ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 558 กลับตาลปัตร (2)
ตอนที่558 กลับตาลปัตร (2)
ตอนที่558 กลับตาลปัตร (2)
นอกจากบรรดาสาวรับใช้ที่นอนหลับพักผ่อนในเรือนนั้นแล้ว ก็ยังมีทหารเฝ้ายามบางนายที่ยืนตรวจตราบริเวณนั้นโดนระเบิดเป่ากระจุยหายวับไปกันตา ไม่นานพระราชวังปีกตะวันตกเกือบทั้งหมดถูกทำลายลง พร้อมกับเสียงกรีดร้องคร่ำครวญทรมานของผู้คนไม่รู้จักจบจักสิ้น ทีแรกเสียงระเบิดก็แค่ทางไกล แต่ห่าฝนศรธนูยังคงยิงกระหน่ำไม่หยุดหย่อน เสียงระเบิดดังขึ้นตูมตามต่อเนื่อง ไล่เข้ามาใกล้หูองค์จักรพรรดินีเหลิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
ทุกชีวิตที่อยู่ในพระราชวังอี้เฉิงแห่งนี้ ล้วนแต่เป็นคนที่นางและไป๋หลี่หานผูกพันกันทั้งสิ้น กล่าวได้ว่า กระทั่งคนรับใช้ไล่จนไปถึงเหล่าขุนนางบางคน เหล่านั้นต่างผ่านร้อนผ่านหนาว ฝ่าฟันอะไรตั้งหลายอย่างมาด้วยกันกับทั้งคู่ แต่ตอนนี้…
องค์จักรพรรดินีเหลิ่งหน้าถอดสีซีดเซียวหนัก นางมุ่งมองบุคคลตรงหน้าไม่กะพริบ หากสามารถหยิบใช้สายตาฆ่าใครได้ นางคงใช้มันฆ่าบุคคลตรงหน้าให้ตายนับพันหมื่นครั้งแล้ว!
“ท่านคิดเยี่ยงไร องค์จักรพรรดินีเหลิ่ง?”
ชายคนนั้นเพิ่งจะฆ่าล้างชีวิตไปเกือบร้อยในพริบตาเดียว แต่กลับหาได้รู้สึกสะท้อนใจหรือเศร้าสลดใดๆ เขายังยิ้มกล่าวอีกว่า
“องค์จักรพรรดินีเหลิ่ง คงกำลังคิดว่า หากองครักษ์หน่วยเงาของราชาหมาป่าสวรรค์อยู่ที่นี่ เรื่องทุกอย่างก็คงไม่เกิดขึ้นกระมัง? ถูกต้อง! ข้าคนนี้คงไม่สามารถดำเนินแผนการจนประสบความสำเร็จได้เช่นกัน! แต่น่าเสียดายนัก ราชาหมาป่าสวรรค์และพวกกำลังออกไปช่วยชีวิตองค์ราชินี จึงไม่ว่างอยู่เฝ้าบ้านเมือง หุหุ…”
ต่อหน้าน้ำเสียงขำขันของอีกฝ่าย องค์จักรพรรดินีมิได้เอ่ยปากตอบโต้ใดๆ จึงทำให้เขายิ่งหัวร่อเสียงดังยิ่งขึ้น
“ในเมื่อพวกนั้นเปิดช่องโหว่ใหญ่ปานนี้ มีหรือที่ข้าจะปล่อยโอกาสทองเช่นนี้หลุดมือ! แต่ก็ช่วยไม่ได้ ทั้งหมดก็เพื่อช่วยเหลือองค์ราชินี!”
เมื่อได้ยินอีกฝ่ายกล่าวย้ำถึงเซียถงสองครั้งสองคราติด ก็มีรัศมีจิตสังหารฉายวาบปรากฏอยู่ในดวงตาขององค์จักรพรรดินีเหลิ่งทันที!
“ท่านไม่คิดหรือว่า จังหวะทุกอย่างจะช่างลงตัวปานนี้! ลงตัวราวกับมีคนคอยบงการควบคุมอยู่เบื้องหลัง! ไม่เพียงทัพทหารเอกของข้าที่บุกตีเข้ามาถึงเมืองชั้นในแล้ว กระทั่งระเบิดก็ยังถูกฝังไปทั่วทุกมุมของอี้เฉิง! องค์จักรพรรดินีเหลิ่ง ตอนนี้ดินแดนอี้เฉิงของท่านถูกข้าเข้าควบคุมอย่างเบ็ดเสร็จ และทันทีที่ราชาหมาป่าสวรรค์กลับมา ข้าจะส่งมันกลับปรโลกโดยไว!”
