ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 557 กลับตาลปัตร (1)
ตอนที่557 กลับตาลปัตร (1)
ตอนที่557 กลับตาลปัตร (1)
เรียวขายาวสีขาวนวลตาของเซียถงนั่งห้อยแต่งแกว่งไปมาอยู่บนลำต้น สีหน้าท่าทางชักจะเบื่อหน่ายเต็มทน
เมื่อไป๋หลี่หานกำลังจะแยกย้ายกับโม่ซวนและกลับขึ้นไป เขาพลันบังเอิญเห็นร่างอรชรของหญิงสาวที่กำลังจะกระโดดลงมา ขณะที่กำลังจะปริปากกล่าวสักคำ ก็รีบพุ่งตัวโฉบรั้งนางมิให้หนีจากไปไหน
“นี่เจ้าอยากฆ่าสามีคนนี้ให้ตายกระมัง?”
เซียถงสวนตอบด้วยความโมโหกลับไปว่า
“หากคราวหน้ายังยึดเสื้อผ้าข้าไปอีก ไม่แน่บางที ข้าอาจฆ่าท่านจริงๆ!”
เพราะนับตั้งแต่ที่ไป๋หลี่หานจากลงไป นางรอเป็นเวลาหนึ่งชั่วยามเต็มแล้ว!
มีชั่วแวบหนึ่ง เซียถงคิดถึงขั้นว่า ไป๋หลี่หานคงลืมนางไปแล้ว! วินาทีนั้น นางอยากจะชิงกลับบ้านไปทั้งแบบนี้ แต่กลับก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน เรือนร่างไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้นปิดคลุม กล่าวคือเปลือยกายโดยสมบูรณ์ กระทั่งชุดชั้นในสักนิดก็ไม่มีให้ใส่ด้วยซ้ำ! หรือจะให้ใช้เสื้อคลุมที่ปูบนพื้นใส่ไปพลางก่อนดี? แต่ชิ้นนั้นก็เปื้อนเศษดินเศษฝุ่นจนสกปรกหมดแล้วด้วย… นางนั่งคิดไม่ตกอยู่เสียนาน
ไป๋หลี่หานจำต้องสะสางธุระด่วน ใช้เวลานานถึงหนึ่งชั่วยามเต็ม ซึ่งอันที่จริงควรต้องใช้เวลานานกว่านี้ด้วยซ้ำ เพียงว่าเขาขอตัวออกมาก่อน
ใครจะไปคาดคิดว่า ทุกอย่างจะล่าช้าไปหมดขนาดนี้? มิฉะนั้น ไป๋หลี่หานเองก็คงไม่ยึดเสื้อผ้าของเซียถงมากอดเล่นอยู่แล้ว
เห็นเซียถงเดือดดาลจัด กลับกลายเป็นเรื่องยากแล้วที่ไป๋หลี่หานจะเอ่ยปากโต้เถียงใดๆ ถึงวาจาเหล่านั้นจะมีเหตุผลเพียงใด แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ทุกอย่างจะดูไร้น้ำหนักไปโดยปริยาย ดังนั้น คงเป็นการดีกว่าที่เขาจะยอมจำนนต่อความผิดนี้
“ตลอดหนึ่งชั่วยามที่ผ่านมา ในหัวของข้าคิดถึงแต่เจ้า เพื่อเป็นการไถ่โทษ ข้าจะให้เจ้าลงโทษข้าสองครั้ง”
เซียถงได้ยินเช่นนั้นจากโมโหอยู่กลายเป็นแทบหลุดขำ พยายามกลั้นหัวเราะ หรี่ตามองไป๋หลี่หานพลางเอ่ยตอบเชิงท้าทายไปว่า
“ให้ข้าสองครั้งเชียว? มีแรงไหวรึ?”
