแดนของพวกท่าน”
สำหรับขุมพลังความแข็งแกร่งของราชาหมาป่าสวรรค์ผู้นี้ เขาตระหนักทราบดีว่า มันน่าเกรงขามปานใด และศึกสัประยุทธ์ในตอนพระราชวังด้านหลัง ฝ่ายราชาหมาป่าสวรรค์ก็สามารถสร้างความเสียหายให้แก่กลุ่มทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าได้ค่อนข้างหนัก ยิ่งไปกว่านั้น เขาผู้นี้ยังเป็นบุคคลที่ทำให้องค์จักรพรรดิหวาดกลัวยิ่งยวด ดังนั้น ไม่ว่าจะกรณีใด จักรวรรดิตะวันตกของเขาห้ามเป็นศัตรูกับเขาโดยเด็ดขาด แต่จะว่าไปแล้ว บุรุษผู้มากไปด้วยพรสวรรค์น่าทึ่งเช่นนี้ ก็เหมาะสมอย่างยิ่งแล้วที่จะได้ครองคู่กับอิสตรีอัจฉริยะอย่างเซียถง!
สองวันผ่านไปหลังออกจากท่าเรือในเมืองหลี่เฉิน
และแม้ว่าฝ่ายตงหลี่ยังคงไล่ล่าติดตามอย่างไม่ลดละ แต่กลุ่มของพวงเขาก็อยู่ไม่ไกลจากดินแดนอี้เฉิงแล้ว
เซียถงยืนอยู่ข้างเคียงไม่ห่างกาย อย่างไรเสีย ไป๋หลี่หานก็ยังสัมผัสได้ถึงความกังวลที่ซุกซ่อนอยู่ในใจของนาง
ที่นี่คือหมู่บ้านแห่งหนึ่งบนหุบเขาไม่ไกลจากอี้เฉิง หลังจากที่แยกย้ายจากเรือสำเภาของเฉียนอวิ๋ง พวกเขาก็เดินทางต่อไปและได้มาหยุดพักในที่แห่งนี้ ไป๋หลี่หานกำลังนั่งชมจันทร์อยู่บนหลังคา มีเซียถงนั่งซบอยู่ในอ้อมแขนของเขา
เขาลูบไหล่เซียถงอย่างแผ่วเบา
“ไม่ต้องกังวล ข้าขอสัญญา จะต้องช่วยท่านแม่ของเจ้ากลับมาอย่างปลอดภัยให้จงได้!”