“บัดซบ! ข้าจักฆ่าเจ้าเสีย! สารเลว! เจ้ามันสารเลวสิ้นดี!!”
ทันใดนั้น เหลิ่งหยานหรันแผดเสียงกรีดร้องสาปแช่งดังสนั่น ก่อนหน้านี้เพิ่งจะเสียขวัญหวาดกลัวจนแข้งขาอ่อนเปลี้ยหมาดๆ แต่ทันทีที่ได้ยินบุคคลนั้นกล่าวว่า มันกำลังวางแผนจะฆ่าญาติผู้พี่ของนาง ก็มิอาจทราบ เหลื่งหยานหรันจู่ๆไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน กระแสลมปราณม่วงอ่อนทะลักล้น ใช้ท่าเท้าเหินทะยานใส่อีกฝ่ายโดยตรง
การโจมตีครั้งนี้ล้วนแต่ฉับพลันกะทันหัน กระทั่งยังเกินความคาดหมายของบุคคลผู้นั้นไปมากเช่นกัน เสี้ยวพริบตาทันใจ เหลิ่นหยานหรันโฉบลุถึงเบื้องหน้า ในมือของนางกำปิ่นปักผมเล่มยาวในมือแน่น เนื่องจากในเวลานี้กลับไม่มีอาวุธอื่นใดติดตัวเลยสักชิ้น จึงหยิบใช้ปิ่นปักผมจากบนศีรษะตามสัญชาตญาณ และทะลวงแทงออกไปสุดแรง
ซึ่งการโจมตีนี้ ปิ่นยาวแหลมปักทะลุหัวไหล่ของบุคคลผู้นั้นได้จริงๆ
ทว่าอย่างไร เหลิ่นหยานหรันมีระดับพลังแค่ขอบเขตราชันย์ม่วงชั้นต้น มีหรือจะไปต่อกรอะไรกับอีกฝ่ายได้ พินิจจากกลิ่นอาย ไม่ว่าจะดูยังไงก็เหนือขอบเขตราชันย์ม่วงชั้นปลายขึ้นไปมากโขแล้ว!
ดังนั้นการโจมตีคราวนี้กลับหาได้มีนัยสำคัญอันใดเลย
แค่รู้สึกเจ็บคันเล็กน้อยบริเวณหัวไหล่ บุคคลผุ้นั้นขมวดคิ้วเล็กน้อย และสะบัดหลังมือฟาดใส่แก้มเหลิ่งหยานหรันจนหน้าหัน ปลิวกระเด็นออกไป ร่างของนางลอยลิ่วกลางอากาศประดุจว่าวเชือดป่านขาดสะบั้น
และสถานที่แห่งนี้ก็คือ หอคอยพิชิตดารา หรือก็คือสถานที่ที่สูงที่สุดในดินแดนอี้เฉิงทั้งมวล จากจุดนี้สามารถกวาดสายตามองเห็นได้ทั่วทั้งอี้เฉิง ความสูงเท่ากับตึกเจ็ดชั้น
ร่างของเหลิ่งหยานหรันปลิวกระแทกชนกับรั้วรอบบนหอคอยที่อยู่ท้ายหลังอย่างแรง เสี้ยวพริบตา เสียงแท่งไม้หน้าที่เรียงรายพลันหักครือ เหลิ่งหยานหรันสูญเสียการทรงตัวฉับพลัน ร่างดิ่งร่วงตกจากหอคอยทั้งแบบนั้น ผ่านความสูงเจ็ดชั้นพร้อมเสียงลมปะทะดังกระพือ
“เสด็จป้า!! อ๊า…”
“หยานหรัน!!”