“ลองได้…”
หลังจากนั้นทั้งคืน เซียถงรู้สึกราวกับเรือนร่างของนางแทบแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ…
แสงแรกอรุณยามช้าส่องโปรยลงมา ตกกระทบผิวหิมะทั่วดินแดนอี้เฉิงจนเกิดแสงสะท้อนบริสุทธิ์สีขาว เหล่านั้นช่างสว่างไสวดุจทั่วทั้งดินแดนอี้เฉินถูกเคลือบไปด้วยทองคำขาวทุกภาคส่วน ก่อให้เกิดทัศนีย์ภาพอันสวยสง่าเป็นพิเศษ แต่หลายสิ่งอย่างภายในนั้นกลับหาได้สวยงามอย่างที่เห็นเลย
พระราชวังอี้เฉิงในปัจจุบัน ล้วนถูกปกคลุมไปด้วยบรรยากาศเย็นชาและมืดหม่น
องค์จักรพรรดินีเหลิ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวตรงแน่วแน่ และแท้ที่จริง นางคงอยู่ในท่านี้มาตลอดทั้งวันทั้งคืนเต็ม! สีหน้าแม้จะดูอ่อนล้าเล็กน้อย แต่สายตาที่พึงมีกลับเปี่ยมล้นความมุ่งมั่นยิ่งยวด ไม่ว่าตนเองจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอายเพียงใด นางก็ยังคงรักษาภาพลักษณะอันสูงส่งและสงบเยือกเย็น เกียรติยศแห่งวงศ์ตระกูลคือสิ่งที่นางไม่ยอมให้ใครมาเหยียบย้ำลบหลู่ได้ ต่อให้แลกด้วยชีวิตนางก็ยินดีที่จะปกป้อง!
เบื้องหน้าบัลลังก์สูงสุด จักรพรรดินีเหลิ่งกำลังนั่งมองเงาดำของบุคคลหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังม่านฉากสีหนาทึบ สีหน้าเย็นชาไร้ระลอกคลื่นผันผวน ถึงแม้อีกฝ่ายจะสวมหน้ากากสีดำขลับแบบเดียวกับราชาหมาป่าสวรรค์ แต่ในฐานะผู้เป็นแม่ มีหรือที่องค์จักรพรรดินีเหลิ่งจะแยกไม่ออกว่า อีกฝ่ายมิใช่ลูกของนาง!
ในตอนนี้ ‘ไป๋หลี่หาน’กำลังจับเหลิ่งหยานหรันเป็นตัวประกัน คมกระบี่สีเย็นเยียบทาบวางอยู่บนเรียวคอระหงของนาง ตราบเท่าที่เขาออกแรงแม้สักนิดเดียว เหลิ่งหยานหรันจะโดนเชือดทิ้งสิ้นใจตายในทันที
“เสด็จป้า! ช่วยด้วย!”
สุ้มเสียงของเหลิ่งหยานหรันฟังดูแหบแห้งเสียเหลือเกิน สัมผัสได้เลยว่า นางกำลังรู้สึกหวาดกลัวขนาดไหน
“เจ้าฆ่านางก็ตาย เจ้าปล่อยนางก็รอด คิดจะใช้วิธีเช่นนี้กับข้า เกรงว่ากำลังคิดผิดมหันต์!”
‘ไป๋หลี่หาน’เชิดหน้ามองหญิงชราอายุกว่าห้าสิบปีผู้ทรงสง่านางนี้ เขาตระหนักดีว่า อิสตรีที่สามารถเอาชีวิตรอดจากวังหลวงออกมาได้ และยังมีชีวิตอยู่จวบจนทุกวันนี้เฉกเช่นนาง ย่อมมีจิตใจเข้มแข็งกว่าโดยปกติทั่วไปมาก แน่นอน วิธีนี้ดูเหมือนจะไม่ได้ผลจริงๆ คล้อยหลังครุ่นพินิจอยู่สักพัก เขาจึงถอนคมกระบี่เก็บกลับไปทันที
แทบจะในทันทีที่โดนปล่อยตัว เหลิ่งหยานหรันหมดเรี่ยวหมดแรงโดยสมบูรณ์ ร่างทั้งร่างทรุดฮวบลงกับพื้นเสียงกระแทกดังตุบ แต่ก็ยังพยายามชำเลืองสายตาสยดสยองหวาดกลัว หันไปมองชายผู้อยู่เบื้องหลังของนาง
“หยานหรัน! มานี่!”
ระดับเสียงไม่ดังนัก แต่กลับอัดแน่นไปด้วยความน่าเกรงขามเยี่ยมยอด เสียงนี้สามารถปลุกกระตุ้นเหลิ่งหยานหรันให้ตื่นจากความตื่นตระหนกเสียขวัญได้ และนางพยายามจะคลานเข่าตรงกลับไปโดยไว เพราะกลัวจนแข้งขาสั่นเทาไปหมด แม้แต่จะลุกขึ้นยืนยังไม่ไหว
แต่เสี้ยวพริบตานั้นที่เห็นว่า อีกฝ่ายกำลังคลานมาหา จักรพรรดินีเหลิ่งก็เปล่งเสียงเย็นชาคำรามดุกร้าวขึ้นพลัน
“ยืนขึ้น! เจ้าเองก็มีสายเลือดตระกูลเหลิ่งอยู่มิใช่รึ!? จะมาแข้งขาอ่อนเปลี้ยกันเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้งั้นรึ?”
เหลิ่งหยานหรันได้ยินดังนั้นถึงกับผงะ ก่อนจะรู้สึกถึงคลื่นความเสียใจที่ถาโถมเข้าใส่อย่างไม่มีสิ้นสุด น้ำตาสีใสเอ่อล้นคลอเบ้าออกมา แต่นางก็ยังพยายามกลั้นเอาไว้ ฟันริมฝีปากล่างจิกแน่นจนสัมผัสได้ถึงกลิ่นคาวเลือดหวานที่ซึมไหล ตั้งสติมุ่งสมาธิจับจ้องไปยังสิ้งที่อยู่เบื้องหน้าเท่านั้น และวิสัยทัศน์จากมัวหมองก็เริ่มชัดเจนยิ่งขึ้น นางพยุงร่างลุกขึ้นยืนหยัดอย่างแช่มช้า และเดินตรงไปหาองค์จักรพรรดินีเหลิ่งทีละก้าวมั่นคง
‘ไป๋หลี่หาน’จับจ้องภาพฉากเหล่านี้พร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก หญิงชาผู้นี้ไม่เพียงแต่มีจิตใจที่แกร่งกล้า และยังมีขุมพลังชีวิตที่ลึกสุดหยั่งถึง จึงไม่น่าแปลกใจเลย เหตุไฉนนางถึงสามารถสั่งสอนให้ราชาหมาป่าสวรรค์ทรงพลังไร้เทียมทานได้ปานนี้!
เขากล่าว
“กับแค่ผู้หญิงคนเดียวย่อมไม่สนใจ ต่อให้เป็นองค์จักรพรรดินีอย่างท่านก็ตาม กลับมิได้อยู่ในสายตาของข้าผู้นี้! อย่าลืมไปเสีย ตอนนี้ยังมีประชาชนผู้บริสุทธิ์อยู่ในอี้เฉิงนับแสนชีวิต หวังจะฝังพวกมันไว้ร่วมกับท่านเลยดี? รอจนกว่าที่ทุกอย่างจะลุล่วงตามแผน ค่อยทำลายอี้เฉิงหลังจากนี้ก็ยังไม่สาย! ต่อให้เป็นราชาหมาป่าสวรรค์มาเอง เมื่อถึงตอนนั้นมีหรือจะต่อกรกับข้าผู้นี้ได้!”
“เจ้ามันโจรใจเหี้ยมนัก!”