องค์จักรพรรดินีเหลิ่งผู้นั่งสง่าบนเก้าอี้อย่างเด็ดเดี่ยว ทิ้งเทภาพลักษณ์ทั้งหมดเหล่านั้นไป และรีบวิ่งเหยียดมือเข้าช่วยเหลือ หวังจะจับมือของหยานหรันให้ทันท่วงที แต่ท้ายที่สุดคว้าได้เพียงมุมเสื้อแพรพรรณ หยานหรันคนนั้นดิ่งพสุธากระแทกพื้นเสียงดังตุบ
องค์จักรพรรดินีเร่งชะโงกหน้าก้มมองอยู่ปลายหอคอย ทำได้เพียงเหม่อมองร่างของเหลิ่งหยานหรันร่วงหล่นลงกันตาตัวเอง เสียงร่างกายอัดกระแทกพื้นรุนแรงทีหนึ่งดังแผ่ว พร้อมกับมีบ่อเลือดสีแดงฉูดฉาดอาบนองอยู่ใต้ศีรษะของนาง
“หยานหรัน! หยานหรัน!!”
ไม่ว่าองค์จักรพรรดินีจะพยายามส่งเสียงเรียกเท่าไหร่ เหลิ่งหยานหรันนางนั้นกลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆอีกเลย ในเวลานี้ หญิงชราทั้งรู้สึกใจสลาย ลนลาน และเกรี้ยวโกรธเสียเหลือเกิน…
ทันใดนั้นเอง พลันสัมผัสได้ถึงอาการปวดรุนแรงผ่านหนังด้านหลังศีรษะ ไป๋หลี่หานตัวปลอมกระชากผมขององค์จักรพรรดินีเหลิ่งขึ้นมาอย่างไร้ปรานี โน้มตัวเข้าเอ่ยกระซิบข้างหูนางเบาๆว่า
“ส่งตราประทับอาญาสิทธิ์และพระราชกฤษฎีกามังกรมาเสีย! แล้วข้าจะยอมไว้ชีวิตเจ้าและลูกชายไป!”
องค์จักรพรรดินีหันขวับเบิกตาโต จับจ้องบุคคลนั้นตาเขม็งในทันใด แววตาของนางยิ่งทวีความขุ่นเคืองเข้มข้น!
“หากแน่นักก็สังหารข้าทิ้งเสีย! ข้าไม่รู้หรอกว่าเจ้ากำลังพูดอะไร!”
“จริงรึ?”
บุคคลนั้นระเบิดหัวเราะลั่น น้ำเสียงเจือปนความโกรธเกรี้ยวอยู่หลายส่วน เพราะไม่คิดเลยว่า กระทั่งเวลาเช่นนี้แล้ว องค์จักรพรรดินีเหลิ่งก็ยังหัวรั้นทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราว! “ก่อนที่อดีตจักรพรรดิตงหลี่พระองค์ก่อนจะสิ้นพระชนม์ไป พระองค์ได้หมายมั่นไว้ว่า จะแต่งตั้งให้ไป๋หลี่หานให้ขึ้นสืบบัลลังก์ต่อจากเขา แต่ในตอนนั้น กระทั่งท่านเองก็ยังคาดไม่ถึงว่า จู่ๆจักรพรรดิตงหลี่องค์ปัจจุบันจะขึ้นเสียบแทนทันที และได้ใช้อำนาจที่มีอยู่ในมือ ออกคำสั่งให้ตามล่าพวกเจ้าสองแม่ลูก จนสุดท้าย เพื่อช่วยชีวิตของลูกชายให้อยู่รอดปลอดภัย ท่านจึงยอมสละฐานันดรทั้งหมดไป รวมไปถึงสละสิ้นทุกอย่างที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบัลลังก์ทิ้งโดยสิ้น ส่งผลให้จักรพรรดิตงหลี่องค์ปัจจุบันยอมไว้ชีวิตเอาไว้ แต่ส่งพวกท่านสองแม่ลูกเนรเทศออกไปยังดินแดนหิมะทางตอนเหนือสุดของทวีปเทียนหลางแทน โดยหวังให้พวกท่านสองคนรีบตายๆไปในสักวัน เพื่อจะแย่งชิงตราประทับอาญาสิทธิ์และพระราชกฤษฎีกามังกรกลับมา! อย่าคิดว่าพวกเราไม่รู้ว่า ตลอดที่ผ่านมาเจ้าสองแม่ลูกแอบเก็บสองสิ่งนี้ไว้กับตัว! ก็เพียงแกล้งทำเป็นไม่รู้เท่านั้น เพราะเฉกเช่นนี้ไง องค์จักรพรรดิตงหลี่ถึงเกลียดชังพวกท่านยิ่งกว่าอะไร และได้วางแผนบุกโจมตีอี้เฉิงในครั้งนี้….”
องค์จักรพรรดินีเหลิ่งสีหน้าการแสดงออกดูเย็นชาลงต่อเนื่อง พริบตาขณะ กระดูกกรามส่วนล่างของนางพลันเคลื่อนขยับทันควัน หวังจะกัดลิ้นเพื่อชิงฆ่าตัวตายไปก่อน แต่บุคคลผู้นั้นกลับรู้ทันจึงรีบฉกมือเข้าบีบแก้มของนาง บังคับให้อ้าปากค้าง ทำให้ซี่ฟันขบลิ้นไม่ขาด เกิดเป็นแผลบางๆพร้อมเลือดสายหนึ่งที่ไหลรินจากมุมปากเท่านั้น
ชายผู้นั้นดูเริ่มมีโทสะขึ้นมาจริงๆแล้วกับหญิงชราหัวรั้นนางนี้ เช่นนั้นเขาจึงฉีกหน้ากากออกมาทันที และไม่น่าเชื่อ พริบตาที่จักรพรรดินีเหลิ่งเห็นว่า แท้จริงแล้วอีกฝ่ายเป็นใคร นางเองยังต้องตกตะลึง เพราะมิเคยคาดคิดจริงๆ คนที่ปลอมตัวเป็นลูกชายของนาง ปรากฏว่าคือ เย่หลีเทียน!
หากเป็นคนอื่น องคืจักรพรรดินีเหลิ่งยังอาจครุ่นสงสัยถึงจุดมุ่งหมายและแรงจูงใจอยู่หลายส่วน แต่ทันทีที่เห็นว่าเป็นเย่หลีเทียน เรื่องทุกอย่างก็ได้รับการไขกระจ่างชัดเจนในทันที!
ในที่สุด องค์จักรพรรดินีเหลิ่งก็เข้าใจเรื่องที่ไม่เคยแถลงไขความจริงได้!
เพราะทันทีที่เซียถงอภิเษกสมรสกับไป๋หลี่หานภายใต้พระราชโองการคำสั่งขององค์จักรพรรดิตงหลี่ องค์จักรพรรดินีเหลิ่งก็ไม่นิ่งนอนใจ ด้วยความสงสัยเคลือบแคลง นางจึงแอบส่งคนลอบสืบเสาะข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวกับเซียถง
นางไม่มีวันยอมให้ใครมาหลอกใช้ลูกชายของตนเป็นเครื่องมือ!
ซึ่งตลอดที่ผ่านมา ภูมิหลังของเซียถงล้วนแต่ขาวสะอาด จนกระทั่งเรื่องที่นางได้รับบาดเจ็บสาหัส เพื่อช่วยชีวิตองค์รัชทายาทไป๋หลี่เย่จากการลอบสังหาร ในเวลานั้น เส้นลมปราณทั่วร่างได้รับความเสียหายหนัก ธาตุไฟในกายแตกซ่าน ไม่ว่าใครต่างพูดกันเป็นเสียงเดียว เซียถงกำลังจะตายในอีกไม่ช้าแล้ว แต่จู่ๆนางก็กลับรอดชีวิตมาได้อย่างปาฏิหาริย์และไม่เพียงคงรักษาชีวิตเอาไว้ได้ แต่พรสวรรค์ความสามารถของนางยังเพิ่มพูนก้าวกระโดด น่าอัศจรรย์เสียยิ่งกว่าแต่ก่อนเก่า
ต่อมานางก็มีปัญหาพัวพันกับเย่หลีเทียนอีกนับครั้งไม่ถ้วน
จากมุมมองของคนอื่น เย่หลีเทียนเปรียบเสมือนศัตรูคู่อาฆาตของเซียถงเรื่อยมา แน่นอนว่า ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองเต็มไปด้วยความขัดแข้งและไม่ถูกชะตากัน แต่ในรายงานของหน่วยลับที่องค์จักรพรรดินีเหลิ่งส่งไป ได้ระบุว่า ในวันที่เซียถงอภิเษกกับบุตชายของนางและเดินขบวนแห่กลับสู่อี้เฉิง เย่หลีเทียนเอาแต่ยืนอ้างว้างอยู่หน้าประตูเมืองเฟิงหลี่ตลอดทั้งวันคืน จากนั้นก็กลับมาร่ำสุราจนหัวราน้ำต่อในคฤหาสน์ของเขา…
“นังเซียถงเป็นคนบอกเจ้างั้นรึ?”