องค์จักรพรรดินีเหลิ่งเดือดดาลฉุนจัด! เจ้าโจรคนนี้มันแอบอ้างว่าตัวเองคือไป๋หลี่หาน และลอบเร้นเข้ามาในพระราชวังอี้เฉิงและเข้ากุมอำนาจทั้งหมดไว้อย่างเบ็ดเสร็จ และแผนการส่วนหนึ่งของมันในตอนนี้ก็ถูกเปิดเผยแล้ว นั่นก็คือการฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์นับแสนชีวิตในอี้เฉิงให้บรรลัยสิ้น! มันตั้งใจจะทำลายดินแดนอี้เฉิงจากภายใน!
“เจ้ากล้า!?”
ไป๋หลี่หานตัวปลอมยืนกอดแผ่นอกแน่น
“ไฉนข้าจะไม่กล้า! ทหารเอกของข้าจำนวนห้าพันนายถูกส่งไปทั่วทั้งอี้เฉิงแล้ว เพียงข้าเอ่ยปากสั่งการขึ้นคำเดียวเท่านั้น ดินแดนอี้เฉิงจะกลายเป็นทะเลเลือดทันที! หากยังไม่เชื่อก็ลองดู!”
กล่าวจบ ก็มีคลื่นลมปราณกระบี่พวยพุ่งออกมาจากชั้นม่าน เฉี่ยวผ่านองค์จักรพรรดินีเหลิ่ง ผ่าทำลายกำแพงที่อยู่ด้านหลังนางเป็นสองซีกในพริบตา ทันใดนั้น แสงตะวันแรกอรุณก็ส่องผ่าเข้ามาตามช่องกำแพงที่พังทลายลง ขณะเหลียวหลังมองย้อนกลับไป ธารแสงที่ทิ่มแทงใส่ฉับพลัน ส่งผลให้นางต้องหรี่ตาลงอย่างอดมิได้
ไม่นานที่ปรับแสงมองได้ สิ่งแรกที่เห็นคือห่าศรธนูที่พวยพุ่งทะลุทะลวงน่านฟ้า ประดับเคียงเสียงระเบิดดังสนั่นลั่น สะเก็ดไฟสาดสะยับเป็นประกายทั่วสารทิศนับไม่ถ้วน เสียงอาวุธตีรันฟันแทงกึกก้อง
ดินแดนอี้เฉิง สถานที่ที่เคยงดงามกลับกลายมาเป็นสมรภูมิรบที่ลุกโชนด้วยเพลิงพลาญ
ไป๋หลี่หานตัวปลอมรู้สึกดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นแววความตื่นตระหนกที่ฉายสะท้อนผ่านแววตาขององค์จักรพรรดินีเหลิ่ง
เขายังกล่าวเย้ยเยาะอีกว่า
“ท่านองค์จักรพรรดินีเหลิ่ง เห็นแล้วรู้สึกเยี่ยงไร งดงามดีหรือไม่?”
“เจ้า!!!”
องค์จักรพรรดินีเหลิ่งสบถตอบด้วยความโกรธเกรี้ยวยิ่งนัก และเมื่อได้ยินเสียงของเหล่าทหารส่งสัญญาณอะไรบางอย่างแว่วผ่านหู นางก็รีบเงยหน้าขึ้นมองฟ้า ก่อนจะค้นพบศรธนูเพลิงมากมายนับไม่ถ้วนกำลังลอยลิ่วกลางอากาศ เหล่านั้นพวยพุ่งไปยังทิศตะวันตกของพระราชวัง หรือก็คือเรือนนอนที่บรรดาสาวรับใช้ทั้งหลายกำลังพักผ่อนกันอยู่
พริบตาเท่านั้น เรือนนอนดังกล่าวถูกระเบิดเป่ากระจุยไม่เหลือเศษซาก เศษไม้เศษละอองฝุ่นนับไม่ถ้วนสาดกระจายออกมา รวมกระทั่งเศษชิ้นเนื้อมนุษย์ด้วยเช่นกัน…